ปัจจุบัน
ปรรณกรปล่อยให้่เวลาแห่งความอ่อนแอกัดกินหัวใจของเขา ไหล่บางสั่นไหวด้วยแรงสะอื้น จนคนที่ยืนมองอยู่รู้สึกสงสารขึ้นมาจับใจ ปลื้มเอื้อมมือออกไปหมายจะคว้าตัวอีกคนมากอดปลอบแต่ก็ชะงักค้างไว้กลางอากาศและถอยมือกลับมาที่เดิม เขาไม่รู้ว่าตัวเองในตอนนี้สามารถที่จะคว้าตัวอีกคนมากอดอย่างที่ใจนึกอยากได้หรือเปล่า ไม่รู้ว่าอ้อมกอดของเขามันจะทำให้แทนเงียบลงหรือเสียใจมากกว่าเดิมกันแน่
“ฮึก...”
ในที่สุดแทนก็ได้ระบายความรู้สึกของตัวเองไปบ้าง มันเหมือนได้ยกก้อนหินออกไปจากอกไปบางส่วนแต่ก็ยังไม่หมดเพราะมันยังมีอีกเื่ที่เขายังเก็บเอาไว้ไม่ได้พูดออกไปให้ได้อีกฝ่ายได้รับรู้ มันคือความรู้สึกส่วนลึกที่เขาเก็บไว้ในใจมาตลอดหลายปี
ตอนนี้ปัญหาเื่ของแทนและเรนในใจของปลื้มได้ถูกปลดล็อกออกไปแล้ว ปลื้มรู้แล้วว่าตัวเองไม่ได้ถูกหักหลัง แทนไม่เคยทำร้ายความรู้สึกของเขา ไม่เคยมองว่าเขาเป็แค่คนโง่คนหนึ่งที่อยากจะหลอกอะไรก็ได้ มีแต่เขาที่คิดไปเองทั้งนั้น เื่ราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นมันมีที่มาที่ไปของมัน ตัวแทนในตอนนั้นเองก็คงไม่สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเราจะเกิดขึ้น
แต่ปัญหาของแทนที่เกิดขึ้นจากเขาโดยตรงนั้นยังไม่ได้รับการแก้ไข
ร่างบางของอัลฟ่ากลิ่นฝนยืนนิ่งเงียบสูดลมหายใจลึกเข้าไปในปอด เปลือกตาบางปิดลงเพื่อควบคุมไม่ให้น้ำตาไหลออกมามากไปกว่านี้ ก้อนสะอื้นถูกกลืนลงไปในลำคอ ทุกอย่างรอบตัวของเขาทั้งสองคนเงียบสนิท มีเพียงเสียงเพลงจากการแสดงบนเวทีที่ดังแว่วมาให้ได้ยินนิดหน่อย
แต่ว่าคำบางคำ ได้เปลี่ยนคนบางคน
ให้ต้องทุกข์ต้องทน ต้องเจ็บช้ำเท่าไหร่
ทบทวนดูก่อนดีดี ก่อนเธอจะพูดออกไป
อีกสักครั้ง...
“กูขอโทษ” ขอโทษที่พูดออกไปไม่คิดแบบนั้น “แทน กูขอโทษจริงๆ” ได้แต่ส่งความรู้สึกสำนึกผิดผ่านไปทางสายตาแต่ก็ไม่รู้ว่าอีกคนจะเปิดใจมองเห็นมันหรือเปล่า
รู้แหละว่าคำขอโทษไม่ได้ช่วยอะไรแต่ในหัวมันก็นึกคำอื่นไม่ออกแล้วจริงๆ
“กูไม่้าคำขอโทษจากมึงเลย ปลื้ม” แทนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“คือกู...”
“กู้าให้มึงถอนคำพูดที่มึงใช้ทำร้ายความรู้สึกของกู” เผื่อว่าความรู้สึกแย่ๆที่เกิดขึ้นมันจะหายไปจากใจของแทนได้บ้าง “กูขอแค่นั้นเลย”
การกระทำ อาจทำให้ใครบอบช้ำได้สักเท่าไหร่
ถ้อยคำแทงใจ ปวดร้าวลึกถึงข้างในให้เธอรู้บ้าง
ก็เพราะทุกสิ่งที่เอ่ยมา สะท้อนความจริงของใจ
เสียงเพลงที่ดังขึ้นเหมือนค้อนที่ทุบลงบนหัวปลื้มเข้าอย่างจัง ตอกย้ำให้เขารู้สึกเหี้ยกับสิ่งที่ตัวเองเคยพูดออกไปมากขึ้นกว่าเดิม
อัลฟ่าหนุ่มก้มหน้าลงมองไปที่ปลายเท้าของตัวเอง ไม่มีความกล้าแม้แต่ที่จะสบตาของคนตรงหน้าด้วยซ้ำ ไหล่กว้างลู่ลง ปลื้มไม่สามารถทำอะไรมากไปได้กว่าการก้มหน้ายอมรับความผิดของตัวเองและเอ่ยขอโทษ แม้ว่าอีกคนจะไม่อยากฟังมันก็ตาม
“กูขอโทษ ที่กูพูดไปแบบนั้น” ปลื้มเริ่มคลายแรงที่เขาใช้กำมือของตัวเองลง “กูไม่น่าปล่อยให้อารมณ์มาอยู่เหนือทุกอย่างเลย”
“...”
“กูไม่น่าเดินหนีมึงออกมา ควรให้โอกาสมึงได้อธิบายอะไรบ้าง” เขาควรจะมีสติมากกว่านั้น ไม่ควรตัดสินอีกคนเพียงแค่เพราะไม่กี่ประโยคที่เขาได้ยิน แล้วก็ไม่สมควรอย่างยิ่งที่จะเลือกใช้คำพูดที่รุนแรงเพื่อทำร้ายความรู้สึกของอีกคนเพียงเพราะแค่อยากให้เขารู้สึกเจ็บเหมือนที่ตัวเองเจ็บ
พออารมณ์ของเขาเย็นลงเขาก็ลืมในสิ่งที่ตัวเองเคยพูดออกไปแต่มันยังอยู่ในใจของคนฟังไม่ได้หายไปด้วย ยังคงเป็าแอยู่ในนั้น
“...”
“กูไม่เคยเสียใจเลยที่ชอบคนอย่างมึงเลยแทน” มือหนายื่นออกไปข้างหน้าก่อนจะแตะลงที่แขนของแทนเบาๆ “การได้ชอบคนอย่างมึงคืออีกเื่ที่มีความสุขในชีวิตของกู”
แทนปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาอีกครั้งเนื่องจากเขาไม่สามารถที่จะห้ามมันได้อีกต่อไป
แพ้ แพ้อีกแล้ว สุดท้ายเขาก็แพ้ให้ปลื้มอีกอยู่ดี พอเป็คนที่เราชอบแค่เขาทำอะไรนิดหน่อยเราก็พร้อมจะให้อภัยไปหมด เป็ข้อยกเว้นสำหรับทุกอย่าง เป็คนที่แค่จะหันหลังให้ก็ยังทำไม่ลง เหมือนกับคืนนั้นที่เขาไม่สามารถทิ้งปลื้มไว้ได้ แม้ว่าจะพึ่งโดนอีกคนต่อยจนหน้าหันมาก็ตาม
“มึงรู้มั้ยปลื้มว่าทำไมคืนนั้นกูถึงเดินกลับไปหามึง”
ร่างบางไม่อยากเก็บเื่นี้ไว้กับตัวเองอีกแล้ว เขาอยากจะระบายทุกอย่างออกมาให้หมด ให้มันจบลงในวันนี้
“...” อัลฟ่าหนุ่มส่ายหัวไปมาช้าๆแทนคำตอบ
เขาไม่รู้หรอกว่าเหตุผลมันคืออะไร ได้แต่คิดว่าคงเป็เพราะแทนเป็คนที่ใจดีเกินไป
“ถ้าวันนั้นกูใจแข็งกว่านี้หน่อยแล้วปล่อยให้มึงนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้นคนเดียว มันก็คงจะไม่มีวันนี้เกิดขึ้น”
“ถ้าเป็แบบนั้น กูก็ดีใจนะที่มึงเดินกลับมา”
“แต่กูไม่รู้สึกอย่างนั้นเลย” มันเป็การเลือกที่ไม่ฉลาดเอาซะเลยที่เขาเดินกลับไป
“...” มันรู้สึกแบบนี้เองสินะเวลาที่เจอคนอื่นพูดจาทำร้ายจิตใจ แต่นี่มันคงจะยังไม่ถึงครึ่งของแทนที่รู้สึกกับคำพูดของเขาเลยด้วยซ้ำมั้ง
“แต่ที่กูไม่ทิ้งมึงไว้เพราะกูทำไม่ได้”
“ทำไม”
“กูชอบมึงปลื้ม”
ร่างของปลื้มแข็งทื่อเขาค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองอีกคนอย่างไม่เชื่อสายตา บ้าน่า ชอบเขาเนี่ยนะ ตอนนั้นเราพึ่งเจอกันเองไม่ใช่หรือไง แถมเขายังเดินไปต่อยแทนอีกด้วย แล้วอีกคนจะมาชอบเขาได้อย่างไร
“...”
“มึงจำเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่มึงเคยให้ร่มเขาได้ป่ะ”
“...” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเมื่อเขาเริ่มใช้ความคิดร่มคันสีดำกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งอย่างนั้นหรอ หรือว่า “มึงคือ...” เด็กคนนั้นอย่างนั้นหรอ
ปลื้มจับจ้องไปยังใบหน้าของอีกคนอย่างไม่วางตา เขาดึงรั้งร่างของอีกคนให้เข้ามาใกล้ตัวเองมากขึ้นเพื่อที่จะได้มองใบหน้านั้นชัดๆ ทำไมเขาถึงได้ไม่เอะใจเลยสักนิดทั้งที่อยู่ด้วยกันมาตั้งหลายเดือนเห็นใบหน้านี้มาก็ตั้งหลายครั้ง
“ขอบคุณสำหรับร่มนะ วันนั้นไข้กูไม่ขึ้นก็เพราะร่มของมึง”
“...” คิดว่าจะไม่ได้เจอกันแล้วเสียอีก
รักแรกพบของกู
ทีปกรยังจำความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อเขาสบตาของเด็กผู้ชายคนนั้นได้คนที่ทำให้เขายอมวิ่งตากฝนทั้งที่ปกติแล้วเขาไม่ชอบฝนเลยสักนิด ตอนนั้นหัวใจของเขามันเต้นแรงและเร็วขึ้นเพียงเพราะแค่ดวงตากลมโตนั้นจ้องมองมา
เพียงแต่เขายอมถอดใจไปตั้งนานแล้วเพราะว่าไม่รู้อะไรที่เกี่ยวกับตัวของอีกคนเลย อีกอย่างตอนนั้นเขาเองก็ยังเด็ก ยังไม่ได้จริงจังกับเื่รักๆใคร่ๆอะไรมากมายขนาดนั้น เขาแค่คิดว่าถ้าหากว่าอีกคนคือรักแรกพบของเขาจริงๆไม่นานโลกก็น่าจะแหวี่ยงให้เราได้เจอกันอีก ไม่น่าเชื่อว่ามันจะเป็อย่างที่เขาคิดจริงๆ แต่เป็ที่ตัวของเขาเองที่จำอีกคนไม่ได้
ทำไมนะ ทั้งที่ควรจะจำได้แท้ๆ โคตรโมโหตัวเองเลยให้ตายเถอะ อยู่กันแค่นี้แท้ๆ
“ที่กูอยากจะบอกกับมึงก็คือกูชอบมึงมาตลอด ั้แ่วันนั้นจนถึงวันนี้” โดยที่ไม่มีวันไหนที่จะลืมมึงได้เลย ไม่ว่าจะพยายามชอบคนอื่นเพื่อให้ลืมมึงมากเท่าไร ก็ทำไม่ได้อยู่ดี
“...”
“สี่ปีแล้ว...” แม้แต่ตัวแทนเองก็ยังไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะสามารถชอบคนคนหนึ่งมาได้นานขนาดนี้ “ที่กูแอบรักมึงข้างเดียว” ความจริงแล้วไม่ต้องแอบปลื้มก็ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาหรอก
“ให้ตายเถอะ” ปลื้มเงยหน้าขึ้นมองฟ้าทันทีเมื่อได้ยินอีกคนพูดจนจบ นี่เขาจะทำพลาดครั้งยิ่งใหญ่เกินไปแล้วนะ
“กูทิ้งมึงไว้ตรงนั้นไม่ได้ เพราะมึงเป็คนที่กูชอบไงปลื้ม เพราะเป็มึงกูเลยหันหลังให้ไม่ได้” ไม่ได้เลยสักครั้งเดียว
แม้กระทั่งครั้งนั้นตอนที่เห็นอีกคนรัทอยู่ต่อหน้าต่อตา ทั้งที่รู้ว่าอัลฟ่าเวลาอยู่ใน่ที่รัทนั้นอันตรายแค่ไหนแต่ก็ยังไม่พาตัวเองเดินออกมา
“ห้ามไปไหนทั้งนั้น” เสียงทุ้มแหบพร่ากระซิบบอกชิดใบหูบาง ก่อนจะกดจมูกลงไปคลอเคลียกับท้ายทอยสวยพร้อมกับบดเบียดท่อนล่างของตัวเองเข้าหาอีกคนที่ยืนหันหน้าแนบไปกับบานประตูอยู่ จนร่างบางััได้ถึงอะไรบางอย่างที่กำลังดุนดันบั้นท้ายของเขาและอาการสั่นเทาไปทั้งตัวของอีกคนด้วย
“เอาวะ” แทนหลับตาลงสูดลมหายใจเข้าปอดหนึ่งครั้งเรียกความมั่นใจให้กับตัวเอง ก่อนจะตัดสินใจพลิกตัวหันไปเผชิญหน้ากับอัลฟ่าตัวโตที่ไร้สติ สีหน้าที่ดูทุกข์ทรมานเพราะอารมณ์ความ้าที่กำลังแผดเผาสติของอีกคนยิ่งกระตุ้นให้ต่อมความเป็คนดีของแทนทำงานหนักขึ้นกว่าเดิม
“...”
“จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีก”
จะได้ไม่มีอะไรติดค้างกันอีกที่เขาพูดถึงในวันนั้นส่วนหนึ่งก็เพื่อที่จะตอบแทนเื่ร่ม ในเมื่ออีกฝ่ายเคยช่วยเหลือเขาไว้แทนเองก็ควรที่จะรู้จักตอบแทนบุญคุณเช่นกัน แม้ว่าเื่ที่ปลื้มเคยช่วยเขามันจะดูไม่ใหญ่เท่าเื่ที่เขากำลังจะช่วยอีกคนก็ตามแต่สภาพร่างกายของเขาในวันนั้นถ้าขืนวิ่งตากฝนออกไปคงจะได้ไปนอนให้น้ำเกลืออยู่ที่โรงพยาบาลแน่ๆ
อีกส่วนหนึ่งมันก็เพราะปลื้มเป็รักแรกที่เกิดขึ้นใน่มัธยมของแทนและยังคงฝังอยู่ในใจของเขาด้วย มันเลยทำให้เขาตัดสินใจง่ายมากที่จะช่วยเหลือปลื้มในวันนั้น
“กูคิดว่ามันควรจะพอสักที” ดวงตาของแทนเริ่มว่างเปล่า ไม่มีหยดน้ำตาไหลรินลงมาอีกแล้วมีเพียงคราบน้ำตาเท่านั้น
เขาเหนื่อยแล้ว เขารู้สึกท้อ และรู้สึกแย่กับเื่นี้มามากพอแล้ว
เขาใช้เวลาในการรักคนคนหนึ่งมาถึงสี่ปีมันคงถึงเวลาที่เขาจะหันมารักตัวเองบ้างสักที แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รักอีกคนแล้วหรอกนะ
แทนยังรัก
แต่หลังจากนี้คงพอแล้ว
“ไม่เอาดิ” ปลื้มจับแขนของอีกคนแน่นขึ้น “ไม่เอาแบบนี้”
“ที่กูอยากเจอมึงมาตลอดหลายวันไม่ใช่เพราะกูอยากให้เรากลับมาดีกัน”
“...”
“แค่ไม่อยากให้มันมีเื่ค้างคาในใจของเราทั้งคู่”
“...”
“กูรู้ว่ายังไงมึงก็ยอมรับเื่ของกูกับเรนไม่ได้หรอก เื่นี้มันค่อนข้างที่จะโหดร้ายกับมึงไปหน่อย”
“...”
“แต่อย่างน้อยกูก็อยากให้เรายังพอมองหน้ากันได้บ้าง” รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นพร้อมกับแขนเรียวที่บิดออกไปจากฝ่ามือของอีกคน ขาเรียวยาวก้าวถอยหลังไปสองก้าว
“แทน” เสียงทุ้มสั่นคลอนอย่างเห็นได้ชัด “กูเข้าใจแล้วแทน กูจะพยายามรับให้ได้ กูแค่อยากขอเวลาหน่อย” แค่ให้เวลาเขาทำใจผ่านเื่นี้ไปได้ ปลื้มสัญญาว่าเขาจะทำมันให้ได้
“อย่าฝืนเลยปลื้ม”
“ไม่แทน” ร่างสูงยื่นมือไปตรงหน้าอีกครั้งแต่กลับไม่ถึงตัวของอีกคน เพราะระยะห่างระหว่างเราสองคนที่เพิ่มขึ้นในตอนที่แทนเดินถอยหลังไปก่อนหน้านี้
“...”
“กูก็ชอบมึงแทน วันนั้นกูก็รู้สึกเหมือนมึง” ได้โปรดอย่าบอกว่าจะพอเลย
“ก็ว่าอยู่ ไม่งั้นมึงจะเอาร่มมาให้กูทำไม” อัลฟ่ากลิ่นฝนเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มที่กว้างขึ้น น้ำตาที่แห้งเหือดไปก่อนหน้านี่เริ่มเอ่อคลอขึ้นมาอีกครั้ง
“ขอเวลาให้กู แล้วเรามาเริ่มต้นใหม่กันนะ” ปลื้มพยายามยิ้มตอบอีกคนกลับไป ขายาวพาร่างของตัวเองขยับเข้าไปใกล้คนตรงหน้าแต่แทนก็ถอยหลังหนีออกไปเช่นเดิมปลื้มจึงหยุดยืนนิ่งอยู่กับที่ เขาส่งสายตาอ้อนวอนไปให้อีกคน
“ไม่ดีกว่า”
แทนเอ่ยเพียงเท่านั้น ก่อนจะหมุนตัวหันหลังให้กลับปลื้ม
“ไหนมึงบอกกูว่ามึงหันหลังให้กูไม่ได้ไง”
แปะ
แทนเงยหน้าขึ้นมองไปบนท้องฟ้าเมื่อรู้สึกได้ถึงน้ำหนึ่งหยดตกลงมากระทบที่หัวไหล่ของเขา ก้อนเมฆก้อนใหญ่กำลังลอยตัวอยู่เหนือหัวของพวกเขาไร้เงาของแสงดวงดาวบนท้องฟ้า สายลมรอบตัวเริ่มพัดอย่างเอื่อยเฉื่อย
อ่า...ฝนตกอีกแล้วสินะ
“ทะ...”
“แต่วันนี้กูทำได้แล้ว” ใบหน้าสวยลดระดับลงมาอยู่เท่าเดิม “กูหันหลังให้มึงได้แล้วปลื้ม”
ซ่า
ฝนห่าใหญ่ตกลงมาพร้อมกับขาเรียวที่เริ่มออกตัววิ่งไปด้านหน้า
เมื่อสี่ปีก่อนเป็แทนที่ยืนมองแผ่นหลังของปลื้ม
สี่ปีต่อมาเป็ปลื้มที่ยืนมองแผ่นหลังของแทนหายลับไปท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมา
“เป็กูต่อยร่วงตรงนั้นแล้ว”
เสียงของจีนดังขึ้นหลังจากที่ปลื้มยอมเปิดปากเล่าเื่ทุกอย่างให้เพื่อนฟัง
พวกเขาทั้งสี่คนได้ย้ายที่อยู่จากลานหน้าคณะศิลปกรรมฯมาที่ห้องของปลื้มเนื่องจากฝนที่ตกลงมาทำให้งานต้องหยุดชะงักลงกว่าจะจัดต่อได้ก็ต้องรอให้เฝนหยุด ซึ่งมันก็ไม่ได้สนุกแล้วสำหรับพวกเขา บวกกับสภาพของเพื่อนรักที่เดินกลับมาแบบตัวเปียกโชกก็ยิ่งทำให้หมดสนุกมากกว่าเดิม
“นิสัยปากหมา ปากพล่อยของมึงนี่ควรได้รับการแก้ไขนะปลื้มนะ”
“แล้วจะเอายังไงต่อ” ปากก็เอ่ยถามส่วนมือก็ขยี้ลงบนผ้าที่วางอยู่บนหัวของอีกคนไปด้วย
“กูก็ไม่รู้ว่ะ”
“ชีวิตมึงช่วยรู้อะไรบ้างเถอะปลื้ม”
“กูไม่อยากเสียแทนไป แต่กูก็ยังอยากขอเวลาทำใจเื่เรนก่อน”
“ยังจะขอเวลาอะไรอีก แทนมันไม่เอามึงแล้ว” คำพูดของจีนเหมือนมีดที่ปักลงบนใจของปลื้ม
กูรู้แล้ว มึงช่วยหยุดซ้ำเติมกูสักทีได้มั้ยวะ
“ที่จริงแล้วมึงไม่ต้องคิดมากอะไรเลยปลื้มในเมื่อเื่ทั้งหมดมันเกิดขึ้นก่อนที่มันจะมาเจอมึงด้วยซ้ำ” พีคยื่นมือไปจับมือของจีนที่กำลังเช็ดผมให้ปลื้มอยู่ออก เพื่อให้ปลื้มโฟกัสกับสิ่งที่เขากำลังพูด “ตอนนั้นมึงกับมันแม่งยังเป็แค่คนแปลกหน้ากันอยู่เลย”
“กูถามไรหน่อยดิปลื้ม” อัลฟ่าหนุ่มละสายตาออกจากใบหน้าของพีคไปมองเก่งแทน
“ตอนที่มึงบอกมันว่ามึงไม่น่ามาชอบคนอย่างมัน แล้วคนแบบไหนที่มึงควรชอบวะ”
“...”
“มึงคาดหวังให้เป็อย่างไงถึงจะคู่ควรกับคำว่าชอบของมึง”
“ที่กูพูดไปแบบนั้นก็เพราะว่ากูกำลังโกรธ” คิดแล้วก็อยากจะย้อนกลับไปต่อยปากตัวเองตอนนั้นชะมัด “ที่จริงแล้วกูไม่เคยคาดหวังให้มันเป็แบบไหนเลย กูชอบมันก็เพราะว่ามันเป็ตัวมัน แค่นั้น”
“อ่าฮะ แต่มึงรู้ใช่ป่ะว่าเราทุกคนกว่าจะเติบโตมาเป็เราในวันนี้ได้มันต้องผ่านอดีตมาด้วยกันทั้งนั้น”
“...”
“มันก็ต้องมีชีวิตของมันก่อนจะมาเจอมึง มึงเอง...” นิ้วชี้ยาวจิ้มลงมาบนอกของปลื้ม “ก็มีชีวิตของมึงก่อนที่จะมาเจอมันเหมือนกัน”
“มึง้าจะบอกอะไรมันกันแน่วะไอ้เก่ง”
“มึงบอกว่ามึงชอบมันที่เป็มันใช่ป่ะ” เก่งหันไปมองหน้าพีคที่ถามขึ้นก่อนจะกลับมาสนใจปลื้มต่อ
“ใช่”
“แต่มันจะเป็มันที่มึงชอบในทุกวันนี้ได้มันก็ต้องผ่านอดีตมาก่อนไง”
“ไอ้เหี้ยเพื่อนกูจะคมหรอ”
“ใช่เวลามั้ย” โอเมก้าคนเดียวในกลุ่มหันไปดุใส่พีคที่พูดเล่นไม่ดูเวล่ำเวลา
“เพราะงั้นถ้ามึงชอบมันที่เป็มัน”
“แม่งจะมันเป็มันอะไรนักหนากูงงไปหมดแล้วเนี่ย” จีนที่พยายามฟังและคิดตามไปด้วยแต่ก็ยังงงกับคำพูดที่เพื่อนเลือกใช้อดที่จะวีนออกมาไม่ได้
“มึงก็ต้องยอมรับอดีตของมันให้ได้ดิ”
“มันไม่ง่ายเลยนะมึง”
“อย่าไปคิดว่าคนที่มันเคยผ่านมาก่อนคือเรนที่เป็แฟนเก่าของมึงจากมุมปลื้มที่เคยคบกับเรน”
“...”
“แต่มึงต้องมองว่ามันก็แค่คนคนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของไอ้แทนก่อนที่มันจะมาเจอมึง”
“ทำไมมึงบอกให้เพื่อนเป็คนเห็นแก่ตัวแบบนี้วะไอ้เก่ง ถึงกูเองจะไม่ค่อยชอบเรนเหมือนกัน แต่แบบนี้มันก็ดูจะใจร้ายกับเขาไปหน่อยนะกูว่า”
“บางครั้งเราก็ต้องยอมเห็นแก่ตัวเพื่อความสุขของตัวเอง” เก่งเอ่ยย้อนพีคกลับไป “คนเราทุกคนมันก็เป็แบบนี้กันอยู่แล้วไม่ใช่หรอวะ”
“เทียบกับที่อิเรนมันเคยทำกับไอ้ปลื้มไว้กูว่าก็หักลบกันได้อยู่นะ”
แกร๊ก...
เสียงดังที่หน้าประตูทำให้สายตาทั้งสี่คู่หันไปมองอย่างพร้อมเพรียง ไม่มีใครเอ่ยพูดหรือขยับตัวไปไหนจนกระทั่งบานประตูค่อยๆถูกผลักเข้ามา
“ไม่ใช่อิเรนตายยากอีกนะ” จีนพึมพำ เพราะปลื้มยังไม่ได้เปลี่ยนรหัสล็อกห้องแล้วแม่นางตัวดีก็รู้รหัสนั้นเป็อย่างดี
“กูบอกนิติคอนโดฯแล้วว่าถ้าเรนมาต้องแจ้งกูก่อนห้ามให้ขึ้นมาเลย”
“งั้นใคร”
“อาจจะเป็ทะ...” อีกคนที่น่าจะเป็ไปได้ก็คือแทน
“เซอร์ไพรส์!” ผู้ชายที่มีใบหน้าเหมือนปลื้มทุกกระเบียดนิ้วปรากฏตัวขึ้น “อ้าวอยู่กันครบเลยหรอ”
“ไอ้ปลาบ” เป็พีคที่ตั้งสติได้คนแรกแล้วเอ่ยเรียกชื่อของผู้มาใหม่ออกไป
“เออกูเอง ดึกขนาดนี้แล้วพวกมึงยังไม่แยกย้ายกันอีกหรอวะ”
“มึงมาได้ไงอะ”
“พี่คงจะวิ่งมาน้องรัก ปารีสก็แค่หน้าปากซอย”
“เอาดีๆ ทำไมแม่ไม่เห็นบอกอะไรกูเลย” ปลื้มไปอยู่บ้านตั้งหลายวันไม่เห็นมีใครเอ่ยถึงเื่ที่ปลาบจะกลับมาไทยเลยสักคน
“แม่ก็ไม่รู้ไง กูตั้งใจจะกลับมาเซอร์ไพรส์ทุกคน” ชายหนุ่มตอบพร้อมกับเดินไปทิ้งตัวนั่งลงด้านข้างกับพีค
“ทำอะไรกันอยู่วะ”
“เรียกสติน้องชายมึงอยู่” ว่างพลางชี้นิ้วไปยังคนที่ตัวเองพาดพิงถึง
“เกิดไรขึ้นวะ”
“อัปเดตจากสถานการณ์ล่าสุดคือโดนเขาทิ้งั้แ่ยังไม่ได้คบเพราะทำตัวเอง”
“อ้าวไหนแม่บอกว่ามึงมีแฟนแล้ว ทำไมยังไม่ได้คบอะ” ชีวิตรักล่าสุดของน้องชายที่ปลาบรู้ก็คืออีกคนมีแฟนแล้วนี่นา
“ข่าวเก่าแล้ว คนนั้นเลิกไปแล้ว อันนี้คนใหม่”
“เร็วมากกูยังไม่เคยเห็นหน้าอดีตน้องสะใภ้ชัดๆเลย” เห็นแต่ในสตอรี่ไอจีที่ปลื้มลงแบบแวบๆ แต่ก็ไม่เคยเข้าไปส่องอะไรจริงจังเพราะรู้สึกว่าไม่ได้อยากรู้อะไรมากมายขนาดนั้น
“จริงป่ะเนี่ย มึงไม่เคยเจอเรนเลยหรอ มันคบกับไอ้ปลื้มตั้งสองปีเลยนะ” คนตัวเล็กที่สุดถามขึ้นมาด้วยสีหน้าที่แปลกใจไม่น้อย
“โควิดไง สองปีนี้เพราะโควิดกูเลยไม่ได้บินกลับมาเห็นหน้าน้องสะใภ้ตัวเป็ๆเลย” เพราะโรคติดต่อที่ระบาดอยู่ทำให้การเดินทางข้ามประเทศนั้นเป็เื่ที่ค่อนข้างยุ่งยาก ปลาบจึงไม่ได้บินกลับมาบ้านเลยเป็ระยะเวลาสองปีเต็ม
“แม่บอกถ่ายรูปส่งให้มึงดูแล้ว”
“อ๋อเออ คนนั้นหรอวะ งั้นก็เป็คน...”
“ใช่คนนั้นแหละ” ยังไม่ทันที่ปลาบจะพูดจบประโยคปลื้มก็พูดตัดหน้าเขาขึ้นมาเสียก่อน
“เลิกพูดถึงคนเก่าดีกว่า เพราะตอนนี้น้องมึงกำลังช้ำใจกับคนใหม่อยู่” เก่งบอกพร้อมกับยกมือขึ้นมาตบลงบนบ่าของปลื้มเบาๆ
“เดี๋ยวดิ กูไม่คิดเลยนะว่ามึงจะคบกับคนนี้อะ”
“ทำไมวะ”
“มึงพูดเหมือนมึงรู้จักเขาเลยนะ”
“ก็ไม่ชัวร์ว่ะ แต่กูขอดูหน้าชัดๆอีกทีได้ป่ะ” จีนมองหน้าปลาบอย่างจับผิดก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจัดการกดรูปให้อีกคนดูตามที่ขอ “ชัดเลยคนนี้แหละ กูว่าจะถามมึงั้แ่ตอนเห็นรูปละ แต่ตอนนั้นสงสัยจะลืม”
“สรุปคือมึงรู้จักหรอ” ทุกสายตาถูกมองมาที่ปลาบอีกครั้ง จนเ้าตัวเริ่มรู้สึกเหมือนว่าตัวเองทำอะไรผิดไปหรือเปล่า
“ก็ไม่เชิงรู้จักนะ”
“มึงอยู่ฝรั่งเศสตลอด มึงจะรู้จักเรนได้ไง” ปลื้มหรี่ตามองพี่ชายอย่างจับผิด
“มึงจำตอนที่มึงอยู่มอห้าได้ป่ะ ที่กูกลับจากฝรั่งเศสมาเที่ยวที่ไทยพร้อมกับพ่ออะ” ปลื้มลองนึกทบทวนตามคำพูดของผู้เป็พี่ “ที่กูขอไปเรียนแทนมึงหนึ่งวันไง” เมื่อเห็นว่าน้องชายยังนึกไม่ออกเขาจึงพูดคีย์เวิร์ดที่พอจะช่วยกระตุ้นความทรงจำของอีกฝ่ายได้บ้างขึ้นมา
“อ๋อกูจำได้ละ” แต่คนที่จำได้ก่อนกลับเป็พีคเสียอย่างนั้น
“พวกมึงเคยทำอะไรกันแบบนั้นด้วยหรอวะ ทำไมกูจำเหี้ยไรไม่ได้เลย”
“กูนึกออกละ วันนั้นมึงลาป่วยไงจีน เหมือนมึงจะอยู่ใน่ฮีทมั้งถ้ากูจำไม่ผิด” เก่งหันไปอธิบายกับจีนว่าทำไมคนตัวเล็กถึงได้ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้
“ใช่ วันนั้นมึงไม่ได้ไปเรียนจีน”
“ที่มึงให้กูหลอกแม่ว่าเป็มึง แล้วมึงก็ไปเรียนแทนกูแต่สุดท้ายแม่จับได้เลยโดนลงโทษให้หันหน้าเข้ากำแพงทั้งคู่อะนะ”
“ถูกต้องนะค้าบ” ปลาบทำมือเป็เครื่องหมายถูกชี้ไปที่หน้าของปลื้ม
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรนวะ”
“มึงเคยเจอเรนที่โรงเรียนพวกกูหรอ”
“ใช่”
“ทำไมกูจำไม่ได้เลยวะ เรนเรียนโรงเรียนเดียวกับเราหรอ” ทั้งสี่คนหันไปมองหน้ากันด้วยความงงเหมือนไก่ตาแตก
“ไม่นะ กูเคยเห็นรูปตอนมอหกของมันไม่ได้เรียนโรงเรียนเดียวกับเราอะ”
“ใช่ กูเคยถามเรนอยู่ว่าจบมาจากโรงเรียนไหนเขาก็ไม่ได้บอกว่าจบมาจากโรงเรียนเรานะเว้ย”
“มึงมั่วป่ะเนี่ยปลาบ มันก็ผ่านมาหลายปีแล้วไม่ใช่มึงจำผิดคนนะ”
“No” ชายหนุ่มส่ายหัวปฏิเสธ เขามั่นใจว่าเขาไม่มีทางจำผิดอย่างแน่นอน เพราะเหตุการณ์ในวันนั้นที่เกิดขึ้นมันยังทำให้เขารู้สึกผิดอยู่นิดหน่อยจนถึงตอนนี้ “กูจำไม่ผิดคนแน่”
“แล้วมึงไปเห็นเขาได้ยังไง กูเรียนอยู่ในโรงเรียนมาตั้งหลายปียังไม่เคยเห็นเรนเลย”
“แต่มึง เราก็ไม่ได้รู้จักเพื่อนทุกคนในรุ่นนะ บางคนกูพึ่งเคยเห็นหน้าตอนถ่ายรูปรวมรุ่นในงานปัจฉิมอะ” จีนเอ่ยแย้งขึ้นมา
“ก็อาจจะจริงที่เราไม่ได้รู้จักเพื่อนตอนมอหกทั้งสายชั้นแต่ถ้าไอ้ปลาบเจอพวกกูสองคนก็ต้องเจอด้วยดิ เพราะพวกกูประกบมันตลอด”
“ไม่ดิ” เก่งยกมือขึ้นเหมือน้าห้ามพีคที่กำลังพูดอยู่ “หลังกินข้าวเสร็จเราทิ้งมันไว้ที่โรงอาหารคนเดียว” ตอนนั้นเขาชวนปลาบไปเข้าห้องน้ำด้วยกันแต่เ้าตัวไม่ยอมไปบอกห้องน้ำโรงเรียนที่ไทยเหม็นกลิ่นอะไรก็ไม่รู้ จึงมีแค่เขากับพีคสองคนที่ไปเข้าห้องน้ำ
“จริงด้วยว่ะ”
“คือวันนั้นอะหลังจากที่มึงสองคนไปเข้าห้องน้ำใช่ป่ะ ก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งเดินมาหากูที่โต๊ะ เขาเอาช็อกโกแลตให้กูแล้วก็บอกว่าเขาชอบกูมาก รวบรวมความกล้ามาเพื่อสารภาพรักกูในวันนี้ แล้วก็ถามกูว่าขอโอกาสได้มั้ยอะไรประมาณนี้มั้งถ้าจำไม่ผิด”
“แล้วมึงตอบไปว่าอะไร”
“ไม่รู้ดิ” เสียงของปลาบเรียบนิ่ง “ปกติสนใจป่ะถ้าไม่ก็ไม่อะ”
“น้ำเสียงนี้เลยหรอ” ถ้าใช่ก็คือแย่อยู่นะ
“Yes” เหมือนจะดันช็อกโกแลตคืนเขาไปด้วยมั้งถ้าจำไม่ผิด “แต่กูยังพูดไม่จบ กูจะบอกว่าไม่ กูไม่ใช่ไอ้ปลื้ม แต่เขาฟังแค่คำว่าไม่แล้วก็วิ่งหนีหายไปเลย” นี่แหละคือสาเหตุของความรู้สึกผิดเล็กๆที่เกิดขึ้นกับเขาเพราะเหตุการณ์นี้
“แย่จัด”
“กูยังกลับมาเล่าให้มึงฟังอยู่เลย แต่มึงก็ไม่สนใจไง บอกว่ากูตอบไปแบบนั้นก็ดีแล้วเพราะเวลาที่มีใครมาสารภาพรักกับมึง มึงก็ปฏิเสธเขาไปทุกคน”
“กูเชื่อแล้วว่าโลกเราแม่งกลมจริง”
“แต่ทำไมตอนที่ไอ้ปลื้มไปตามจีบเรน เขาถึงไม่เคยพูดอะไรเกี่ยวกับเื่นี้เลยวะ”
“เดี๋ยวก่อนพวกมึง” จีนยกมือขึ้นมาห้ามทุกคนเหมือน้าจะพูดอะไร “กูว่ากูรู้แล้วว่าทำไมถึงไม่มีรูปเรนในหนังสือรุ่นปีเรา”
“...”
“ตอนมอห้ามีเด็กคนหนึ่งย้ายออกกลางเทอม พวกมึงจำได้มั้ย”
“อ่าฮะ ข่าวดังอยู่นะแต่เป็เด็กห้องหกไม่ใช่ห้องเราไงเลยไม่ได้สนใจเท่าไร”
“เขาลาออกไปหลังจากกูกลับมาเรียนได้หนึ่งอาทิตย์”
“แล้วยังไง”
“กูเคยได้ยินเพื่อนคุยกันว่าลาออกเพราะโดนเพื่อนล้อจนเป็ซึมเศร้าเรียนต่อไม่ไหวพ่อแม่เลยพามาลาออก”
“...”
“กูว่าเด็กคนนั้นคือเรนว่ะ”