เล่มที่ 7 บทที่ 185 ศึกระดับขั้นจิงตัน
ไม่นานก็มีเงาดำบางอย่างปรากฏขึ้น บัดนี้ไออสูรเข้มข้นแพร่กระจายไปทั่วบริเวณ และผู้ที่มาใหม่ในตอนนี้ก็คืออสุรกายขั้นกุ่ยหวังซึ่งหมายจะสังหารหลินเฟยที่หุบเขากระบี่นั่นเอง ทว่าเวลานี้กลับดูอ่อนวัยลงมาก เพียงมองแวบเดียวหลินเฟยก็พยักหน้าราวกับคิดอะไรขึ้นมาได้ ‘นี่คงจะเป็แค่ร่างอวตาร แม้จะเป็เพียงร่างอวตาร แต่ก็มีพลังกล้าแกร่งมากขึ้นกว่าตอนเจอกันที่หุบเขากระบี่เป็สิบเท่าเลยทีเดียว...’
อสุรกายกุ่ยหวังจ้องมองด้วยสายตาเ็า แววตาวาววับไปด้วยประกายสังหาร ทุกครั้งที่มันก้าวเดิน รอบด้านก็ราวกับจะสั่นะเืไปด้วย เพียงครู่เดียวมันก็มาหยุดอยู่ตรงหน้าหลินเฟยแล้ว เพราะก้าวเดียวของอสุรกายกุ่ยหวัง สามารถก้าวได้ไกลนับพันจ้าง ทันใดนั้นก็มีหมอกควันดำพวยพุ่งและแพร่กระจายเป็ไออสูรปกคลุมไปทั่ว ไออสูรเข้มข้นนี้รวมตัวกันกลายเป็เขตแดนอสูรที่เต็มไปด้วยไอสังหาร อีกทั้งในบางครั้งก็ยังได้เสียงโหยหวนดังเป็ระยะอีกด้วย...
หมอกควันดำกลายสภาพเป็ใบหน้ามากมาย รอบล้อมอยู่รอบตัวหลินเฟย ครู่เดียวก็มีเสียงคำรามกึกก้องดังตามมาดุจเหล่าิญญาร้ายกำลังโห่ร้องด้วยความดีใจ เพราะกำลังจะได้เพื่อนใหม่...
สิ่งก่อสร้างรอบด้านพลันหายไปทันที พื้นดินก็กลายเป็สีดำ บัดนี้ทั่วทั้งบริเวณมีซากโครงกระดูกปกคลุมไปทั่ว ดวงจันทร์บนฟ้ากลายเป็สีดำ ใช้เวลาไม่นานไออสูรก็เข้มข้นขึ้นอีก...
ิญญาอาฆาตจำนวนมากพุ่งพวยออกมา มือแห้งเหี่ยวหนังหุ้มกระดูกมากมายพากันผุดออกมาจากพื้นดินสีดำ พวกมันพยายามไขว่คว้าฉุดกระชากเท้าของหลินเฟย แถมยังมีปีศาจที่ร่างกายบิดเบี้ยวอีกหลายตน กำลังกางกรงเล็บพุ่งตรงมา พวกมันมีทั้งกรงเล็บ ทั้งฟันอันแหลมคม กำลังฉีกกระชากร่างกายหลินเฟยด้วยความบ้าคลั่ง หลินเฟยยืนนิ่งเหมือนกับถูกตรึงเอาไว้ ไม่อาจขยับไปไหนได้...
ร่างของหลินเฟยสั่นน้อยๆ เพราะรู้ดีว่านี่คือเขตแดนอสูรที่อสุรกายกุ่ยหวังสร้างขึ้นมา จากนั้นเขาก็รีบกัดลิ้นตัวเองทันที อาศัยความเจ็บเพื่อฟื้นคืนสติขึ้นมา ขณะเดียวกันก็ปลดปล่อยปราณกระบี่ไท่อี๋ออกมา พริบตาต่อมาจึงเห็นเป็ลำแสงสีทองะเิออกคล้ายกับแสงแรกแย้มของดวงตะวัน ส่องสว่างไปทั่วห้วงอันมืดมิด หลังจากที่แค่นเสียงเบาออกมา ปราณกระบี่ไท่อี๋ก็บดขยี้เขตแดนอสูรจนพังทลาย...
ทว่า...
อสุรกายกุ่ยหวังเองก็ทำแค่หัวเราะเ็าออกมาเท่านั้น
ไม่นานก็มีกรงเล็บข้างหนึ่งพุ่งตรงมายังอกแกร่งของหลินเฟย กรงเล็บนี้แหลมคมเป็อย่างมาก แม้แต่อากาศก็คล้ายกับจะถูกตัดขาดไปด้วย...
โชคดีที่หลินเฟยเตรียมตัวมาก่อนแล้ว ชั่วขณะที่กรงเล็บกำลังพุ่งมา หลินเฟยจึงอ้าปากพ่นลำแสงสีทองซึ่งเกิดจากปราณโลหะสีทองออกมา ไม่นานลำแสงนั้นก็พุ่งชนกรงเล็บเข้าเต็มแรงจนเกิดเสียงดังกัมปนาท ลำแสงเรืองรองพลันแตกกระจายไปทั่ว ‘เป็เพียงผู้บำเพ็ญขั้นมิ่งหุนเคราะห์สองแท้ๆ แต่กลับกล้ารับมือพลังระดับขั้นบำเพ็ญจิงตันได้…’
แน่นอนว่าผลลัพธ์นั้น...
ชั่วขณะที่ลำแสงมากมายะเิออก หลินเฟยเองก็ถูกอัดกระแทกจนตัวลอยออกไปไกลนับสิบจ้าง ก่อนจะร่วงลงกระแทกกับพื้นอย่างแรง แม้กระทั่งหินชิงสือที่ปูพื้นนั้น ก็ถูกกระแทกจนเป็เกิดเป็หลุมขนาดใหญ่ หลินเฟยตะเกียกตะกายลุกขึ้น ก่อนจะเช็ดคราบเืที่มุมปากออก หลังจากกระแอมเบาๆ ปราณกระบี่ทั้งสี่ก็ปรากฏออกมา และปิดล้อมอสุรกายกุ่ยหวังที่กำลังเดินเข้ามาพอดี...
“จะว่าไปข้าเองก็ต้องขอบคุณเ้าด้วย...” เสียงของอสุรกายกุ่ยหวังแหบชราเป็อย่างมาก แต่น้ำเสียงนั้นกลับราบเรียบจนยากจะเดาความรู้สึกได้ ฟังดูคล้ายกับเครื่องจักรที่ไร้ชีวิต
“หากไม่ใช่เพราะเ้า ข้าคงจะไม่ได้รับอิสระเช่นนี้...”
“หึหึ...” บัดนี้หลินเฟยได้ปลดปล่อยปราณกระบี่ทั้งสี่ออกมา สายตาของเขาก็เอาแต่จดจ้องไปที่อสุรกายกุ่ยหวังที่เคลื่อนกายใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ก่อนจะเอ่ยออกมาพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยัน
“แล้วเ้าจะแน่ใจได้อย่างไร ว่าข้าไม่ได้จงใจหลอกล่อเ้าอยู่?”
“ในเมื่อรู้ว่านี่คือร่างอวตาร เ้าเองก็น่าจะรู้ดีว่าเื่โกหกเช่นนี้ไม่ได้ผลอะไร...” อสุรกายกุ่ยหวังตอบอย่างไม่ใส่ใจ เพียงครู่เดียวก็มีลำแสงมากมายปรากฏขึ้นมา ขณะที่กำลังจะโจมตีอีกครั้ง ใบหน้าที่ราบเรียบนั้นก็ฉายแววประหลาดใจออกมา...
เหมือนกับกำลังเห็นอะไรบางอย่าง อสุรกายกุ่ยหวังรีบจ้วงกรงเล็บไปทางถนนสายหนึ่งทันที กรงเล็บของมันกระแทกเข้ากับพื้นดินจนเกิดเสียงดังสนั่น สิ่งก่อสร้างทั้งหลายกลายเป็ซากปรักหักพังทันที บ้านเรือนจำนวนมากพากันถล่มลงมาจนเกิดเป็ฝุ่นตลบอบอวลไปทั้งบริเวณ ทว่าทันทีทันใดก็มีเงาปริศนาสายหนึ่งปรากฏขึ้น...
‘นักพรตเฮยซาน!’
หลังจากมุ่งหน้าออกมาจากหอว่านเย่ว นักพรตเฮยซานก็สะกดรอยตามหลินเฟยมาตลอด ด้วยฝีมือระดับผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันจึงเก่งกล้ากว่าผู้บำเพ็ญขั้นมิ่งหุนอยู่มาก เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วยาม นักพรตเฮยซานก็รู้สึกถึงไอิญญาที่แปรปรวนของหลินเฟยบริเวณศาลั เขาจึงตามมาดู และก็ได้เจอกับหลินเฟยจริงๆ...
แต่นักพรตเฮยซานคิดไม่ถึงว่า...
ทั้งที่ยังไม่ทันจะลงมือก็ดันถูกอีกฝ่ายลอบโจมตีเสียก่อน!
บัดนี้มีภาพมากมายฉายเข้ามาในห้วงความคิดของนักพรตเฮยซาน และเขาก็เข้าใจขึ้นมาทันทีว่าเพราะเหตุใดหลินเฟยจึงกระทำเช่นนั้นที่หอว่านเย่ว เป็แค่ผู้บำเพ็ญขั้นมิ่งหุนเคราะห์สองเท่านั้น แต่กลับริอ่านหาเื่ผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันไม่หยุดหย่อน ที่แท้ก็เพราะมีแผนซ้อนอยู่นี่เอง เมื่อนักพรตเฮยซานพินิจมาถึงเื่นี้ ก็พลันใจหายวาบทันที
‘หรือว่านี่จะเป็กับดัก?’
หลายพันปีมานี้ที่นักพรตเฮยซานจำต้องอาศัยอยู่ที่ทะเลอูไห่นั้น ก็เพราะที่แห่งนี้เป็สถานที่ที่เ้าสำนักชิงอวิ๋นไม่อาจเข้ามาได้ แต่ถึงอย่างนั้นสำนักชิงอวิ๋นก็เป็ถึงหนึ่งในสำนักที่มีชื่อเสียงแห่งเป่ยจิ้ง แม้จะไม่ได้มีชื่อเสียงเทียบเท่าสิบสำนักใหญ่ แต่ก็ถือว่าโดดเด่นกว่าสำนักทั่วๆไป กว่าพันปีที่ผ่านมา จึงได้ส่งผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันอย่างน้อยห้าคนมาสังหารนักพรตเฮยซานที่พิภพซ่างจง ทว่าเดิมทีนักพรตเฮยซานมีนิสัยขี้ระแวงอยู่แล้ว จึงรอดพ้นมาได้...
ถึงกับสามารถหลบหนีการไล่ล่าสังหารของผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันคนอื่นๆได้นานนับพันปี นักพรตเฮยซานจึงมีความตื่นตัวมากกว่าผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันทั่วไป ทั้งที่เพิ่งจะถูกลอบโจมตี แต่เขาก็สามารถคิดค้นกับดักขึ้นมาได้...
ผนวกกับการกระทำมากมายของหลินเฟยที่หอว่านเย่ว ยิ่งคิดนักพรตเฮยซานก็ยิ่งรู้สึกเป็กังวล...
จิตใต้สำนึกของเขาจึงสั่งให้หนีทันที...
แต่มีหรือที่อสุรกายกุ่ยหวังจะยอมง่ายๆ...
เมื่ออสุรกายกุ่ยหวังเห็นผู้บำเพ็ญขั้นจิงตันก็เกิดใจหายขึ้นมาเช่นกัน ทันใดนั้นก็นึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของหลินเฟยขึ้นมา ‘แน่ใจได้อย่างไร ว่าไม่ได้จงใจหลอกล่อ?’
คิดได้ดังนั้น อสุรกายกุ่ยหวังจึงไม่เปิดโอกาสให้นักพรตเฮยซานได้มีโอกาสลงมืออีกครั้ง พริบตานั้นเอง มันก็แปลงร่างเป็อสรพิษั์ที่มีขนาดยาวนับพันจ้าง ก่อนจะอ้าปากใหญ่โตพุ่งเข้าใส่ทันที
“รนหาที่ตายนัก!” เมื่อเห็นเ้าอสรพิษั์ที่พุ่งเข้ามา นักพรตเฮยซานก็เกิดโทสะพวยพุ่งออกมา ‘จะรังแกกันเกินไปแล้ว ข้าเป็ถึงผู้บำเพ็ญขั้นจิงตัน อ่อนข้อให้ก็ตั้งหลายครั้ง แต่เ้ากลับยังตามรังควานไม่ยอมเลิกรา คิดว่าข้าจะรังแกง่ายขนาดนั้นเลยหรือ?
จากนั้นนักพรตเฮยซานก็สำแดงพลังให้ร่างกายขยายใหญ่ขึ้น แขนทั้งสองข้างก็ใหญ่โตขึ้นมาราวกับเสาขนาดมหึมา เพียงแค่เอื้อมมือออกไป ก็สามารถคว้าเ้าอสรพิษั์เอาไว้หมายจะฉีกกระชากให้สิ้น
อสุรกายกุ่ยหวังโอดครวญกึกก้องด้วยความเ็ป ลำตัวที่ทั้งใหญ่และยาวโอบรัดนักพรตเฮยซานที่กลายเป็คนขนาดั์เอาไว้อย่างแ่า เกล็ดทั่วตัวกลายเป็ลำแสงคมกริบ ไม่นานก็ได้ยินเสียงที่ชวนให้ขนหัวลุกดังขึ้นมา เพราะบัดนี้ลำแสงมากมายกำลังพุ่งทะยานไปที่นักพรตเฮยซานแล้ว เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ลำแสงแหลมคมก็กรีดเข้าไปจนเกิดรอยแผลทั่วทั้งตัวแล้ว...
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------