เมื่อนางเข้าใจเื่ขนบธรรมเนียมในการแต่งงานของแคว้นชางอี้ และรู้ถึงความสำคัญของการกราบทูลต่อกษัตริย์แห่งชางอี้เพื่อจัดการแต่งงานใหญ่ตามประเพณีหลิ่วจิ้งจึงตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าต้องให้หั่วอี้แต่งนางเข้าจวนให้จงได้เพื่อให้นางได้กลายเป็ฮูหยินแม่ทัพอย่างเต็มภาคภูมิ
แต่นอกจากหั่วอี้ที่เกิดอารมณ์ร้อนขึ้นมาชั่ววูบจนเอ่ยปากว่าตัดสินใจจะแต่งงานข้างกายกลับไม่มีสักคนที่เห็นด้วยกับเื่นี้ ทุกคนล้วนคัดค้านเขาทั้งสิ้น
รวมทั้งสิ่งที่กษัตริย์แห่งชางอี้ปฏิบัติกับนางในวันแรกที่พบกันนางจึงรู้ได้ว่ากษัตริย์แห่งชางอี้จะต้องไม่เห็นด้วยเป็แน่ถ้าตัวหั่วอี้เองไม่มีใจแน่วแน่ว่าเขา้าขจัดอุปสรรคนานัปการแล้ว ก็ช่างง่ายดายเหลือเกินที่ตัวแปรมากมายสามารถทำให้เื่ที่เขาจะแต่งงานกับนางไม่อาจลุล่วง
และนางก็รู้ว่าแม้ตนจะมีรูปโฉมงดงาม แต่คนที่งามกว่านางก็ยังมีอยู่ฉะนั้นหาก้าให้หั่วอี้หวั่นไหวและมีใจให้ ก็ต้องมีแผนซึ่งสามารถยึดกุมหัวใจเขาไว้ให้จงได้
ด้วยเหตุนี้นางจึงเอาเื่ที่ตนถูกข่มเหงมาเป็เดิมพันเดิมพันเอาความละอายใจและความสงสารเห็นใจจากหั่วอี้ หากชนะพนันนางอาจมีฐานะมั่นคงในแคว้นชางอี้ได้ชั่วคราวแต่หากแพ้พนันนางก็เพียงกลับมาที่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
หลิ่วจิ้งยังไม่คิดจะบอกเหตุผลเหล่านี้ให้อวี้จิ่นฟัง เพราะใจคนเปลี่ยนแปรง่ายเมื่อยังไม่อาจมองเจตนาของอวี้จิ่นได้ชัดเจน ก็อย่าให้นางรู้มากเกินไปเสียดีกว่า
“เอาล่ะอวี้จิ่น เ้ากลับไปก่อนเถิดจำไว้ว่าพอกลับไปแล้วให้บอกกับพวกอิ๋งเหอ ว่าก่อนข้าจะได้ออกไปจากห้องเก็บฟืนให้พวกเ้าคอยเฝ้าอยู่แต่ในเรือนหากไม่จำเป็ก็มิต้องออกไปไหน ตอนที่ข้าไม่อยู่หากมีคนจงใจมาหาเื่พวกเ้าก็จะไม่มีผู้ใดสามารถปกป้องพวกเ้าได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งตัวเ้าเองรู้หรือไม่ เพราะเ้าเป็บ่าวที่ติดตามมาหลังแต่งงานของข้านับเป็ชาวแคว้นต้าเว่ยและเท่ากับเป็คนของข้าด้วยด้วยเหตุนี้เ้าถึงตกเป็เป้าให้คนมาหาความได้โดยง่าย จำไว้ให้ดีเล่า”
“องค์หญิง จนป่านนี้แล้วท่านยังรู้จักมาคิดถึงแต่พวกเรา ท่านต่างหากที่ควรรีบหาหนทางออกจากที่นี่เสีย”
อวี้จิ่นกลั้นน้ำตาไม่ไหวจึงร้องไห้ขึ้นมาอีกครา
“เอาล่ะ ข้ารู้แล้วข้าร้อนใจอยากออกไปจากที่นี่ยิ่งกว่าเ้าเสียอีก ยามนี้เ้ากลับไปก่อนเถิด หากเ้ากลับไปช้าและพวกของอิ๋งเหอยังไม่รู้ว่าเกิดเื่ใดขึ้นอย่าได้กลายเป็ว่าพวกนางไปตามดูที่เรือนอื่นแล้วโชคร้ายถูกคนเขาหาความเอานี่จึงจะเรียกว่าซวยของจริง ข้ามีพวกเขาเพียงสามคนที่จะใช้สอยได้แล้ว”
“ทราบแล้วเ้าค่ะองค์หญิง ข้าจะกลับไปเดี๋ยวนี้ท่านอยากทานอะไรสักหน่อยหรือไม่ ประเดี๋ยวข้าจะเอามาส่งให้”
อวี้จิ่นใช้หลังมือปาดน้ำตา เตรียมจะกลับไป
“ไม่ต้อง ไม่ต้องส่งอะไรมาให้ข้า จำไว้ให้ดีข้าไม่อยากกินไม่อยากดื่มอะไรทั้งนั้น”
หลิ่วจิ้งรู้ว่าอวี้จิ่นเป็ห่วงตนแต่นางก็ไม่อาจอธิบายกับอวี้จิ่นให้ชัดเจนเกินไป หวังเพียงให้อวี้จิ่นรีบกลับไปโดยเร็วเพื่อที่ตนจะได้มีเวลาอยู่เงียบๆไตร่ตรองเื่ต่างๆ จึงเอาแต่เร่งให้อวี้จิ่นรีบกลับไปเสีย
ดีที่ครานี้อวี้จิ่นมิได้ทำตัวร่ำไร แต่หันหน้าก้าวฉับๆ จากไป
หลิ่วจิ้งรอจนอวี้จิ่นเดินไปจนพ้นสายตาแล้ว ร่างของนางจึงอ่อนระทวยเหมือนถุงถูกระบายลมออกทรุดตัวนั่งพับลงที่กองไม้ในห้องเก็บฟืน
แม้จะแสร้งทำเป็แข็งแกร่งต่อหน้าคนนอก แต่อย่างไรนางก็เป็ผู้หญิงอ่อนแอที่้าคนปกป้องดังนั้นเมื่อไม่มีใครอยู่ นางจึงไม่อาจแสร้งทำต่อไปได้อีก
ยามนี้ทั้งตัวนางเย็นเฉียบ มือเท้ายิ่งสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุมนางพยายามบอกตนเองอย่างสุดชีวิตว่าอย่าร้องไห้แต่กลับไม่รู้ว่ามีน้ำตาไหลอาบทั้งหน้าั้แ่เมื่อใด
หลิ่วจิ้งงอเข่าทั้งสองขึ้น นางเอามือโอบรอบไหล่ทั้งสองข้างพลางซบลงที่หัวเข่านึกหวังว่าเมื่อคุดคู้อยู่เช่นนี้คงพอทำให้ตนเองรู้สึกได้รับการปลอบโยนบ้างสักหน่อย
ตอนที่หั่วอี้มาถึงห้องเก็บฟืนแล้วเห็นหลิ่วจิ้งนั่งอยู่ในท่านี้เขาก็รู้ได้จากไหล่ที่สั่นเทิ้มของอีกฝ่ายว่านางต้องกำลังร้องไห้อยู่
เมื่อครู่ที่หั่วอี้บันดาลโทสะแล้วเดินออกไป เดิมทีเขาอยากกลับไปที่ค่ายทหารเพื่อไม่ต้องเดือดร้อนรำคาญใจยามเห็นเื่ต่างๆในจวน แต่ท้ายที่สุดก็ย้อนกลับมาเพราะไม่อาจวางใจเื่ขององค์หญิงได้
หั่วอี้นึกถึงครั้งที่องค์หญิงต้องเผชิญกับพวกโจรป่าที่บุกเข้าโจมตีสีหน้าของนางมิได้แปรเปลี่ยนแม้แต่น้อยหนำซ้ำยังไปปลอบโยนคนรอบข้างอย่างสงบเยือกเย็นอีกด้วย แต่เวลานี้นางกลับมาแอบร้องไห้คนเดียวเช่นคนสิ้นไร้ไม้ตอกอยู่ในห้องเก็บฟืนนี่แสดงให้เห็นว่าหากไม่ได้เ็ปใจจนถึงขีดสุด องค์หญิงก็คงไม่มีท่าทีอับจนหนทางเช่นนี้
คิดไม่ถึงว่าความ้าเอาชนะเพียงชั่ววูบที่ทำให้เขาพาองค์หญิงกลับมาที่จวนกลับเป็การทำให้องค์หญิงเพิ่งออกจากปากเสือแล้วกลับเข้าในรังสุนัขป่าเมื่อคิดถึงตรงนี้หั่วอี้ก็หัวเราะเยาะหยันตนเองอยู่หลายครา“ดูท่าว่าคนในใต้หล้าที่บอกว่าบ้านตนเองเป็รังสุนัขป่าก็คงจะมีข้าเพียงคนเดียวกระมัง”
หั่วอี้ยืนคิดอยู่กับที่ ท้ายที่สุดก็ไม่ได้เรียกคนมาเปิดประตู แต่กลับอ้อมไปข้างหลังแล้วะโขึ้นไปบนหลังคาห้องเก็บฟืนแทน
เขางัดแผ่นกระเบื้องมุงหลังคาออกหลายแผ่นอย่างเบามือก่อนะโลงไปอีกครั้งทุกกระบวนการที่ทำนั้นราวกับเคยฝึกฝนมานาน ทั้งเบามือค่อยเป็ค่อยไป ไหลลื่นดั่งน้ำไหลสำเร็จในชั่วอึดใจ
ด้วยเหตุนี้ตอนที่เขาไปยืนอยู่ตรงหน้าหลิ่วจิ้งเพราะหลิ่วจิ้งยังคงจมปลักอยู่ในอารมณ์โศกเศร้าทั้งยังซบอยู่กับหัวเข่า จึงยังััไม่ได้ว่าในห้องเก็บฟืนมีคนอื่นเข้ามาแล้ว
หั่วอี้ยืนนิ่งจดจ้องไปยังหลิ่วจิ้งพักใหญ่ ที่สุดก็ถอนหายใจคราหนึ่งก่อนย่อกายลงแล้วรวบตัวหลิ่วจิ้งเข้ามาไว้ในอก
“ขออภัยองค์หญิง ข้าไม่คิดมาก่อนว่าเื่ราวจะเป็ถึงขั้นนี้ล้วนต้องโทษข้าที่ไม่อาจปกป้องท่านไว้ให้ดี แต่องค์หญิงโปรดวางใจ ข้าจะรีบเกลี่ยกล่อมท่านแม่โดยเร็วที่สุดเพื่อคืนความยุติธรรมให้แก่ท่าน”
หลิ่วจิ้งตัวแข็งทื่อด้วยความตระหนก กระทั่งเงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าคนที่กำลังกอดนางอยู่คือหั่วอี้นางถึงได้วางใจ
“ท่านแม่ทัพ ดูท่าว่าการมาของข้าสร้างความยุ่งยากให้แก่ท่านเสียแล้วข้าไม่ควรมองตนเองสูงส่งเกินไป จึงคิดว่าจะได้ความรักใคร่เอ็นดูและหวังลมๆ แล้งๆ อยากเป็ฮูหยินแม่ทัพแค่ท่านแม่ทัพไม่ทอดทิ้งข้า บุญคุณนี้ข้าก็จะจดจำเอาไว้ในใจแล้ว”
ยามนี้หลิ่วจิ้งอ่อนแอเหลือเกิน อ่อนแออย่างแท้จริงมิใช่เื่เท็จนางจึงส่งยิ้มให้หั่วอี้แล้วทิ้งตัวลงในอ้อมกอดเขา ซบอิงอีกฝ่ายด้วยความโรยแรง
หั่วอี้ปวดใจนักที่เห็นหลิ่วจิ้งเป็เช่นนี้ เขายิ่งกอดนางให้แน่นขึ้นพลางเอ่ย“ไป ข้าจะพาท่านกลับไป”
“อย่าเ้าค่ะ ท่านแม่ทัพ ข้าไม่อยากออกไปตอนนี้แล้วพบว่าต้องกลับมาใหม่ในวันพรุ่งหรือแม้กระทั่งการที่จะได้เข้ามาอยู่ในห้องเก็บฟืนนี้ก็ยังอาจกลายเป็แค่ความหวังเพราะไม่แน่ว่าข้าอาจถูกขับออกจากจวนไปเสียด้วยซ้ำความปรารถนาดีของท่านแม่ทัพข้ารับไว้ด้วยใจแล้วขอท่านแม่ทัพเห็นสุขภาพฮูหยินผู้เฒ่าเป็สำคัญ โปรดอย่าขัดฮูหยินผู้เฒ่าและทำให้นางไม่พอใจจึงจะถูกเ้าค่ะ”
หลิ่วจิ้งเอ่ยไปดังนั้นแต่สองมือกลับกุมท่อนแขนของหั่วอี้เอาไว้แน่น ‘อ้อมกอดนี้ช่างอบอุ่นนัก ขอให้ข้าได้อาศัยพักร่างสักหน่อยเถิด’
หั่วอี้ปวดใจนักที่เห็นองค์หญิงเป็เช่นนี้จึงยิ่งกอดนางแน่นเข้าไปอีกพลางเอ่ยปากปลอบโยนว่า “องค์หญิง หากท่านอยากร้องไห้ก็ร้องเถิดร้องออกมาจะได้รู้สึกสบายใจขึ้นบ้าง”
“ท่านแม่ทัพ มีทางส่งข้ากลับไปหรือไม่ ส่งข้ากลับไปแคว้นต้าเว่ยข้าไม่อยากตายอยู่ต่างบ้านต่างเมือง”
หลิ่วจิ้งเงยหน้าขึ้นมองหั่วอี้ ใบหน้าของนางยังคงเต็มไปด้วยน้ำตา
“ท่านพูดจาส่งเดชอันใด ข้าจะปล่อยให้ท่านตายได้อย่างไรกัน”หั่วอี้รู้สึกทุกข์ทรมานใจอย่างผิดปกติ เป็ความรู้สึกที่เขาไม่เคยััมาก่อน ชายหนุ่มมองใบหน้างามดั่งดอกหลีอาบน้ำตาของหลิ่วจิ้งเพราะเพิ่งผ่านการร้องไห้มาใบหน้าขาวนวลของนางจึงแดงระเรื่อนักเขามองดูเสียจนใจเต้น พลันก้มลงจูบริมฝีปากนางโดยไม่อาจยั้งใจได้
_____________________________