“เฮ้อ น้องสะใภ้ เ้านี่ช่าง…เอาเช่นนี้ น้องสะใภ้ถือหุ้นสี่ส่วน ข้าจะมาเอาเปรียบเ้าไม่ได้ หากน้องสะใภ้ตกลง ธุรกิจนี้ย่อมสามารถทำได้”
“ก็ได้เ้าค่ะ เช่นนั้นพรุ่งนี้พวกเรามาทำสัญญากัน เหลียงต้าเกอเตรียมการเสร็จแล้วช่วยบอกวันเปิดร้านให้ข้าทราบ ข้าจะได้เตรียมส่วนผสมไว้” หลินหวั่นชิวรู้สึกว่าเหลียงหู่นิสัยดี ไม่ได้คิดแต่จะเอาเปรียบก็สบายใจ
ด้วยเหตุนี้ ธุรกิจจึงถูกตกลงบนโต๊ะอาหาร
ส่งแขกกลับไป เจียงหงหย่วนตามหลินหวั่นชิวไปที่ห้องนาง พูดอย่างคับแค้นใจว่า “ภรรยาจ๋า เหมือนว่าเ้าจะหาเงินเก่งกว่าข้านะ”
กระไรกัน ภรรยาตัวน้อยทั้งหาเงินจากน้ำพะโล้ได้ ทั้งคัดหนังสือหาเงิน…เจียงหงหย่วนรู้สึกถึงวิกฤตอย่างรุนแรง
“ท่านไม่สงสัยบ้างหรือว่าข้าเอาสูตรพวกนี้มาจากที่ใด?” หลินหวั่นชิวหันไปถามเขา
“ซือไท่สอนให้อีกล่ะสิ!” เจียงหงหย่วนพูด ในใจเขาไม่เชื่อนาง แต่กระนั้นก็เคารพในความลับของภรรยาตัวน้อย
หลินหวั่นชิว “…”
ขนาดนางฟังเองยังไม่เชื่อ!
แม่ชีที่ใดจะมีสูตรทำเนื้อสัตว์เยอะขนาดนี้
แต่เจียงหงหย่วนเชื่อก็พอ นางจะได้ไม่ต้องหาข้ออ้างมาอธิบายให้ยุ่งยาก
“ท่านไม่ชอบให้ข้าหาเงิน?” หลินหวั่นชิวถาม
เจียงหงหย่วนส่ายหน้า “ไม่ใช่ ข้าไม่มีกระไรขัดข้องที่เ้าหาเงินส่วนตัว” แต่เขาต้องพยายามมากขึ้นเสียแล้ว ไม่เช่นนั้นอาจโดนภรรยาตัวน้อยดูถูกเอาได้
“รีบไปที่บ่อนเถิด ไปสายระวังจะโดนหักเงิน” หลินหวั่นชิวโดนสายตาเป็ประกายของเจียงหงหย่วนจ้องจนทำตัวไม่ถูกจึงเร่งให้เขารีบไปทำงาน
ช่วยไม่ได้ เจียงหงหย่วนทำได้เพียงออกไปทำงานเท่านั้น
หลินหวั่นชิวหลับไปงีบหนึ่งก็ตื่นมาซื้ออุปกรณ์วาดภาพหนึ่งชุดจากเสียนอวี๋ จากนั้นตัดกระดาษเป็สี่เหลี่ยมสีขาว ขีดเขียนวาดๆ กระไรลงไป
นางจะวาดสูตรอาหารออกมา บ้านหลังนี้มีหน้าร้านสองห้อง หลินหวั่นชิววางแผนว่าจะเปิดเป็ร้านหนังสือ
นางไม่ได้จะเปิดร้านหนังสือธรรมดาทั่วไป แต่เป็ร้านหนังสือที่มีกลุ่มลูกค้าเป็บรรดาสตรีหรือฟู่เหรินที่แต่งงานแล้วโดยเฉพาะ จะบอกว่าเป็หนังสือยุคใหม่ย่อมได้เช่นกัน
แิดีก็จริง แต่จะหาเงินได้จริงหรือไม่คงต้องลองดูเสียก่อน
สูตรอาหารนี้เป็หนังสือเล่มแรกที่นางจะสร้างชื่อให้ร้านหนังสือ
นางคิดไว้หมดแล้วว่าจะขายหนังสือกระไรบ้าง ่แรกยังไม่ต้องมีหนังสือหลากหลากมากนัก มีแค่หนังสือสูตรอาหาร หนังสือความงาม หนังสือนิทานภาพที่เหมาะกับสตรี และหนังสือเกี่ยวกับเสื้อผ้า…
หนังสือพวกนี้ล้วนไม่ยาก แค่ซื้อหนังสือที่เกี่ยวข้องกันมาจากเสียนอวี๋ จากนั้นวาดตามออกมาหนึ่งเล่ม ที่เหลือมอบให้เป็หน้าที่ของห้องหัตถการ ทำซ้ำออกมาก็เอาไปขายได้แล้ว
ภายในเวลาสั้นๆ สมองของหลินหวั่นชิวมีความคิดต่างๆ ผุดขึ้นมานับไม่ถ้วน แรงบันดาลใจพรั่งพรูจนหยุดไม่อยู่
นางเคยเรียนวาดภาพประกอบ ฝีมือในการวาดภาพจึงถือว่าดี ภาพประกอบสูตรอาหารที่นางวาดออกมาดูเข้าใจง่ายมาก ใช้สีสันสดใส ดูแล้วมีชีวิตชีวา มองเพียงแวบเดียวก็เข้าใจ
หนังสือตำรับอาหารเช่นนี้ยังไม่มีในยุคต้าโจว ไม่ใช่แค่ตำรับอาหารเช่นนี้ที่ไม่มี นางเข้าร้านหนังสือมาหลายแห่ง แค่ตำรับอาหารปกติทั่วไปก็ยังไม่มี
อาหารที่นางทำออกมามีแต่อาหารที่กินกันเป็ปกติในบ้าน แต่สำหรับยุคต้าโจว อาหารในบ้านที่นางรู้จักพวกนี้เป็อาหารจานใหญ่ที่ขึ้นโต๊ะ
อาหารในประเทศจีนยุคปัจจุบันพัฒนาไปหลายแขนง มีนักธุรกิจออกมาแนะนำอาหารใหม่ๆ ทุกปี สามารถพูดได้ว่าอาหารอร่อยคือสิ่งที่อยู่ยงคงกระพันบนโลกมาทุกยุค
หากนำอาหารเ่าั้มาทำในยุคต้าโจวที่ยุคสมัยแตกต่างกันมาก มันย่อมต้องกลายเป็ของที่สุดยอดมากเช่นกัน
หลินหวั่นชิวใช้เวลาทั้งบ่ายวาดสูตรอาหารปึกใหญ่ เพียงสองวัน สูตรอาหารเล่มแรกของนางก็วาดเสร็จแล้ว
นางตั้งชื่อให้สูตรอาหารเล่มนี้ว่า ‘รวมสุดยอดตำรับ’ นี่เป็เล่มแรก มีทั้งหมดสิบรายการ มีทั้งแบบร้อนแบบเย็น รวมถึงปลากระรอกที่เหลียงหู่สองสามีภรรยาชมไม่หยุดปาก หลินหวั่นชิววางแผนว่าถ้าขายดีจะออกเล่มสองติดต่อกันเลย
นางวาดภาพหน้าปกของ ‘รวมสุดยอดตำรับ’ เป็รูปอาหารแบบการ์ตูนภาพเสมือนจริง มองแล้วเจริญอาหารยิ่งขึ้น
นางวาดภาพใบเฟิงไว้บนหน้าปกเพื่อเป็ตัวแทนของชื่อผู้แต่ง เขียนราคาไว้ด้านหลัง ‘สิบตำลึง’
ราคาค่อนข้างแพง แต่หลินหวั่นชิวไม่อยากขายตำรับอาหารพวกนี้ในราคาถูก
เหตุผลก็ง่ายมาก หากหนังสือถูกเกินไปย่อมหมายความว่าสูตรอาหารด้านในราคาถูกเช่นกัน เช่นนี้แล้วคนมีเงินจะไม่อยากซื้อ
เวลาครอบครัวคนธรรมดาทำอาหารล้วนไม่กล้าใส่น้ำมันและเกลือ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเครื่องปรุงอื่นๆ สูตรอาหารของนางใช้วัตถุดิบหลายอย่าง อีกทั้งครอบครัวคนธรรมดาก็ไม่ซื้อสูตรอาหารอยู่แล้ว
อย่างไรเสียนางก็แค่ลองดู ร้านที่นางเปิดมุ่งเน้นเื่ความเลิศล้ำ ไม่ได้หวังว่าต้องขายได้มาก แค่มีเงินเข้าทุกวันเป็พอ
ตอนที่หลินหวั่นชิวใส่สูตรอาหารกับหมึกกระดาษต่างๆ ลงในห้องหัตถการเสียนอวี๋ นางตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่าตรงจุดที่ไม่สะดุดตานักมีปุ่มเล็กๆ อยู่หนึ่งปุ่ม ้าเขียนว่าระดับความคล้ายคลึง ด้านหลังเป็ช่องว่าง
นางคิดไปคิดมาแล้วใส่คำว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์เข้าไปในช่อง จากนั้นเลือกทำซ้ำหนึ่งชุด ตอนที่ของทำเสร็จออกมา
โอ้โห ใช้ได้เลย อักษรและภาพทุกหน้าล้วนมีจุดต่างกันเล็กน้อย แต่ดูโดยรวมแล้วไม่ต่างกันมาก ไม่มีผลต่อความรู้สึก
นางดีใจ
ขณะเดียวกันก็ด่าช่องใส่ตัวเลขไปด้วย จะเล็กกระไรเช่นนั้น ทำให้ครั้งก่อนนางไม่ทันเห็น
นางลองทำซ้ำสองสามครั้งจนเข้าใจ หากไม่ใส่ระดับความเหมือนลงในช่อง เช่นนั้นระบบจะทำแบบร้อยเปอร์เซ็นต์โดยอัตโนมัติ
แต่การใส่ระดับความคล้ายคลึงเพื่อทำซ้ำหนึ่งเล่มต้องจ่ายเงินเพิ่มต่างหากสิบหยวน
หลินหวั่นชิวตั้งราคาขายไว้ที่เล่มละสิบตำลึง ดังนั้นนางจึงไม่กังวลเลยสักนิด
นางทำซ้ำั้แ่ระดับความคล้ายคลึงที่แปดสิบไปจนถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ทำออกมาได้ร้อยเล่มจึงหยุดมือ
หลังทำสูตรอาหารเสร็จ นางลุกขึ้นเดินวนรอบห้อง นำสมุดบันทึกออกมาเขียนแผนการ จดหนังสือที่อยากทำลงไปทั้งหมด แบบนี้จะได้ง่ายต่อการจัดการ
จากนั้น นางวัดขนาดหน้าร้านให้เรียบร้อย วางแผนว่าจะตกแต่งอย่างไร
หลินหวั่นชิวยุ่งอยู่เช่นนั้นสองสามวัน เจียงหงหย่วนกลับไปที่หมู่บ้านเค่าซานอีกครั้ง พาหนิงผานสองพี่น้องไปส่ง ฝากให้พวกฟู่กุ้ยช่วยสร้างกระท่อมไม้สองหลังให้สองพี่น้องอยู่ชั่วคราว
บอกกับคนนอกว่าพวกเขามาช่วยเฝ้าที่ก่อสร้าง
