"พวกเ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?" ขณะที่ซ่งอวี้และเสี่ยวหมานกำลังง่วนกับการจัดการกระต่ายและไก่ป่า ทันใดนั้นเองเสียงทุ่มต่ำของชายหนุ่มก็ดังขึ้น
เมื่อเสี่ยวหมานได้ยินเสียงก็รีบเดินไปยืนข้างซ่งอวี้ทันที นางมองคนที่มาด้วยความระแวดระวัง
ซ่งอวี้ถูกเสี่ยวหมานบังจนมองไม่เห็นอะไร นางจึงตบไหล่เสี่ยวหมานบอกให้เสี่ยวหมานไม่ต้องกังวล หากนางเดาไม่ผิดชายหนุ่มคนนี้น่าจะเป็คนที่ก่อไฟและทิ้งเหยื่อเอาไว้ในบ้านหลังนี้
"พี่ชาย เพราะหมอกปกคลุมป่า พวกข้าจึงไม่อาจลงเขาได้ จึงมาหลบที่นี่ หวังว่าพี่ชายจะเมตตา" ซ่งอวี้พูดด้วยความถ่อมตน
เพราะถึงอย่างไรเขาก็มาก่อนพวกนาง
เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียง เขาก็ชะงักไปครู่หนึ่งจากนั้นก็หมุนตัวหันหลังทันที "เช่นนั้นพวกเ้าพักผ่อนเถอะ" เขาสาวเท้าเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่ก้าวก็ไร้ร่องรอย
เสี่ยวหมานบ่นพึมพำ "ชายคนนี้ มาทำอะไร? ปรากฏตัวเพียงครู่หนึ่งก็จากไปแล้ว หรือว่ามาเพื่อทักทายพวกเราเท่านั้นเ้าคะ?"
แม้ซ่งอวี้จะรู้สึกไม่พอใจเช่นเดียวกัน แต่ถึงอย่างไรชายหนุ่มคนนั้นก็มาก่อน นางจึงตบไหล่เสี่ยวหมานบอกให้พูดจาอย่างระมัดระวัง
ชายหนุ่มคนนั้นออกไปเพียงครู่หนึ่งก็กลับมาอีกครั้งไม่รู้ว่าออกไปทำอะไร
เสี่ยวหมานอดไม่ได้ที่จะมองเขาแล้วพูดพึมพำในใจ 'เหตุใดจึงมีคนสวมหน้ากากตอนขึ้นเขา? ปกปิดตนมิดชิดเช่นนี้ คงไม่ได้จะทำเื่ไม่ดีกระมัง?"
เสี่ยวหมานคิดเช่นนี้ยิ่งไม่กล้าอยู่ห่างซ่งอวี้กลัวว่าหากคลาดสายตา คุณหนูของตนจะถูกชายประหลาดรังแก
ซ่งอวี้สังเกตพฤติกรรมของเสี่ยวหมาน รู้สึกจนปัญญาเล็กน้อยแต่ก็ขบขันในเวลาเดียวกัน และที่มากไปกว่านั้นคือประทับใจ ทั้งที่เสี่ยวหมานเป็เพียงเด็กคนหนึ่ง แต่กลับมีใจคิดจะปกป้องนาง
ช่างเถอะ ปล่อยนางไป
ชายหนุ่มพื้นที่ตรงกลาง ทางด้านพวกนางพื้นที่มุมสุดของบ้าน ถือว่าต่างฝ่ายต่างไม่รบกวนกัน
เพราะถึงอย่างไรหมอกหนาในป่าก็ไม่มีทีท่าจะเบาบางแม้แต่น้อย ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะต้องค้างอ้างแรมด้วยกันที่นี่หนึ่งคืน
เอ่อ...หนึ่งคืน?
ซ่งอวี้ชะงักไปครู่หนึ่ง ในยุคสมัยที่ชายหญิงต้องวางตัวอย่างระมัดระวัง นางกับบุรุษแปลกหน้าอยู่ใต้ชายคาเดียวกันหนึ่งคืน? น่ากระอักกระอ่วนเกินไปแล้วกระมัง
ซ่งอวี้ขยับเข้าไปใกล้เสี่ยวหมานเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว ถือเป็การปลอบประโลมตนเอง
ชายหนุ่มเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้น ดวงตาทอประกายก็หม่นหมองลงทันที จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินตรงไปหาซ่งอวี้กับเสี่ยวหมาน
เขาเดินมาอย่างกะทันหันเช่นนี้ทำให้สตรีทั้งสองที่จับจ้องเขาอยู่ตลอดเวลาใ หัวใจบีบรัดขึ้นมาทันที เขาคิดจะทำอะไร? หรือเขาเห็นว่าพวกนางเป็สตรี รังแกได้ง่ายๆ ดังนั้น...
หยุดเดี๋ยวนี้! ห้ามคิด! เมื่อคิดแล้วจะไม่อาจหยุดได้!
ใช้ความคิดเพียงครู่หนึ่ง ชายหนุ่มก็มายืนตรงหน้าซ่งอวี้แล้ว ร่างสูงใหญ่แทบจะปกคลุมไปทั่วทั้งตัวของซ่งอวี้นำพาความกดดันที่ไม่อาจมองข้ามมาให้
ซ่งอวี้ฝืนยิ้ม "พวกข้าเพียงอยากจะหลบหมอกที่นี่เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนารบกวนเวลาพักของคุณชาย โปรดวางใจ" ความหมายของซ่งอวี้ก็คือเชิญท่านพักผ่อนตามสบาย พวกเราไม่มีทางรบกวนท่านอย่างแน่นอน ท่านวางใจเถอะ!
ชายหนุ่มมองซ่งอวี้ด้วยแววตาเคร่งขรึมอยู่นานพักใหญ่ จู่ๆ เขาก็โค้งลำตัวลง ระดับสายตาของเขาแทบจะอยู่ระดับเดียวกับซ่งอวี้ ซ่งอวี้รีบถอยหลังหนีคิดว่าคนตรงหน้าคิดจะทำมิดีมิร้ายกับนางจริงๆ ทว่าวินาทีต่อมาก็เห็นเขาถอยหลังกลับไป กลับไปยังกองไฟของตนเอง
หื้ม? หมายความว่าอย่างไร? ซ่งอวี้ฉงน ดวงตาของนางยังคงใ มองดูแล้วฉงนเล็กน้อย
"คุณหนูเ้าคะ ดูเหมือนว่าคุณชายท่านนั้นจะเอาน้ำมาให้พวกเราเ้าค่ะ" เสี่ยวหมานหยิบไหตรงหน้าซ่งอวี้ขึ้นมา ด้านในมีน้ำสะอาด ทั้งยังมีไอร้อนระเหยออกมา
ที่แท้ เมื่อครู่ตอนที่ชายหนุ่มคนนั้นโค้งตัวลงมา ก็เพราะจะเอาไหวางไว้ตรงหน้าซ่งอวี้ แต่ว่าซ่งอวี้กลับคิดว่าเขาคิดมิดีมิร้ายกับนาง มองข้ามของในมือของเขาไป ช่างน่ากระอักกระอ่วนยิ่งนัก
แก้มของซ่งอวี้แดงก่ำ หมดคำจะพูดกับความคิดของตนเอง
ตื่นเถอะ เ้าไม่ใช่สตรีรูปโฉมงดงาม ทั้งยังไม่ใช่ตัวเอกในนิยาย ผู้อื่นจะตกหลุมรักเ้าั้แ่แรกพบแล้ว้าจะเ้าได้อย่างไร? ช่างหลงตัวเองจริงๆ
จริงๆ เลย ซ่งอวี้รู้สึกว่าตนไม่เคยกระอักกระอ่วนเช่นนี้มาก่อน เห็นความหวังดีของผู้อื่นเป็เจตนาร้าย อดไม่ได้ที่จะด่าทอตนเองในใจ
"ขอบคุณคุณชายมาก" ซ่งอวี้รับน้ำใจเอาไว้ แม้ดวงแก้มของนางจะยังคงแดง แต่ในเมื่อชายหนุ่มเอาน้ำร้อนมาให้ นางควรจะกล่าวขอบคุณ มิเช่นนั้นก็ไม่เจียมตนเกินไปแล้ว
ชายหนุ่มหันหน้ามามอง เหตุเพราะเขาสวมหน้ากากจึงไม่รู้ว่าสีหน้าของเขาในตอนนี้เป็อย่างไร แค่ว่าดวงตาที่ไม่มีหน้ากากปิดบังไว้นั้นเคล้าไปด้วยรอยยิ้ม พยักหน้าให้ซ่งอวี้เล็กน้อยจากนั้นก็หันกลับไป
แย่แล้ว อีกฝ่ายต้องเดาความคิดเมื่อครู่ของตนได้หมดแล้วแน่ เวลานี้นางอับอายขายหน้าเหลือเกิน แต่ก็ไม่อาจวิ่งแจ้นออกไปอธิบายให้เขาฟังได้กระมัง?
เื่น่าอายเช่นนี้ นางไม่อาจทำได้
เสี่ยวหมานไม่ได้คิดมากเหมือนซ่งอวี้ นางง่วนอยู่กับการจัดการกระต่ายและไก่ป่า ทาน้ำผึ้งที่วันนี้เพิ่งเก็บมาได้ด้วยความบังเอิญ ใส่ผงยี่หร่าเล็กน้อย แล้วนำไปย่างบนกองไฟ ตอนที่กลิ่นหอมลอยออกมาช่างยั่วยวนความตะกละที่อยู่ส่วนลึกในใจของมนุษย์ได้ดีเหลือเกิน
ซ่งอวี้เหนื่อยมาทั้งวัน ท้องของนางร้องเสียงดัง สายตาจับจ้องไปยังไก่ป่าที่มีมันน้ำมันไหลออกมาเล็กน้อย เป็ครั้งแรกที่นางเข้าใจคำว่าทรมาน
เสี่ยวหมานเป็คนกินเก่ง ชอบทำอาหารด้วยตนเอง ฝีมือในการทำอาหารของนางเยี่ยมยอด รอไก่ป่าย่างเสร็จนางก็ยื่นให้ซ่งอวี้ก่อน "คุณหนู นี่เ้าค่ะ กินตอนร้อนๆ จึงจะอร่อย"
ซ่งอวี้รับมา เนื้อไก่หนักประมาณหนึ่ง นางจับเอาไว้แล้วประเมินน้ำหนัก น่าจะประมาณสามจิน ทั้งยังมีน้ำมันเล็กน้อย เหตุเพราะด้านนอกทาด้วยน้ำผึ้ง จึงดูน่าเอร็ดอร่อยเป็พิเศษ
ซ่งอวี้รีบฉีกน่องไก่ออกมาหนึ่งข้าง ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วเดินไปหาชายหนุ่ม
"นี่ให้ท่าน" แม้ชายหนุ่มจะมีสัตว์ที่ล่ามาได้ แต่หากเทียบความน่ากินกันแล้ว ของพวกนางหอมกรุ่นน่ากินเป็อย่างมาก ส่วนของชายหนุ่มนั้นไหม้เกรียม
ฮ่าๆ...ก็ได้ แม้ชายหนุ่มสวมหน้ากากจะมีท่าทีสุขุม มองดูแล้วลึกลับและยิ่งใหญ่อย่างมาก แต่ซ่งอวี้เข้าใจว่าจอมยุทธ์ที่ท่องยุทธภพน่าจะมีทักษะมากมายในการใช้ชีวิต ทว่าผู้ใดจะคาดคิดว่าชายหนุ่มตรงหน้านี้ช่างแปลกยิ่งนัก ย่างเนื้อจนไหม้เกรียม
ตอนที่เห็นเนื้อเริ่มไหม้ เขาไม่รู้จักหยุดย่างหรือ? หรือเขาคิดว่าควรจะดำยิ่งกว่านี้?
ซ่งอวี้หุบยิ้ม ยื่นน่องไก่ให้เขา แต่เมื่อมองรูปร่างของชายหนุ่มแล้วนางก็เงียบไปครู่หนึ่ง เก็บน่องไก่เอาไว้เองแล้วยื่นทั้งหมดที่เหลือให้เขาแทน
"ฝีมือการทำอาหารของเสี่ยวหมานไม่เลว คุณชายลองชิมดู"
ผู้อื่นมีน้ำใจกับตน ซ่งอวี้ก็ตอบแทน เพียงแต่ไม่รู้ว่าชายหนุ่มสวมหน้ากากหนาเช่นนี้จะทานอาหารอย่างไร
ชายหนุ่มไม่เกรงใจ รับไก่ป่าย่างเอาไว้ หลังจากนั้นถอด...หน้ากากส่วนล่างออกมา ส่วนอื่นยังคงสวมอย่างดี แล้วกินอย่างเอร็ดอร่อย
ก็ได้ ซ่งอวี้รู้สึกว่าตนถูกละครในยุคปัจจุบันวางยาให้กับความคิดของตัวเองเข้าให้แล้ว ถึงได้จินตนาการถึงใบหน้าภายใต้หน้ากากของชายหนุ่ม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้