หลิวซานกุ้ยไม่รู้ว่าแม่ยายมีความสุขด้วยเื่อันใด หลังจากล้างหน้าล้างตาเสร็จก็พบว่าจางกุ้ยฮัวไม่อยู่
“ท่านแม่ แล้วกุ้ยฮัวล่ะ?”
“โอ้ นางทำความสะอาดเล้าไก่แล้วเหนื่อย ข้าจึงให้นางไปพักผ่อนในห้อง เ้าไปเรียกนางมาทานข้าวเร็ว” เฉินซื่อทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
หลิวซานกุ้ยเดินไปที่ห้องอย่างว่าง่าย เมื่อเห็นจางกุ้ยฮัวดูเหนื่อยล้าจริงๆ จึงเอ่ย “หลังจากทานข้าว ข้าจะนำเกวียนลาพาเ้าไปหาหมอที่ตำบล หลายคืนมานี้เ้าลุกกลางดึกบ่อย คงไม่ใช่ท้องไส้ไม่ดีหรอกนะ?”
จางกุ้ยฮัวกลอกตามองบนใส่เขา ก่อนจะตอบตกลง
หลังอาหารกลางวัน หลิวซานกุ้ยนั่งดื่มชาอุ่นครึ่งถ้วย เมื่อพักได้ที่แล้วก็ไปประกอบเกวียนลา ทั้งสองออกไปจนถึงยามเว่ย ซึ่งก็คือเวลาบ่ายสองของโลกยุคปัจจุบันจึงกลับมา
“เ้าอย่าขยับ ข้าเอง ให้ข้าช่วย”
หลิวซานกุ้ยช่วยพยุงจางกุ้ยฮัวลงจากรถเหมือนของล้ำค่า ขณะที่เฉินซื่อออกมาจากห้องโถง เห็นแล้วก็ยิ้ม “เห็นทีแม่คงต้องเตรียมไข่ไก่แล้ว”
“ท่านแม่ ท่านบอกเองว่าห้ามพูดเสียงดัง!” จางกุ้ยฮัวนานๆ ทีจะแสดงท่าทีแง่งอนเหมือนเด็กน้อย
หลิวซานกุ้ยยืนอยู่ข้างๆ แล้วยิ้มอย่างมีความสุข
ในไม่ช้าทุกคนในครอบครัวก็รู้ว่าจางกุ้ยฮัวกำลังตั้งครรภ์
ด้วยวาสนาของจางกุ้ยฮัว หลิวเต้าเซียงก็ยิ่งกล้าจับจ่ายซื้ออาหารดีๆ เฉินซื่อยิ่งแล้วใหญ่ เมื่อเอ่ยปากก็สั่งให้หลิวเต้าเซียงซื้อนั่นซื้อนี่ในตำบลกลับมาทุกวี่ทุกวัน
ทุกคนในครอบครัวรู้ดีว่าหลิวเต้าเซียงเป็คนมีเงิน จึงคาดคะเนได้ว่าในมือของนางยังพอมีเงินไม่น้อย ใครใช้ให้เด็กคนนี้เ้าเล่ห์และไม่ยอมปริปาก!
ตามธรรมเนียมในหมู่บ้านสามสิบลี้จะมีการประคองครรภ์ เวลาตั้งครรภ์สามเดือนแรกห้ามบอกกล่าวออกไป เพราะเด็กจะอ่อนแอบอบบาง หากว่าพูดถึงบ่อยครั้งเกินไปอาจจะหลุดได้
เื่นี้ ทั้งครอบครัวจึงได้แต่แอบดีใจกันเงียบๆ
วันเวลาผ่านไป ครอบครัวของหลิวเต้าเซียงอยู่ในหนทางของความมั่งคั่งมากขึ้นเรื่อยๆ วันเวลาที่ปราศจากการกดขี่ของหลิวฉีซื่อ มีเพียงบางคราที่ครอบครัวหลิวเหรินกุ้ยจะพากันมากินข้าวที่บ้านนาง
วันหนึ่งใน่กลางเดือนเมษายน หลังจากที่ให้อาหารไก่กับหมูเสร็จเรียบร้อย สามพี่น้องตระกูลหลิวก็เตรียมไปเล่นกับหลี่ชุ่ยฮัวเด็กอ้วน
ขณะที่เดินผ่านหน้าประตูบ้านหลี่เจิ้ง หลิวเต้าเซียงตาแหลม จึงส่งเสียงเอะใจ
หลิวชิวเซียงมองตามไป คิ้วสวยเลิกขึ้น “เหตุใดป้ารองจึงมาอยู่ที่นี่ได้?”
“ข้าไม่รู้!” หลิวเต้าเซียงยังคงรู้สึกแปลกๆ จากนั้นนางก็เห็นหวงเสียวหู่ “เอ ดูพี่หูจื่อไม่ค่อยมีความสุขเท่าใด!”
“ท่านย่าหวงคงไม่ได้จะให้เขาเล่าเรียนอีกแล้วหรอกนะ!” หลิวชิวเซียงนึกถึงท่าทีปวดศีรษะของหวงเสียวหู่ก็อยากหัวเราะ
“หู หู หู...!” หลิวชุนเซียงกำลังบิดตัวอยู่ในอ้อมแขนของหลิวชิวเซียง ยื่นแขนออกไปไกล
หวงเสียวหู่เงยหน้าขึ้นมอง ใบหน้าหมองคล้ำของเขาก็มีรอยยิ้ม
“น้องชุนเซียง มานี่ ให้พี่หูจื่ออุ้มหน่อย”
เขารีบวิ่งออกไปอุ้มหลิวชุนเซียงและยกนางขึ้นสูง หลิวชุนเซียงกระทืบขาสั้นๆ และหัวเราะคิกคัก
“พี่หูจื่อ เหตุใดป้ารองของเราถึงอยู่บ้านเ้าได้?” หลิวเต้าเซียงแอบมองไปที่เรือนหลักครู่หนึ่งและเห็นหลิวจูเอ๋อร์หันมองมา ทั้งสองสบตากัน ก่อนที่หลิวจูเอ๋อร์สะบัดหางตาใส่หลิวชิวเซียงอย่างน่าแปลกประหลาด
หวงเสียวหู่ไม่เห็นการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ของหลิวจูเอ๋อร์ที่อยู่ข้างหลัง เขากอดหลิวชุนเซียงที่กําลังหัวเราะคิกคัก จากนั้นก็หยิบขนมจากในอ้อมอกออกมาป้อนนางอย่างระมัดระวัง “ฮึ ป้ารองเ้ามีแผนการดีเลิศน่ะสิ กล้ามาจ้องคิดอะไรกับตัวข้า ไม่หัดส่องกระจกชะโงกดูเงาเสียบ้าง”
หลิวเต้าเซียงไม่กระจ่างยิ่งกว่าเดิม เพียงแต่หวงเสียวหู่มีน้ำเสียงไม่ดีนัก คงเพราะป้ารองไปทำให้เขาหงุดหงิด
“ป้ารองข้าสร้างปัญหาอะไรอีก?”
“สร้างปัญหา? ก็ไม่เชิง? ป้ารองเ้า อืม วางแผนได้ดิบดี คิดว่าคนตระกูลหวงของเราโง่เขลา ฮึ คนอย่างหลิวจูเอ๋อร์นั้นหรือจะทำให้ข้าถูกตาต้องใจได้”
หวงเสียวหู่อุ้มหลิวชุนเซียงออกมาจากประตูลานบ้านและพูดว่า “พวกเ้ากำลังจะไปเที่ยวเล่นบ้านน้องชุ่ยฮัวสินะ เราพูดไปเดินไปดีกว่า”
จากนั้นเขาก็เล่าถึงจุดประสงค์การมาของหลิวซุนซื่อให้ฟัง
หลิวเต้าเซียงถึงกับพูดไม่ออก นอกจากนี้ยังรู้สึกเดือดดาลแทน เป็ความจริงที่หลิวซุนซื่อยังไม่ถอดใจง่ายๆ
หลิวชิวเซียงขบริมฝีปากล่าง ขมวดคิ้วแล้วเอ่ย “ข้าได้ยินพ่อของข้าเคยบอกว่าบ้านเกษตรกรอย่างเราต้องดูความสมฐานะ มีเพียงบ้านผู้ดีตระกูลใหญ่จึงจะถือเื่บุรุษที่ต้องสู่ขอคนที่ต่ำต้อยกว่า ส่วนสตรีต้องแต่งเข้าบ้านที่สูงส่งกว่าอะไรเทือกนี้”
หลิวเต้าเซียงยิ้มและพูดว่า “ท่านพี่ มีคนมาคุยเื่หมั้นหมายกับพี่หูจื่อ นั่นหมายความว่าพี่หูจื่อของเรานั้นเป็คนใช้ได้”
หวงเสียวหู่ยิ้มร่า “น้องเต้าเซียงปลอบโยนเก่งนัก ชิวเซียง บ้านเ้าไม่ใช่บ้านเกษตรกรธรรมดา ในเมืองต่างก็บอกว่าครอบครัวพวกเ้านั้นเป็เกษตรกรผู้รู้หนังสือ ถ้าจะถกกัน ก็ควรจะหาคู่ครองที่เหมาะสมกัน”
หลิวเต้าเซียงรู้สึกจั๊กจี้หู วันนี้หวงเสียวหู่ดูผิดปกติ
“ครอบครัวเกษตรกรผู้รู้หนังสือหรือ?” หัวใจของหลิวชิวเซียงรู้สึกถึงความหวานเล็กน้อย
หวงเสียวหู่กล่าวเสริมอีกว่า “พวกเ้าอย่าดูถูกตัวเองสิ ฮึ ถ้าจะให้ข้าพูด พ่อเ้าก็เป็ผู้รู้หนังสือ พวกเ้าก็รู้อักษร ต่อไป...เฮอะๆ!”
ไม่รู้ว่าคิดอะไรได้ จู่ๆ หวงเสียวหู่ก็เลิกคิ้วราวกับบินได้
หลิวเต้าเซียงแอบเหล่เขา คงต้องคิดอะไรฟุ้งซ่านในใจอย่างแน่นอน!
“ข้าว่าพี่หูจื่อ เ้ายังหัวเราะอยู่ได้ ป้ารองข้าได้ชื่อว่าเป็พวกตอแยไม่เลิกเชียวนะ”
หวงเสียวหู่ได้ยินดังนั้นก็ใ “ลืมสิ่งที่ข้าพูดไปั้แ่แรกแล้วหรือ?”
“พูดว่าอะไร?” หลิวเต้าเซียงอดไม่ได้ที่จะกลอกตา พวกนางพบเจอหวงเสียวหู่อยู่บ่อยครั้ง คำพูดของเขานั้นมีมากกว่าน้ำในลำธารเสียอีก!
หวงเสียวหู่ทำหน้าละห้อย “น้องเต้าเซียง เ้าทำให้พี่หูจื่อเศร้าใจเหลือเกิน ข้าเคยบอกว่าจะไปจากที่นี่ในอีกไม่กี่วัน เ้ากลับลืมเสียได้ น้องชิวเซียงดูสิ อย่าลืมเตรียมของกินมาชดเชยข้าด้วยล่ะ”
หลิวชิวเซียงตอบรับอยู่แล้ว เพียงแต่ใบหน้าแอบกลัดกลุ้มเล็กน้อยจึงเอ่ยอีก “จะไปเมื่อใดหรือ?”
หวงเสียวหู่เหลือบมองนางเงียบๆ “ปู่ข้าบอกว่า วันรุ่งขึ้นจะไปทานอาหารเที่ยงที่บ้านเ้า วันหลังค่อยไป”
หลิวเต้าเซียงดูท่าทางของทั้งสองคนพลันหวั่นไหวในใจ ก่อนจะแหงนหน้ามองท้องฟ้า ฤดูแห่งความรักช่างมาเร็วเหลือเกิน!
“พี่หูจื่อ เช่นนั้นวันรุ่งขึ้นข้าจะรีบเข้าตำบลไปซื้อของมา จากนั้นเตรียมเหล้าชั้นดีสักสองไห เดาว่าท่านปู่หลี่เจิ้งคงต้องชอบแน่”
“นี่ น้องเต้าเซียง ที่เ้าทำนั้นคือการสร้างความดีความชอบ ปู่ข้าชอบแบบนี้ ก่อนข้าไป ข้าจะบอกท่านปู่ให้ช่วยดูแลบ้านเ้าให้ดี” หวงเสียวหู่ยิ้มอย่างเบิกบานมีความสุข เห็นทีตระกูลหลิวคงไม่ได้มองเขาเป็คนนอกอีกต่อไป
ท่านย่าของเขายังยกย่องเขาอีกด้วย ภายในระยะเวลาแค่เดือนกว่าก็ทำให้ตระกูลหลิวเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเขาได้
เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็รอเพียงลมตะวันออกที่จะช่วยดัน
และแล้วลมตะวันออกที่พูดถึง ก็พัดมาในวันรุ่งขึ้น
หลิวเต้าเซียงรู้ว่าเขากําลังจะจากไป ไม่รู้จะได้เจอกันอีกเมื่อไร ในใจเกิดความหดหู่ จึง้าซื้อของกินที่หวงเสียวหู่ชอบกินมาให้มากหน่อย
เมื่อนางบังคับรถลากลับบ้าน ก็เป็เวลาใกล้หมดยามเฉิน ซึ่งก็คือเก้านาฬิกาเศษ
“ท่านย่าหวง ท่านปู่หลี่เจิ้ง”
ทันทีที่นางเข้าไปในลานบ้าน ก็เห็นทั้งสองกำลังจิบน้ำชาอยู่ตรงระเบียง
ทั้งสองยิ้มตาพริ้มตอบรับ
วันนี้หลิวซานกุ้ยไม่ได้ไปเรียน แต่กำลังนั่งคุยเป็เพื่อนหลี่เจิ้ง ส่วนจางกุ้ยฮัวก็อยู่ในกลุ่มคนนั้นด้วย
“ว่ากันว่าออกดอกก่อนค่อยออกผล กุ้ยฮัว ข้าว่าในท้องเ้าต้องเป็ลูกชายแน่”
จางกุ้ยฮัวมีความสุขเป็พิเศษและตอบว่า “ขอให้สมพรปากท่านป้าหวง หวังว่าครรภ์นี้จะเป็ลูกชาย”
“ได้ลูกสาวก็ไม่เปนไร ดูลูกสาวทั้งสามของข้าสิ คนโตอ่อนน้อมเรียบร้อย คนรองมีไหวพริบและชีวิตชีวา ส่วนคนที่สามก็น่ารักสดใส ดีทุกคน” หลิวซานกุ้ยเอ่ย
ทันทีที่พูดถึงบุตรสาว เขาก็มีคําพูดหลั่งไหลออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
หลิวเต้าเซียงฟังแล้วอยากกุมหน้าผาก บิดาผู้ซื่อตรงแสนดีหายไปไหนแล้ว? พ่อผู้แสนดีที่อยู่ตรงหน้าคือคนจู้จี้พูดมาก!
ท่านย่าหวงยิ้มตาพริ้มแล้วเอ่ยชมเชย จากนั้นก็ดึงหลิวเต้าเซียงมาถามว่าลูกไก่ที่เลี้ยงไว้เป็อย่างไรบ้าง นางจึงตอบไปตามตรง
“เต้าเซียง เรามีหมอสัตว์ของหน่วยงานราชการในอำเภอ หากเ้าพบเจอปัญหาหรือไม่เข้าใจในด้านนี้ ก็ไปหาท่านปู่หลี่เจิ้ง เขาจะได้พาเ้าไปหาหมอสัตว์”
หมอสัตว์หรือ?
นางเอะใจกับท่าทีของท่านย่าหวงเล็กน้อย เห็นทีอาชีพหมอสัตว์ในราชวงศ์โจวคงดีใช้ได้ทีเดียว
เดิมทีหลี่เจิ้งกำลังฟังหลิวซานกุ้ยพูดเื่ความดีของบุตรสาว เมื่อได้ยินเื่นี้จึงหันมาร่วมสนทนาด้วย “เต้าเซียง คราวที่แล้วที่ข้าไปทำธุระที่อำเภอ ได้บังเอิญเจอกับหมอสัตว์ผู้นั้น และได้บอกสถานการณ์ครอบครัวเ้าให้เขาฟัง เขาจึงบอกว่าการเลี้ยงไก่ให้ดีต้องดูแลความสะอาด หากว่าพอมีต้นทุน ก็ให้เตรียมโรยผงปูนขาวในเล้าไก่ ไม่ต้องเยอะมาก แต่เขาบอกว่าเช่นนี้ไก่จะไม่ป่วยง่าย”
หลิวเต้าเซียงรู้สึกขอบคุณเขามากจึงตอบว่า “ขอบคุณท่านปู่หลี่เจิ้ง ข้าจำไว้แล้ว”
ท่านย่าหวงยิ้มแล้วเอ่ย “ข้าว่าซานกุ้ย ลูกสาวคนรองของเ้าเลี้ยงไก่ได้ดี ส่วนลูกสาวคนโตก็เก่งเื่เย็บปัก วันนี้มีโอกาสพอดี หรือไม่ก็เอามาให้ข้าเชยชมหน่อย ครั้งหน้าหากมีผู้ใดที่ตาบอดมานินทาว่าลูกสาวเ้า ข้าจะได้นำเื่นี้ไปโต้แย้งได้”
ขณะนั้นหลิวเต้าเซียงสังเกตเห็นว่าพี่สาวของตนไม่ได้อยู่ที่นี่
นางกะพริบตา กําลังเดาว่าพี่สาวหายไปไหน ก่อนจะได้ยินหลิวซานกุ้ยสั่งให้นางไปเรียกหลิวชิวเซียงที่อยู่ในห้องปีกตะวันออกมา
ซ่อนอยู่ในห้องหรือ?
มีลับลมคมใน!
หลิวเต้าเซียงยิ้มร่าก่อนจะตอบรับ จากนั้นก็ออกไปตามหาหลิวชิวเซียงที่ห้องปีกตะวันออก
“ท่านพี่ ท่านพี่!”
เสียงร่าเริงของหลิวเต้าเซียงดังขึ้น หลิวชิวเซียงวางเข็มกับด้ายในมือลง จากนั้นเงยหน้ายิ้มแย้มมองดูเด็กสาวที่วิ่งเข้ามา สวมชุดกระโปรงผ้าฝ้ายละเอียด ตรงหน้าอกสวมอิ๋นสั่วสมปรารถนาไว้ และกำลังสาวเท้าเข้ามาอย่างชื่นมื่นพร้อมกับเสียงหัวเราะที่น่าฟัง อารมณ์ของหลิวชิวเซียงก็ยิ่งเบิกบาน
“วิ่งช้าๆ มาเร็ว พี่ช่วยเ้าซับเหงื่อ”
“ท่านพี่ รีบบอกข้าเร็ว ท่านย่าหวงมาด้วยเื่อะไร?” หลิวเต้าเซียงวิ่งไปหานาง จากนั้นก็เร่งเร้า
ใบหน้าของหลิวชิวเซียงแดงระเรื่อ ก้มศีรษะเขินอายและไม่พูดไม่จา
“เอ ท่านพี่เขินแล้ว หากท่านไม่บอก เช่นนั้นข้าจะขอเดาล่ะนะ” หลิวเต้าเซียงเกาะเกี่ยวนางแล้วเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม
หลิวชิวเซียงเงยหน้าขึ้นอย่างช่วยไม่ได้และเหลือบมอง “ข้าจะบอกอะไรได้!”
“มาช่วยพี่หูจื่อสู่ขอหรือ?” อย่านึกว่านางเด็กแล้วจะไม่เข้าใจเื่เหล่านี้ ชิ!
ใบหน้าของหลิวชิวเซียงแดงหนักกว่าเดิม ราวกับกุ้งที่ถูกต้มจนสุก จากนั้นจึงเอ่ยเสียงแข็ง “พูดบ้าๆ ขืนเ้ายังพูดอีก ข้าจะไปบอกท่านแม่ว่า เ้าเป็เด็กเป็เล็กกลับไม่รู้จักเขินอาย”
“ข้าไม่กลัว ท่านแม่เอ็นดูข้าที่สุด ท่านพี่ ใช่หรือไม่เล่า?” หลิวเต้าเซียงจงใจแกล้งนาง เข้าไปกอดเกี่ยวจนนางจนปัญญา แล้วพยักหน้าจนเกือบมองไม่ทัน
“ข้าว่าอยู่แล้วเชียว จู่ๆ ท่านย่าหวงก็เอ่ยว่าอยากขอดูงานปักของท่านพี่ แต่ก่อนก็ใช่ว่าจะไม่เคยเห็น” หลิวเต้าเซียงนึกได้ เพียงแต่ไม่กระจ่างว่าเหตุใดจึงต้องขอดูงานปักด้วย
หลิวชิวเซียงหน้าแดง รีบเอ่ยว่า “เ้าเลิกถามได้แล้ว ต่อไปท่านแม่ก็จะบอกเ้าเอง ใช่สิ เ้าก็อย่าดีใจเร็วเกินไป ท่านแม่บอกว่าอีกไม่นานเ้าก็ต้องหัดเย็บปักกับข้าด้วย”
-----
