ประจวบเหมาะกับถงซื่อที่ถูกเคอโยวหลานกับเคอโยวเยวี่ยประคองกำลังเดินออกมาพร้อมกับมารดาสกุลต้วน
มารดาสกุลต้วนเอ่ยกับหมังจ้งที่อยู่ด้านหลังว่า “ประคองฮูหยินน้อยรองกลับห้องไปก่อน พวกเราจะจัดการฝั่งนี้เอง”
“เ้าค่ะ ฮูหยิน” หมังจ้งประคองไป๋ซื่อกลับห้อง ขณะหันหลัง ไป๋ซื่อได้พยักหน้าทักทายกับเคอโยวหราน
นี่เป็่สำคัญที่ไป๋ซื่อกับถงซื่อที่กำลังตั้งครรภ์ต้องบำรุงครรภ์ แม่เฒ่าเคอผู้นี้ช่างรู้จักเลือกเวลาเสียจริง
หยวนซื่อยืนอยู่ข้างประตูห้องโถง ทอดมองพวกแม่เฒ่าเคอทั้งสามคนด้วยอารมณ์ดีอย่างน่าประหลาด ลอบคิดภายในใจว่า :
ฮ่าๆๆ ก่อเื่ไปเถิด ทางที่ดีก่อเื่จนเด็กในท้องของถงซื่อไม่เหลือรอดจึงจะดีที่สุด จะได้ไม่ต้องให้ตนคอยใส่ผงเห็ดหูหนูดำลงในอาหารทุกวัน
ทางด้านแม่เฒ่าเคอ ครั้นมองเห็นถงซื่อ ดวงตาก็ถึงกับชะงักค้างเสียแล้ว นี่ใช่ถงซื่อที่ผอมแห้งดุจท่อนฟืน แค่ลมพัดก็ล้ม เสื้อผ้าอาภรณ์ทั้งกายเต็มไปด้วยรอยเย็บปะและสีหน้าไม่ต่างกับคนตายผู้นั้นหรือ?
ชุดกระโปรงผ้าฝ้ายเนื้อดีสีน้ำเงินคราม ้าปักลายดอกไม้เพื่อตกแต่ง บนศีรษะมีปิ่นระย้าสีทองทอประกาย บนติ่งหูยังมีตุ้มหูไข่มุกอีกหนึ่งคู่ ช่วยขับให้ใบหน้าของถงซื่อมีสีแดงระเรื่อ
สายตาของแม่เฒ่าเคอเคลื่อนต่ำลง จดจ้องกำไลทองหนึ่งคู่บนข้อมือของถงซื่อที่ขับให้ผิวของนางขาวเนียนละเอียด
ด้วยการแต่งกายเช่นนี้ ถงซื่อไม่ต่างกับบัวผุดเหนือน้ำส่องสว่างเป็ประกาย ยังจะเหมือนสตรีอายุสามสิบกว่าที่ใดกัน?
ครั้นมองดูถงซื่อที่คล้ายอายุไล่เลี่ยกับเคอก่วงเถียน ถึงขั้นยังงามกว่าเคอก่วงเถียนถึงสามส่วน
ดวงตาของหลิวชุนฮวาแทบจะหล่นลงพื้น นึกไม่ถึงว่ามิได้เห็นหน้าเพียงไม่นาน ถงซื่อผู้นี้จะงามขึ้นอีกไม่น้อย แลดูอ่อนเยาว์และมีเสน่ห์ยิ่งกว่าเดิมเสียแล้ว
ทั่วทั้งกายของหลิวชุนฮวาราวกับตกลงไปในไหน้ำส้มสายชู หากมีบุรุษพบเห็นเข้า เกรงว่าคงจะต้องหมอบราบคาบอยู่ใต้ชายกระโปรงของถงซื่อ
ทางด้านเคอก่วงเถียนที่ตั้งใจแต่งหน้าแต่งกายออกจากเรือน ภายในใจคิดอยากจะโอ้อวดต่อหน้าเคอโยวหรานกับถงซื่อ
กลับนึกไม่ถึงว่าเมื่อเทียบกับถงซื่อ ผู้หนึ่งเป็ดั่งนางเซียนบนสรวง์ อีกผู้หนึ่งเป็ดั่งขอทานบนพื้นดิน
แน่นอนว่าถงซื่อเป็นางเซียน ส่วนเคอก่วงเถียนเป็ขอทาน
ใบหน้าขาวกระจ่างของเคอก่วงเถียนถึงกับโมโหจนแดงเถือก จดจ้องถงซื่อไม่วางตา นึกอยากจะถอดข้าวของบนร่างของอีกฝ่ายมาสวมไว้บนกายของตนเหลือเกิน
......
ในขณะที่แม่เฒ่าเคอพาคนมาก่อเื่ที่เรือนสกุลต้วน อินจิ่วที่อยู่ในบ้านสวนจื่อจินโมโหจนปอดแทบจะะเิแล้ว
เขาพลันคว้าคอเสื้อของเหลิ่งเถิง เอ่ยด้วยการแค่นแต่ละคำออกมาจากไรฟัน
“เ้า...ว่า...อย่าง...ไร...นะ? จง...เอ่ย...อีก...หนึ่ง...รอบ...”
เหลิ่งเถิงกายสั่นสะท้าน เขารู้ว่านี่คือเค้าลางก่อนทีู่เาเพลิงโทสะของนายท่านจะะเิออกมา อดไม่ได้ที่จะไว้อาลัยให้เคอโยวหรานสามวินาทีแล้วปริปากเอ่ยว่า
“เรียนนายท่าน พวกเราตรวจสอบตามบ้านสวนแต่ละแห่งแล้ว ภายในยุ้งฉางไม่มีถั่วเหลืองสำรองแม้แต่นิดขอรับ”
“บัดซบ บิดามันเถิด...” อินจิ่วโยนเหลิ่งเถิงลงบนพื้นด้านข้าง ตามด้วยถีบโต๊ะภายในสวนดอกไม้จนล้มคว่ำ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง ผ่านไปพักหนึ่งยังคงมิอาจสงบลงได้
“ไป พวกเราไปหาศิษย์น้องหญิงคนดีผู้นั้นของข้าสักหน่อย ช่างเก่งกาจนัก! กล้าใช้แผนการมาจนถึงหัวของข้า อย่าได้คิดว่าเป็ศิษย์น้องแล้วจะใช้แผนการเช่นไรกับข้าก็ได้ จงรอเสียเถิด”
......
เคอโยวหรานไม่รู้ว่านางไปกระตุกหนวดเสือเข้าแล้ว คนผู้หนึ่งกำลังมุ่งหน้ามายังหมู่บ้านเถาหยวนด้วยความโมโห รอที่จะบีบศิษย์น้องเล็กผู้นี้ให้ตายไปเสีย
ส่วนยามนี้ เคอโยวหรานกำลังรับมือกับท่านย่าที่ไร้เหตุผลผู้นี้ของนาง
แม่เฒ่าเคอชี้หน้าถงซื่อด้วยความโมโหจนโทสะท่วมฟ้า ท่าทางคล้าย้าจะฉีกทึ้งเนื้อหนังของอีกฝ่าย
“ประเสริฐนักครอบครัวเ้าใหญ่ ครอบครัวของพวกข้ายังกินผักกินรำ เ้าที่เป็สะใภ้กลับมาใส่เงินสวมทองอยู่ที่นี่ มีกระทั่งบ่าวรับใช้ให้เรียกใช้ เหตุใดถึงไม่รู้จักแสดงความกตัญญูต่อบิดามารดาของเ้าเช่นข้าบ้าง?”
ถงซื่อใบหน้าซีดเผือด บริเวณท้องน้อยลอบรู้สึกเจ็บแปลบ นางกัดริมฝีปากอดกลั้นเอาไว้ ชั่วขณะนั้นไม่รู้ว่าควรจะตอบกลับแม่เฒ่าเคออย่างไร
เคอโยวหรานสังเกตเห็นความผิดปกติของถงซื่อจึงรีบสาวเท้าเข้าไปประคองอีกฝ่าย ขณะเดียวกันยังส่งยาสงบครรภ์ที่ทำจากน้ำสระบัวเจ็ดสีใส่ปากมารดาอีกหนึ่งเม็ด
ทันทีที่ยาเข้าปาก ทำให้ถงซื่อรู้สึกดีขึ้นไม่น้อยภายในเสี้ยววินาที อีกทั้งมีพละกำลังเผชิญหน้ากับแม่เฒ่าเคออยู่หลายส่วน
นางกำลังจะปริปากแก้ต่าง ทันใดนั้นก็ได้ยินเคอโยวหรานเอ่ยว่า “ท่านย่า พวกเราแยกเรือน มิหนำซ้ำยังตั้งสกุลของตนเองแล้ว ท่านแม่ของข้าจะสวมใส่สิ่งใด คล้ายจะไม่เกี่ยวข้องกับท่านกระมัง?”
น้ำเสียงของแม่เฒ่าเคอพลันดังลั่นกว่าเดิม “จะไม่เกี่ยวข้องได้อย่างไร? บิดาของเ้าคลานออกมาจากท้องของข้า การแสดงความกตัญญูต่อบิดามารดาถือเป็บัญญัติ์”
ดวงตาของเคอโยวหรานหรี่ลง “ท่านย่า กล่าวกันว่าสามอกตัญญู การไร้ทายาทร้ายแรงที่สุด เพราะยามนี้ท่านแม่ของข้ากำลังแสดงความกตัญญู ถึงได้บำรุงรักษาร่างกายให้ดี ภายหน้าจะได้เพิ่มพูนสิริมงคลให้แก่สกุลเคอเ้าค่ะ”
หลิวชุนฮวาพลันตบต้นขาพลางหัวเราะ “ฮ่าๆๆ...อย่ามาล้อเล่น มารดาเ้าอายุตั้งเท่าใดแล้ว ยังอยากจะมีบุตร? ครอบครัวเ้าใหญ่ถูกกำหนดเอาไว้แล้วว่าต้องไร้ทายาท...โอ๊ย!”
ยังกล่าวไม่ทันจบ หลิวชุนฮวาก็ถูกหินก้อนหนึ่งกระแทกฟันหน้าจนเืกบปาก
นางเอามือทั้งสองข้างกุมปาก เจ็บเสียจนเป็ตะคริวไปทั้งกาย ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็กล่าววาจาท่อนหลังไม่ออก
เคอโยวหรานป้องปากร้องว่า “ไอ้หยา” หนึ่งเสียง “อาสะใภ้สามเป็อันใดไป? พูดอยู่ดีๆ เหตุใดถึงฟันร่วงเสียแล้วเ้าคะ?”
กล่าวจบ นางก็หันไปพยักหน้าให้อิ่งอีที่อยู่บนต้นไม้โดยมิอาจสังเกตเห็น ทั้งยังลอบยกนิ้วโป้งให้เขาอีกด้วย
ครั้นอิ่งอีที่อยู่บนต้นไม้ได้รับคำชมจากผู้เป็นายก็ยิ่งได้รับการปลุกใจ มุมปากหยักยกเล็กน้อย สายตาจดจ้องคนทั้งสามผู้เป็แขกมิได้รับเชิญ
เคอก่วงเถียนถูกเืกบปากของหลิวชุนฮวาทำเอาสะดุ้งโหยงและดึงแม่เฒ่าเคอถอยหลังไปหลายก้าว
แม่เฒ่าเคอถลึงตาจ้องเคอโยวหราน “นังเด็กชั้นต่ำ อาสะใภ้สามของเ้าเป็เช่นนี้ เป็ฝีมือของเ้าใช่หรือไม่?”
เคอโยวหรานแบมือทั้งสองข้าง “เหตุใดท่านย่าถึงได้ใส่ร้ายผู้อื่นโดยไร้หลักฐานเช่นนี้? ข้ายืนอยู่ตรงนี้ดีๆ ไม่แม้แต่จะขยับมือเสียด้วยซ้ำ
สภาพเช่นนั้นของอาสะใภ้สาม ไม่แน่ว่าอาจเป็เพราะปากของนางไม่สะอาด ์ทนดูต่อไปไม่ไหวจึงลงโทษนางกระมังเ้าคะ?”
แม่เฒ่าเคอกับเคอก่วงเถียนพากันสั่นสะท้านและถอยหลังไปอีกหนึ่งก้าวเพื่อเว้นระยะห่างจากหลิวซื่ออีกเล็กน้อย เพราะกลัวว่าจะถูกหลิวชุนฮวาทำให้พลอยลำบาก ถูก์จับจ้องจนลงโทษพวกนางไปด้วย
ขณะมองท่าทางเช่นนี้ของหลิวชุนฮวา แม่เฒ่าเคอพลันนึกถึงงานแต่งในอีกไม่กี่วันแล้วถึงกับปวดหัว
ครอบครัวสามาเ็ ไม่เท่ากับไร้คนให้เรียกใช้แล้วหรอกหรือ?
เมื่อคิดเช่นนี้ แม่เฒ่าเคอก็หันไปจดจ้องถงซื่อแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “ครอบครัวเ้าใหญ่ อีกสองวันก่วงเถียนจะออกเรือนกับคุณชายน้อยจวนคหบดีโฉว
เ้าเป็พี่สะใภ้ใหญ่ควรจะกลับเรือนไปช่วยงานสักไม่กี่วันใช่หรือไม่?”
ถงซื่อลูบท้องน้อยของตนเองด้วยสีหน้าลำบากใจ เคอโยวหรานกำลังจะปฏิเสธ แต่กลับนึกถึงเื่ที่บิดาเพียงในนามกำลังเล่าเรียนอยู่ในสำนักศึกษา
สำหรับบัณฑิตผู้หนึ่ง ชื่อเสียงถือเป็สิ่งที่สำคัญยิ่งนัก แม้จะแยกเรือนแล้ว แม่เฒ่าเคอก็ยังเป็มารดาแท้ๆ ของบิดานาง
มิอาจทำให้บิดาของนางแบกรับชื่อเสียงอกตัญญู เคอโยวหรานพลันเอ่ยด้วยความหลักแหลมว่า
“ท่านย่า ระยะนี้ร่างกายท่านแม่ของข้ามิอาจทนรับความเหน็ดเหนื่อย ท่านกลับไปเสียก่อน อีกประเดี๋ยวข้าจะให้บ่าวรับใช้ในเรือนไปช่วยงานสักสองวัน เป็อย่างไรเ้าคะ?”
แม่เฒ่าเคอกำลังจะกระทืบเท้า กลับถูกเคอก่วงเถียนปรามเอาไว้และกระซิบข้างหูของนางเสียงเบา
“ท่านแม่ บ่าวรับใช้ก็ดีนะเ้าคะ ทำให้ผู้อื่นได้เห็นว่าครอบครัวของพวกเราก็มีบ่าวรับใช้คอยปรนนิบัติ ครั้นถูกเอ่ยออกไปก็มีหน้ามีตามิใช่หรือเ้าคะ?”
แม่เฒ่าเคอชะงักก่อนจะได้สติกลับมาทันใด จะว่าไปแล้วหากให้บ่าวรับใช้ไปช่วยงานสองวัน รอกระทั่งก่วงเถียนออกเรือนไปค่อยรั้งคนไว้เรียกใช้งานในเรือนเสียเป็ดี
อีกทั้งครอบครัวเ้าใหญ่ก็มิอาจเอ่ยสิ่งใด เพราะตนเป็ถึงมารดา พวกเขายังจะต่อต้านได้หรือ?