ในค่ำคืนนี้กูเฟยเยี่ยนได้นอนหลับอย่างเต็มอิ่ม
วันรุ่งขึ้นนางตื่นั้แ่เช้าตรู่ กระแสลมหนาวดูเหมือนว่าจะพัดผ่านไปแล้ว นางบิดี้เีออกมารู้สึกว่าทั่วทั้งร่างของนางผ่อนคลายลงมาก
หลังจากที่เก็บของเรียบร้อยกูเฟยเยี่ยนก็อดใจรอไม่ไหวที่จะเปิดประตูออกมา ในตอนนี้เองที่นางพบว่าที่นี่คือลานบ้านเล็กๆ ที่มีสภาพทรุดโทรมอยู่บนเขา ภายในลานบ้านไร้ซึ่งผู้คน
“คนล่ะ? ”
กูเฟยเยี่ยนเดินวนหนึ่งรอบแล้วกลับไปที่หน้าห้อง นางพบว่าที่นี่แม้แต่เงาคนก็ไม่มี นางเกิดความกระสับกระส่ายตัดสินใจออกไปอย่างฉับพลัน!
ในขณะที่นางมาถึงกลางลานบ้านก็มีชายชุดดำสวมหน้ากากสามคนที่ได้รับาเ็พุ่งถลาเข้ามา คนพวกนี้คือพวกเดียวกับนายนักฆ่าน้ำแข็งเหม็นผู้นั้นที่จี้ชิงตัวนางมาเมื่อคืนนี้!
“พวกเ้า! ”
กูเฟยเยี่ยนไม่เข้าใจเป็อย่างมากว่านายก้อนน้ำแข็งเหม็นคนเดียวนั้นก็สามารถจัดการทหารคุ้มกันเ่าั้ได้แล้ว แต่เมื่อคืนนี้ทำไมกลับพาคนมาไม่น้อยเลยหรือว่าจนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังไม่สามารถสลัดทหารคุ้มกันพวกนั้นออกไปได้?
กูเฟยเยี่ยนยังไม่ทันได้เข้าใจว่าเกิดเหตุใดขึ้นก็เห็นถึงด้านหน้าทางเข้ามีทหารกลุ่มหนึ่งไล่ตามมา
เกิดเหตุใดขึ้น?
กูเฟยเยี่ยนใมากรีบเอ่ยถามอย่างร้อนใจ “เ้านายของพวกเ้าล่ะ? ”
นักฆ่าชุดดำที่สวมหน้ากากไว้ไม่ได้สนใจไยดีนาง กูเฟยเยี่ยนจะถามต่อแต่ก็มีทหารได้พุ่งเข้ามา เพียงครู่เดียวพวกเขาทั้งหมดล้วนถูกล้อมรอบเอาไว้ นักฆ่าที่สวมหน้ากากเตรียมพร้อมป้องกันตัวในทันที เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอยู่ใกล้ตัวกูเฟยเยี่ยนเป็อย่างมาก ทว่าก็ไม่ได้จับตัวกูเฟยเยี่ยนมาเป็ตัวประกัน ตรงกันข้ามกลับพุ่งออกไปต่อสู้กับเหล่าทหาร
กูเฟยเยี่ยนถูกทหารดึงมาปกป้องไว้ที่ด้านข้างอย่างรวดเร็ว นางยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ปกติ!
“ในเช้าวันพรุ่งนี้จะมีคนมารับเ้า”
จู่ๆ นางก็นึกถึงคำพูดประโยคนี้ของนายก้อนน้ำแข็งเหม็นที่เอ่ยขึ้นมาเมื่อวานนี้ ดูเหมือนว่านางจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้วจึงยืนงงงันอยู่ที่เดิม
นักฆ่าที่สวมหน้ากากมีจำนวนน้อย ย่อมจะต้านทานทหารที่มีจำนวนมากไม่ได้ ในไม่ช้าก็ปลดอาวุธยอมจำนนลง
ทหารนำนักฆ่ามามัดแขนทั้งสองข้างไพล่หลังแล้วดึงหน้ากากออกทันที คนทั้งหมดล้วนมีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยและไม่มีผู้ใดรู้จัก
ผ่านไปสักพักเซวียกงกงก็กระหืดกระหอบวิ่งเข้ามา เมื่อเห็นว่ากูเฟยเยี่ยนยืนอยู่อย่างดีๆ เขาก็ผิดหวังมากทีเดียว “แพทย์หญิงกู ชีวิตของเ้ายิ่งใหญ่มาก ฮ่าๆ! ”
กูเฟยเยี่ยนไม่ได้สนใจไยดีเซวียกงกง ใบหน้าเล็กของนางที่มึนงงหม่นหมองลงไปนานแล้ว ไฟโทสะภายในใจของนางได้โหมพัดแรงขึ้นเรื่อยๆ
ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าตนเองถูกหลอกอีกแล้ว!
เมื่อคืนนี้นางยังสงสัยอยู่เลยว่าทำไมนายเ็าผู้นั้นที่มีทักษะวิชาศิลปะการต่อสู้ที่เก่งกาจแล้วยังต้องพากลุ่มคนไปสกัดกั้นรถอีก? ในตอนนี้ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าเื่ราวทั้งหมดล้วนเป็เขาที่วางแผนสร้างสถานการณ์เอาไว้!
ชายผู้นั้นไม่ได้จะมาจี้ชิงตัวนางั้แ่แรก และไม่ได้จริงใจที่จะเก็บนางไว้อุทิศตนรับใช้ เมื่อคืนเขาเจตนาพาคนกลุ่มหนึ่งไปจี้ชิงตัวนาง ในเช้าวันนี้ก็เจตนาให้คนกลุ่มนั้นหลอกล่อให้ทหารมาพบนาง!
มันจะมากเกินไปแล้วนะ!
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนนี้ตนเองเสียเรี่ยวแรงในการคิดและเรี่ยวแรงในการพูดไปเยอะมาก กูเฟยเยี่ยนจึงรู้สึกได้ว่านี่เป็ครั้งแรกในชีวิต ที่รู้สึกว่าตนเองโง่เขลาเบาปัญญา!
เซวียกงกงเห็นว่ากูเฟยเยี่ยนไม่สนใจไยดีจึงเริ่มไปถามนักฆ่า “ใครให้พวกเ้ามาจี้ชิงตัวคน? ยังมีพรรคพวกคนอื่นอีกหรือไม่? ”
“เฉิงอี้เฟยสมควรตาย คนที่ช่วยมันยิ่งสมควรตาย! ”
นักฆ่าที่สวมหน้ากากโพล่งความโกรธแค้นออกมา ผู้ที่ทราบเื่เมื่อเห็นเช่นนี้ก็ล้วนเชื่อว่า นักฆ่ากับเฉิงอี้เฟยมีความอาฆาตแค้นอย่างมาก ทว่ากูเฟยเยี่ยนเข้าใจดีว่านักฆ่านั้นเสเเสร้งแกล้งทำ เขากำลังช่วยนายน้ำแข็งเหม็นนั่นเบี่ยงเบนความสนใจของเฉิงอี้เฟยเเละศาลต้าหลี่
นางอธิบายถึงรูปลักษณ์ภายนอกและความชำนาญในการต่อสู้ของนายก้อนน้ำแข็งเหม็นนั่นอย่างละเอียดถี่ถ้วน หากศาลต้าหลี่้าหาคนยังไงก็มีทิศทางที่ดี แต่หากว่าในวันนี้นักฆ่าพวกนี้เสนอคำให้การผิดๆ มันก็จะไปเป็การรบกวนคำตัดสินใจของศาลต้าหลี่ ศาลต้าหลี่ก็จะตรวจสอบไปไม่ถึงเขาตลอดกาล
มิน่าล่ะเมื่อคืนนี้เขาถึงไม่ได้เปิดเผยตัวตนออกมา มิน่าล่ะเมื่อคืนนี้เขาถึงพูดว่าในเช้าวันนี้จะมีคนมารับนาง!
กูเฟยเยี่ยนคับแค้นใจจนฟันเกิดความคัน อยากกัดคน!
เซวียกงกงกำลังสอบสวน นักฆ่าหลายคนล้วนสร้างคำโกหกมามากมายและยังยอมรับด้วยว่าในครั้งที่แล้วผู้ที่ปล้นสะดมยาก็คือพรรคพวกของพวกเขาอีกทั้งยังพูดสุ่มสี่สุ่มห้าถึงความแค้นที่มีมากจนไม่อยากอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกันกับเฉิงอี้เฟย
กูเฟยเยี่ยนฟังไปด้วยภายในใจก็พาลโมโหจวินจิ่วเฉินไปด้วย “สารเลว! โง่เง่าเต่าตุ่น! อันธพาล! ก้อนน้ำแข็งเหม็น!”
เมื่อพบว่าเซวียกงกงและทหารล้วนเชื่อว่ามันเป็เื่จริง นางแทบอยากจะพูดความจริงออกมา น่าเสียดายที่การพูดโกหกย่อมมีค่าตอบแทนที่ต้องจ่าย ในครั้งที่แล้วนางไม่ได้พูดความจริงออกมา ก็เลยถูกลิขิตไว้แล้วว่านางจะไม่สามารถพูดความจริงเกี่ยวกับเื่นี้ได้อีกตลอดกาล มิฉะนั้นแล้วตนเองก็จะไม่มีทางรอด
เมื่อเซวียกงกงสอบสวนนักฆ่าเรียบร้อยแล้วจึงให้คนนำไปส่งที่ศาลต้าหลี่ จากนั้นเขาจึงเดินไปหากูเฟยเยี่ยนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งการถากถาง “แพทย์หญิงกู สุภาษิตกล่าวไว้ว่า หากรอดชีวิตจากเหตุการณ์ที่เลวร้ายย่อมต้องได้โชคลาภ ไปกันเถอะ ตามข้าเข้าพระราชวังไปเสวยสุขเถอะ!”
ไม่อยากจะบอกเลยว่าคำพูดนี้คล้ายกับน้ำเย็นหนึ่งกะละมังที่เทราดลงมาบนหัวกูเฟยเยี่ยน มันดับไฟโทสะของนางและทำให้นางมีสติขึ้นมา
นางได้อ้อมไปหนึ่งรอบคล้ายกับเป็เพียงแค่ความฝันและความสุขที่ว่างเปล่าเท่านั้น
ด่านเคราะห์องค์หญิงหวายหนิงนั้นในที่สุดนางก็หลุดหนีไม่พ้นอยู่ดี
ทำเช่นไรดี?
นางมองไปยังทหารที่ล้อมรอบอยู่บริเวณรอบข้าง มองไปยังสายตาที่แฝงความหมายของเซวียกงกง ไม่อยากจะบอกเลยว่านางมีความรู้สึกไร้เรี่ยวแรง
คนเราไม่ควรที่จะคาดหวังใช่หรือไม่? เมื่อมีความคาดหวังก็มักจะผิดหวังอย่างง่ายดาย
“นายก้อนน้ำแข็งเหม็น! อย่าให้ข้าได้เจอเ้าอีกนะ! ”
กูเฟยเยี่ยนพึมพำแล้วเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว นางยิ้มด้วยความดื้อรั้น “ในเมื่อเป็การเสวยสุขพวกเราก็รีบไปกันเถอะ ข้าตั้งตารอเป็อย่างมาก! ”
เซวียกงกงได้ยินแล้วก็แสบแก้วหู จึงพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมและเฉียบขาดในบัดดล “ทหาร รีบพานางไปยังรถม้าแล้วดูให้ดี!”
ยังไม่ทันไปถึงพระราชวังก็เริ่มกลั่นแกล้งนางแล้ว
ในระหว่างการเดินทาง น้ำสักหยดเซวียกงกงก็ไม่มอบให้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาหารเลย โชคดีที่ร่างกายของกูเฟยเยี่ยนฟื้นตัวดีแล้วจึงสามารถทนได้
เช้าวันรุ่งขึ้นก็เดินทางเข้ามาถึงตัวเมือง หลังจากที่ให้ความร่วมมือกับศาลต้าหลี่ในการสอบสวนแล้ว เซวียกงกงก็พากูเฟยเยี่ยนกลับพระราชวังในทันที
พวกเขาไม่ได้ตรงไปที่ตำหนักฟางหวาขององค์หญิงหวายหนิง แต่ไปที่ห้องยาสำนักหมอหลวงก่อน
ทันทีที่มาถึงประตูทางเข้าห้องยาสำนักหมอหลวง เซวียกงกงก็พูดแขวะอย่างเร่งรัด “นังคนหลายใจ องค์หญิงหวายหนิงทรงไม่ชอบรอคอยผู้อื่นมากที่สุด เปิ่นกงกงให้เวลาเ้าเพียงหนึ่งถ้วยชาในการไปเก็บของใช้ที่จำเป็แล้วรีบออกมา หากเลยเวลาหนึ่งถ้วยชาเปิ่นกงกงรับรองได้ว่าจะให้เ้าคลานไปพบองค์หญิงหวายหนิง! ”
กูเฟยเยี่ยนรู้ว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้เป็การหลอกลวง นางใช้เวลาโดยเร็วที่สุดในการเก็บกวาดข้าวของเครื่องใช้ ทว่าในตอนที่ย้อนกลับมากลับพบว่าในลานล้วนเต็มไปด้วยผู้คนล้อมรอบ ดูเหมือนว่าทุกคนจะรับรู้ว่านางกลับมาแล้วจึงตั้งใจมาที่นี่
ในครั้งที่แล้วทุกคนยังคงซุบซิบนินทาแต่ในครั้งนี้มาตรงๆ เลย แต่ละคนล้วนประณามเสียงดังลั่น สายตาพวกนั้นมีทั้งสบประมาท เหยียดหยาม เยาะเย้ย รังเกียจ แม้กระทั่งมีความจงเกลียดจงชัง…ล้วนพุ่งตรงไปที่กูเฟยเยี่ยนประหนึ่งว่านางคือหญิงสาวผู้ที่สกปรกและต่ำทรามมากจริงๆ
ในไม่ช้าเวินอวี่โหรวก็พุ่งออกมาจากกลุ่มคนที่ล้อมรอบอยู่ นางตื่นเต้นมาก ทันทีที่อ้าปากก็เริ่มด่า “กูเฟยเยี่ยนเ้ามันคนชั้นต่ำ! ในตอนนี้เ้ายังมีอะไรจะพูดอีก! คนในตระกูลฉีล้วนไปรายงานกับฮ่องเต้แล้ว! เ้าทำลายท่านแม่ทัพเฉิง! เ้ามันเป็ผู้หญิงไร้ยางอาย! เลวทราม! ”
“เ้าพูดออกมา ในตอนนี้เ้ายังมีอะไรจะพูดอีก! ข้าใส่ร้ายป้ายสีเ้าตรงไหน? ใส่ร้ายป้ายสีเ้าตรงไหน! ผู้คนทั่วทั้งเมืองล้วนเห็นหมดแล้ว! เป็เ้าที่ยั่วยวนท่านแม่ทัพเฉิง! เป็เ้าที่ยั่วยวนเขา! ”
……
กูเฟยเยี่ยนเลิกคิ้วเหลือบมองเวินอวี่โหรวโดยไม่พูดอะไร แล้วก้าวเท้าเดินผ่านไป
ในครั้งที่แล้วเวินอวี่โหรวสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่จากกูเฟยเยี่ยน นางจึงไม่กล้าลงไม้ลงมือ ทว่ายังคงพุ่งไปสกัดกั้นที่ด้านหน้าของกูเฟยเยี่ยนแล้วเอ่ยถามด้วยความโกรธ และ้าคำอธิบายจากกูเฟยเยี่ยน
เมื่อเห็นเช่นนี้บ่าวยากลุ่มหนึ่งก็ล้วนตามเข้ามาโดยล้อมรอบทั่วตัวกูเฟยเยี่ยน
“กูเฟยเยี่ยน เ้ายังมีอะไรจะพูดอีก เ้าพูดสิ! ”
“เ้ามันนังคนชั้นต่ำ ข้าใส่ร้ายป้ายสีเ้าอย่างไร? ข้าด่าเ้ามันผิดหรือ? เ้ายังมีอะไรจะพูดอีก? เ้าพูดสิ! เ้าพูดสิ! ”
“กูเฟยเยี่ยน เ้าพูดซะสิ? เ้าไม่ใช่พูดเก่งนักหรือ? ”
……
ในไม่ช้ากูเฟยเยี่ยนก็ก้าวเดินได้ยากขึ้น แม้จะเป็เพียงก้าวเดียว เวลาได้ผ่านไปทีละนิดอย่างรวดเร็วดั่งกระแสน้ำ เวลาหนึ่งถ้วยชามันเร็วมาก
ด้านนอกประตูไม่รู้ว่าองค์หญิงหวายหนิงทรงเสด็จมาถึงั้แ่เมื่อไหร่ พระองค์ได้ยืนอยู่ด้านหลังของเซวียกงกง…