เธอยืนนิ่งในขณะที่ลมหายใจของเธอรู้สึกติดขัด เธอควรจะซ่อนตัวที่ใดสักแห่ง แต่เซลีนยังอยู่ที่นี่ นางเป็พยานได้ นาเซียกำมือแน่นจนข้อนิ้วซีดเป็สีขาว เธอรู้สึกเหมือนจะเก็บอาการทางสีหน้าไม่อยู่ มือที่สั่นระริกกำแนบอกไว้จนเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ
“มิกาเอล? เลดี้อีวอน?” ทันทีที่ประตูเปิดออก มิกาเอลที่เดินเข้ามาก็จ้องมองมายังเธอและเซลีน
“ใครอนุญาตให้เ้าเข้ามา” น้ำเสียงตวาดดุหันมองเซลีนด้วยสายตาที่ไม่พอใจ
เซลีนได้บอกกับอีวอนว่า้าเจรจาเื่สัญญาแห่งเวทมนตร์กับนาเซีย อีวอนเข้าใจว่าเซลีนรู้เื่ที่นาเซียอยู่ที่แห่งนี้ เพราะนางเห็นว่าเซลีนมักจะเดินออกมาจากห้องทำงานมิกาเอลในตอนกลางคืนเสมอ หรือนางคิดผิด ทันทีที่เซลีนมาพบนาเซีย อีวอนจึงถือโอกาสเดินไปเอาถาดอาหารของตัวเองที่ห้องครัว แน่นอนว่าทันทีที่มิกาเอลเห็นอีวอนเขาไม่ปล่อยโอกาสที่จะถามหานาเซียทันที ใบหน้าของมิกาเอลดูเปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่าเซลีนอยู่กับนาเซีย
“ดิฉันเพียง้าเจรจากับพระชายาเื่สัญญาเท่านั้นเองค่ะ” เซลีนค่อย ๆ เอ่ยเสียงตอบอย่างแ่เบา เธอรู้ได้ทันทีว่าเซลีนกำลังกลัวมิกาเอลอยู่ไม่น้อย
“มิกาเอล ท่านยังไม่ได้พักผ่อน งั้น...” นาเซียพยายามจะทำให้สถานการณ์นั้นผ่อนคลายแต่..
“ออกไป...ข้าบอกให้ออกไปไง!!” มิกาเอลหันมาตวาดเซลีนก่อนจะปัดแจกันที่วางอยู่ข้าง ๆ ตกพื้นกระจายเป็เสี่ยง ๆ นาเซียรีบคว้าแขนเขาไว้ก่อนที่มิกาเอลจะรุนแรงไปมากกว่านี้ เซลีนจึงรีบวิ่งออกจากห้องนอนเธอไป อีวอนหันหลังให้ก่อนที่ประตูจะปิดลง
“มิกาเอล..ท่าน” ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยถามถึงเื่ที่มิกาเอลไปยังพระราชวัง เขาก็คว้าตัวเธอโอบกอดไว้แน่น เสียหัวใจของมิกาเอลเต้นแรงดูเหมือนมิกาเอลคงเจอสถานการณ์ที่ยากลำบาก
“เซีย เ้ากลับไปอยู่ที่คฤหาสน์เ้าเสียก่อนนะ ข้าจะส่งเ้าไป” น้ำเสียงที่ดูกังวลอย่างไม่เคยเป็มาก่อน มิกาเอลกำลังกังวลใจกับเื่บางอย่าง
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
“ข้ามีเื่ที่ต้องจัดการเสียก่อน” มิกาเอลผลักตัวเธอจนถอยหลังชนกับเตียง นาเซียทรุดตัวลงบนเตียงด้วยความงุนงง เสียงกีบม้าที่กำลังวิ่งผ่านกองหิมะเข้ามาใกล้ปราสาท มิกาเอลแหงนหน้ามองออกไปทางหน้าตา ‘อัศวินหลวง’ นาเซียนึกถึงกลุ่มอัศวินหลวงได้ดี มันคือกลุ่มที่ลาฟาซนำกำลังมาที่กาบริเอลเพื่อช่วยเหลือเซลีน แต่เหตุใดกันในเมื่อเซลีนไม่ได้ถูกบังคับมาเสียหน่อย มิกาเอลจ้องตาเธอก่อนจะคว้าหินเวทออกมาเขา้าส่งนางไปเสียก่อนในตอนนี้เพื่อความปลอดภัย
“ไม่!!” นาเซียคว้าหินเวทนั้นไว้เพื่อไม่ให้ตกลงที่พื้น ก่อนที่จะลุกวิ่งออกไป
“ไม่เซีย..เดี๋ยวก่อน” เขาร้องะโตามแต่นาเซียกลับวิ่งลงไปยังประตูปราสาท เซลีนที่อยู่ในห้องนั่งเล่นมองเห็นนาเซียถลาออกไปด้านนอก นางจึงวิ่งตามออกไป สายลมเย็นแตะปะทะใบหน้าจนเย็น เนื้อหาเปลี่ยนไป แต่ยังคงเดินเื่ในแนวทางเดิม เธอจะต้องหาทางช่วยเหลือมิกาเอลให้ได้ นาเซียหยุดยืนตรงหน้าม้าสีดำสนิทพร้อมกางแขนออกราวกำแพงที่กั้นไว้ ลาฟาซเปิดหมวกอัศวินออกก่อนจะะโลงจากอาน
“ข้าคิดว่ามิกาเอลจะไม่ยอมปล่อยเ้าออกมาเสียอีก” ลาฟาซกล่าวทักทายเธอ นาเซียจ้องหน้าเขาอย่างโกรธเคือง เธอไม่รู้ว่าควรจะกล่าวว่าเขายังไงดี
“ทำไม่..จู่ ๆ ก็มีความคิดที่อยากจะอยู่ที่นี้ยังงั้นเหรอ” ลาฟาซถามเธออีกครั้ง นาเซียมองแววตายียวนตรงหน้า เธออยากจะชกหน้าเขาสักหมัด
“พระองค์ทำไปเพื่ออะไรกัน หากเพื่อเลดี้เซลีนแล้วละก็หม่อมฉันคิดว่าเื่นี้มีทางแก้ไข” นาเซียรีบต่อรอง ลาฟาซเหลือบสายตามองผ่านไหล่เธอไปด้านหลัง มิกาเอลและเหล่าอัศวินของเขาเตรียมพร้อม
“พระองค์อยากได้ตัวหม่อมฉันไปไม่ใช่หรือเพคะ” นาเซียยกมือทาบอก เธอไม่อยากให้เกิดาขึ้น เพราะเธอรู้ดีว่ามิกาเอลไม่สามารถเอาชนะลาฟาซได้อย่างแน่นอน ลาฟาซมีดาบที่มีพลังของเซลีนผนึกอยู่ ไม่มีผู้ใดสามารถทำลายดาบนั้นได้
“ลาฟ เื่นี้ฉันเจรจากับพระชายาแล้วค่ะ พวกเรามีวิธี” เซลีนที่ยืนอยู่ข้างหลังเธอเอ่ยย้ำ
“ไม่มีใครเอาชนะเสด็จแม่ได้เซลีน” ลาฟาซเอ่ยเสียงเหนื่อย ๆ
“มีแน่นอนค่ะ หากพระองค์ยินดีช่วยเหลือ หม่อมฉันก็จะช่วยเหลือพระองค์เองเพคะ” นาเซียรีบบอก
“ดีงั้นเื่ของนี้เอาไว้ก่อน” กล่าวจบลาฟาซก็เดินตรงไปยังมิกาเอลที่อยู่ด้านหลัง นาเซียร้อนร้นใจไม่น้อย
“ข้าคิดว่าคงใช้เวลาอย่างน้อยสักสองสามวันเห็นจะได้” อยู่ ๆ มิกาเอลก็เอ่ยออกมา ลาฟาซทำท่าพยักหน้าเหมือนเข้าใจ ก่อนจะยกมือตบบ่า มิกาเอลสองสามที นาเซียยืนงง ดูเหมือนเธอจะเข้าใจผิด
“เห็นเ้าออกตัวแรงแบบนี้ ข้าก็สบายใจ อย่างน้อย ๆ เ้าก็เป็ห่วง มิกาเอลจากใจจริง” ลาฟาซเดินผ่านพร้อมกระซิบข้างใบหูเธอ สีแดงที่ระเรื่อขึ้นด้วยความเขินอาย เธออยากจะหายตัวไปเสียตอนนี้เลย เธอเข้าใจผิดคิดว่าลาฟาซจะบุกเพื่อเอาตัวเธอกลับไปเป็หุ่นเชิด แต่เปล่าเลย ลาฟาซยกกำลังอัศวินหลวงมาเพื่อช่วยกำจัดสัตว์ปีศาจที่บุกเข้ามาทำลายชาวเมืองต่างหาก
นาเซียแทบอยากจะหายตัวไปอีกครั้ง เธอเดินกลับเข้ามาด้วยท่าทางหงุดหงิดอีวอนที่ยืนอยู่ข้างประตูทำหน้ากลั้นเสียงหัวเราะไว้ จนเหย่เก ก็ใครจะไปคิดว่าเื่จะกลายเป็แบบนี้ แล้วทำไมมิกาเอลถึงต้องสั่งให้เธออยู่แต่ในห้องนั้นกันละ
“เลดี้อีวอนคะ อยากหัวเราะก็หัวเราะออกมาเถอะค่ะ” นาเซียทิ้งตัวนั่งลง อีวอนหันไปทำท่ายิ้ม ๆ กับเซลีน แม้เซลีนจะยังคงสีหน้านิ่งสงบเช่นเดิม อีวอนจึงหุบรอยยิ้มนั้นแล้วมานั่งอย่างสบายใจตรงหน้าเธอ
“โกรธหรือคะ” อีวอนโพล่งถามออกมาอย่างตรง ๆ
“แค่รู้สึกอายเท่านั้นแหละคะ เหมือนฉันเป็กระต่ายตื่นตูมไปเสียเองเลย” นาเซียบ่นให้กลับตัวเอง
“ไม่ผิดหรอกค่ะ ถูกห้ามไว้แบบนั้นก็เข้าใจผิดได้เหมือนกัน”
“นั่นซิคะ แล้วทำไมถึงต้องให้ฉันอยู่แต่ในห้องนั้นด้วย”
“มิกาเอลเกรงว่าหากเลดี้ออกไปด้านนอกจะเกิดเื่เหมือนคราวก่อนที่ถูกสัตว์ปีศาจจับไป”
“หมายความว่า ที่ผู้คนกล่าวว่าท่านดยุกกาบริเอลทอดทิ้งชาวเมืองก็เป็ความจริงอย่างงั้นหรือคะ” นาเซียยังนึกถึงคำที่เอเลน่าบอกได้ เพราะนางเองก็เป็ชาวกาบริเอลเช่นกัน
“ไม่ใช่หรอกค่ะ จริงอยู่ที่ตอนมิกาเอลรู้เื่เลดี้หายตัวไป เขาแทบไม่อาจข่มตาพักผ่อนได้เลย แต่เขาก็ไม่ได้ทอดทิ้งชาวเมืองเสียเมื่อไหร่ เราไม่รู้ว่าส่วนไหนของผนึกแตกออกกันทำให้สัตว์ปีศาจเข้ามาในเขตกาบริเอลได้” อีวอนกล่าว นางหมายถึงผนึกที่ทำขึ้นโดยรอยโดยใช้พลังมานาผนึก กับหินเวท สร้างเป็เกาะป้องกันไว้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะถูกทำลายไปบางส่วนทำให้สัตว์ปีศาจหลุดเข้ามาได้ง่าย ลำพังทหารแห่งกาบริเอลไม่เพียงพอที่จะออกไปปราบสัตว์ปีศาจได้หมด เช่นนั้นแล้วหากเกิดเื่เช่นนี้มิกาเอลจะต้องส่งหนังสือไปขอความช่วยเหลือจากหน่วยอัศวินหลวงเพื่อมาช่วย
“น่าอายจริง ๆ” นาเซียทิ้งตัวอิงพนักโซฟาด้านหลังและเอามือยกปิดใบหน้าตัวเองที่กำลังแดงจ้า แล้วที่บอกจะส่งเธอไปคฤหาสน์ของตระกูลก็เพราะกลัวควบคุมสถานการณ์ที่สัตว์ปีศาจบุกเข้ามาไม่ได้อย่างงั้นเหรอ นาเซียรู้สึกเหมือนตัวเองไร้เรียวแรงขึ้นมาทันที 'อะไรทำให้ฉันคิดทำเื่น่าอายเช่นนั้นกัน' อีวอน และเซลีนหันหน้ามองกันเพียงเล็กน้อยก่อนจะลุกเดินออกไป ปล่อยให้เธอได้ใช้ความคิดอยู่กับตัวเองในห้องนั่งเล่น