แสงสีส้มอ่อนรอดผ่านม่านสีทึบ ชายหนุ่มนอนมองร่างบางที่เปลือยกายภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันกับเขา ในตอนนี้เขารู้แล้วว่าพิชญาบริสุทธิ์แค่ไหน เธอไม่เคยผ่านมือชายใดไม่ว่าจะเป็ทิวาหรือภีมพล ร่างบางนอนขดตัวหันหลังให้เขา นาทีนี้เธอเหมือนหัวใจแตกสลาย ธาวินทำลายชีวิตเธอไม่เหลือชิ้นดี น้ำตายังคงไหลอาบแก้มไม่แม้จะมีแรงลุกขึ้นเพื่อหนีคนใจร้าย
“พิชญ์” เสียงอบอุ่นเรียกเธออย่างกล้าๆ กลัวๆ ในความผิดของตัวเอง เพียงแค่เสียงเขาเท่านั้น พิชญารีบยกมือขึ้นมาปิดหู ด้วยเพราะไม่อยากได้ยิน น้ำตาไหลนองเต็มหมอนไปหมด ธาวินมองดูหญิงสาวด้วยความเ็ปเช่นเดียวกัน เพราะความใจร้อนของเขา จึงได้เกิดเื่ที่ไม่น่าให้อภัยเช่นนี้
“พิชญ์ พี่...” ธาวินกล้าๆ กลัวๆ แม้จะเอ่ยคำขอโทษ ในตอนนี้คงสายไปแล้ว ทุกอย่างที่เขาทำอย่างสิ้นคิดได้ทำลายผู้หญิงคนนึงไปแล้ว ธาวินตัดสินใจ รั้งร่างของอีกฝ่ายเข้ามาหาตัว โอบกอดไว้แทนคำขอโทษ เสียงสะอื้นไห้ของหญิงสาวปาดขาดใจ ทำให้ชายหนุ่มได้แต่มองดูเท่านั้น ดวงตาคมเข้มระริกด้วยความรู้สึกผิด เสมือนมีอะไรหนักๆ มาทับไว้ที่หัวใจ ก่อนกระชับกอดนั้นแน่นขึ้น ก้มลงไปจูบที่ศีรษะของหญิงสาวตามหัวใจของตัวเอง
ธาวินเดินทางมายังบริษัท ด้วยสีหน้าไม่สดใสเท่าไหร่นัก ด้วยเพราะมีเื่บางอย่างต้องสะสาง ภีมพลกล้าดีอย่างมากที่มาล้วงคองูเง่าอย่างเขา ชายหนุ่มนั่งบนเก้าอี้ได้ไม่ถึงสองนาที ฝ่ายกล้องซีซีทีวีก็เข้ามาขอพบ และเรียกให้ท่านประธานไปดูบางสิ่งบางอย่างจากกล้องตัวอื่นๆ
เขาย้อนไล่ดูั้แ่พิชญาเดินเข้ามาในโรงงานพร้อมกับภีมพล ชายหนุ่มขมวดคิ้วร่ายดูเหตุการณ์จากกล้องหลายตัวใน่เวลาเดียวกัน หากแต่หัวใจต้องสูบฉีดเื เมื่อเห็นคนงานหลายคนกระชากร่างของพิชญาไปลวนลาม ดวงตาคมมองดูเหตุการณ์ด้วยความเจ็บแค้น สองมือกำแน่นบดเบียดกันอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ก่อนจะมีภาพของภีมพลเข้ามาช่วยพิชญาไว้ จากนั้นจึงกอดปลอบโยน หลังจากดูจนเสร็จ ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าของตัวเองหนึ่งครั้ง นี่เขาเข้าใจผิดไปได้มากมายถึงเพียงนี้เชียวหรือ
“ให้ใครก็ได้ ไปตามทุกคนในภาพมาพบฉันที่ห้อง รวมถึงผู้จัดการฝ่ายผลิตด้วย” ธาวินเดินกลับไปยังห้องทำงานด้วยสายตาครุ่นคิด ปากกาในมือหมุนอยู่แบบนั้นมาหลายนาที ก่อนที่เสียงเปิดประตูดังขึ้น คนงานเข้ามายืนเรียงหน้ากระดานพร้อมกันทั้งหมด
“นาย ไม่เกี่ยว เข้ามาทำไม” สายตาคมมีอำนาจ มองตรงมายังนายตั้มด้วยความสงสัย
“ผมเกี่ยวเต็มๆ เลยครับท่านประธาน” คำพูดกำกวมจากนายตั้ม ทำให้ผู้จัดการรีบตัดบท ด้วยท่าทางมีพิรุธ
“ท่านประธานเรียกคนงานพวกนี้มา มีอะไรหรือครับ”
“เมื่อวานมีอะไรผิดปกติ ในฝ่ายผลิตหรือไม่” ผู้จัดการส่ายศีรษะไปมา ด้วยเพราะพยายามปกปิดความผิดของชายฉกรรจ์พวกนั้น ที่ได้ลวนลามหญิงสาวปริศนาคนหนึ่งไป
“มี” ภีมพลมองหน้าท่านประธานแล้วตอบชัดถ้อยชัดคำ ชายฉกรรจ์ก่อเหตุสามคนมองหน้ากันเลิ่กลั่กด้วยกลัวความผิด ก่อนผู้จัดการจะหันมาปรามด้วยสีหน้าดุดัน
“ผมถามผู้จัดการ ไม่ได้ถามคุณ ยังไม่ถึงเวลาคุณไม่ต้องตอบ” ธาวินตวัดหางตามองชายหนุ่มด้วยไม่ใคร่ชอบหน้านักสองมือยังคงหมุนปากกาในมืออย่างต่อเนื่อง
“ท่านประธานไม่เห็นหรือครับ ว่าผู้จัดการพยายามปิดบัง” ภีมพลยังคงให้เหตุผล ไม่มีท่าทีเกรงกลัวท่านประธานผู้ทรงอำนาจเลยแม้แต่น้อย หลังจากภีมพลพยายามชี้ให้เห็นพิรุธของผู้จัดการ นายตั้มค่อยๆ กระชากชายเสื้อของภีมพลเป็การห้ามปรามด้วยเพราะภีมพล กำลังเสียมารยาท หากแต่ไม่ทันการท่านประธานมองตรงมายังภีมพลอย่างแน่วแน่
“ถ้าคุณอยากพูดมากนัก ตอบผมมา วันก่อนผมไล่คุณออกไปแล้วไม่ใช่หรือ และทำไมถึงยังอยู่” ตายตาคมกริบเชือดมาที่ภีมพลเป็คนแรกของกลุ่ม ก่อนที่ชายหนุ่มเ้าเล่ห์นึกหาทางออกด้วยการกลอกตาไปมา
“ก็ผู้จัดการไม่เห็นว่าอะไรนี่ครับ หนังสือเลิกจ้างก็ยังไม่มี”
“เลิกจ้างอะไรกันครับ ผมรับภีมพลเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงอาทิตย์ หรือว่าท่านประธานไปเจอภีมพลตอนไหนหรือครับ” ผู้จัดการถามด้วยความแปลกใจ ก่อนที่ธาวินจะรู้ความจริงเดี๋ยวนี้เองว่า ภีมพลเข้ามาทำงานหลังจากทิวาเสียชีวิตไปแล้ว และเป็อีกเื่ที่ธาวินเข้าใจพิชญาผิดไปผู้บริหารหนุ่มเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเื่
“เื่นั้นช่างเถอะ” คนเป็ประธานพูดปัดไปพลางๆ
“ผู้หญิงที่พวกคุณสามคนลวนลามเมื่อวาน รู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นเป็ใคร” ธาวิน หันไปมองคนงานสามคนที่ยืนก้มหน้าอยู่ด้านข้าง ดวงตาคมถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามข่มอารมณ์โกรธเอาไว้
“แฟนของภีมพลครับ” หนึ่งในคนที่ก้มหน้าอยู่นั้นพูดเสียงเบา ด้วยกลัวความผิด หากแต่คำตอบของคนงาน เหมือนเข็มเล็กๆ พุ่งเข้ามาทิ่ม รู้สึกเจ็บแปลกๆ บอกไม่ถูก ก่อนจะใช้มือทุบลงบนโต๊ะทำงานเสียงดังสนั่น
“เธอเป็คนของบ้านปัญญาพิพัฒน์ เป็เ้าของที่นี่ครึ่งหนึ่ง คราวนี้พวกนายรู้หรือยังว่าทำอะไรลงไป” ธาวินลุกยืนขึ้นมองตรงไปยังสามคนนั้นด้วยสายตาแข็งกร้าวก่อนที่ทั้งสามจะมองหน้ากันเลิ่กลั่ก เพิ่งรู้ความจริงว่าหญิงสาวแสนสวยที่พวกเขาลวนลามนั้นไม่ใช่เพียงหญิงสาวธรรมดาสามัญ หากแต่เป็ถึงลูกหลานบ้านปัญญาพิพัฒน์
“พวกผมแค่ล้อเล่นครับ ไม่ได้ตั้งใจทำจริง ท่านประธานอย่าไล่พวกเราออกเลยนะครับ” หนึ่งในสามคนกลัวจนลนลาน มือไม้เกี่ยวพัลวันด้วยเพราะไม่อยากตกงานในตอนนี้
“ตัวพิชญ์มีแต่ร้อยช้ำเต็มไปหมด ท่านประธานคิดเอาเองแล้วกัน ว่าพวกมันล้อเล่นหรือเอาจริง” ภีมพลพูดเสริมด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่มีท่าที เกรงกลัวใครใดๆ ทั้งสิ้น ซ้ำยังจ้องมองท่านประธานนิ่ง
หากแต่คำพูดของภีมพลทำให้ปากกาในมือผู้บริหารหนุ่มร่วงหล่นทันที เขานึกย้อนไปถึงรอยช้ำบนเรือนร่างของพิชญาเมื่อคืน แล้วเข้าใจผิดทึกทักเอาว่าเป็ฝีมือของภีมพล
สองมือลูบยกขึ้นลูบใบหน้าเพื่อระบายความเครียดความรู้สึกผิดถาโถมเข้ามาจนเขาเกือบลืมหายใจ ทุกอย่างในห้องนั้นเงียบสนิทมีเพียงความคิดของเขาเท่านั้นที่ดังออกมาว่า เขาได้ทำสิ่งผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงไว้กับพิชญา
“ผมมีอีกเื่จะให้ท่านประธานดูครับ” นายตั้มเดินเข้าไปด้วยกิริยาอ่อนน้อม แล้วยื่นวิดีโอที่บันทึกได้ในวันก่อนให้ธาวินดู
เป็วิดีโอการทุจริต โดยขโมยเอาสินค้าออกจากโรงงานเพื่อขายต่อในราคาถูก ภาพจับได้ใบหน้าทั้งหมดรวมถึงผู้จัดการฝ่ายผลิตด้วย เหตุการณ์ทั้งหมดเป็หลักฐานใช้มัดตัวให้พวกเขาดิ้นไม่หลุด
“นี่คือสาเหตุที่กล้องหลายตัวในมุมนั้นใช้การไม่ได้ ตามที่มีรายงานเข้ามาใช่ไหม” ธาวินหันไปถามทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นสายตาของผู้บริหารหนุ่มแม้จะอายุยังไม่มาก หากแต่เขาดูมีอำนาจจนทุกคนในบริษัทเกรงกลัว ยิ่งเวลาโกรธยิ่งน่ากลัวเป็ทวีคูณ
ในตอนนี้ไม่มีใครยอมอ้าปากตอบรับ สีหน้าบ่งบอกถึงความกลัวอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะผู้จัดการที่มีอำนาจสูงสุด
