ผู้คนทั้งภายในและภายนอกศาลพิจารณาคดี ต่างก็รู้สึกประหลาดใจเพราะได้ยินชื่อของสมุนไพร “ลิ่วตันซางลู่” ชนิดนี้เป็ครั้งแรก ทางด้านของฉีฟู่ฟางและพรรคพวกไม่ได้สนใจเื่นี้มากนัก
ทว่าเฉินซานหยวนกลับทำให้ฉีฟู่ฟางและคนอื่นๆ เกิดความประหลาดใจอีกครั้ง เขาตอบกลับว่า “นู๋ไฉไม่เคยได้ยินชื่อของลิ่วตันซางลู่นี้เลยพ่ะย่ะค่ะ ในขณะที่คุณหนูใหญ่ฉีมอบสมุนไพรสามต้นนี้ให้นู๋ไฉ นู๋ไฉเพียง…นู๋ไฉเพียงแค่คิดว่าเป็ซางลู่…
เฉินซานหยวนเอ่ยมาถึงตรงนี้พลางโขลกศีรษะของตนเองลงบนพื้น ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาอีก น้ำเสียงเขาเหมือนจะสั่นเทา “คุณหนูใหญ่ฉีบอกเอาไว้ว่า…ว่าลิ่วตันซางลู่เป็ยาสมุนไพรที่คร่าชีวิตได้ นาง นาง…นาง้าวางแผนประทุษร้ายเตี้ยนเซี่ย แล้วโยนความผิดไปให้กูเฟยเยี่ยน…แล้วยังจะโยนความผิดไปให้ท่านแม่ทัพเฉิง! เื่ใหญ่เช่นนี้นู๋ไฉไม่กล้าปิดบังไว้ จึงได้เสี่ยงตายสารภาพออกมา เตี้ยนเซี่ย นู๋ไฉทราบว่าผิดไปแล้ว นู๋ไฉทราบว่าผิดไปแล้ว…”
ไม่มีใครคิดที่จะสนใจคำพูดหลังๆ ของเฉินซานหยวน ศาลพิจารณาคดีขนาดใหญ่จมลึกอยู่ภายใต้ความเงียบสงัด แม้กระทั่งนอกศาลพิจารณาคดีก็เงียบเป็เป่าสากเช่นกัน ทุกคนล้วนใกับคำว่า “ยาสมุนไพรที่คร่าชีวิตได้” แม้กระทั่งเฉิงอี้เฟยที่หลบซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางผู้คนยังเกิดความตื่นตระหนก
วางแผนประทุษร้ายชีวิตของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย เื่นี้ไม่ใช่เื่ใหญ่ธรรมดาเชียวนะ!
ฉีฟู่ฟาง้าจะก่อฏหรือ? ไม่ๆ คงจะต้องพูดว่าตระกูลฉี นี่ตระกูลฉี้าวางแผนก่อฏลับๆ อย่างนั้นหรือ?
ท่ามกลางความเงียบสงบ ผู้คนต่างก็อกสั่นขวัญหาย ทว่าองค์หญิงหวายหนิงกับพรรคพวกล้วนไม่สะทกสะท้าน หัวใจที่ห้อยต่องแต่งของฉีฟู่ฟางเกิดความผ่อนคลายลง
่เวลาที่นางไปติดสินบนเฉินซานหยวน นางไม่ได้บอกรายละเอียดว่าลิ่วตันซางลู่คืออะไร และมีสรรพคุณเช่นไร นางเพียงแค่บอกว่ายาสมุนไพรชนิดนี้มีพิษเหมือนกับซางลู่ มิอาจใช้ได้มากนัก นางไม่ได้กำชับถึงรายละเอียดอีก ไอ้สุนัขนู๋ไฉนี่้าใส่ร้ายตระกูลฉีจนเป็บ้าไปแล้วหรือ? สิ่งที่เอ่ยออกมาล้วนไม่ผ่านสมองก่อนหรือ? นี่เขาถึงกับเอ่ยถึงการประทุษร้ายเตี้ยนเซี่ยเนี่ยนะ!
น่าขันสิ้นดี!
เื่นี้เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้แล้วว่าเขามีเจตนาจะใส่ร้ายป้ายสี!
ฉีฟู่ฟางยังคงมีความฉลาดอยู่บ้าง นางจำได้ว่าลิ่วตันซางลู่เป็สมุนไพรที่ไม่ค่อยจะมีผู้คนรู้จัก นางไม่ได้ชี้ข้อพิรุธของเฉินซานหยวนโดยตรง แต่แสดงละครตามเฉินซานหยวน
“ปรักปรำเ้าค่ะ! จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย หม่อมฉันถูกปรักปรำ! นี่เป็ครั้งแรกที่หม่อมฉันได้ยินชื่อของสมุนไพรลิ่วตันซางลู่ อีกทั้งยังไม่ทราบด้วยว่ายาสมุนไพรชนิดนี้คร่าชีวิตได้! เตี้ยนเซี่ยได้โปรดิเจียน! ”
ดูเหมือนว่าองค์หญิงหวายหนิงจะลืมเลือนเื่ที่เสียศักดิ์ศรีเมื่อสักครู่นี้ไปหมดแล้ว นางเดินออกมาแสร้งทำเป็ประหลาดใจพลางหันไปมองและซักถามศาสตราจารย์ใต้เท้าหนานกงที่อยู่ด้านข้าง “ใต้เท้าหนานกง เปิ่นกงจู่ก็อยากจะรู้เช่นกันว่าลิ่วตันซางลู่คืออะไร เ้ารีบเอ่ยออกมาสิ! ”
ฉีอวี้ลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะก้าวออกมาเช่นกัน เขาตั้งใจโน้มตัวเคารพใต้เท้าหนานกง
“ข้าไม่รู้จักสมุนไพรชนิดนี้เช่นเดียวกับท่านพี่ นี่เป็ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อยาสมุนไพรชนิดนี้! ตระกูลฉีของข้าไม่อาจถูกปรักปรำอย่างไม่ชัดเจนได้ เชิญใต้เท้าหนานกงประทานการสั่งสอนด้วย”
กูเฟยเยี่ยนมองไปที่พวกเขาทั้งสามคน มุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่านางกำลังกลั้นยิ้มเอาไว้ นางทราบดีว่าละครฉากสำคัญกำลังจะปรากฏขึ้นแล้ว!
ใต้เท้าหนานกงลูบไปที่เคราก่อนจะเอ่ยด้วยความจริงจัง “ยาสมุนไพรชนิดนี้พบเจอได้ยากเป็อย่างยิ่ง มันคือซางลู่ชนิดพิเศษ ซางลู่ธรรมดาทั่วไปจะมีคุณสมบัติขมและเย็น เป็อันตรายต่อม้ามและกระเพาะอาหาร มีความเป็พิษ หากใช้ในปริมาณมากจะส่งผลให้ท้องเสียได้ หากใช้ในปริมาณที่มากอย่างยิ่งจะส่งผลให้แท้งได้ หากเป็โรคบิดก็จะเสียชีวิตลง ทว่าลิ่วตันซางลู่นั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง…”
เมื่อได้ยินมาถึงตรงนี้องค์หญิงหวายหนิงกับพี่น้องตระกูลฉีล้วนเกิดความหวั่นไหวเล็กน้อย พวกเขากำลังรอคอยคำพูดของใต้เท้าหนานกงเพื่อหักหน้าเฉินซานหยวนและปฏิเสธคำพูดของเฉินซานหยวนไป
ทว่าทันใดนั้นใต้เท้าหนานกงกลับกล่าวว่า “ลิ่วตันซางลู่จะขมและเย็นกว่าซางลู่ธรรมดาทั่วไป ถึงจะเป็ยาที่ดี แต่ก็มีพิษอย่างรุนแรง การใช้เพียงแค่เล็กน้อยก็อาจถึงแก่ชีวิตได้ หากใช้ลิ่วตันซางลู่ทั้งสามต้นในเวลาเดียวกัน เช่นนั้น…เช่นนั้นจักต้องเสียชีวิตแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย! ”
อะไรนะ? !
สีหน้ารอคอยขององค์หญิงหวายหนิงกับพี่น้องตระกูลฉีแข็งทื่อแทบจะในเวลาเดียวกัน
พวกเขาตกตะลึงตาค้าง ในวินาทีนั้นมิอาจดึงสติกลับคืนมาได้
เป็เช่นนี้ได้อย่างไร?
ฉีอวี้ได้สติกลับมาเป็คนแรก เขาไม่สนภาพลักษณ์แล้วซักถามเสียงดัง “เ้าว่าอะไรนะ? ”
ฉีฟู่ฟางพึมพำกับตนเอง “เป็พิษอย่างรุนแรง? ตายแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย? นี่ นี่…”
องค์หญิงหวายหนิงยกมือขึ้นมาปิดปากโดยไม่รู้ตัว ท่าทางของนางราวกับหวาดกลัวว่าตนเองจะควบคุมตัวไม่อยู่จนหลุดปากพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา เป็เช่นนี้ได้อย่างไรกัน? อาจารย์แพทย์เจี่ยนบอกเอาไว้ชัดเจนว่ายาชนิดนี้พบเจอได้ยากและไม่ได้มีอะไรร้ายแรง หลังจากที่ใช้ไปอย่างมากก็แค่คันิัและจะหายได้ด้วยตนเอง!
เป็ไปไม่ได้ที่อาจารย์แพทย์เจี่ยนจะหลอกลวงนาง เป็ไปไม่ได้! อาจารย์แพทย์เจี่ยนกล้าได้อย่างไรกัน?
วางแผนประทุษร้ายจิ้งหวาง นี่เป็โทษใหญ่มหันต์เชียวนะ!
เป็ไปได้หรือไม่ว่าใต้เท้าหนานกง…จะเกิดความผิดพลาด?
องค์หญิงหวายหนิงกำลังจะเอ่ยขึ้นมา แต่ก็ถูกฉีอวี้แย่งพูดออกมาก่อน “ใต้เท้าหนานกง…ทั้งหมดนี่เป็ความจริงหรือ? ”
ใต้เท้าหนานกงจริงจังมากขึ้นไปอีก “ท่านชายท่านแม่ทัพฉี เื่ของศิลาโอสถมิอาจมีความคลุมเครือได้ อีกทั้งเื่นี้เป็เื่ใหญ่และสำคัญมาก ข้าน้อยจะกล้าพูดสุ่มสี่สุ่มห้าได้อย่างไร! หากว่าท่านชายท่านแม่ทัพไม่เชื่อก็สามารถตามหาสุนัขมาสักตัวเพื่อมาทดลองได้”
ฉีอวี้เข้าใจดีว่าใต้เท้าหนานกงไม่จำเป็ต้องพูดจาโกหก เขาถอยหลังไปสองก้าวพลางหันไปมองฉีฟู่ฟาง ใบหน้าของฉีฟู่ฟางขาวซีดราวกับกระดาษ นางทราบดีว่าฉีอวี้้าถามอะไร แต่นางจะไปทราบได้อย่างไรว่าลิ่วตันซางลู่จะเป็ยาสมุนไพรเช่นนี้! ใครจะไปทราบว่าอาจารย์แพทย์เจี่ยนจะหลอกลวงองค์หญิงหวายหนิง!
นางส่ายหน้าไปมาพลางหันไปมององค์หญิงหวายหนิงอย่างรวดเร็ว นางแทบอยากจะบอกกับฉีอวี้ว่าองค์หญิงหวายหนิงเป็ผู้กระทำเื่ราวทั้งหมด องค์หญิงหวายหนิงเป็คนบงการ!
หากนางทราบมาั้แ่แรกว่าลิ่วตันซางลู่เป็สมุนไพรที่คร่าชีวิตได้ ต่อให้นางตายนางก็จะไม่ยอมช่วยเหลือองค์หญิงหวายหนิงในการไปติดสินบนแพทย์ชายแล้ว! เื่ใหญ่เช่นนี้ตระกูลฉีจะต้องถูกลงโทษเก้าชั่วโคตรเลยนะ!
แม้ว่าฉีฟู่ฟางจะโมโหมาก แต่ในจุดนี้ก็ไม่กล้าที่จะเอาแต่ใจ ฉีอวี้ไม่ทราบว่าฉีฟู่ฟางหมายถึงอะไร ทว่าก็ได้หันตามฉีฟู่ฟางไปมองที่องค์หญิงหวายหนิง
หลักฐานของเฉินซานหยวนไม่เพียงพอที่จะลงโทษได้ เขาคิดว่าหากองค์หญิงหวายหนิงสามารถทำหลักฐานปลอมเฉกเช่นเมื่อค่ำคืนนี้ได้ เื่ราวก็จะพลิกกลับมาได้เล็กน้อย อย่างน้อยก็สามารถเพิ่มเวลาไปสืบหาคนร้ายตัวจริงได้มากขึ้น!
ทว่าจิตใจขององค์หญิงหวายหนิงมีแต่ความ…ว่างเปล่า!
เดิมทีนางรู้สึกสงสัยว่าเหตุใดจิ้งหวางถึงได้โต้เถียงนางเพื่อกูเฟยเยี่ยนที่เป็นังคนชั้นต่ำ เหตุใดเขาถึงไม่เหลือศักดิ์ศรีให้นาง ในที่สุดนางก็เข้าใจถึงความร้ายแรงของเื่นี้แล้ว หากเื่นี้ลุกลามไปถึงฟู่หวง อย่าว่าแต่ฟู่หวงจะปกป้องนางเลย ฟู่หวงน่าจะมีใจคิดที่จะสังหารนางแน่เลย?
องค์หญิงหวายหนิงไม่กล้าที่จะทำหลักฐานปลอมแล้ว ทว่าก็ยังต้องช่วยอยู่ดี นางรีบหลบหลีกสายตาของฉีอวี้กับฉีฟู่ฟางก่อนจะเอ่ยถาม “เฉินซานหยวน เ้า เ้ายังมีหลักฐานอื่นอีกหรือไม่? ”
เฉินซานหยวนตอบด้วยความกลัว “สิ่งที่นู๋ไฉรู้ ล้วน ล้วนพูดออกมาหมดแล้ว! ”
สายตาขององค์หญิงหวายหนิงปรากฏให้เห็นถึงความโเี้อำมหิต นางชี้นิ้วไปที่กูเฟยเยี่ยนอย่างไม่ลังเล “จิ้งหวาง กูเฟยเยี่ยนก็น่าสงสัยเหมือนกัน! ”
หากปกป้องฉีฟู่ฟางไม่ได้ นางก็ต้องดึงอีกคนมารับผิดแทนด้วย อย่างน้อยก็สามารถยืดเวลาปิดคดีออกไปเพื่อให้นางไปตรวจสอบอาจารย์แพทย์เจี่ยนได้
“ห้าพันเหรียญทองไม่เพียงพอที่จะเป็หลักฐาน คุณหนูใหญ่ฉีน่าสงสัยก็ไม่ผิด แต่กูเฟยเยี่ยนมีความน่าสงสัยยิ่งกว่า! ทุกท่าน เปิ่นกงจู่ได้ยินมาว่ากูเฟยเยี่ยนเป็ผู้ตรวจพบลิ่วตันซางลู่ ขอถามเสียหน่อย คนที่เป็เพียงแค่แพทย์หญิงตัวน้อยจะสามารถตรวจพบลิ่วตันซางลู่ที่เป็ยาสมุนไพรในระดับที่พบเจอได้ยากได้อย่างไรกัน? หรือว่ามีคนคอยชี้แนะ? หรือว่าเดิมทีแล้วเป็เ้าเองที่แอบสับเปลี่ยนลิ่วตันซางลู่! ”
บัดนี้พี่น้องตระกูลฉีสงบสติลงบ้างแล้ว ฉีฟู่ฟางรีบร้อนคุกเข่าลง “จิ้งหวางเตี้ยนเซี่ย เพียงแค่ห้าพันเหรียญทองก็จะกล่าวโทษหม่อมฉัน กล่าวโทษตระกูลฉี หม่อมฉันไม่ยอม ตระกูลฉีไม่ยอม! ”
ฉีอวี้ตามมาคุกเข่าลงด้วยเช่นกัน “ตระกูลฉีมีความบริสุทธิ์จริงใจ ไม่มีทางทำเื่ผิดครรลองคลองธรรมเช่นนี้แน่นอน มีคนใส่ร้ายตระกูลฉี เตี้ยนเซี่ยได้โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบ! ”
จวินจิ่วเฉินดูละครมามากเพียงพอแล้ว เขาไม่ได้สนใจไยดีพวกของฉีอวี้แต่หันไปมองกูเฟยเยี่ยนแทน “แพทย์หญิงกู เ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่? ”
“มีเพคะ! ”
กูเฟยเยี่ยนสงบเสงี่ยมเป็อย่างมาก นางกำลังจะลุกขึ้น ทว่าจวินจิ่วเฉินเหมือนจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่ เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างเ็า “นั่งลงแล้วพูด”