เื่ผักตี้เอ่อถือว่าปิดฉากลงแต่เพียงเท่านี้เซี่ยยวี่หลัวเริ่มคิดวิธีหาเงินด้วยลู่ทางอื่นแล้ว
ง่วนอยู่กับงานที่บ้านสองวันจึงไปเมืองโยวหลันอีกครั้ง
เริ่มจากไปเซียนจวีโหลว
พอคิดว่าตัวเองที่เป็คนจัดหาวัตถุดิบส่งผักตี้เอ่อให้อย่างขาดๆ หายๆ ไม่ได้ช่วยทำอะไรที่เป็ประโยชน์ กลับได้รับเงินจากอีกฝ่ายมากถึงเพียงนี้เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
รับเงินสิบตำลึงมาจากอีกฝ่ายนางอยากไปมอบของอีกสิ่งหนึ่งให้ซ่งฉางชิงเพื่อเป็การชดเชย นอกจากนั้น นางยังมีธุระอื่นต้องไปทำด้วย
เขียนซีโหยวจี้ได้ไม่น้อยแล้วสามารถหาร้านหนังสือที่ดีเพื่อนำออกจำหน่ายได้แล้ว นางยังต้องใช้จ่ายในชีวิตประจำวันเงินเท่านี้ย่อมไม่เพียงพอ
ซ่งฉางชิงตื่นแต่เช้า หลังจากกินอาหารเช้าที่ซ่งฝูยกมาให้ก็เก็บตัวอยู่ในห้องเพื่ออ่านตำราและทำบัญชี
หลังจากดูสมุดบัญชีเสร็จหนึ่งเล่มรู้สึกปวดตา ซ่งฉางชิงวางลง นวดคลึงตรงหว่างคิ้ว ทำสมองให้ปลอดโปร่ง ไม่คิดอะไรทั้งสิ้นแต่ภายในใจกลับยังคงสับสนวุ่นวาย
เขาเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งใดคอยก่อกวนจิตใจของเขา
เดิมทีเขารังเกียจเสียงวุ่นวายข้างนอกเป็ที่สุดทว่าพอวันนี้ได้ฟัง กลับฟังดูสงบกว่าจิตใจของเขามากนัก
ซ่งฉางชิงลุกขึ้น มายังริมหน้าต่างเปิดหน้าต่างออก อยากมองดูผู้คนข้างนอก
จู่ๆ เขาก็ได้เห็นเงาร่างที่คุ้นเคย
เงาร่างผอมบางอรชร สูงโปร่งและสง่างามต่อให้อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย มองแวบเดียวก็สามารถมองเห็นนางได้ในกลุ่มผู้คนนับพันนับหมื่น
นั่นคือเซี่ยยวี่หลัว
ซ่งฉางชิงเพ่งมองเงาร่างอรชรร่างนั้นโดยละเอียดเหมือนจะััได้ว่ามีคนกำลังเพ่งมองตัวเอง เซี่ยยวี่หลัวเงยหน้ามองมาทางเขา
ซ่งฉางชิงใจนรีบเบี่ยงตัวออกด้านข้างราวกับกลัวถูกคนจับได้รีบหลบไปอยู่ด้านหลังบานหน้าต่าง
หลังจากหยุดนิ่ง เขาก็รู้สึกสงสัยนักว่าเขาจะหลบทำไม?
เมื่อเขาชะโงกศีรษะหันมองออกด้านนอกอีกครั้งเซี่ยยวี่หลัวก็กำลังเดินเข้ามาในเซียนจวีโหลวพอดี
นางมาเซียนจวีโหลว?
นางมาที่นี่ทำไม?
ซ่งฉางชิงขมวดคิ้วมุ่นนางน่าจะมาหาเขา
เขาไม่ได้คิดด้วยซ้ำ เพียงหันตัวปิดหน้าต่างจนสนิทจากนั้นจึงนั่งลงตรงโต๊ะหนังสืออย่างรวดเร็ว หยิบตำราที่เมื่อครู่ไม่มีแก่ใจจะอ่านขึ้นมาจัดเสื้อผ้านั่งตัวตรง ท่าทางเหมือนคนกำลังตั้งใจอ่านตำรา
มีเพียงตัวซ่งฉางชิงเองที่รู้ว่าตัวหนังสือในตำรานั่น เขาอ่านไม่เข้าหัวแม้แต่ตัวเดียว
เวลานี้ในเซียนจวีโหลวยังไม่มีลูกค้าเข้ามาทานอาหารซ่งฝูกำลังออกคำสั่งให้เสี่ยวเอ้อในร้านตรวจสอบความสะอาดในห้องโถง เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นเซี่ยยวี่หลัวทันที
ซ่งฝูขมวดคิ้วเล็กน้อยรู้สึกไม่พอใจนัก นางจะมาทำไม? สตรีที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสมเช่นนี้ยังจะมีหน้ามาอีก!
ซ่งฝูเม้มริมฝีปากเล็กน้อยเดินขึ้นหน้า “ฮูหยินเซียวมาทำไมงั้นหรือ? ”
ท่าทีเรียบสงบ แฝงเร้นด้วยความเหินห่าง
เซี่ยยวี่หลัวยังคงเผยรอยยิ้มที่มุมปากน้ำเสียงอ่อนโยนดุจสายลมในฤดูใบไม้ผลิที่พัดมากระทบใบหน้า “ท่านซ่งน้อย ท่านซ่งอยู่หรือไม่? ”
ซ่งฝูเพียงบอกว่าขออภัย“คุณชายของข้ากำลังยุ่งอยู่ หากฮูหยินเซียวมีธุระอะไร สามารถบอกข้าน้อย ข้าน้อยย่อมบอกต่อให้คุณชายเอง”
ครั้งก่อนคุณชายบอกแล้วว่าต่อไปจะไม่พบคนผู้นี้อีก
คุณชายรังเกียจคนที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมเป็ที่สุดหากไม่ใช่เพราะได้รู้จากปากคนอื่น พวกเขาคงยังไม่รู้ ว่าสตรีตรงหน้าที่ยิ้มแล้วดูงดงามประหนึ่งสายลมในฤดูใบไม้ผลิจะมีจิตใจสกปรกโสมมเช่นนี้
เซี่ยยวี่หลัวฉลาดเสียยิ่งกว่ากระไรผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชนจนสามารถมองได้ทะลุปรุโปร่ง
นางฟังออกว่าวาจาของซ่งฝูมีความไม่เกรงใจและเฉยเมยแต่นางก็ไม่ได้กล่าวอะไร เผยรอยยิ้มบาง เพียงกล่าวอำลาแล้วออกไป
ซ่งฝูเห็นว่าเซี่ยยวี่หลัวไม่ได้ตอแยจากไปทันที จึงหันไปง่วนกับงานอย่างอื่นต่อ
ซ่งฉางชิงที่อยู่ชั้นบนยังถือตำราไว้แต่หูกลับคอยสดับฟังเสียงภายนอกอยู่ตลอดเวลา รอคอยอยู่นาน ด้านนอกก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
ไม่มีใครมาหาเขา!
เซี่ยยวี่หลัวมาเซียนจวีโหลวไม่ได้มาหาเขางั้นหรือ?
ซ่งฉางชิงรอแล้วรออีก นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้านี้ตัวเองบอกซ่งฝูว่าต่อไปจะไม่พบสตรีผู้นั้นอีก เขารีบวางตำราในมือลง แทบจะผลักเปิดประตูออกไปทันที
เมื่อออกจากประตู พิงอยู่ตรงราวบันไดกวาดสายตามองห้องโถง ยังมีเงาร่างบางอรชรร่างนั้นที่ไหนกัน คนไม่อยู่แล้ว!
ซ่งฉางชิงสะกดสภาวะอารมณ์ของตนเองไว้วิ่งลงไปชั้นล่าง แสร้งทำทีเป็ไม่รู้เื่ราวอะไร “เมื่อครู่เกิดเื่อะไรขึ้นหรือไม่? ”
ซ่งฝูขานตอบว่ามี หยิบสมุดบันทึกมารายงานโดยละเอียด“คุณชาย เมื่อครู่หลังจากพวกเราตรวจสอบแล้ว โต๊ะริมหน้าต่างทางทิศใต้เสียหาย ข้าสั่งให้คนนำโต๊ะไปซ่อมแซมแล้วเก้าอี้ที่อยู่ตรงกลางโถงก็โยก ข้าให้คน...”
เขายังกล่าวไม่จบ ก็ถูกซ่งฉางชิงพูดขัดขึ้นมา“ไม่มีเื่อื่นงั้นหรือ? ”
เื่อื่น?
ซ่งฝูคลำศีรษะ “คุณชายนอกจากเื่เหล่านี้ ก็ไม่มีเื่อื่นแล้วขอรับ! ”
ซ่งฉางชิงมองซ่งฝู “เมื่อครู่มีคนมาหรือไม่? ”
ซ่งฝูนึกขึ้นได้ทันที“อ้อ ฮูหยินเซียวเคยมาขอรับ”
ในที่สุดก็พูดเข้าประเด็นเสียที
“แล้วคนเล่า? ” ซ่งฉางชิงพยายามทำให้น้ำเสียงของตัวเองฟังดูเ็าเหมือนปกติ ทว่า มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่าหัวใจของเขากำลังเต้นแรง
ราวกับจะะโออกจากอกอย่างไรอย่างนั้น
“ไปแล้วขอรับ! ” ซ่งฝูกล่าวพร้อมมองคุณชายของตัวเองด้วยท่าทีฉงน
ไปแล้ว?
หัวใจที่เต้นแรง ราวกับร่วงหล่นลงไปยังก้นเหวในชั่วพริบตานั้น
ซ่งฉางชิงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนเอ่ยถาม “นางมาทำไม? ”
ซ่งฝูคลำศีรษะ “นางบอกว่านางมาหาท่านเพราะมีธุระ”
“นางหามาข้าเพราะมีธุระข้าก็อยู่ในร้าน เหตุใดเ้าถึงไม่ไปรายงาน? ” ซ่งฉางชิงเอ่ยถาม
สีหน้าไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อยท่าทางนิ่งสงบและเข้มงวดเหมือนปกติ มีเพียงตัวซ่งฉางชิงเท่านั้นที่รู้ ว่าเขาโมโหแล้ว
ซ่งฝูนึกว่าคุณชายถามเพราะเื่ของภัตตาคารเท่านั้น“คุณชาย ท่านเคยบอกว่าต่อไปจะไม่พบนางอีกแล้วไม่ใช่หรือขอรับ? ข้าถามว่านางมาหาท่านมีธุระอะไร นางก็ไม่บอก จากนั้นก็ไปขอรับ”
ซ่งฉางชิงมองซ่งฝูแวบหนึ่งรู้ว่าตนเองตำหนิซ่งฝูผิดไป เขาเคยกล่าวเช่นนั้นจริง
เขาไม่อยากพบสตรีเช่นนั้นอีกจริงๆ
เพียงแต่...
เหตุใดตัวเขาเองถึงลืมไปได้
เมื่อครู่ที่เห็นเงาร่างของเซี่ยยวี่หลัวเขาถึงกับ...
ถึงกับเกิดความรู้สึกดีใจและตั้งตารอคอย!
เกรงว่าเขาคงบ้าไปแล้วถึงกับเฝ้ารอคอยเพื่อจะได้พบกับสตรีที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม!
เขาต้องบ้าไปแล้วเป็แน่