วันต่อมา
10:00น.
บ้านเอริ….
เอริ ฐิติมน…..
พรึบ
“ฉันนึกว่าแกคงจะเกลียดฉันไปแล้วซ่ะอีก…”ฉันเอ่ยบอกเพลงขวัญไปในขณะที่เธออุ้มเจไดลูกน้อยของเธอเดินตามหลังฉันเข้ามาภายในตัวบ้าน
“ฉันเป็เพื่อนแกมากี่ปี….?”ขวัญเอ่ยบอกฉันในขณะที่เราสองคนเดินถึงตัวบ้านด้านในกันแล้ว โดยที่ขวัญปล่อยเจไดลูกชายของเธอลงสู่พื้นบ้านฉันเพื่อปล่อยให้เจไดได้วิ่งเล่นในห้องโถงใหญ่ของตัวบ้าน บ้านหลังนี้ที่ขุนศึกซื้อให้ฉันอยู่ในหมู่บ้านจัดสรรของคนรวยแต่ไม่ใช่ในเครือของบริษัทSMที่คุณหญิงนฤมิตรเป็เ้าของ
“เมื่อคืนแกทำฉันใมากเลยนะ…แต่พอวันนี้ฉันมาเห็นสภาพของแกแล้ว…ฉันเข้าใจเื่ราวทุกอย่างโดยที่แกไม่จำเป็ต้องเล่าอะไรให้ฉันฟังเลยรู้ป่ะ?”
“สภาพฉันมันแย่ขนาดนั้นเลย?”ฉันเอ่ยถามขวัญไปพลางยิ้มแห้งๆให้เธอไปด้วย
“อื้อ…”ขวัญตอบฉันมาพลางยิ้มกริ่มแบบคนที่กลั้นหัวเราะไว้เพราะเธอคงจะเกรงใจสภาพของฉัน ที่หัวฟูหน้าตาบวมเบ่ง ดวงตาทั้งสองข้างบวมแดงซ้ำจากการร้องไห้มาตลอดทั้งคืนของฉัน วันนี้ฉันโทรไปลางานกับคุณจอมพลไว้แล้ว โดยที่ฉันได้คุยกับคุณจอมพลไปก่อนหน้านี้ เขาที่รู้จักนิสัยของคุณหญิงนฤมิตรดีเลยยอมรับฉันให้ไปทำงานตำแหน่งเลขาส่วนตัวของเขา เพราะคุณจอมพลไม่เคยมีเลขาส่วนตัวมาก่อนน่ะ เขาจัดการและทำงานคนเดียวมาตลอด
“เฮ้อ….อุปสรรคของแต่ละคนมันไม่เหมือนกันสินะ…”เพลงขวัญเอ่ยขึ้นอย่างคนที่น้อยใจในโชคชะตาไม่ต่างจากฉัน ฉันจึงคลี่ยิ้มบางๆให้เธอและหันไปมองเจไดที่ตอนนี้วิ่งยิ้มร่าไปทั่วบริเวณห้องโถงของบ้านฉัน
“บ้านหลังนี้สวยมาก…ขุนศึกมันจดจำทุกรายละเอียดที่แกชอบจริงๆเอริ…”ขวัญเอ่ยบอกฉันด้วยน้ำเสียงชื่นชมในตัวของขุนศึก ใช่เขาเป็คนที่ใส่ใจฉันถึงแม้เขาจะนอกกายนอกใจฉันไปบ้างก็เถอะ แต่เขาก็ดูแลฉันอย่างดีเสมอมา
“อืม….ที่จริงฉันก็ไม่อยากจะได้บ้านหลังนี้หรอกนะ…”
“ในวันที่ฉันเลิกกับเขาแล้ว….”ฉันบอกขวัญต่อไปพลางเดินไปยังหน้าเคอน์เตอร์บาร์ที่ตั้งอยู่ในโซนห้องนั่งเล่นเพื่อจะหยิบน้ำเปล่าที่แช่อยู่ในตู้เย็นมารินใส่แก้วน้ำเพื่อจะนำไปให้ขวัญดื่ม
พรึบ
“ดื่มน้ำก่อน…มาถึงเหนื่อยๆ”ฉันบอกขวัญไปในขณะที่ยื่นแก้วน้ำไปให้ขวัญ
“ขอบใจนะ^_^”เธอก็ยิ้มและยื่นมือมารับแก้วน้ำไปจากฉันพลางเอ่ยขอบคุณฉัน
“อื้อ^_^”ฉันก็ยิ้มให้ขวัญก่อนจะหันไปรินน้ำใส่แก้วเพื่อดื่มเองบ้าง เพราะฉันสูญเสียน้ำในร่างกายในการร้องไห้ไปเยอะมาก
“แกคิดดีแล้วใช่ไหม?”ขวัญเอ่ยถามฉันในขณะที่เธอดื่มน้ำที่ฉันรินให้เธอไปครึ่งแก้วเเล้ว แววตาที่เธอมองฉันมันเต็มไปด้วยความเป็ห่วงและห่วงใย
“อื้อ….เพราะยังไงๆเื่ของฉันกับขุนก็ไม่มีทางเป็ไปได้อยู่แล้ว”ฉันตอบขวัญไปพลางเดินมานั่งบนเก้าอี้หน้าเคาน์เตอร์บาร์ข้างๆขวัญ
“เพราะถ้าฉันยังคงจะยืนยันคำเดิมและดื้อรั้นสู้กับอำนาจมืดของแม่ขุนต่อไป….คนที่อยู่รอบๆตัวฉันจะพากันลำบากและเดือดร้อนกันไปหมด…”
“โดยเฉพาะคนที่ไม่รู้เื่อย่างป้าบัวของฉัน…”ฉันพูดบอกขวัญไปอย่างเป็กังวลเพราะป้าบัวของฉันจะต้องเดือดร้อนมากว่าคนอื่นแน่และที่สำคัญฉันเหลือป้าบัวคนเดียวที่เป็ญาติผู้ใหญ่ของฉัน ฉันจะมาเสียป้าบัวไปอีกคนไม่ได้และฉันก็ทนเห็นขุนศึกที่เคยใช้ชีวิตสุขสบายต้องมาลำบากไม่ได้เหมือนกัน
พรึบ
“ทำไมแกไม่พาป้าแกมาอยู่ที่นี้ด้วยล่ะ?”ขวัญเอ่ยออกความคิดเห็น ฉันก็ยิ้มให้เธอ
“อืม….ฉันก็ตั้งใจไว้อยู่แล้วล่ะ…ว่าจะพาป้าบัวมาอยู่ที่บ้านหลังนี้กับฉันน่ะ^_^”ฉันพูดบอกขวัญไปตามความจริง เพราะฉันตั้งใจจะพาป้าบัวมาอยู่ที่นี้ด้วยกันอยู่แล้วและอีกอย่างที่ฉันตกลงเอาบ้านหลังนี้จากขุนศึก ก็เพื่อเล่นละครให้สมน้ำสมเนื้อเขาจะได้คิดว่าฉันหลอกเขาเพื่อหวังเงินจากเขาจริงๆ
“อื้อ….สู้ๆนะ…ที่ฉันมาวันนี้ก็จะมาบอกแกว่า…ฉันกับลูกจะไม่อยู่สักอาทิตย์สองอาทิตย์น่ะ..”
“อ้าว…ทำไมอ่ะ…แกจะไปไหน?”
“พอดี…สามีฉันเขาได้วันลาน่ะ…เขาก็เลยจะพาฉันกับลูกไปเที่ยว^_^”
“อื้อ…ดีใจด้วยนะ…”
“แต่ฉันไม่คิดแบบนั้นน่ะสิ…กว่าจะรู้ว่าความรักมันไม่ควรหาร…ก็ในวันที่สายไปแล้ว…”
“ขวัญ”ฉันเรียกขวัญอย่างเสียงแ่เบาทันทีที่เห็นแววตาเศร้าสลดของเธอ ฉันจึงอดใจที่จะยื่นมือไปจับมือเธอไม่ได้เพื่อปลอบโยนเธอ
“ความรัก…มันควรจะมีแค่คนสองคน…มันไม่สมควรที่จะหารกับใครอีกคน…และที่สำคัญ…อย่าคบเพื่อกันสำรอง…”
“อื้อ….ฉันรู้ขวัญ…”
“ฉันก็แอบดีใจนะ…ที่แกคิดได้และตัดใจเลิกกับขุนศึก….”
“อื้อ…ใครๆก็คงจะคิดแบบแก…”ฉันบอกขวัญไปอย่างเห็นด้วย
“แต่เขาขอแกแต่งงานเลยนะ…”ขวัญแย้งฉันกลับมาเพราะขุนศึกเอ่ยขอฉันแต่งงานทั้งๆที่มันไม่น่าจะมีทางเป็ไปได้เลยด้วยซ้ำ
“แล้วแกคิดว่าคนอย่างขุนศึก…ที่ไม่รู้จักคำว่าพอ…จะมีแค่ฉันคนเดียวได้เหรอ?”ฉันเอ่ยบอกขวัญไปตามสิ่งที่ฉันคิดและที่ฉันเจอมา ตลอดแปดปีที่ฉันคบกับขุนศึกเขานอกกายฉันตลอดและทุกครั้งที่มีโอกาส
“ขนาดฉันคบกับเขามาตั้งหลายปี….เขายังหยุดที่ฉันไม่ได้เลย…แล้วนับประสาอะไรกับการแค่แต่งงาน…”ฉันบอกขวัญไปอย่างเหนื่อยใจและฉันก็ไม่มีทางเชื่อว่าขุนศึกจะหยุดที่ฉันได้ เพราะถ้าเขาหยุดที่ฉันได้จริงๆ เขาคงจะหยุดมันมาตั้งเเต่เมื่อแปดปีก่อนแล้วล่ะ
“เห้อ….”ขวัญผ่อนลมหายใจออกมา ฉันก็ยิ้มบางๆให้เธอ ก่อนที่เราสองคนจะหันไปมองเจไดอยู่เป็พักๆและเม้าท์มอยเื่ต่างๆของปัญหาชีวิตของฉันกับขวัญเหมือนปกติที่เราคุยกัน จนรู้ว่าเมื่อวานขุนศึกโทรให้ขวัญมาที่บ้านหลังนี้เพื่อเตรียมฉลองสละโสดของฉันกับขุนศึกและให้พวกเพื่อนๆของฉันกับเขามาเป็พยานการขอแต่งงานด้วย ผลสรุปก็คือแผนพังเละ เ้าสาวอย่างฉันที่โดนขอแต่งงานปฏิเสธนักธุรกิจหนุ่มไฟแรงที่เป็ถึงCEOบริษัทั์ใหญ่ของห้างสรรพสินค้าแบรนด์เนมทั่วโลกและเขาก็กำลังจะได้รับตำแหน่งผู้บริหารหารระดับสูงCEOของบริษัทSMที่เป็บริษัทแม่ของบริษัทKAอีกด้วยนะ….แล้วไง…ก็ฉันมีเหตุผลจำเป็จริงๆ เพราะถ้าฉันไม่รักเขาจริง ฉันคงจะตอบตกลงแต่งงานกับเขาไปแล้วก็ได้ แต่นี้ฉันรักเขาและอยากให้เขามีอนาคตดีที่และฉันจะคอยดูเขาและชื่นชมกับความสำเร็จของเขาอยู่ห่างๆแบบนี้ตลอดไป….
10:30น.
คอนโด ขุนศึก…..
พรึบ
“อื้อออ”ร่างหนาเรือนร่างที่เต็มไปด้วยหมัดกล้ามเนื้อที่แข็งแรงจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอขยับเขยื้อนร่างกายที่ปวดร้าวของเขาไปมา พลางค่อยๆลืมตายกมือขึ้นมาจับขมับที่มันปวดหนึบของเขาและค่อยๆยันร่างสีขาวนวลเนียนไร้ที่ติที่ถูกแต่งเติมไปด้วยรอยสักเท่ๆตามทั่วหน้าอกซ้ายและแขนซ้ายของเขาก่อนที่เขาจะพบถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตัวเขา
พรึบ
“เมื่อคืน….เอากับใครวะ?”ร่างสูงพึมพำขึ้นเมื่อมองเห็นแผ่นหลังขาวเนียนกับก้นกลมกลึงนวลที่นอนหันหลังให้เขาอยู่ ถึงมันจะเป็เื่ปกติที่เขาพาคู่นอนมานอนด้วยแทบจะทุกคืนแต่ที่มันแปลกไปจากทุกทีคือเขาจำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
พรึบ
“ปวดหัวเว้ย!”ขุนศึกสบถออกมาอย่างหงุดหงิดที่เขารู้สึกปวดตุ๊บๆที่ขมับทั้งสองข้างและรวมไปถึงยังหนักที่ศีรษะเหมือนโดนอะไรทุบเข้าที่ศีรษะซะด้วยซ้ำ
พรึบ
“ฮืฮๆๆๆ”เสียงสะอื้นไห้เบาๆดังเล็ดลอดออกมาจากผู้หญิงที่นอนอยู่ข้างๆกายเขาทำให้ขุนศึกต้องหันไปมองยังร่างบางที่เธอเองก็เปลือยกายล่อนจ้อนเหมือนกัน ร่างเล็กสั่นสะท้านไปตามแรงสะอื้นไห้จากการร้องไห้เสียใจ ทำให้ขุนศึกขมวดคิ้วงุนงงว่าเธอคนนี้ร้องไห้ทำไม
พรึบ
“เมื่อคืน…ฉันมีอะไรกับเธอเหรอ?”ขุนศึกเอ่ยถามร่างบางไป เธอก็เอาแต่ร้องไห้ไม่ยอมตอบเขาทำให้ขุนศึกรู้สึกหงุดหงิดจนต้องจับร่างเล็กกระชากขึ้นมาคุยกับเขาให้รู้เื่
“นามิ!”ขุนศึกที่ได้เห็นหน้าของคู่ขาเขาถึงกับร้องเสียงหลงหน้าเหวอด้วยความใเพราะเขาไม่คิดว่าจะเป็เธอคนนี้
“อึก…พี่ขุน…พี่ขุนอึก..ใจร้าย….“นามิหญิงสาวเปลือยกายร้องไห้ออกมาหน้าตาของเธอแดงก่ำแววตาเปียกชุ่มไปด้วยน้ำสีใสทำให้ขุนศึกถึงกับเป็กังวลขึ้นมาในใจทันที
“เมื่อคืน….พี่ได้ใส่ถุงรึเปล่า?”ขุนศึกเอ่ยถามนามิไป เธอก็ค่อยๆเงยหน้าที่อาบชุ่มไปด้วยคราบน้ำตามองหน้าขุนศึกแววตาของเธอสั่นไหวทำให้หัวใจของขุนศึกสั่นเครือไปด้วยความวิตกใบหน้าหล่อซีดเซียวลงอย่างเห็นได้ชัด….