เพียงแค่ไป๋จื่อเยว่และมู่ขวงเริ่มเคลื่อนไหว พวกเขาก็สามารถสังหารโจรป่าตายไปได้หลายคน ฉากนี้ทำให้คนอื่นต่างหยุดชะงักและจ้องมองพวกเขาด้วยสายตาหวาดผวา
“ยอดฝีมือระดับจื่อฝู่!”
โจรป่าเหล่านี้ส่วนใหญ่ล้วนเป็เพียงผู้ฝึกยุทธ์ระดับทงม่ายขั้นเจ็ดถึงขั้นแปดเท่านั้น
“ฆ่ามัน!”
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่า เหล่าโจรป่าก็ไม่มีใครกล้ามุ่งเป้าไปที่เด็กหนุ่มทั้งสองคนอีก แต่คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะเปลี่ยนเป้าหมายมาที่มู่เฟิงแทน
มู่เฟิงแขวนคันธนูไว้บนหลังม้า จากนั้นเขาก็รวบรวมพลังปราณภายในร่างมาไว้ที่นิ้วมือทั้งสอง ฉับพลันนั้นได้ปรากฏลำแสงสีทองพุ่งออกมาจากปลายนิ้วและทะลวงไปที่ศีรษะของโจรสองคนซึ่งกำลังจะกระโจนร่างเข้ามา
ฉึก! ฉึก!
ศีรษะของโจรป่าทั้งสองคนถูกเจาะเข้าไปโดยตรง ทำให้ร่างของพวกเขาฟุบลงบนพื้นและเสียชีวิตทันที
จากนั้นมู่เฟิงก็กระโจนร่างขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะใช้เท้าเตะไปที่ศีรษะของโจรป่าผู้หนึ่ง และแรงเตะนี้ก็ทรงพลังมากเสียจนทำให้คอของอีกฝ่ายหักทันที กระทั่งร่างทั้งร่างก็ยังกระเด็นไปไกลเจ็ดถึงแปดเมตร
เพียงแค่เด็กหนุ่มทั้งสามเคลื่อนไหว เหล่าสมุนโจรก็ถูกสังหารไปเกือบสิบคนแล้ว ฉากนี้ทำให้สมุนโจรที่เหลือถึงกับก้าวขาไม่ออก ทำได้เพียงถอยหนีด้วยความหวาดกลัวเท่านั้น
ใบหน้าของหัวหน้าโจรพลันมืดครึ้มลง เขาคาดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มทั้งสามคนตรงหน้าจะเป็ยอดฝีมือระดับจื่อฝู่กันหมด ส่วนวรยุทธ์ของเขานั้นอก็ยู่ในระดับจื่อฝู่ขั้นสี่เท่านั้น
“หึ เป็เพียงแค่เศษสวะก็เรียนรู้ที่จะปล้นชิงคนอื่นเสียแล้ว”
มู่ขวงมองไปยังกลุ่มโจรป่าที่เริ่มถอยออกไปด้วยสายตาเย้ยหยัน
“ไอ้เด็กบัดซบ ข้าจะสังหารพวกเ้าเสีย”
หัวหน้าโจรป่าคำรามออกมาอย่างเดือดดาล ตอนนี้ลูกสมุนของเขาถูกสังหารไปมากกว่าครึ่งแล้ว ขณะร้องคำรามเขาก็ฟาดขวานออกมาทางมู่เฟิงอย่างดุดันไปด้วย
ทว่ามู่เฟิงยังคงก้าวไปข้างหน้าอย่างใจเย็น มองดูการโจมตีของหัวหน้าโจรป่าผู้นั้นด้วยสายตาเฉยเมย และในชั่วพริบตานั้นเขาก็ดึงดาบที่อยู่บนแผ่นหลังออกมา จากนั้นเด็กหนุ่มก็กระทืบเท้าทะยานร่างขึ้นสูงพร้อมกับฟาดฟันดาบไปทางหัวหน้าโจรป่าอย่างรวดเร็วและดุดัน
แกร๊ง!
ดาบและขวานพุ่งเข้าปะทะกันอย่างรุนแรง ฉับพลันนั้นพลังปราณก็พลันะเิออกมา คลื่นพลังที่สาดซัดออกมาโดยรอบม้วนเอากลุ่มก้อนหิมะขึ้นมาในทันที
ส่วนทางด้านมู่ขวงและไป๋จื่อเยว่ก็ไม่ได้เคลื่อนไหวหรือทำสิ่งใด หลังจากประมือกับมู่เฟิงหลายต่อหลายครั้ง พวกเขาย่อมสามารถตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งของเด็กหนุ่ม
หัวหน้าโจรป่าก้าวถอยออกไปสองสามก้าว เขามองไปที่มู่เฟิงด้วยสายตาคาดไม่ถึง
หากพิจารณาจากแรงที่เกิดจากการะเิพลังของเด็กหนุ่ม วรยุทธ์ของอีกฝ่ายจะต้องอยู่ในระดับจื่อฝู่ขั้นสามเท่านั้น แต่เหตุใดพลังของอีกฝ่ายถึงได้แข็งแกร่งกว่าเขากัน
“เข้ามา”
มู่เฟิงที่ยืนถือดาบในมือ กล่าวออกมาเสียงเรียบ
“เ้าเด็กบัดซบ!”
หัวหน้าโจรกัดฟันกรอด ก่อนจะเหวี่ยงขวานออกไปอีกครั้ง ลำแสงพลังปราณสีทองสองสายพุ่งออกมาจากหัวขวานและทะยานไปทางมู่เฟิง
มู่เฟิงเคลื่อนกายหลบหลีกอย่างว่องไว เหลือทิ้งไว้เพียงภาพเงาของแผ่นหลัง ทำให้ลำแสงพลังปราณนั้นกระแทกลงบนพื้นหิมะจนกลายเป็หลุมขนาดใหญ่สองหลุม
“ดาบไฟคะนอง!”
เมื่อมู่เฟิงตวัดดาบไปทางหัวหน้าโจรอีกครั้ง ก็ปรากฏปราณดาบสีแดงเพลิงกวาดไปทางฝ่ายตรงข้ามในทันที หัวหน้าโจรป่ารีบยกขวานขึ้นมาต้านเอาไว้ แต่แรงดาบที่ทรงพลังนั้นทำให้ขาของเขาก้าวถอยไปด้านหลัง
จากนั้นมู่เฟิงก็พุ่งตัวมาข้างหน้าและเหวี่ยงหมัดออกมาอย่างดุดัน!
ะเิหมัดเก้าเพลิงสุริยา!
พลังปราณเพลิงภายในร่างกายถูกรวบรวมมาไว้ที่กำปั้น กำเนิดเป็เปลวไฟสีแดงเพลิงห่อหุ้มหมัดเอาไว้ จากนั้นหมัดนี้ก็กระแทกเข้ากับขวานอย่างแรง
เปรี้ยง!
ฉับพลันนั้นมันก็ะเิพลังออกมาทันที หัวหน้าโจรป่ากรีดร้องออกมาอย่างน่าสมเพช ร่างของเขาปลิวกระเด็นไปไกลสามเมตร ในขณะที่ขวานในมือก็ร่วงตกอยู่ด้านข้าง หมัดนี้ทำให้พลังปราณเพลิงที่มู่เฟิงดูดซับเอาไว้ก่อนหน้าลดลงเล็กน้อย
แต่มู่เฟิงยังไม่หยุดเพียงเท่านั้น เด็กหนุ่มทะยานร่างขึ้นก่อนจะฟันดาบลงมาอย่างรุนแรง
ฉึก!
“อ๊าก…!”
ชายผู้นั้นมองไปที่มู่เฟิงด้วยความหวาดผวา ดวงตาของเขาเบิกกว้างในขณะที่รูม่านตาของเขาก็ขยายออก
ดาบของมู่เฟิงแทงทะลุผ่านทรวงอกของเขาในทันที เืสีแดงสดได้ย้อมพื้นหิมะสีขาวจนกลายเป็สีแดงฉาน
ท้ายที่สุดร่างกายของอีกฝ่ายก็ล้มฟุบลงไปบนพื้นพร้อมกับลมหายใจที่ถูกพรากเอาไป
มู่เฟิงดึงดาบออกมาอย่างใจเย็น จากนั้นก็เช็ดคราบเืที่เปรอะเปื้อนอยู่บนตัวดาบ ก่อนจะเก็บดาบเข้าฝักที่สะพายอยู่ด้านหลัง อารมณ์ของเขายังคงนิ่งสงบไร้ระลอกคลื่นของความรู้สึก ราวกับว่าเมื่อครู่เป็เพียงการสังหารไก่ตัวหนึ่งเท่านั้น
“หัวหน้าใหญ่ตายแล้ว!”
“หนีเร็วเข้า หัวหน้าใหญ่ตายแล้ว...”
เมื่อเห็นความโหดร้ายของมู่เฟิง และฉากที่หัวหน้าของพวกตนถูกสังหาร เหล่าสมุนโจรที่เหลือต่างก็หันหลังกลับค่อยๆ วิ่งหนีไปทีละคน ภายในใจของพวกเขาต่างก็หวาดกลัวว่าเด็กหนุ่มทั้งสามจะไล่ตามมาสังหาร
เมื่อได้เห็นฉากนี้กลุ่มพ่อค้าก็ลอบถอนหายใจออกมา แน่นอนว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็เื่ดีสำหรับพวกเขา
“วีรบุรุษหนุ่มทั้งสามช่างร้ายกาจนัก”
“ถูกต้อง คาดไม่ถึงว่าจะเป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับจื่อฝู่ทั้งหมด ไม่รู้ว่าเป็อัจฉริยะจากตระกูลใดกัน”
“ช่างโชคดียิ่งนัก คราวนี้ข้ารอดแล้ว”
กลุ่มพ่อค้าต่างมองไปทางเด็กหนุ่มทั้งสามด้วยความซาบซึ้งใจ ชายวัยกลางคนรีบเข้าไปโค้งคำนับอีกฝ่ายอย่างมีมารยาท และกล่าวอย่างซาบซึ้งว่า “ขอบคุณวีรบุรุษหนุ่มทั้งสามท่านที่ช่วยชีวิต!”
มู่เฟิงรีบเข้าไปประคองชายวัยกลางผู้นั้นให้ลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อพบเห็นความอยุติธรรม เป็ธรรมดาที่ต้องชักดาบออกมาเพื่อช่วยเหลือ เื่เล็กน้อยแค่นี้อย่าได้เกรงใจ”
“ขอบคุณวีรบุรุษทั้งสามท่าน”
คนอื่นๆ ที่เหลือต่างก็รีบเข้ามาโค้งคำนับและกล่าวขอบคุณ
หลังจากเด็กหนุ่มทั้งสามรับคำขอบคุณแล้ว พวกเขาก็เตรียมกลับไปขึ้นม้าเพื่อเดินทางต่อ
“วีรบุรุษทั้งสามโปรดรอสักครู่ ของเหล่านี้คือความตั้งใจของผู้น้อย ถือเป็คำขอบคุณพวกท่านที่ช่วยชีวิต”
ชายวัยกลางคนรีบไปนำถุงทองคำสามใบออกมาและมอบให้กับพวกเขา แต่ละถุงล้วนบรรจุเงินเอาไว้ประมาณหนึ่งร้อยเหรียญตำลึงทอง
“ท่านอาท่านนี้อย่างได้เกรงใจ พวกเราไม่ได้ช่วยเหลือท่านเพื่อเงินเหล่านี้”
มู่ขวงหัวเราะร่า เด็กหนุ่มทั้งสามไม่มีใครรับถุงเงินไปเลยสักคน
“เื่นี้ข้าทราบดี เพียงแต่นี่เป็ความตั้งใจของพวกข้า ขอเรียนถามวีรบุรุษหนุ่มทั้งสาม ไม่ทราบว่าพวกท่านกำลังจะมุ่งหน้าไปยังหุบเขาอัคคีใช่หรือไม่”
ชายผู้นั้นเอ่ยถาม
“เงินนี้พวกเราไม่ขอรับไว้แล้วกัน ถูกต้องแล้ว พวกเรากำลังจะไปยังหุบเขาอัคคี”
มู่เฟิงพยักหน้า
“ยอดเยี่ยมเลย พวกข้าเองก็กำลังจะไปส่งสมุนไพรที่หุบเขาอัคคีเช่นกัน ทั้งสามท่าน เอ่อ ผู้น้อยมีคำขอเล็กน้อย ไม่ทราบว่าให้พวกเราร่วมเดินทางไปด้วยได้หรือไม่ เผื่อในระหว่างทางพบกับโจรป่าอีก…”
ชายผู้นั้นกล่าวขึ้นด้วยความลำบากใจที่ต้องขอร้องให้พวกมู่เฟิงคอยคุ้มกันพวกเขาระหว่างทาง
มู่ขวงและไป๋จื่อเยว่ต่างหันไปมองทางมู่เฟิง เด็กหนุ่มครุ่นคิดสักพักก่อนจะตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นก็ได้ ระหว่างเดินทางมีคนเยอะขึ้นหน่อยก็คงคึกคักดี”
“โอ้ เยี่ยมเลย ขอบคุณท่านทั้งสาม ขอบคุณมากขอรับ”
ชายวัยกลางคนผู้นั้นกล่าวด้วยความยินดี
ศพบนพื้นถนนถูกหามเข้าไปในป่า มู่เฟิงได้ให้คนอื่นๆ ออกไปก่อน จากนั้นเขาก็ใช้หยกเทพชูร่าดูดซับพลังเืของศพเหล่านี้ ก่อนจะปิดท้ายด้วยการใช้พลังปราณเพลิงเผาร่างไร้ิญญาทั้งหมดทิ้ง เมื่อเสร็จสิ้นธุระเด็กหนุ่มก็มุ่งหน้าเดินทางไปยังหุบเขาอัคคีร่วมกับขบวนคาราวาน
แท้จริงแล้วชายวัยกลางคนผู้นี้คือนักเดินทางไกล ดังนั้นเขาจึงพบเห็นโลกภายนอกมามากมายและมีความรู้ที่กว้างขวาง ระหว่างทางเขาได้เล่าเื่ราวของหุบเขาอัคคีรวมถึงสถานที่โดยรอบให้พวกเด็กหนุ่มฟัง ทำให้หลังจากนั้นพวกเขาเข้าขากันได้เป็อย่างดี
และคำบอกเล่าของชายวัยกลางคนผู้นี้ก็ทำให้มู่เฟิงได้ทราบถึงข้อมูลของหุบเขาอัคคีเพิ่มขึ้นอีกมาก
เวลาเที่ยงวันของวันถัดมา เทือกเขาสีแดงก็ปรากฏขึ้นให้เห็นตรงเส้นขอบฟ้าจากระยะไกล มียอดเขาหลายแห่งปล่อยควันสีดำลอยฟุ้งออกมา อุณหภูมิในบริเวณนี้สูงกว่าที่อื่นมาก ดังนั้นจึงไม่มีหิมะปรากฏให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
บริเวณเทือกเขาอันไกลโพ้นมีเมืองขนาดเล็กตั้งอยู่ตรงเชิงเขา และบริเวณนั้นก็คือหุบเขาอัคคี
แม้จะเรียกขานกันว่าหุบเขาอัคคี แต่ก็ไม่ได้เป็หุบเขาจริงๆ ภายในพื้นที่รัศมีพันลี้ล้วนเป็เขตรอบนอกของเทือกเขาแห่งไฟทั้งหมด ภายในหุบเขาอัคคีนั้นมีหินแร่และสมุนไพรอยู่เป็จำนวนมาก มีข่าวลือมาว่าอาจจะมีแม้กระทั่งยาครอบจักรวาล ดึงดูดให้เหล่าทหารรับจ้างรวมถึงพ่อค้าจำนวนมากแห่แหนกันมา
ดังนั้นเมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป ด้านนอกหุบเขาอัคคีจึงมีเมืองขนาดเล็กผุดขึ้น
“พี่เฟิง นั่นูเาไฟขอรับ”
มู่ขวงมองภาพูเาไฟบนท้องฟ้าที่กำลังปล่อยควันดำออกมา สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“อืม ูเาไฟอันตรายมาก หากมันเกิดการปะทุขึ้นมาพวกเราอาจจะได้รับผลกระทบไปด้วย แม้แต่ผู้ฝึกยุทธ์ระดับหยวนตานก็ไม่สามารถต้านทานอุณหภูมิความร้อนของหินหนืดที่เกิดจากการะเิของมันได้”
มู่เฟิงกล่าว จากนั้นพวกเขาก็ติดตามขบวนรถเข้าไปยังเมืองเล็กๆ ที่อยู่ห่างออกไป
เมืองขนาดเล็กแห่งนี้เกือบจะเต็มไปด้วยโรงเตี๊ยมขนาดย่อมและร้านค้ามากมาย ผู้คนสัญจรไปมาไม่ขาดสาย ทำให้บรรยากาศดูคึกคักเป็อย่างยิ่ง กลุ่มคาราวานกล่าวขอบคุณพวกมู่เฟิงก่อนจะแยกตัวจากไป
พวกมู่เฟิงควบม้าเดินชมรอบเมืองด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เมื่อทั้งสามคนมาถึงประตูร้านยาขนาดใหญ่ พวกเขาก็หยุดลง ก่อนที่เด็กหนุ่มจะลงจากหลังม้าและเข้าไปในร้านยเพื่อหาซื้อหญ้าเพลิงอัคนี