เรียกตาแก่ทั้งสามคนที่อยูู่เาด้านหลังออกมา!
นี่มันเป็ความยโสโอหังอวดดีและกำเริบเสิบสานระดับไหนกัน? ที่อยูู่เาด้านหลังนั่นใคร? นั่นท่านหัวหน้าตระกูลกับผู้าุโสูงสุดอีกสองท่านที่เป็เสาหลักของตระกูลเชียวนะ เป็ผู้ที่มีพลังฝีมือสูงสุดในตระกูลและเป็สัญลักษณ์ของตระกูลอีกด้วย!
เย่ชิงหานกลับกล้าเรียกพวกท่านเ่าั้ว่า “ตาแก่” และยังสั่งให้ออกมาด้วย? ผู้าุโหลายท่านที่อยู่ในที่แห่งนี้สีหน้าพลันเปลี่ยนไปในทันที ไม่เว้นแม้แต่เย่เชียงที่อยากจะช่วยเหลือเขาสีหน้าก็ดูไม่ค่อยดีสักเท่าใด แม้เ้าจะเกลียดชังปู่ของเ้าแต่ก็ไม่ควรพูดออกมาต่อหน้าเหล่าผู้าุโทั้งหลายเช่นนี้ อารมณ์ความรู้สึกของพวกาุโทั้งหลายจะรับคำพูดเช่นนี้ได้อย่างไร? จะให้พวกเขาทนได้อย่างไร?
“บังอาจ! เย่ชิงหานเ้าจะสามหาวเกินไปแล้ว ความผิดของเ้าตายหมื่นครั้งก็ไม่สาสม!” เย่หรงเดือดดาลขึ้นก่อนใครเอ่ยปากด่าทอออกมา
เย่ชิงหานเบ้ปากไม่แยแสแม้แต่น้อย “วันนี้ข้ากำเริบเสิบสานมาหลายครั้งแล้ว จะกำเริบเสิบสานอีกสักครั้งจะเป็ไรไป คนข้าก็ฆ่าไปแล้วสองคน ทำลายวรยุทธ์อีกหนึ่ง อย่างไรก็ต้องตายแล้วมีอะไรอีกที่ข้าต้องกลัว? อย่าว่าแต่เรียกพวกเขาทั้งสามว่าตาแก่เลย ข้าจะด่าว่าพวกตาแก่เลอะเลือนก็ยังได้ เ้ามีอะไรรึเปล่าเล่า? วันๆ เอาแต่มุดหัวอยู่แต่ในูเา แค่นี้ก็ถือว่าเป็ผู้สันโดษที่สูงส่งแล้วอย่างนั้นหรือ?”
“เย่ชิงหานหยุดพูดได้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็ปู่ของเ้า!” เย่เชียงเห็นเหล่าผู้าุโทั้งหลายมีทีท่าว่าจะสะกดกลั้นอารมณ์โกรธไว้ไม่อยู่จึงรีบส่งสายตาพร้อมเอ่ยปากขึ้นเตือนเขา
“ปู่? ฮ่าๆ...” เมื่อได้ยินคำเตือนที่เย่เชียงพูดออกมา เย่ชิงหานคล้ายกับว่ายิ่งถูกกระตุ้นหนักเข้าไปอีก หัวเราะขึ้นด้วยเสียงอันดัง สีหน้าเริ่มไม่สงบราบเรียบดังเดิม พลันเปลี่ยนเป็เปล่าเปลี่ยววังเวงและโกรธแค้น แต่เพียงพริบตาเดียวก็ถูกความเฉยชาเข้ามาแทนที่
“ปู่อย่างนั้นหรือ? หลังจากที่บิดาข้าเสียชีวิต ข้าแม่ลูกสามคนถูกคนรังแก ปู่ของข้าไปอยู่ที่ใด? หลังจากมารดาข้าเสียชีวิต ข้าคุกเข่าตากฝนอยู่ต่อหน้าหอผู้าุโตลอดทั้งคืน ปู่ของข้าไปอยู่ที่ใด? ข้าถูกคนทำร้ายที่ถนนหนิวหลัน เย่หรงและเย่ชิงขวงช่วยเหลือคนนอกจัดการกับข้า ปู่ของข้าไปอยู่ที่ใด? ข้าอยู่ที่เทือกเขารกร้างเกือบเอาชีวิตไม่รอดหลายต่อหลายครั้ง ปู่ของข้าไปอยู่ที่ใด? เย่ชิงขวงสมคบคิดกับคนนอกลักพาตัวน้องสาวข้า ปู่ของข้าไปอยู่ที่ใด? แล้วตอนนี้เล่า ปู่ที่รักของข้า เขาไปอยู่ที่ใด...?”
เหล่าผู้าุโทั้งหลายต่างนิ่งเงียบกันในทันทีเมื่อได้ฟังคำถามที่เต็มไปด้วยการตำหนิติเตียน และใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเปล่าเปลี่ยววังเวงและความแข็งกร้าวของเย่ชิงหาน ถึงตอนนี้เมื่อมาคิดๆ ดูแล้ววันนี้ที่เย่ชิงหานบ้าระห่ำถึงเพียงนี้ กำเริบเสิบสานถึงเพียงนี้ เื้ักลับซุกซ่อนเื่ราวต่างๆ ไว้อย่างมากมาย แต่ว่าเมื่อคิดถึงความผิดอย่างมหันต์ที่เขาได้กระทำลงไป โทษตายที่ไม่อาจละเว้น ต่างก็รู้สึกเสียดายขึ้นมาเช่นเดียวกัน
“ข้าไม่อยากฟังเื่ไร้สาระของเ้า ข้าสามารถบอกเ้าตรงนี้เลยว่า อยากพบท่านหัวหน้าตระกูลและผู้าุโสูงสุดนั้น เป็ไปไม่ได้! เ้าได้กระทำความผิดอย่างใหญ่หลวงขนาดนี้แล้วยังจะให้เ้าไปรบกวนการฝึกฝนของพวกท่านเ่าั้อีกรึ? เ้าปล่อยเย่ชิงขวง ข้าจะช่วยเ้าให้ได้ตายสบาย และรับประกันว่าจะดูแลความเป็อยู่ของน้องสาวเ้าให้เอง” เย่เจี้ยนแม้จะไม่เข้าใจว่าทำไมเย่ชิงหานถึงอยากจะพบเย่เทียนหลงนัก แต่คิดว่าคงไม่ใช่เื่ดีอะไรแน่ ดังนั้นจึงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเด็กสาวที่อยู่ด้านหลังของเขาจึงได้เอ่ยปากพูดขึ้น
คำพูดของเย่เจี้ยนทำให้เย่หรงคิดขึ้นมาได้ทันทีจึงรีบพูดสำทับขึ้นอย่างดุร้ายว่า “ถูกต้อง เย่ชิงหาน หากเ้าไม่ปล่อยตัวนายน้อยใหญ่ น้องสาวของเ้าก็จะตายไปพร้อมกับเ้าด้วย”
“เย่หรง ข้าขอรับประกันว่าถ้ามีโอกาสข้าจะต้องฆ่าเ้าเป็คนแรก ให้ข้าปล่อยเย่ชิงขวง? ฝันไปเถอะ ข้าให้เวลาพวกเ้าครึ่งชั่วยาม หากข้ายังไม่ได้พบหัวหน้าตระกูลกับผู้าุโสูงสุดทั้งสองท่าน ข้ากับเย่ชิงขวงก็ตายไปด้วยกัน ส่วนน้องสาวของข้าหากข้าตายไปนางก็คงไม่รอดอยู่ดี ก็ถือเอาโอกาสนี้ตายไปด้วยกันเสียยังจะดีกว่า ดีหน่อยในนรกยังพอมีเพื่อนให้คลายเหงา!”
มองดูรอยแผลเป็ที่น่ารังเกียจที่อยู่บนหน้าของเย่หรง เย่ชิงหานได้แต่ทอดถอนใจ ความสามารถพิเศษหลังรวมร่างเนตรสยบิญญาเป็การโจมตีใส่ิญญา ความแข็งแกร่งของพลังิญญานั้นจะเพิ่มสูงขึ้นตามระดับพลังฝีมือที่สูงขึ้น ดังนั้นความสามารถพิเศษของตนในตอนนี้จึงสามารถจัดการได้แค่เพียงผู้ที่มีพลังฝีมือสูงกว่าหนึ่งระดับขั้นขอบเขตเพียงเท่านั้น
ตอนนี้พลังฝีมือของเขาอยู่ในระดับขอบเขตยอดยุทธ์แต่สามารถทำให้ผู้ที่อยู่ในระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์วิงเวียนศีรษะได้ประมาณหนึ่งวินาที ส่วนผู้ที่อยู่ในระดับขอบเขตนักรบระดับความแข็งแกร่งของพลังิญญาอยู่สูงเกินไป ความสามารถพิเศษจากร่างสัตว์อสูรจึงไม่เป็ผล และยิ่งไม่ต้องพูดถึงระดับขอบเขตจ้าวนักรบหรือขอบเขตาาจักรพรรดิ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนนี้คนส่วนมากที่อยู่ตรงนี้ล้วนอยู่ในระดับขอบเขตาาจักรพรรดิทั้งนั้น เย่หรงก็เช่นเดียวกัน ดังนั้นแม้เขาอยากที่จะฆ่าเย่หรงเพียงใดก็ไม่สามารถที่จะทำได้
ส่วนน้องสาวเย่ชิงอวี่ เด็กผู้หญิงคนนี้แม้ภายนอกจะดูอ่อนแอและบอบบาง แต่เขารู้ดีว่าภายในใจของนางนั้นแกร่งกร้าวและหยิ่งในศักดิ์ศรีมากเพียงใด ดูได้จากเืสีแดงที่ฉาบทาไปทั่วกำแพงสีขาวในลานที่พักเล็กๆ ของตน แค่นี้ก็พอจะบอกได้แล้วว่าถ้าหากเขาตายไปน้องสาวจะต้องตายตามไปเป็เพื่อนอย่างแน่นอน
แน่นอนว่าหากตนเองตายไปและถึงแม้น้องสาวจะไม่ฆ่าตัวตายตาม นางก็คงไม่ได้มีชีวิตที่สงบสุขอย่างแน่นอน หากจะปล่อยให้นางอยู่อย่างตายทั้งเป็แบบนั้นไม่สู้ตายไปด้วยกันจะดีกว่า สู้ไปด้วยกันหาทางเอาชีวิตรอดในหนทางตันเช่นนี้ดู?
“ความจริงข้าว่าเื่ราวในครั้งนี้มันก็บานปลายมาถึงขั้นนี้แล้ว หากจะไปเชิญท่านหัวหน้าตระกูลและท่านผู้าุโสูงสุดทั้งสองคนก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร? ชีวิตของเย่ชิงขวงสำคัญกว่ามิใช่รึ?” เย่เชียงเองก็ขบคิดอยู่ตลอดถึงความหมายที่แฝงอยู่ภายในคำพูดของเย่ชิงหาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเย่ชิงหานพูดว่าเย่หรงและเย่ชิงชวงจัดทำคำสั่งปลอมของตระกูลขึ้น ร่วมมือกับคนนอกอย่างเสว่อู๋เหินลักพาตัวเย่ชิงอวี่ เื่พวกนี้หากให้ท่านพ่อรู้อาจจะเป็โอกาสอันดีในการใช้โจมตีครอบครัวลูกคนโตก็เป็ได้
เย่เจี้ยนได้ยินดังนั้นคิ้วกระตุกขึ้นรีบส่ายหัวแล้วพูดออกมา “ข้าไม่เห็นด้วย ท่านพ่อและผู้าุโสูงสุดทั้งสองท่านพูดก่อนที่จะเก็บตัวฝึกวิชาว่า พลังฝีมือใกล้จะบรรลุเต็มทีแล้ว ถ้าหากเพราะเื่เล็กน้อยเพียงเท่านี้ไปรบกวนพวกท่าน เกิดมีปัญหาขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ?”
“ข้าก็ไม่เห็นด้วย! พวกท่านหัวหน้าตระกูลเก็บตัวฝึกฝนนั้นสำคัญเป็อย่างมาก ใครยังกล้าไปรบกวนอีก?” เย่หรงเห็นว่าสถานการณ์เริ่มจะกลายเป็การลงคะแนนของเหล่าผู้าุโจึงรีบพูดสำทับขึ้น
“ข้าเห็นด้วย ข้ารู้สึกว่าเื่นี้ต้องทำการตรวจสอบอย่างละเอียดรอบคอบ เื่ราวในครั้งนี้ยังมีอีกหลายจุดที่ไม่ชัดเจน เพียงแต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่มีพวกเราคนใดที่สามารถตัดสินใจได้” เย่เทียนชิงลูบเคราสีขาวของตนเองคิ้วขมวดขึ้นเล็กน้อย
เขาได้รับข่าวว่าเย่ชิงหานเกิดบ้าคลั่งขึ้นมา สังหารสมาชิกของตระกูลไปถึงสองคนและวางเพลิงเผาที่พักของตนเอง สุดท้ายทำลายตันเถียนของเย่ชิงขวง เขานึกสงสัยมาตลอดว่าเย่ชิงหานเมื่อสองเดือนก่อนที่มีพลังฝีมือเพียงแค่ระดับขอบเขตขั้นสูง แต่ทำไมถึงได้มีความสามารถเอาชนะผู้มีพลังฝีมือในระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์ได้ถึงสองคน? หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับแท่นบวงสรวงในพิธีปลุกพลังทางสายเืตอนงานเทศกาลัเพลิง...วงแหวนแสงเก้าสี? เพียงแต่เมื่อเขามาถึงที่นี่สถานการณ์ก็ยากเกินจะควบคุมแล้ว เย่เจี้ยนและเหล่าผู้าุโทั้งหลายต่างก็กำลังโกรธเดือดดาล ดังนั้นตนเองจึงไม่ได้ถามในสิ่งที่สงสัยออกมา
“ข้าเห็นด้วย สถานการณ์มีหลายจุดที่ไม่กระจ่างต้องทำการสอบสวนก่อน” คนที่รู้สึกสงสัยไม่ได้มีเพียงแค่เย่เทียนชิงแต่ยังมีเย่เทียนสิง
“ข้าไม่เห็นด้วย การฝึกของพวกท่านหัวหน้าตระกูลสำคัญยิ่งกว่า”
“ข้าไม่เห็นด้วย! ข้าไม่พอใจที่เย่ชิงหานด่าทอท่านหัวหน้าตระกูลและท่านผู้าุโสูงสุด”
“ข้าไม่เห็นด้วย! เ้าเด็กคนนี้มันยโสโอจนหังเกินไป...”
ชั่วพริบตาเดียวเหล่าผู้าุโหลายสิบคนล้วนแสดงความเห็นของตนเองออกมา เพียงแต่ว่าผู้าุโที่เป็กลางนั้นมีจำนวนน้อยมาก เย่เชียงมองดูเหล่าผู้าุโที่อยู่ตรงหน้าที่กำลังแสดงความคิดเห็นของตนเองด้วยสายตาที่เ็า ภายในใจกำลังครุ่นคิดว่าจะส่งคนไปแอบแจ้งข่าวให้เย่เทียนหลงทราบดีหรือไม่ คิดไม่ถึงว่าเย่เจี้ยนชิงพูดขึ้นก่อน “เหล่าผู้าุโลงคะแนนกันเสร็จแล้ว ไม่เห็นด้วยมากกว่า ดังนั้นพวกเ้าไม่จำเป็ต้องแอบส่งคนไปแจ้งข่าวแล้ว ส่วนลูกชายข้า...ข้าก็อยากจะรู้ว่าเย่ชิงหานมันจะกล้าเอาชีวิตของมันกับน้องสาวมาเดิมพันจริงไหม?”
เย่เจี้ยนกัดฟันยืนกรานในสิ่งที่จะทำ ในตอนที่เหล่าผู้าุโกำลังลงคะแนนกันอยู่นั้น เย่เจี้ยนได้แอบส่งกระแสเสียงคุยกับเย่ชิงขวงจนชัดเจนในเื่ราวบางอย่างที่ทำให้ตกตะลึงอย่างที่สุด และเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมเย่ชิงหานถึงอยากจะพบท่านหัวหน้าตระกูลกับผู้าุโสูงสุดอีกสองท่าน
เย่ชิงขวงที่มีพลังฝีมืออยู่ในระดับขอบเขตเยี่ยมยุทธ์แน่นอนว่าย่อมไม่มีคุณสมบัติฝึกฝนวิชาส่งกระแสเสียงระดับสูงเช่นนี้ เพียงแต่ว่าเย่เจี้ยนซึ่งเป็จ้าวเมืองแอบถ่ายทอดให้เขา เย่ชิงขวงไม่รู้ว่าแสงสว่างที่ทำให้เขาวิงเวียนศีรษะนั้นคืออะไร แต่เย่เจี้ยนที่ผ่านโลกมามากพอจะคาดเดาออกว่าคืออะไร
เคล็ดวิชาต่อสู้ร่างอสูร! ไอ้เด็กพันธุ์ผสมนี้กลับมีโชควาสนาขนาดนี้เลย มันกับสัตว์อสูรขยะของมันรวมร่างกันเกิดเป็เคล็ดวิชาต่อสู้ร่างอสูร! แถมยังเป็เคล็ดวิชาต่อสู้ชนิดการโจมตีจิตประสาทชนิดที่มีน้อยเป็อย่างยิ่งอีกด้วย
ไม่ถูกต้อง! สัตว์อสูรคุณภาพระดับสี่ขยะแบบนั้นไม่น่าจะมีเคล็ดวิชาต่อสู้ร่างอสูรปรากฏออกมาได้ เคล็ดวิชาต่อสู้ที่ทั้งหายากหรืออาจจะเรียกได้ว่าแหกกฎ์ขนาดนั้น หวนคิดไปถึงวงแหวนแสงเก้าสีที่เจิดจ้าในพิธีปลุกพลังทางสายเืในงานเทศกาลัเพลิง เย่เจี้ยนยิ่งคิดยิ่งอกสั่นขวัญหาย เด็กคนนี้ปล่อยไว้ไม่ได้ ปล่อยไว้ไม่ได้อย่างแน่นอน กว่าจะทำให้เย่เตาตายไปได้ไม่ใช่เื่ง่าย จะต้องไม่ให้มีเย่เตาคนที่สองโผล่ขึ้นมาอีก ยิ่งไปกว่านั้นดูเหมือนว่าเย่ชิงหานจะน่ากลัวยิ่งกว่าเย่เตาเสียด้วยซ้ำ!
“ข้ากล้าหรือไม่กล้าเดิมพัน อีกครึ่งชั่วยามเ้าก็จะได้รู้เอง!” เย่ชิงหานไม่อาจจะรู้ได้เลยว่าตอนนี้เย่เจี้ยนจะแลกกับทุกอย่างที่มีเพื่อกำจัดเขาให้จงได้ กริชที่อยู่ในมือยังคงกำไว้แน่นไม่มีอาการสั่นกระตุกแต่อย่างใด
ทุกคนที่อยู่ในที่แห่งนี้ล้วนนิ่งเงียบ เย่ชิงหานกำลังเดิมพัน เย่เจี้ยนกำลังเดิมพัน เย่เชียงก็กำลังเดิมพัน ส่วนคนอื่นๆ นั้นทำได้แค่เพียงเฝ้ามองดู
บรรยากาศภายในที่แห่งนี้กลายเป็อึดอัด กลายเป็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก จนกระทั่ง...มีเสียงอ่อนแอแ่เบาเสียงหนึ่งดังขึ้น
“ท่านพี่? เป็ท่านใช่ไหม? ท่านพี่!”