โลกแห่งการบ่มเพาะก็โหดร้ายเช่นนี้แล เมื่อเ้าแข็งแกร่ง แต่หากยโสโอหังไม่คิดก้าวหน้า เช่นนั้นผู้อื่นจะแซงหน้าและแข็งแกร่งกว่าเ้า ส่วนเ้าจะกลายเป็ผู้อ่อนแอแทน
ความพ่ายแพ้ของนี่จ้านเทียนอดทำให้หลาย ๆ คนเสียใจไม่ได้ อดีตผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 2 ในรายนามขั้นรวมชี่ แม้แต่สามอันดับแรกก็เข้าไม่ได้ เห็นได้ชัดว่าการแข่งขันของงานประลองสำนักยุทธ์ดุเดือดมากเพียงใด กว่าจะคัดอัจฉริยะแท้จริงออกมาได้
ในขณะเดียวกันศึกของเย่เฟิงกับเฉินอ้าวเทียนยังคงดำเนินต่อไป แสงเยือกสว่างวาบต่อเนื่อง หอกัเงินประกายสำแดงพลังหอกไร้เทียมทาน ทุกสิ่งจักต้องถูกทำลาย
เฉินอ้าวเทียนเผยสีหน้าเย็นเยียบ พร้อมกับตวัดดาบโจมตีไม่หยุดยั้ง แต่กลับป้องกันการโจมตีได้น้อยครั้ง
“เคร้ง!” อาวุธทั้งสองคนเข้าปะทะกันอีกครั้ง พลังย้อนกลับของอำนาจหอกบุกรุกร่างกายของเฉินอ้าวเทียนไม่หยุด ทำให้เขาถอยหลังไปสองก้าว พร้อมมีแสงเยือกปะทุออกจากดวงตา
“ควรจบได้แล้ว!” เฉินอ้าวเทียนกล่าวเสียงเย็น ในเมื่ออาวุธทำอะไรเย่เฟิงไม่ได้และเกือบถูกรังสีหอกฆ่าตายหลายหน เฉินอ้าวเทียนจึงไม่คิดสู้แบบนี้อีกต่อไป แต่เขาตั้งใจจะสำแดงพลังทั้งหมดออกมาจัดการเย่เฟิง
“วูบ!” ทันใดนั้นมีแสงสว่างจ้าที่ด้านหลังของเฉินอ้าวเทียน พร้อมกับมีพลังที่น่าเกรงขามแผ่ออกมาจากร่าง นาทีต่อมาผู้คนเห็นเงากิเลนที่รายล้อมด้วยแสงสีทองปรากฏตัวที่ด้านหลังเขา
“เพื่อที่จะเอาชนะเย่เฟิง เฉินอ้าวเทียนถึงกับใช้ิญญาากิเลนขั้นเขียว เห็นทีเฉินอ้าวเทียนคงเอาจริงแล้ว!” ผู้คนต่างใจเต้นแรงขณะมองเงาร่างนั้นที่เฉิดฉายอยู่ภายใต้เงากิเลน
“ิญญาากิเลนขั้นเขียวน่ากลัวอย่างที่คิดไว้ ครั้งนี้แม้ทักษะหอกของเย่เฟิงจะทรงพลังเพียงใด แต่คงถูกิญญาากิเลนของเฉินอ้าวเทียนบดขยี้เป็แน่!”
เฉินอ้าวเทียนถูกบีบจนปลดปล่อยิญญาาของตน นี่ทำให้หลาย ๆ คนมั่นใจว่าเฉินอ้าวเทียนเอาชนะเย่เฟิงได้อย่างแน่นอน สาเหตุที่ผู้คนคิดเช่นนี้เพราะว่าิญญาากิเลนขั้นเขียวของเฉินอ้าวเทียนทรงพลังจริง ๆ อาจกล่าวได้ว่าในบรรดาคนรุ่นเยาว์ทั่วทั้งอาณาจักรจ้าวมีน้อยคนที่ปลุกิญญาาระดับสูง ๆ เช่นนี้ได้ และิญญาากิเลนขั้นเขียวตนนี้ก็อยู่ในระดับสูง
“ตาย!” เสียงเย็นดังออกจากปากของเฉินอ้าวเทียน พร้อมเงากิเลนด้านหลังส่งเสียงคำราม พลังพวยพุ่ง พื้นดินพลันสั่นไหวเล็กน้อย
แม้เผชิญหน้ากับการโจมตีของิญญาากิเลนขั้นเขียว เย่เฟิงก็ใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อหลบหนีอย่างต่อเนื่อง พยายามไม่ให้อีกฝ่ายโจมตีได้
“สวะ ตอนนี้รู้หรือยังว่าระหว่างเ้ากับข้าห่างชั้นกันเพียงใด?” เฉินอ้าวเทียนเอาสองมือไพล่หลัง เสื้อคลุมปลิวสะบัด ร่างกายเรืองแสงสีทองระยิบระยับ เมื่อเขาโบกสะบัดมือก็ปลดปล่อยพลังโจมตีที่น่าสะพรึงกลัว ทั้งยังผสานกับการโจมตีของิญญาากิเลน
เย่เฟิงอาศัยความน่ามหัศจรรย์ของย่างก้าวดาวตกผีเสื้อหลบหนีการโจมตี ขณะเดียวกันหอกัเงินประกายทะลวงทุกสิ่ง บางครั้งยังมีรังสีหอกถูกแทงออกไป จึงสร้างความลำบากให้เฉินอ้าวเทียน
“ิญญาากิเลนขั้นเขียวของข้าไม่ใช่สิ่งที่เ้าจะสู้ด้วยได้ ยอมแพ้ซะดี ๆ บางทีข้าอาจเหลือศพเ้าไว้เป็ที่ระลึก!” เฉินอ้าวเทียนกล่าวเสียงเย็น คล้ายความมั่นใจกลับคืนมาแล้ว
“ยอมแพ้งั้นหรือ?” เย่เฟิงยิ้มหยัน ก่อนจะกล่าวต่อว่า “เ้ารู้ใช่ไหมว่า เ้าไม่ได้มีิญญาาแค่คนเดียว”
เมื่อกล่าวจบ เงาเทพัปรากฏตัวที่ด้านหลังเย่เฟิง พร้อมกับกลิ่นที่น่าอายเกรงขามแผ่ออกจากร่างอันใหญ่ั์นั่น แค่ลมหายใจของมันก็ราวกับมีแรงกดดันมาเยือน ทุกคนในที่แห่งนั้นก็ยังััถึงแรงกดดันที่ทรงพลังนั้นได้
“โฮก!” เทพัแผดเสียงคำรามขณะบินวนอยู่ในอากาศ นาทีนี้ทุกคนต่างถูกปราณัแผ่ปกคลุม
“นี่...” ผู้คนต่างตกตะลึงขณะมองเงาเทพัที่บินวนอยู่ในอากาศนั่น
“ิญญาาเทพัขั้นเขียว ไม่นึกว่าเย่เฟิงผู้นี้จะปลุกิญญาาที่สูงส่งเช่นนี้ได้!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งจากกองกำลังของเมืองหลวงอุทานด้วยความใพลางตัวสั่นสะท้าน ทำให้ผู้คนเพิ่งนึกเื่บางอย่างขึ้นได้ นั่นคือเย่เฟิงปลดปล่อยิญญาาของตนเป็ครั้งแรกั้แ่เริ่มงานประลองมา
ก่อนหน้านี้ทุก ๆ การประลองที่เย่เฟิงเข้าร่วม คู่ต่อสู้ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะให้เขาปลดปล่อยิญญาา แต่พอปลดปล่อยออกมาก็ทำให้ผู้คนต้องตะลึงจนตาค้าง รวมทั้งผู้ฝึกยุทธ์เ่าั้จากกองกำลังของเมืองหลวงก็เช่นเดียวกัน
ทุกคนทราบกันดีว่าเผ่าัเป็สัตว์อสูรระดับสูง เป็สัญลักษณ์ของตัวตนในบรรดาสัตว์อสูรทั้งหมด เมื่อเทพัปรากฏกาย สัตว์อสูรทุกตนจักต้องศิโรราบ ดังนั้นิญญาาที่ผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ปลุกขึ้นมาก็เช่นกัน ิญญาาประเภทสัตว์อสูรระดับสูง ๆ ย่อมมีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่า
นี่คือสาเหตุว่าเหตุใดตอนหนานกงหลิงซวงปลุกิญญาาหงส์ขั้นเขียวจึงตกตะลึงทั่วทั้งอาณาจักรจ้าว เพราะขั้นเขียวถือว่าอยู่ระดับสูง ทั้งยังเป็วิหคเทพที่ร้อยปีจะหาพบได้หนึ่งหนจึงย่อมโด่งดังเป็ธรรมดา แต่ิญญาาตนนี้ของเย่เฟิงทรงพลังยิ่งกว่าิญญาาหงส์ของหนานกงหลิงซวงและิญญาากิเลนของเฉินอ้าวเทียน ในประวัติศาสตร์ของอาณาจักรจ้าวยังไม่เคยมีผู้ใดปลุกิญญาระดับนี้ได้
ที่ด้านล่างเวทีประลอง แววตาของหนานกงหลิงซวงสั่นระริก ภาพฉากบนเวทีประลองช่างคุ้นตายิ่งนัก ตอนนั้นนางหนานกงหลิงซวงก็เฉิดฉายในการทดสอบเข้าสำนักยุทธ์เทียนเสวียนเฉกเช่นเย่เฟิงปลดปล่อยิญญาาเทพัในตอนนี้
ิญญาาเทพัขั้นเขียวมีพลังสูงสุด และน่าเกรงขามเป็อย่างมาก แต่ทุกคนหารู้ไม่ว่าเย่เฟิงจงใจกดพลังของิญญาา หากเขาเปิดเผยว่าิญญาาอยู่ขั้นคราม ก็ไม่รู้ว่าคนเหล่านี้จะมีท่าทีอย่างไร
เฉินอ้าวเทียนเผยสีหน้าไม่สู้ดีขณะมองเงาเทพัที่บินวนอยู่ในอากาศ เฉินอ้าวเทียนััได้อย่างชัดเจนว่าเย่เฟิงมีพลังเพิ่มขึ้น ิญญาาเทพัของเย่เฟิงก็น่ากลัวขึ้นเช่นกัน แต่เฉินอ้าวเทียนยังคงเชื่อมั่นในิญญาากิเลนของตนว่าจะสามารถเอาชนะได้อย่างแน่นอน
“ตาย!” เฉินอ้าวเทียนแผดเสียงคำราม จากนั้นสั่งิญญาากิเลนของตนไปฆ่าเย่เฟิง ทุกที่ที่มันผ่านล้วนต้องถูกทำลาย ทั่วทั้งเวทีประลองสั่นะเื ราวกับถล่มได้ทุกเมื่อ
แสงเยือกเย็นปะทุออกจากดวงตาของเย่เฟิง ิญญาาเทพัส่งเสียงคำราม ก่อนจะทะยานออกไปพร้อมปราณัพวยพุ่งสูงเสียดฟ้า ห้วงอากาศต้องสั่นไหวเล็กน้อย ก่อนจะเข้าปะทะกับิญญาากิเลนของเฉินอ้าวเทียน
“ตูม!!!” สัตว์เทพสองตนเปิดศึกใหญ่บนฟากฟ้า ทุกการโจมตีล้วนะเืฟ้าดิน คลื่นทำลายล้างแพร่กระจายอย่างต่อเนื่อง
“หอกดุจั!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ พลังพวยพุ่งออกจากหอกัเงินประกายและรายล้อมไปด้วยอำนาจหอกขั้นผันแปร จากนั้นเย่เฟิงแทงหอกซึ่งเคลื่อนที่ด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบออกไปหมายทะลวงร่างเฉินอ้าวเทียน ราวกับทุกสิ่งต้องถูกทำลายด้วยหอกนี้
เฉินอ้าวเทียนตาเผยประกายเย็นเยือก เขาตวัดดาบโจมตี ก่อนจะเข้าปะทะกับรังสีหอกของเย่เฟิง
ไม่พูดพร่ำทำเพลง ความบาดหมางระหว่างพวกเขาทั้งสองมีเพียงใช้วิธีนองเืกำราบอีกฝ่ายจึงจะสะสางมันได้
บนอัฒจันทร์ คนของตระกูลเฉินรวมทั้งเฉินเซี่ยงเทียนเผยสีหน้าเคร่งเครียด พวกเขาไม่คาดคิดว่าจะมีคนสู้กับเฉินอ้าวเทียน จนถึงกับคุกคามความปลอดภัยของเขาได้
ศึกระหว่างสัตว์เทพสองตนปะทุอย่างบ้าคลั่ง ทว่าิญญาาเทพักลับเป็ฝ่ายได้เปรียบ ส่วนิญญาากิเลนถูกกำราบ นี่ทำให้ผู้คนต่างต้องใ
“โฮก!” เสียงคำรามของัดังกึกก้องทั่วฟ้าดิน ผู้คนพบว่ากรงเล็บของเทพัตะปบลำตัวของิญญาากิเลน ทำให้กิเลนส่งเสียงหวีดร้อง ก่อนร่างจะร่วงลงไป แต่ตอนนั้นเองัเทพใช้กรงเล็บโจมตีอีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น กิเลนตัวสั่นสะท้านจนร่างกายที่เรืองแสงสีทองก็จางลงไปมาก เมื่อิญญาาได้รับาเ็ เฉินอ้าวเทียนก็ได้รับาเ็ไปด้วย เขากระอักเืและใบหน้าต้องขาวซีดราวกับกระดาษ
“ิญญาากิเลนแข็งแกร่งมากงั้นหรือ?” เย่เฟิงแสยะยิ้ม จากนั้นแทงหอกออกไปโจมตีเฉินอ้าวเทียน ส่วนเฉินอ้าวเทียนตวัดดาบโจมตี ก่อนจะปะทะกับรังสีหอกของเย่เฟิง แต่ในเวลาเดียวกันนั้นมีเสียงฟ้าร้องดังมาจากฟากฟ้า ิญญาากิเลนของเฉินอ้าวเทียนถูกทำลายจนแตกสลายด้วยการโจมตีของิญญาาเทพั
“โฮก!” เทพัส่งเสียงคำรามขณะบินวนไปมาไม่หยุดคล้ายประกาศให้ทราบว่ามันคือาาและไม่มีผู้ใดต่อกรได้ แต่จู่ ๆ ิญญาาเทพัปลดปล่อยพลังกลืนกินออกมา ทันใดนั้นิญญาากิเลนที่แตกสลายก็ถูกเทพัเขมือบกิน
เฉินอ้าวเทียนหน้าขาวซีด เขานั้นเชื่อมโยงกับิญญาา เขาจึงได้รับาเ็สาหัสเนื่องจากิญญาาแตกสลายและถูกกลืนกิน จนมิอาจต้านทานการโจมตีของเย่เฟิงได้อีก จึงถูกโจมตีจนกระเด็นไปกระแทกกับพื้นเวที พร้อมกับกระอักเืออกมาไม่หยุด ในขณะเดียวกันเย่เฟิงก็มาปรากฏตัวที่เบื้องหน้าเฉินอ้าวเทียน แล้วเชิดหน้ามองด้วยสายตาคมกริบและเย็นเยือก
“นี่...” ผู้คนต่างตัวแข็งทื่อขณะมองสองเงาร่างบนเวทีประลอง ช่างเป็เื่น่าตกตะลึงยิ่งนักที่บัดนี้อัจฉริยะผู้โด่งดังแห่งเมืองหลวงอาณาจักรจ้าว ผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 3 ในรายนามขั้นรวมชี่แห่งสำนักยุทธ์เทียนเสวียนพ่ายแพ้อย่างราบคาบให้กับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ที่ 3
“เ้าจะทำอะไร?” เฉินอ้าวเทียนเอ่ยถามพร้อมหน้าซีดเผือด สวะผู้ที่เขาเคยดูถูกเหยียดหยาม บัดนี้กลับเอาชนะเขาในงานประลองสำนักยุทธ์ ช่างน่าอัปยศอดสูสิ้นดี
“แน่นอนว่าต้องให้เ้าชดใช้อย่างสาสม!” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น จากนั้นปลายหอกอันแหลมคมจี้ไปที่ลำคอของเฉินอ้าวเทียน ซึ่งเป็เวลาที่เขารอคอยมาเนิ่นนาน
“ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้!” เสียงของเฉินเซี่ยงเทียนดังมาจากอัฒจันทร์หลัก
“ตระกูลเฉินท่านลอบทำร้ายข้าหลายครั้งหลายครา บัดนี้เฉินอ้าวเทียนพ่ายแพ้ แล้วถือสิทธิ์อะไรมาสั่งให้ข้าปล่อยเขาเพียงเพราะคำพูดของท่าน ท่านคิดว่ามันเป็ไปได้งั้นหรือ?” เย่เฟิงแสยะยิ้มขณะมองเฉินเซี่ยงเทียนด้วยสายตาเย้ยหยัน
“งั้นเ้า้าอะไร? ถ้าอ้าวเทียนเป็อะไรไป ตระกูลเฉินข้าจะไม่มีวันปล่อยเ้า และเ้าต้องไม่ตายดีแน่” เฉินเซี่ยงเทียนกล่าวอย่างกราดเกรี้ยว เฉินอ้าวเทียนเป็อัจฉริยะที่หาพบได้ยากของตระกูลเฉินเขา หากเกิดอะไรขึ้น ตระกูลเฉินคงได้สูญเสียครั้งใหญ่
“ท่านข่มขู่ข้างั้นหรือ?” เย่เฟิงขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือการคุกคามและการข่มขู่ อาศัยอำนาจของตระกูลเฉินมาจัดการเขาเย่เฟิง เขาก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องปล่อยเฉินอ้าวเทียนไป
ผู้ใดก็ตามที่้ากำจัดเขาเย่เฟิง เช่นนั้นก็ต้องเตรียมตัวเตรียมใจชดใช้กับสิ่งที่ทำลงไป
เย่เฟิงอัดพลังหยวนใส่ฝ่ามือและห้อมล้อมด้วยพลังแห่งการทำลายล้าง หากเฉินอ้าวเทียนโดนฝ่ามือนี้โจมตี คงคาดเดาถึงจุดจบได้เลย
“เย่เฟิง ถือว่าเห็นแก่ข้า เ้าจะปล่อยอ้าวเทียนไปได้หรือไม่?” ขณะนั้นมีเสียงหนึ่งดังมาจากด้านล่างเวทีประลอง เย่เฟิงหันไปมอง ก่อนจะเห็นหนานกงหลิงซวงกำลังมองทางด้านนี้ด้วยสายตาอ้อนวอนปนเสียใจ ไร้ซึ่งความหยิ่งผยองเฉกเช่นในอดีต
“ตอนที่ตระกูลหนานกงเ้าคิดทรยศข้า เ้ากับข้าก็ถูกกำหนดให้เป็คนแปลกหน้าต่อกัน แล้วเ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูดเช่นนี้กับข้า?” เย่เฟิงกล่าวขณะมองหนานกงหลิงซวงด้วยสายตาดูแคลน
เริ่มแรกเย่เฟิงมีสัญญาหมั้นกับหนานกงหลิงซวง แต่ด้วยฐานะที่เป็คนแซ่อื่นที่ถูกตระกูลหนานกงอุปถัมภ์ เย่เฟิงจึงไม่เคยทักท้วงให้ทางตระกูลหนานกงเื่หมั้นหมายนี้ เขาคอยปกป้องหนานกงหลิงซวงเสมอมา กระทั่งเสียสละหลิงหยวนดั้งเดิมเพื่อช่วยหนานกงหลิงซวงปลุกิญญาาหงส์ขั้นเขียวอย่างไม่ลังเล ดังนั้นหนานกงเฉินจึงรับปากเย่เฟิงว่าจะดำเนินการหมั้นหมายต่อ แต่เวลานั้นเย่เฟิงยังคงไม่ทักท้วงอะไร เขาเพียงพยายามทำตัวเองให้ดีที่สุดและทำงานอย่างหนักเพื่อฟื้นฟูตระกูลเย่
อย่างไรก็ตามเย่เฟิงเห็นหนานกงหลิงซวงเป็น้องสาวคนหนึ่ง หากวันใดวันหนึ่งทางตระกูลหนานกงหาคนที่เหมาะสมให้กับนางได้ การหมั้นนี้ก็จะถูกยกเลิก ส่วนเขากับหนานกงหลิงซวงยังคงเป็พี่น้องที่ดีต่อกัน ทว่าความจริงกลับแสนโหดร้าย ตระกูลหนานกงเพื่อที่จะปรองดองกับตระกูลเฉิน ผนวกกับเฉินอ้าวเทียนสั่งให้ฆ่าเย่เฟิง ทางตระกูลหนานกงจึงหักหลังเย่เฟิงอย่างไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว
นับแต่นั้นมา ความรู้สึกที่เย่เฟิงมีต่อหนานกงหลิงซวงก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีอันตรธานหายไปจนหมดสิ้น
หนานกงหลิงซวงได้ยินคำพูดของเย่เฟิงก็เม้มปาก และไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้นเป็ความผิดของตระกูลหนานกงจริง ๆ แต่นางในเวลานั้นชื่นชอบเฉินอ้าวเทียนมาก จึงเห็นด้วยกับทางตระกูลที่จะกำจัดเย่เฟิง
ตอนที่เย่เฟิงลักพาตัวหนานกงหลิงยวี่น้องสาวนางออกจากตระกูลหนานกง นางยังเปรียบเทียบเฉินอ้าวเทียนกับเย่เฟิง บอกว่าชาตินี้เย่เฟิงไม่มีทางเทียบเคียงกับเฉินอ้าวเทียนได้เด็ดขาด สองคนแตกต่างราวฟ้ากับเหว
บัดนี้เฉินอ้าวเทียนถูกเย่เฟิงกำราบ เขาสามารถก้าวข้ามเฉินอ้าวเทียนในเวลาไม่ถึงหนึ่งปี ทำให้หนานกงหลิงซวงรู้สึกขำขันเมื่อนึกถึงสิ่งที่นางเคยพูดไปในอดีต