Chapter 11
รถเบนซ์สีขาวที่มีทะเบียนรถเป็เลข 9 เพียงตัวเดียวเลี้ยวเข้าไปในลานจอดรถของร้าน Your Sky พนักงานชายคนหนึ่งที่แค่เห็นทะเบียนรถก็รู้ทันทีว่าเป็รถของเ้านายรีบวิ่งไปช่วยโบกรถให้
เมื่อรถเบนซ์สุดหรูเคลื่อนไปจอดในตำแหน่งประจำแล้ว คนที่อยู่หลังพวงมาลัยจึงดับเครื่องแล้วปลดเข็มขัดนิรภัยก่อนลงจากรถ
“สวัสดีครับคุณเรียว”
หุ้นส่วนคนสำคัญของร้าน Your Sky พยักหน้ารับพนักงานที่มีอายุน้อยกว่า “ครับ สวัสดีครับ”
“…”
“วันนี้มีคนมาที่ร้านั้แ่เช้าแล้วใช่ไหม?”
“เอ่อ ครับ แต่มาเช้าขนาดนี้ไม่น่าจะใช่ลูกค้านะครับ”
“ไม่ใช่ลูกค้าหรอก”
“...”
“ว่าแต่...มีคนมาเยอะแค่ไหน”
“โอ้โห เยอะอยู่นะครับ ทยอยกันมาเรื่อย ๆ เลย ทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่”
“…”
“น่าจะเป็ญาติของคุณฟ้าน่ะครับ”
เรียวถอนหายใจเบา ๆ ก่อนเอ่ย “ไม่ใช่ญาติมันหรอก ญาติฝั่งผมทั้งนั้นแหละ”
“อ้าว เหรอครับ”
“อือ...” เรียวตอบเสียงแ่ ก่อนเอ่ยต่อ “งั้นผมขอตัวก่อนนะ”
“ครับ เชิญตามสบายเลยครับคุณเรียว”
พนักงานหนุ่มที่แต่งตัวเรียบร้อยตามกฎระเบียบของร้านเอ่ยอย่างนอบน้อม คนตัวสูงที่มีอายุมากกว่าจึงสาวเท้าเดินทันที แต่ระหว่างเดินผ่านเด็กหนุ่มไป เขาก็ยื่นมือไปตบไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ แล้วเอ่ย...
“วันนี้อากาศร้อน อย่าลืมหยุดพักกินน้ำบ้างล่ะ”
“คะ ครับ ขอบคุณครับคุณเรียว”
เรียวไม่ได้ตอบอะไร ทำเพียงแค่พยักหน้ารับคำขอบคุณจากอีกฝ่าย แล้วจึงสาวเท้าเดินต่อ และในตอนที่กำลังมุ่งตรงไปยังห้องเรือนกระจกตามที่ได้นัดหมายกับหมื่นฟ้าไว้ แล้วจู่ ๆ บทสนทนาระหว่างเขากับเพื่อนสนิทที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าก็วนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง
‘เมื่อเช้าแม่มึงโทรมาบอกกูว่ามึงรู้เื่แล้ว’
‘เออ มึงก็เอากับเขาด้วยนะไอ้สัด’
‘หึ ๆ’
‘ไม่ต้องมาหัวเราะเลยไอ้ฟ้า’
‘ถ้าอย่างนั้นกูก็ไม่ต้องล่อมึงมาร้านแล้วสิ’
‘เออ เดี๋ยวกูไปเอง’
‘เจอกันที่ห้องเรือนกระจกตอนเก้าโมง’
‘เออ’
‘อย่ามาสาย เพราะมึงคือคนสำคัญของงานนี้’
เรียวลอบถอนหายใจเบา ๆ ตอนที่เสียงในความทรงจำกำลังจางหายไป เขาคิดว่าแผนการของแม่เฮียจะต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ และถ้าแผนของแม่เฮียเจ๋งจริง มันก็อาจจะทำให้เราสองคนได้เป็มากกว่าเพื่อนที่ ‘เป็แฟนกัน’ สักที
แต่ไม่ว่าผลจะออกมาเป็อย่างไร เขาภาวนาขอเพียงอย่างเดียวว่า ‘ไอ้คนน่ารัก มึงอย่าโกรธกูนะ กูไม่ได้ตั้งใจปิดบังเื่ทั้งหมดหรอก แต่เพราะป๊าเตือนกูไว้ กูก็เลยต้องทำ’ เพราะความจริงแล้ว...คนที่รักเฮียหมดใจอย่างเขา แทบจะไม่เคยปิดบังอะไรอีกฝ่ายเลย
ยกเว้นแต่...
เื่ของหัวใจ
ที่ยังเปิดเผยไม่ได้ในเวลานี้
เมื่อเรียวเดินมาถึงห้องเรือนกระจกที่เป็เหมือนบ้านชั้นเดียว เพราะมันมีหลังคาเป็ทรงปั้นหยา ทั้งยังเป็กระจกใสรอบด้าน นั่นจึงทำให้มองเห็นข้างในได้ทั้งหมด และเพราะว่าเขาสามารถเห็นได้ทะลุปรุโปร่งเช่นนั้น มันจึงทำให้เรียวแทบผงะถอยหลังเมื่อเห็นผู้คนจำนวนไม่น้อยนั่งอยู่ข้างใน
แล้วจากที่ดู ๆ
ไม่น่าจะต่ำกว่าสิบคน
แล้วหนึ่งในผู้คนเ่าั้ก็มีครอบครัวของเขาด้วย
คนตัวสูงหยุดยืนอยู่นิ่ง ๆ มองผู้คนที่นั่งอยู่ในห้องเรือนกระจก แต่ยังไม่ยอมเปิดประตูเข้าไป แล้วแม่ของเขาที่นั่งอยู่ข้างในก็เหลือบมาเห็นเขาพอดี ท่านยกมือขึ้นกวักเรียกให้เข้าไป ก่อนที่ทุกคนจะหันมามองเขาเป็ตาเดียว
สายตาเชิญชวนปนเร่งเร้าของทุกคนทำให้เรียวต้องเปิดประตูออก และทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไปในห้องเรือนกระจก เรียวก็จ้องมองเพื่อนร่วมแผนการนั่งเรียงรายที่โต๊ะอาหารตัวยาว
“เรียวมาแล้ว...” แม่ของเฮียเอ่ยขึ้น
“...”
“ทุกคนรออะไรกันคะ ปรบมือต้อนรับผู้ร่วมแผนการคนสำคัญสิคะ”
สิ้นสุดคำพูด ทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องเรือนกระจกก็ปรบมือเสียงดัง เรียวมองทุกคนพลางคิดว่า ‘นี่มันอะไรกันวะเนี่ย?’ ยิ่งกว่าขบวนการข้ามชาติอีก
“ไอ้เรียว นั่งตรงนี้สิ”
เขาที่ยังยืนนิ่งอึ้งกับสถานการณ์ตรงหน้าหันมองตามเสียง จึงเห็นหมื่นฟ้าพยักพเยิดหน้าไปทางเก้าอี้ว่างที่ตั้งอยู่หัวโต๊ะ ไม่ต้องเดาก็พอจะรู้ว่าทุกคนตั้งใจเว้นเก้าอี้ตัวนี้ไว้ให้เขา
คนตัวสูงเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวนั้นเงียบ ๆ ก่อนจะกวาดสายตามองทุกคนอีกครั้ง แล้วคิดว่า ‘ผู้ร่วมแผนการมีเยอะฉิบหายเลย เขาไม่ได้จะพากันไปสร้างพีระมิดที่ไหนใช่ปะวะ?’ และเรียวก็นั่งนับผู้ร่วมแผนการในใจ...
เรียวที่นั่งอยู่หัวโต๊ะนับเป็คนที่ 1
และคนที่นั่งอยู่ฝั่งซ้ายข้าง ๆ เขาก็คือ
หมื่นฟ้า นับเป็คนที่ 2
ที่รัก นับเป็คนที่ 3
พันลี้ นับเป็คนที่ 4
ใกล้ใจ นับเป็คนที่ 5
อาม่า นับเป็คนที่ 6
พ่อของเขา นับเป็คนที่ 7
แม่ของเขา นับเป็คนที่ 8
ฝั่งซ้ายของโต๊ะยาวสิ้นสุดลงที่แม่ของเขาเอง ส่วนคนที่นั่งอยู่เป็คนแรกของฝั่งขวาคือ..
สิน นับเป็คนที่ 9
พีช นับเป็คนที่ 10
โก้ นับเป็คนที่ 11
โน่ นับเป็คนที่ 12
เฮียเม้ง นับเป็คนที่ 13
เจ้หลิน นับเป็คนที่ 14
พ่อของเฮีย นับเป็คนที่ 15
และสมาชิกคนสุดท้ายที่เป็คนสำคัญอย่างแท้จริงนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะฝั่งตรงข้ามกับเขา คนคนนั้นคือ...
แม่ของเฮีย นับเป็คนที่ 16
“จริง ๆ ยังขาดผู้ร่วมแผนการอีกสองคนนะจ๊ะ มีตี๋กับณรินทร์อีก แต่ทั้งสองคนติดเรียนก็เลยไม่ได้มา” ราวกับแม่ของเฮียอ่านใจของเขาได้ ท่านถึงได้รู้ว่าเขากำลังไล่นับสมาชิกด้วยสายตาอยู่
“...”
“ก่อนม้าจะเริ่มเล่าแผนการทั้งหมดที่ทุกคนรู้อยู่แล้วให้เรียวฟังอีกรอบ เรียวอยากพูดอะไรก่อนไหมจ๊ะ?”
“จริง ๆ ก็ไม่...”
“เรียว พูดขอบคุณทุกคนที่สละเวลามาช่วยสิลูก” แม่ของเขาเอ่ยขึ้น
จากตอนแรกที่เรียวจะพูดว่า ‘จริง ๆ ก็ไม่มีอะไรจะพูดนะครับ คือมันรู้สึกอึ้งจนพูดไม่ออก’ แต่เป็เพราะคำแนะนำของผู้เป็แม่ และสายตา ‘สั่งการ’ ของท่านที่ทำให้เรียวต้องเปลี่ยนคำพูด
“ขอบคุณที่สละเวลามากันนะครับ”
“ไม่เป็ไรหรอก ป๊าเต็มใจ เพราะป๊าอยากให้เฮียได้คนดี ๆ แบบเรียวเป็แฟน” พ่อของเฮียพูดด้วยรอยยิ้มแสนใจดี
“...”
“ป๊าว่าอีกไม่นานหรอก เรียวก็จะได้เป็แฟนประเสริฐแทนเพื่อนประเสริฐแล้ว”
“แหม...คุณไวพจน์ก็อวยเรียวเกินไปค่ะ”
“ไม่เกินไปหรอกครับคุณพิมพ์ เรียวเป็คนดีมากจริง ๆ ผมแอบมองมานานแล้ว”
“น้องเฮียก็น่ารักมาก ๆ เลยค่ะ ลูกของพิมพ์ถึงได้ตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ขึ้นเลย อะไร ๆ ก็เฮีย...”
เรียวมองบรรดาพ่อ ๆ แม่ ๆ ที่ผลัดกันอวยลูกตัวเอง พวกท่านหัวเราะกันอย่างมีความสุข และยังผลัดกันชมอย่างไม่ลดละ เขาเอียงใบหน้าไปทางหมื่นฟ้าที่นั่งอยู่ฝั่งซ้าย ก่อนเอ่ยด้วยเสียงแ่เบา
“ไอ้ฟ้า”
“ว่า?”
“กูว่า...พวกเราออกไปจากที่นี่เหอะ บรรยากาศแม่งแปลกเกินไปแล้ว”
“หึ ๆ”
“ขำเหี้ยอะไรของมึง?”
“มันไม่แปลกหรอก คนเป็พ่อเป็แม่ก็แบบนี้ เื่ที่ชอบเอามาคุยกันที่สุดก็คือเื่ของลูก”
“...”
“มึงก็แค่เขิน”
“เขินเหี้ยอะไรล่ะ?”
“พี่เรียวครับ ตอนเรียนประถมพี่เรียวสอบได้ที่หนึ่งตั้งสามปีซ้อนเลยเหรอครับ?” ที่รักที่นั่งอยู่ข้างหมื่นฟ้าหันมาเอ่ยถาม เ้าตัวเบิกตาโตขณะรอคำตอบจากเขา
อะไรวะ?
แค่หันมาคุยกับไอ้ฟ้าแป๊บเดียว
ม้าคุยไปถึงตอนเรียนประถมเลยเหรอ?
“อะ อ๋อ ใช่ครับ”
“สุดยอดไปเลยครับ!” แฟนสุดที่รักของหมื่นฟ้าเอ่ย พร้อมยกนิ้วโป้งให้
“ขอบคุณครับตัวเล็ก”
เรียวละสายตาจากหมื่นฟ้ากับที่รักแล้วมองไปยังครอบครัวของเขากับครอบครัวของเพื่อนสนิทที่กำลังเล่าเื่ของลูก ๆ ในวัยเด็ก
“พี่เรียวชอบกินมะระั้แ่เด็กเลยเหรอ? ผิดกับลี้เลยอะ โคตรไม่ชอบ” พันลี้ที่นั่งถัดจากที่รักไปหันมาเอ่ยถาม
“เดี๋ยวใกล้จะทำต้มจืดมะระให้ลูกหมากินเย็นนี้” ใกล้ใจ คนรักของพันลี้พูดขึ้น
“โห่ คุณใกล้~ อย่าแกล้งลี้สิคะ?”
พันลี้พูดพลางเอาใบหน้าซบไหล่ของคนรัก และพอเลื่อนสายจากพันลี้มาก็เห็นหมื่นฟ้ากำลังฟัดแก้มที่รักอยู่ เรียวละสายตาออกจากเหล่าคู่รัก แล้วคิดว่า ‘กูมาทำอะไรตรงนี้เนี่ย?’ เรียวหันไปมองทางฝั่งขวา เพราะคนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ สะกิดเรียก แล้วก็เห็นไอ้สินกำลังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่
“ไอ้เรียว แม่มึงเล่าเื่ของมึงถอยหลังไปถึงตอนเรียนอนุบาลแล้ว”
“ไอ้เรียว มึงได้ยินไหม อีน้ำแดงเอานมตัวเองแบ่งให้เพื่อนที่สะดุดล้มทำนมหกหมดแก้วอะ แม่งน่ารักั้แ่เรียนอนุบาลเลยเหรอวะ?” ไอ้พีชพูดขึ้น
“เออ แม่งจิตใจดีมาั้แ่เด็ก ๆ เลยนี่หว่า”
“ตอนนี้มันก็ยังจิตใจดีอยู่ พวกมึงไม่รู้หรือไง?” พอเขาตอบไปแบบนั้น พวกเพื่อนสนิทก็เริ่มทำหน้าตากรุ้มกริ่ม
“พวกกูรู้ แต่คงไม่รู้ดีเท่าเพื่อนรักอย่างมึงหรอก”
“...”
“แอบรักอีน้ำแดงมาตั้งนานแล้วนี่ กิ้ว ๆ”
“กิ้วพ่อมึงสิ ไอ้เหี้ยโก้”
เรียวหลับตาลงพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อเห็นสายตาของเพื่อน ๆ พวกมันกำลังแซวเขาทางสายตาอยู่ เรียวรู้สึกเหมือนตัวเองมาเป็ ‘เหยื่อ’ ให้ทุกคนถลกหนังเล่นเลย แล้วเสียง์ที่ช่วยให้เขาหลุดพ้นจากสายตาของเพื่อนสนิทก็ดังขึ้น
“บัวว่าเรามาเข้าเื่กันดีกว่าค่ะ” แม่ของเฮียเอ่ยขึ้น
“...”
“เรียวน่าจะรอนานแล้ว”
“อะ ๆ มา ๆ เข้าเื่ได้เลย” พ่อของเฮียเอ่ยสมทบ
“เรียว...” แม่ของเพื่อนสนิทเอ่ย พลางสบสายตากับเขาด้วยแววตาจริงจัง “...ม้าจะเริ่มเล่าเื่ทั้งหมดให้เรียวฟังั้แ่ต้นเลย เรียวตั้งใจฟังดี ๆ นะลูก”
“ครับม้า”
“ความจริงแล้ว...ม้าแอบคิดคนเดียวมานานแล้วว่าเฮียรักเรียวมากกว่าเพื่อนหรือเปล่า?”
“...”
“จากหลาย ๆ อย่างที่ม้าสังเกตมา เฮียน่าจะรักเรียวมากกว่าเพื่อนแน่ ๆ”
“...”
“แต่ติดที่เป็เพื่อนกันก็เลยไม่กล้าแสดงออก”
“...”
“แล้วอีกอย่างที่สำคัญก็คือ...ม้าคิดว่าที่เฮียไม่เดินหน้าพัฒนาความสัมพันธ์ให้ไปไกลกว่าเพื่อน ก็เพราะเรียวอาจจะไม่ได้ชอบผู้ชายเหมือนกัน”
“...”
“ม้าคิดแบบนั้นมานานมาก จนกระทั่งวันนั้นที่ทำให้ความคิดของม้าเปลี่ยนไป...”
“...”
“เรียวจำวันที่พาเฮียมาส่งที่บ้านหลังจากที่เฮียไปนอนค้างห้องเรียวมาได้ไหม?”
“จำได้ครับ”
“วันนั้นแหละที่ทำให้ความคิดของม้าเปลี่ยนไป...ตอนเฮียเดินไปส่งเรียวที่หน้าบ้าน ม้ากับป๊าไปแอบยืนดูเราสองคนที่หน้าต่าง”
“...”
“แล้วม้าก็เห็นสายตาของเรียวเวลามองเฮีย มันทำให้ม้าสงสัยขึ้นมาว่า...มีสิทธิ์ไหมที่เรียวจะชอบเฮียเหมือนกัน”
“...”
“มีสิทธิ์ไหมที่เรียวจะชอบผู้ชายด้วยกัน”
“...”
“แล้วม้าก็คิดว่าเื่นี้ต้องหาทางพิสูจน์ให้รู้...”
“...”
“แต่ในทางกลับกัน การจะพิสูจน์เื่พวกนี้ก็ต้องคิดหนักมาก เพราะม้าต้องคิดว่าควรจะเริ่มจากจุดไหน แล้วควรจะทำยังไง เพื่อไม่ให้ความสงสัยของม้าไปกระทบความเป็เพื่อนของลูก ๆ ด้วย”
“…”
“ม้าเลยเริ่มจากการหลอกถามเื่เรียวกับเฮียเรื่อย ๆ ก่อน แต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับมามันไม่ใช่ความจริงที่ว่าเรียวมีแววจะชอบผู้ชายเหมือนกันไหมน่ะสิ”
“...”
“แต่กลายเป็ว่า...ม้าได้รู้ว่าลูกตัวเองซื่อบื้อกว่าที่คิดมาก ๆ ม้าเข้าใจผิดมาตลอดว่าเฮียน่าจะรู้ใจตัวเอง”
“แค่ซื่อก็พอม้า...” พ่อของเฮียเอ่ยขึ้น
“ซื่อบื้อนั่นแหละป๊า ไม่ต้องพยายามแก้ตัวให้ลูก มาถึงขนาดนี้แล้ว ยังไงเฮียก็ขายออกอยู่แล้ว ป๊าไม่ต้องกลัวหรอก”
ประโยคคำพูดของแม่เฮียเรียกเสียงหัวเราะจากใครหลายคน รวมถึงเขาด้วย ก่อนเธอจะเริ่มพูดต่อ...
“แต่ความจริงคือเฮียไม่รู้ใจตัวเองเลยด้วยซ้ำ...ที่ม้ารู้แบบนั้นก็เพราะว่าม้าหลอกถามไปว่าสนิทขนาดนี้ อยู่ตัวติดกันเกือบตลอด ถ้าวันหนึ่งเรียวมีแฟนขึ้นมาจะทำยังไง?”
“...”
“แล้วรู้ไหมว่าเฮียตอบกลับมาว่าอะไร?” แม่ของเพื่อนสนิทพูดพลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายใจ “...เฮียตอบกลับมาว่า...เฮียก็คงต้องดีใจกับมันแหละม้า แล้วก็ต้องเว้นระยะห่างมากขึ้น เพราะมันจะได้มีเวลาอยู่กับแฟนบ้าง”
“...”
“ม้าก็เลยถามต่อว่า...แล้วไม่หวงเพื่อนบ้างเหรอ?”
“...”
“เฮียก็ตอบว่า...ถ้าเป็แต่ก่อนก็คงหวงแหละ แต่พอโตแล้วก็ต้องเข้าใจว่าสักวันเพื่อนก็ต้องมีแฟน แล้วเ้าตัวก็ตบท้ายด้วย...ขอให้มันเจอคนที่น่ารัก ๆ ถูกใจมันก็แล้วกัน”
“...”
“แล้วก็ขออย่าให้มันเจอคนไม่ดีแบบลูก ลูกไม่อยากเห็นเพื่อนเสียใจ”
“...”
“เท่านั้นแหละ...ม้ากุมขมับเลยเรียวเอ๊ยยย”
เป็อีกครั้งที่คำพูดของแม่เพื่อนสนิทเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคนได้ ก่อนท่านจะเอ่ยต่อ...
“ถ้าคนที่รู้ใจตัวเองว่ารักอีกคนมากกว่าเพื่อน เจอคำถามนี้เข้าไปก็ต้องมีกระตุกหรืออึ้งไปบ้างแหละ แต่ลูกของม้าคือขมวดคิ้วแป๊บเดียวแล้วก็ตอบออกมาเลย”
“...”
“แล้วพอปลีกตัวไปอยู่คนเดียวหลังจากตอบเสร็จ เฮียก็นั่งเหม่อ ๆ เหมือนกำลังคิดเื่เศร้าอยู่”
“...”
“ม้าคิดว่าคงเอาคำถามไปนั่งคิดอีกนั่นแหละ”
“...”
“ม้าว่าเป็เพราะเราสองคนเป็เพื่อนกันมานานแล้ว มันก็เลยทำให้ไม่ได้ทบทวนหัวใจตัวเองว่ารู้สึกยังไงจริง ๆ ไม่รู้ว่าความรู้สึกรักที่มีให้เพื่อนคนนี้มันมากกว่าที่ให้เพื่อนคนอื่น”
“...”
“แต่ถ้าเฮียได้เห็นสายตาของตัวเองเวลามองเรียว หรือได้เห็นว่าตัวเองพยายามทำอะไรให้เรียวบ้าง ม้าว่า...ต่อให้พยายามปฏิเสธหัวใจตัวเองยังไงก็ปฏิเสธไม่ได้หรอก เพราะทุกอย่างมันฟ้องว่าเฮียรักเรียวมากกว่าเพื่อนจริง ๆ”
พอได้ยินประโยคนั้น เรียวก็เผยรอยยิ้มบาง ๆ แล้วคิดว่า...
ใช่...
สายตาของเฮียมันฟ้องจริง ๆ
ว่ามันก็รักผมมากเหมือนกัน
“แล้วพอม้ารู้ว่าเฮียยังไม่รู้ใจตัวเอง ม้าก็เลยคิดว่าจะทำยังไงดีให้เ้าตัวรู้ใจตัวเอง”
“...”
“ม้าคิดเื่นี้อยู่หลายวันเลย จนกระทั่งวันที่เรียวชวนเฮียไปกินข้าว คุณพิมพ์ก็เป็ฝ่ายโทรมาหาม้าเองเลย”
“...”
“ตอนแรกคุณพิมพ์ก็ยังไม่กล้าพูดอะไรมาก แค่บอกว่าสองคนนี้เป็เพื่อนที่สนิทกันมาก ขนาดวันครอบครัวยังอยากอยู่ด้วยกันเลย”
“...”
“พอม้าได้ยินแบบนั้น จากประสบการณ์ชีวิตที่มีมามากกว่าสี่สิบกว่าปี ม้ารู้เลยว่าเรากำลังคิดเหมือนกัน”
“...”
“ม้าเลยตัดสินใจพูดเปิดขึ้นว่า...คุณพิมพ์อย่าว่าอย่างนู้นอย่างนี้เลยนะคะ แต่ถ้าเกิดว่าเด็กสองคนคิดกันมากกว่าเพื่อนขึ้นมา คุณพิมพ์จะโอเคไหมคะ? หรือว่าอยากให้เขาเป็เพื่อนกันไปแบบนี้”
“เท่านั้นแหละ ความใจเด็ดของคนเป็แม่ก็เลยทำให้เราพูดเปิดใจกันเลย” แม่ของเฮียพูด ก่อนจะผายมือไปทางแม่ของเรียว “ในส่วนนี้...บัวให้คุณพิมพ์เล่าเองเลยค่ะ”
“ได้ค่ะ”
“...”
“ม้าน่ะ...อายุขนาดนี้แล้ว มีลูกมาตั้งสองคน ทำไมจะมองไม่ออกว่าเรียวมีใจให้เฮีย แต่ม้าแค่ไม่แน่ใจว่าเฮียคิดยังไงกับเรียว แล้วม้าก็ไม่อยากให้เรียวเสียใจด้วย ม้าเลยตัดสินใจโทรไปหาคุณบัว ใจจริงก็อยากถามให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยว่าพอจะมีสิทธิ์ไหม...ที่ลูกของเขาจะรักลูกของเรา”
“...”
“แต่พอโทรไปคุยจริง ๆ มันก็พูดลำบาก เพราะม้าก็ไม่รู้ว่าคุณบัวคิดยังไง แต่พอคุณบัวพูดเปิดมาแบบนั้น ม้าก็พุ่งเข้าชนเลย”
ไม่ใช่แค่เรียวที่ยิ้มให้กับความน่ารักของคนเป็แม่ทั้งสอง แต่ทว่าใบหน้าของทุกคนที่อยู่ในห้องเรือนกระจกก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม และแม่ของเขาก็ผายมือกลับไปทางแม่ของเฮียบ้าง
“พิมพ์เล่าในส่วนของตัวเองจบแล้ว เชิญคุณบัวพูดต่อเลยค่ะ”
แม่ของเฮียพยักหน้ารับ ก่อนเอ่ยต่อด้วยรอยยิ้ม “พอเราสองคนคุยกันเข้าใจแล้ว แล้วก็รู้ว่ามีคนหนึ่งน่าจะรู้ใจตัวเอง ส่วนอีกคนไม่รู้ใจตัวเอง ม้าก็เลยบอกว่า...ถ้าอยากให้ลูกเราสมหวัง งานนี้พวกเราคงต้องยื่นมือเข้าไปช่วย”
“...”
“เพราะถ้าลำพังให้เรียวพยายามอยู่คนเดียว ม้าคิดว่าไม่ทันการหรอก เฮียซื่อเกินไป กว่าจะรู้ตัวก็คงอีกนาน”
“...”
“ม้าก็เลยเสนอแผนแรกไป...”
“แผนที่หลอกเฮียว่าผมโดนแทงใช่ไหมครับ?” เรียวเอ่ยขึ้น
“ใช่จ้ะ จริง ๆ คนงานที่สวนทุเรียนก็ไม่ได้โดนแทงหรอก แล้วก็ยังมีเมียชื่อน้อยเหมือนเดิม ไม่ได้มีเมียใหม่ชื่ออิม ม้าแต่งเื่ขึ้นมาทั้งนั้นแหละ เพื่อให้เฮียรู้ว่าตัวเองเป็ห่วงเรียวแค่ไหน ให้เกิดคำถามในใจว่าที่รู้สึกน่ะ มันมากกว่าปกติหรือเปล่า”
“...”
“ม้าว่าแผนแรกเนี่ย มันคงได้ผลบ้าง ถึงไม่มากก็น้อย”
“...”
“แต่เท่าที่ดู ๆ ก็น่าจะได้ผลมากอยู่”
เรียวยิ้มน้อย ๆ แล้วเอ่ย “ได้ผลมากอยู่ครับ”
แม่ของเฮียกับแม่ของเขาเผยรอยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ ก่อนที่แม่ของเฮียจะเอ่ยต่อ...
“ในเมื่อแผนแรกสำเร็จไปแล้ว เราก็ต้องมาเริ่มแผนต่อไปกัน”
“...”
“เป็แผนขั้นเด็ดขาดที่จะทำให้เฮียรู้ใจตัวเองจริง ๆ สักที”
“...”
“เรียว...” แม่ของเพื่อนสนิทเอ่ยพลางสบสายตากับเขาด้วยแววตาจริงจังอีกครั้ง “...ต่อจากนี้ตั้งใจฟังแผนของม้าให้ดีนะลูก”
“ครับม้า”
“แผนนี้ก็คือ...ม้าจะให้คนคนหนึ่งปลอมเป็ลูกชายของหุ้นส่วนที่ร่วมลงทุนทำรีสอร์ตที่ภูเก็ตกับป๊าเรียว แล้วก็ให้ลูกชายของหุ้นส่วนคนนั้นขึ้นมาเที่ยวที่กรุงเทพฯ โดยมีเรียวเป็คนดูแลหน้าม้าคนนั้น”
“...”
“ม้าคิดว่าถ้าเฮียรู้ตัวช้าขนาดนี้ เราก็ต้องมีตัวเร่งปฏิกิริยาแบบนี้แหละ”
“ม้าหมายถึง...จะทำให้เฮียหึงใช่ไหมครับ?”
“มันก็ประมาณนั้นแหละเรียว แต่ในกรณีของเฮียเรียกว่าหึงไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะเ้าตัวก็ยังไม่ได้รู้ใจตัวเองขนาดนั้น มันก็คงเป็แค่อาการหวงเพื่อนนั่นแหละจ้ะ”
“...”
“ม้าคิดว่าแผนนี้จะทำให้เฮียกลับมาคิดทบทวนความรู้สึกตัวเองมากขึ้น เรียวลองคิดตามม้านะ...ปกติเรามีเพื่อนคนนี้อยู่ในชีวิตตลอด เพื่อนคนนี้ไม่เคยหายไปจากชีวิตเราเลย แล้วก็คอยดูแล คอยเอาใจใส่เรา และเหมือนว่าเพื่อนจะให้ความสำคัญกับเราที่สุด ถ้าเรามีเพื่อนแบบนี้สักคน ม้าคิดว่าในใจลึก ๆ แล้ว...เราคงไม่อยากเสียเพื่อนคนนี้ให้ใครหรอก”
“...”
“แล้วถ้าจู่ ๆ ก็มีใครไม่รู้มาทำให้เพื่อนเราเปลี่ยนไป ทำให้เรากับเพื่อนต้องห่างกัน ทำให้ความสำคัญที่เพื่อนเคยมีให้เราเริ่มลดน้อยลง แน่นอนว่าเราก็ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อปกป้องความสัมพันธ์นี้ไว้”
“...”
“ถึงแม้ตอนนั้นจะยังไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงว่าปกป้องไปเพื่ออะไรกันแน่ แต่มันก็ยังดีไม่ใช่เหรอ? ...ที่เราไม่คิดจะปล่อยความสัมพันธ์ที่มีค่ากับคนที่สำคัญมาก ๆ ในชีวิตให้หลุดมือไป”
“...”
“ม้าเลยคิดว่าแผนนี้เหมาะกับคนรู้ตัวช้าอย่างเฮียที่สุดแล้ว”
“...”
“เรียว แผนนี้พวกเราต้องขอความร่วมมือจากเรียวด้วยนะ”
“...”
“นอกจากจะมีหน้าม้าคนนั้นมากระตุ้นความรู้สึกของเฮียแล้ว เรียวก็เป็อีกหนึ่งตัวกระตุ้นที่ดีที่สุด”
“…”
“ที่มันเป็แบบนั้นก็เพราะ...เฮียก็รักเรียว”
พอฟังแผนการจบแล้ว เรียวก็เริ่มคิดหนัก เพราะเขาไม่เคยปิดบังอะไรกับเพื่อนสนิทเลย (ยกเว้นแต่เื่หัวใจ) เขายอมรับว่ากลัวเฮียเสียใจ ถ้าหากเ้าตัวดันเชื่อจากใจจริง ๆ ว่าเขาไม่ได้ใส่ใจและให้ความสำคัญเท่าแต่ก่อนแล้ว
อีกทั้งยังกลัวว่า...ถ้าเฮียเกิดรู้ใจตัวเองขึ้นมาจริง ๆ เพราะแผนนี้ แต่เข้าใจไปแบบนั้นแล้ว เพื่อนสนิทจะพยายามตัดใจจากเขา และยังกลัวเ้าตัวจะโกรธที่ถูกหลอกอีก เรียวนิ่งเงียบขณะที่มีความคิดมากมายผุดขึ้นในหัว
“เรียว...”
“ครับม้า” เรียวขานรับผู้เป็แม่
“กำลังคิดอะไรอยู่ลูก?”
“เรียวกำลังคิดว่า...”
เขาหยุดเว้น่ไปชั่วขณะ ก่อนจะไล่สายตามองแววตาของทุกคน นั่นทำให้เรียวรู้ว่า...ทุกคนที่มารวมกันอยู่ที่นี่ ไม่มีใครมาเล่น ๆ กันเลย แววตาของทุกคนดูมุ่งมั่นและจริงจัง และตอนนี้ทุกคนก็ทำให้เขารู้ว่า...
ความทุ่มเทและความหวังดีจากทุกคน
ไม่ควรถูกตอบแทนด้วยความกลัวของเขา
สิ่งที่พวกเรากำลังจะทำต่อจากนี้...มันไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลยว่าเป็การหลอกเฮีย และนั่นมันเป็ความจริงที่ถูกต้องแล้ว แต่หากมองลึกลงไปถึงเหตุผลที่แท้จริง ทุกคนที่ร่วมอยู่ในขบวนการนี้ล้วนเป็คนที่รักเฮียอย่างสุดหัวใจทั้งนั้น
เรียวมั่นใจว่าแผนการนี้จะไม่ทำให้เฮียต้องเ็ปหรือเสียใจ ถ้าหากมันจะไปไกลขนาดนั้น เขาเชื่อสุดใจว่าพวกเราทุกคนพร้อมจะหยุดทันที ดังนั้นเรียวจึงคิดว่า...
“...แผนนี้น่าจะทำให้เฮียรู้ใจตัวเองสักที”
“...”
“ทุกคนมาช่วยกันขนาดนี้แล้ว ไอ้ตัวดีคงต้องรู้ใจตัวเองแล้วแหละ”
“เฮ้~”
ไอ้โก้ หนึ่งในเพื่อนสนิทลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งชูมือขึ้นเหนือศีรษะ แล้วก็ส่งเสียงร้อง ‘เฮ้’ ด้วยความดีใจ ไอ้โน่ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ รีบยื่นมือไปดึงไอ้โก้ให้นั่งลง เพราะคงรู้สึกเกรงใจผู้ใหญ่ที่นั่งร่วมโต๊ะด้วย
“ไอ้เหี้ยโก้ เก็บอาการหน่อย” ไอ้สินหันไปพูดกับไอ้โก้
“ก็กูดีใจอะ...ตอนแรกไอ้เรียวมันดูลังเลมาก เหมือนฟังแผนแล้วจะไม่ร่วมมือด้วยอย่างนั้นแหละ”
“ไม่แปลกหรอกที่เรียวจะลังเล เพราะม้าก็คิดไว้อยู่แล้ว...” แม่ของเฮียเอ่ยขึ้น “...เพราะถ้าเรารักใครสักคนมาก ๆ เราคงไม่อยากปิดบัง ไม่อยากโกหก ไม่อยากหลอกเขาหรอก”
“...”
“และม้ากับม้าเรียวก็คิดเหมือนกันว่า...ความกังวลของเรียวจะหายไป แล้วเรียวก็จะร่วมมือด้วย เพราะว่าคนต้นคิดคือม้าเอง”
“...”
“ม้าที่เป็แม่ของคนที่เรียวรักมาก”
“...”
“ไม่มีทางหรอก...ที่คนเป็แม่จะคิดทำอะไรให้ลูกตัวเองเสียใจหรือเ็ป”
“...”
“แม่มีแต่ความรักและความหวังดีที่อยากมอบให้ลูก”
“...”
“แล้วครั้งนี้ม้าก็อยากให้เฮียคว้าความรักดี ๆ ไว้ได้...ม้าไม่อยากให้เขาเผลอทำความรักที่มีค่าหลุดมือไปอีก”
“...”
“ม้าไม่อยากเห็นลูกตัวเองเสียใจจนไม่เป็ผู้เป็คนอีกแล้ว”
“...”
“เฮียเจ็บมามากพอแล้ว และเรียวก็รอมานานพอแล้ว”
“...”
“ม้าว่ามันถึงเวลาแล้วละ...ที่เราสองคนจะได้เป็รักแท้ของกันและกันสักที”
เมื่อสิ้นสุดประโยคคำพูดของแม่เพื่อนสนิท ความรู้สึกมากมายที่นับได้ว่าเป็ความรู้สึกซาบซึ้ง ตื้นตันใจ อิ่มเอมใจ และความรู้สึกขอบคุณก็ก่อเกิดภายในใจของเขา เรียวพยายามสบสายตากับทุกคน ก่อนเอ่ยคำพูดที่น่าจะแทนทุกความรู้สึกออกไป...
“ขอบคุณป๊า ๆ ม้า ๆ มากเลยนะครับ ขอบคุณเจ้หลิน เฮียเม้ง แล้วก็ขอบคุณอาม่าด้วยครับ”
ทุกคนพยักหน้ารับน้อย ๆ พลางส่งยิ้มตอบกลับให้เขา เรียวเผยรอยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะหันมองเพื่อน ๆ ที่นั่งอยู่ทั้งสองฝั่ง
“พวกมึง...ขอบใจมากนะ”
“...”
“น้องที่รักกับน้องใกล้ก็ด้วยนะครับ”
ไม่ต่างกันเลย...ทุกคนก็ยังคงตอบกลับคำขอบคุณของเขาด้วยรอยยิ้มเหมือนเดิม นั่นทำให้ทุกความรู้สึกที่มีมากอยู่แล้ว ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็เท่าทวีคูณ โดยเฉพาะ ‘ความรู้สึกตื้นตันใจ’ แล้วเรียวก็คิดว่า...
ไอ้คนน่ารัก
เห็นไหมว่าทุกคนอยากให้เราเป็แฟนกันมากแค่ไหน
พวกเขาช่วยกันขนาดนี้แล้วนะ
รู้ใจตัวเองสักที...
...แล้วก็ยอมเป็แฟนกูซะดี ๆ
“เดี๋ยวม้าจะแนะนำให้รู้จักกับ ‘ลูกชายปลอม ๆ’ ของหุ้นส่วนป๊าเรียวนะจ๊ะ” แม่ของเรียวเอ่ยขึ้น ก่อนจะหันไปมองทางใกล้ใจ แล้วพูดต่อ “ใกล้ใจ...ลูกพี่ลูกน้องของหนูมาถึงร้านหรือยังลูก?”
“เมื่อกี้ ‘นะโม’ ไลน์มาบอกว่ากำลังจอดรถแล้วครับ”
“โอเคจ้ะ”
เรียวหันมองใกล้ใจทันควัน เพราะเขาไม่คิดว่าหน้าม้าที่ให้มาสวมบทบาทเป็ลูกชายหุ้นส่วนของพ่อจะหาจากคนใกล้ตัว
“ลูกพี่ลูกน้องของใกล้ใจเหรอ?”
“ใช่ครับพี่เรียว นะโมเป็ลูกของป้าใกล้ อายุน้อยกว่าใกล้ ตอนนี้น้องเรียนอยู่ปีสองครับ”
“อ๋อ...”
“คนนี้ไม่มีใครเคยเห็นเลยครับ ใกล้รับรองว่าพี่เฮียจับไม่ได้แน่นอน”
“ดีจ้ะ” แม่ของเฮียเอ่ย
“นั่นไงครับ...นะโมมาแล้ว”
เป็ตอนนี้เองที่เรียวหันไปมองทางประตูกระจก แล้วก็เห็นผู้ชายตัวสูงราว ๆ ร้อยเจ็ดสิบเิเเปิดประตูเข้ามาในห้องเรือนกระจก เ้าของชื่อ ‘นะโม’ มีเรือนผมสีดำสนิท หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม และมีผิวขาวซีด
เ้าตัวแต่งตัวดูดีด้วยการใส่เสื้อแขนยาวสีขาวกับกางเกงยีนสีดำ นะโมยกมือขึ้นไหว้สวัสดีทุกคน ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงสดใส
“สวัสดีครับ ผมชื่อ ‘นะโม’ ครับ”
“สวัสดีจ้ะ...” แม่ของเฮียเอ่ยขึ้น
“เราให้นะโมนั่งตรงไหนดีครับ?” ใกล้ใจเอ่ยถาม
“นี่ ๆ มานั่งข้าง ๆ พี่โก้ก็ได้นะครับ เดี๋ยวพี่โก้ไปหาโต๊ะเสริมมาให้ครับน้องนะโม”
เรียวถอนหายใจพลางส่ายหน้าเบา ๆ พอเห็นสายตาหยาดเยิ้มของไอ้เสือโก้ ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำของหมื่นฟ้าจะเรียกความสนใจให้หันไปมอง
“ไอ้โก้คงยังไม่รู้ว่าเขามีแฟนแล้ว”
หมื่นฟ้าพูดพร้อมพยักพเยิดหน้าไปทางประตูกระจก เมื่อเรียวหันไปมองจึงเห็นผู้ชายตัวสูงราวร้อยแปดสิบเิเเปิดประตูกระจกแล้วเดินเข้ามาภายในห้องเรือนกระจก ชายแปลกหน้าที่เพิ่งมาเยือนมีเรือนผมสีบลอนด์ทอง มีหน้าตาหล่อเหลากับผิวขาวสะอาด และแต่งตัวดูดีด้วยการสวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวกับกางเกงสแล็กขายาวสีดำ
“เอ่อ นะโมขอเก้าอี้อีกสักตัวได้ไหมครับ? ...พอดีนะโมพาแฟนมาด้วยน่ะครับ”
“อะ อ๋อ ได้สิครับ น้องนะโม...” ไอ้โก้เอ่ยกระอึกกระอักขณะมองนะโมกับแฟนเ้าตัวสลับกัน “...เดี๋ยวพี่ออกไปเอาเก้าอี้มาเพิ่มให้นะครับ”
“โก้ไม่ต้องออกไปเอาหรอกจ้ะ เดี๋ยวให้นะโมกับ...” แม่ของเฮียหยุดเว้น่ขณะมองผู้ชายตัวสูงที่ยืนข้าง ๆ นะโม
“พี่ไทครับ แฟนนะโมชื่อไท”
“โอเคจ้ะ นะโมกับไทมานั่งข้าง ๆ ม้ามา ตรงนี้มีเก้าอี้ว่างอีกสองตัว”
“ครับ”
หลังเอ่ยตอบ นะโมกับไทก็เดินไปนั่งที่หัวโต๊ะกับแม่ของเฮีย ทุกคนหันไปมองผู้ร่วมขบวนการคนใหม่ นะโมยกมือขึ้นโบกทักทายพี่ชาย แล้วใกล้ใจก็พยักหน้าพร้อมส่งยิ้มให้อีกฝ่าย ก่อนที่แม่ของเฮียจะเอ่ยขึ้น...
“ตอนนี้ทุกคนคงรู้จักนะโมแล้วเนอะ”
“...”
“งั้นเดี๋ยวม้าจะแนะนำทุกคนให้นะโมรู้จักบ้าง”
หลังจากพูดจบประโยค แม่ของเฮียก็เริ่มแนะนำให้นะโมรู้จักกับครอบครัวของเขาก่อน แล้วจึงเริ่มไล่เรียงไปเรื่อย ๆ จนมาถึงเรียวเป็คนสุดท้าย
“ส่วนคนที่นั่งอยู่หัวโต๊ะตรงข้ามพวกเราก็คือพี่เรียวจ้ะ”
“สวัสดีอีกครั้งนะครับพี่เรียว”
เรียวยกมือรับไหว้ ก่อนเอ่ย “สวัสดีครับ”
“พี่เรียวครับ…”
“ครับ?”
“ความจริงแล้ว นะโมจะไม่มาช่วยพี่แล้วนะ เพราะพี่ไทขี้หึงมาก”
“...”
“แต่พอพี่ใกล้เล่าให้ฟังว่าพี่เรียวแอบรักพี่เฮียมานานแค่ไหน นะโมก็คิดว่าไม่ช่วยคงไม่ได้”
“...”
“ก่อนที่เราจะเริ่มทำตามแผนของม้าพี่เฮีย...นะโมขออะไรสักอย่างได้ไหมครับ?”
เรียวนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนพยักหน้ารับ “ถ้าพี่ทำให้ได้ พี่ก็จะทำให้ครับ”
“พี่เรียวช่วยบอกคนข้าง ๆ นะโมหน่อยได้ไหมครับว่า ‘นายไว้ใจเราเถอะ มันไม่มีอะไรหรอก’ ”
“นะโม พี่ไม่เล่นนะคะ” ไทพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ พลางมองแฟนตัวเองด้วยสายตาดุ ๆ
ภาพตรงหน้าทำให้เรียวหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ ก่อนเอ่ย “ไท…”
“…”
“ขอบใจที่มาช่วยนะ ถึงแม้จะไม่ค่อยเต็มใจก็เถอะ”
“…”
“ถ้าผมได้คบกับเฮียเมื่อไร เดี๋ยวจะพาคุณกับนะโมไปเลี้ยงข้าว”
ถึงแม้จะเป็คำพูดธรรมดาที่ไม่ได้ลึกซึ้ง แต่เรียวคิดว่าอีกฝ่ายคงััได้ถึงความจริงใจผ่านประโยคคำพูดนั้น ไทจ้องมองเขาอยู่เพียงชั่วครู่ ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ แล้วพยักหน้ารับ
“อย่าแตะตัวนะโมเยอะ ผมหวง”
เรียวยิ้มแล้วเอ่ย “ผมไม่แตะตัวนะโมหรอก เพราะผมรอแตะแค่เฮียคนเดียว”
“เอาล่ะ! ถ้าคุยกันเข้าใจแล้ว งั้นม้าว่าเรามาเริ่มฟังรายละเอียดลงลึกของแผนการในวันพรุ่งนี้ดีกว่า”
ทันทีที่แม่ของเฮียพูดจบ ทุกคนก็หันไปฟังอย่างตั้งใจ แม่ของเพื่อนสนิทเริ่มเล่าแผนการของวันพรุ่งนี้แบบลงรายละเอียดให้ทุกคนฟัง ตอนนี้เรียวเลยรู้สึกเหมือนกำลังถูก ‘บรีฟงาน’ อยู่ แล้วเขาก็คิดอีกว่า...
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า...กว่าจะได้มึงมาเป็แฟน
มันไม่ใช่เื่ง่าย ๆ เลย
แต่ก็น่าแปลก...
ที่กูไม่คิดท้อเลยสักนิด
#รักแท้ของผมคือคุณ
ตอนนี้เป็เวลาบ่ายสี่โมงกว่าแล้ว...
พ่อกับแม่และพี่สาวกับพี่เขยที่ออกไปทำธุระข้างนอกั้แ่เช้าก็ยังไม่กลับบ้านสักที ทิ้งให้เฮียอยู่บ้านแค่กับเฮง ส่วนน้องชายคนเล็กก็ไปเรียน
วันนี้เป็อีกหนึ่งวันที่พ่อสั่งปิดสปอร์ตคลับโดยที่ไม่ให้เหตุผลอะไรเลย เขาเลยคิดเอาเองว่า ‘คงรวยแล้วแหละเนอะ ถึงได้หยุดบ่อย ๆ แบบนี้อะป๊า!’
และเพราะว่าเขารู้ว่าวันนี้ไม่ต้องไปทำงานที่สปอร์ตคลับ ั้แ่เช้า เฮียเลยตื่นสายกว่าทุกวัน แล้วก็ทำอาหารกินเอง ก่อนจะนั่งดูโทรทัศน์ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาถึง่เย็น
ดวงตาเรียวรีหลุบลงมองหมาตัวอ้วนที่เดินมาหยุดยืนตรงหน้า ก่อนเอ่ยถามออกไป...
“ทำไมเฮง เบื่อเหมือนกันเหรอเราอะ?”
“...” เฮงยังคงจ้องมองเขาอยู่เหมือนเดิม
“หมาอะไรวะ แค่เห่าตอบยังี้เีเลย...”
“...”
“แต่พี่เฮียรู้ว่าเฮงเบื่อแหละ งั้นเราออกไปรดน้ำต้นไม้กันดีกว่า”
“โฮ่ง!”
“เออ ให้มันได้อย่างนี้สิ!” เฮียพูดเสียงดังพลางผุดลุกจากโซฟาหนัง ก่อนเอ่ยต่อ “...มา ตามมาเร็ว”
พอเขาสาวเท้าเดินออกมาจากบ้าน เฮงก็รีบวิ่งตามมาติด ๆ เฮียพาหมาอ้วนตัวโปรดมาที่สวนหน้าบ้านที่เต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ของพ่อและแปลงดอกไม้ของแม่ คนที่สวมเสื้อยืดสีขาวตัวโคร่งกับกางเกงขาสั้นสีครีมก้มลงหยิบสายยางขึ้นมา ก่อนจะเปิดก๊อกน้ำ
“เฮง อย่าไปขุดแปลงดอกไม้ม้านะ”
“โฮ่ง!”
“เออ ดี หัดเชื่อฟังกันบ้าง”
ว่าแล้วเฮียก็เริ่มรดน้ำต้นไม้ของพ่อ แต่ทว่าเฮงเดินตามเขาไม่ห่างเลย เฮียเลยยกสายยางขึ้นสูง ๆ แล้วฉีดละอองน้ำขึ้นฟ้า เพื่อทำฝนจำลองให้เฮงเล่นอย่างที่มันชอบ แล้วก็เป็แบบนั้นจริง ๆ ...เฮงเริ่มวิ่งเป็วงกลมแล้วใช้ปากไล่งับหยดน้ำที่ตกลงมาจากท้องฟ้า
“เป็หมานี่น่าอิจฉาฉิบหาย”
“...”
“ไม่ต้องมีเื่ให้คิดมาก มีความสุขได้กับเื่เล็ก ๆ น้อย ๆ”
“…”
“แล้วก็ไม่ต้องรู้สึก...” เฮียหยุดเว้น่ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ “...หมามันจะไม่รู้จักความคิดถึงได้ไง”
“...”
“หมามันรู้จักความคิดถึงดีกว่าคนอีกมั้ง...”
ถ้าหากหมามันรู้จักความคิดถึงดีขนาดนั้น เขาก็คงไม่ต่างจากเฮงหรอก เพราะตอนนี้ ‘ความคิดถึง’ แวะมาทักทายเฮียบ่อยเกินไปแล้ว จนเขาเผลอคิดไปว่าตัวเองเริ่มจะรู้จักความคิดถึงเป็อย่างดีแล้ว
หมามันชอบคิดถึงเ้าของใช่ไหมล่ะ?
ถ้าเฮียเป็หมา
เรียวก็คงเป็เ้าของ (ละมั้ง)
เฮียส่ายหน้าเพื่อสลัดทุกความคิดออกจากหัว แต่ก็ไม่สามารถสลัดไล่ความคิดถึงได้อยู่ดี เพราะตอนนี้เขายอมรับตรง ๆ ว่า...โคตรคิดถึงเรียวเลย
หลังจากที่เพื่อนสนิทมาส่งที่บ้านเมื่อวาน เรียวก็ไลน์มาบอกว่า ‘ถึงบ้านแล้วนะ’ เฮียเลยตอบข้อความกลับไปเล็กน้อย ก่อนที่เราจะแยกย้ายกันไปนอน แล้วเมื่อเช้าเพื่อนสนิทก็ส่งข้อความมาว่า...
‘วันนี้กูอาจจะตอบไลน์ช้าหน่อย เพราะต้องไปทำธุระสำคัญ แต่มึงส่งข้อความทิ้งไว้ได้เลยนะ เดี๋ยวจะรีบมาตอบ’
พอเฮียเห็นข้อความนั้น เขาก็พยายามข่มใจไม่ส่งข้อความไปหาเพื่อนสนิท เพราะไม่อยากรบกวนเวลาอีกฝ่าย แต่แล้วความคิดถึงมันก็ทำให้เขาส่งข้อความไปว่า...
‘วันนี้มึงคงยุ่งทั้งวันแน่เลย’
‘คิดถึงมึงว่ะ’
ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าข้อความพวกนั้นสามารถยกเลิกการส่งได้ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายเห็นมันก่อน และเฮียก็น่าจะรู้ดีว่าควรกดยกเลิกข้อความเพราะเหตุผลอะไร หากแต่เขาก็ไม่ยอมทำแบบนั้น
มันน่าแปลกแหละ กูรู้ดี
ที่่นี้กูชอบพูดทำนองนี้กับมึง
แต่ก็...กูคิดถึงมึงจริง ๆ นี่หว่า
“โฮ่ง! โฮ่ง!”
เฮงเห่าเสียงดังแล้ววิ่งไปหน้าประตูรั้วเมื่อได้ยินเสียงรถเทียบจอดหน้าบ้าน เฮียจึงรีบปิดก๊อกน้ำ ก่อนจะเดินตามหมาตัวอ้วนไป
“เฮีย เปิดประตูให้ป๊าหน่อย”
“จ้า...”
ลูกชายคนกลางของบ้านอย่างเขาขานรับเสียงใส ก่อนจะเลื่อนประตูรั้วเปิดให้ผู้เป็พ่อ แล้วเฮียก็เห็นพ่อกำลังยกต้นไม้กับดอกไม้จำนวนมากลงจากหลังรถตู้ โดยมีแม่ พี่สาว และพี่เขยช่วยยกด้วย
“ลูกรู้แหละว่าทุกคนหายไปไหนกันมาทั้งวัน”
พ่อหัวเราะเบา ๆ ก่อนเอ่ย “พวกเราไปคลองสิบห้ากันมา ป๊าอยากจัดสวนใหม่น่ะ”
“ดีจังเลยเนอะ ปิดสปอร์ตคลับไปซื้อต้นไม้”
“ให้มันน้อย ๆ หน่อยไอ้ลูกคนนี้ ป๊าให้หยุดก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ?”
เฮียหัวเราะ ก่อนจะเดินเข้าไปช่วยแม่ถือกระถางดอกไม้เล็ก ๆ “มาม้า ให้ลูกช่วยนะ”
“โอเคจ้ะ”
เฮียช่วยทุกคนขนย้ายทั้งต้นไม้และดอกไม้เข้าไปวางที่สวนหน้าบ้าน แต่เพราะพ่อซื้อมาเยอะมาก พวกเราเลยต้องเดินกันหลายรอบ
“อันนี้กระถางสุดท้ายแล้วใช่ไหมม้า?”
“จ้ะ”
ดวงตาเรียวรีหลุบลงมองกระถางพลาสติกสีดำที่ถืออยู่ในมือ ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นมองต้นทานตะวัน ดอกทานตะวันตรงหน้าทำให้เขา ‘คิดถึงเรียว’ เพราะดอกไม้ที่เคยซื้อให้เ้าตัวในวันรับปริญญาก็คือ ‘ดอกทานตะวัน’
เรียวอาจจะไม่รู้ว่าเขาคิดอย่างไรถึงเลือกดอกทานตะวันให้ หรือบางทีอีกฝ่ายคงไม่คิดอะไรเลย แต่ความจริงแล้ว...เรียวเป็เหมือนแสงสว่างในวันที่เขารู้สึกมืดมนที่สุด เรียวเป็คนที่ทำให้เขากลับมามีความสุขเสมอ ดังนั้นเ้าตัวจึงเปรียบเหมือนพระอาทิตย์ แต่เพราะเขาไม่สามารถไปคว้าเอาพระอาทิตย์มาให้เพื่อนสนิทได้
อย่างนั้น...
ดอกทานตะวัน ก็คือตัวแทนที่ดีที่สุดแล้ว
เฮียเผยยิ้มกว้างพลางยกมือข้างหนึ่งขึ้นปาดคราบเหงื่อที่ข้างแก้มของตัวเอง ก่อนจะหมุนตัวเตรียมเดินไปที่สวนหน้าบ้าน
แต่ก็เป็ตอนนี้แหละ...ที่คนตัวสูงตรงหน้าทำให้เขารู้สึกว่ามีสายรุ้งเกิดขึ้นในใจ เพราะกำลังมีความรู้สึกหลากหลาย (สี) เกิดขึ้นในใจเขา
“เรียว”
“อือ...กูเอง”
คนตัวสูงที่สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวแล้วพับแขนขึ้นเล็กน้อยกับกางเกงสแล็กสีกรมก้าวเท้ามาหยุดยืนตรงหน้าเขา เรียวเผยรอยยิ้มแบบที่ทำให้ใครหลายคนตกหลุมรักได้ง่าย ๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงทุ้มต่ำ
“ดอกทานตะวันอีกแล้วเหรอ?”
“...”
“ไม่คิดจะให้ดอกไม้อย่างอื่นบ้างหรือไง?”
ดวงตาเรียวรีกะพริบเชื่องช้ามากขึ้นขณะสบตากับคนตรงหน้า แล้วจู่ ๆ เพื่อนสนิทก็ยื่นมือข้างหนึ่งมาลูบที่ข้างแก้มเขา สายตาของเพื่อนสนิทจ้องมองที่บริเวณข้างแก้มอยู่เพียงชั่วครู่ ก่อนเอ่ยเสียงแ่เบา
“อีน้ำแดง ทำยังไงให้ดินเลอะแก้ม...”
เรียวยังคงใช้นิ้วหัวแม่มือลูบที่แก้มเขาแ่เบา ก่อนจะชักมือกลับไป เฮียรู้สึกว่าหัวใจเริ่มเต้นเร็วขึ้นเรื่อย ๆ เขาจึงตั้งสติแล้วกระแอมกระไอออกมา
“มะ ไม่รู้ดิ...กูคงเผลอเอามือไปเช็ดแก้มมั้ง”
“ให้กูช่วยไหม?”
“ไม่ต้องหรอก”
“...”
เฮียเอ่ยพลางสบสายตากับเพื่อนสนิท แล้วเขาก็ดันอยากรู้ว่า...
“มึงมาทำอะไรที่นี่?”
เรารู้สึกเหมือนกันไหม...
“แล้วมึงไลน์มาว่าอะไรล่ะ?”
“...”
“กูก็คิดถึงมึงเหมือนกัน”
แล้วเราก็ดันรู้สึกเหมือนกัน
#รักแท้ของผมคือคุณ
“กินดิ ปกติมึงชอบกินขนมที่แม่กูทำไม่ใช่เหรอ?”
เฮียพูดพลางใช้มือดันจานขนมชั้นที่แม่ทำไว้ั้แ่เมื่อวานให้เพื่อนสนิท เรียวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขาไม่ได้ตอบอะไร เ้าตัวทำเพียงแค่ส่ายหน้าน้อย ๆ ก่อนเอ่ย...
“อิ่มแล้ว”
“…”
เขาพยักหน้ารับรู้ แล้วจึงใช้ช้อนส้อมจิ้มขนมชั้นสีชมพูใส่ปาก ก่อนจะหันหน้ามองไปทางสวนหน้าบ้านแทน เพราะยังไม่พร้อมสบตากับเพื่อนสนิท
เมื่อกี้กว่าจะทำให้หัวใจที่เต้นรัวเป็กลองสงบลงได้ก็แทบแย่เลย
ตอนนี้ก็นอนนิ่ง ๆ ไปก่อนเถอะ ไอ้ก้อนเนื้อไม่รักดี!
“เฮีย...”
“หือ?”
“พรุ่งนี้ที่เรานัดกันไปกินบิงซูกูคงต้องขอเลื่อนไปก่อนนะ...”
“…”
“พอดีลูกชายของหุ้นส่วนรีสอร์ตที่ภูเก็ตจะมาเที่ยวกรุงเทพห้าวัน พ่อกูเลยวานให้ไปรับเขาที่สนามบิน”
“...”
“แล้วกูก็ต้องคอยดูแลเขาระหว่างที่อยู่กรุงเทพฯ ด้วย”
“อ๋อ ไม่เป็ไร เราไปกินกันวันอื่นก็ได้”
“...”
“ว่าแต่...” เฮียหยุดเว้น่ ก่อนจะอมยิ้ม “…ลูกชายของหุ้นส่วนพ่อมึงคนนี้ น่ารักไหมวะ?”
“ทำไม?” เรียวถามเสียงเข้ม แล้วก็ทำหน้าดุ ๆ ขึ้นมาทันที
“กูไม่ได้สนใจหรอก ก็แค่ถามเฉย ๆ”
เรียวถอนหายใจ ก่อนเอ่ย “ก็น่ารักดี”
“...”
ตอนแรกเฮียเดาว่าเพื่อนสนิทจะพูดว่า ‘ก็เฉย ๆ’ เพราะปกติเรียวไม่ค่อยชมใครมากนัก แต่ครั้งนี้เรียวกลับชมอีกฝ่ายออกมาตรง ๆ นั่นแสดงว่าคนคนนั้นจะต้องเป็คนน่ารักจริง ๆ
คนที่ไม่ค่อยถูกเพื่อนสนิทชมว่า ‘น่ารัก’ เลยรู้สึกหงอย ๆ ในใจขึ้นมา ก่อนจะใช้ช้อนส้อมจิ้มขนมชั้นสีชมพูซ้ำ ๆ แล้วจู่ ๆ มือหนาของเพื่อนสนิทก็ยื่นมาจับมือเขาไว้
“เฮีย ไม่กินก็อย่าเล่น”
“เออ...ก็กูมันไม่น่ารักไง ทำอะไรก็ผิดไปหมดแหละ”
อ้าว...เป็อะไรของมึงอะเฮีย
เมื่อกี้พูดอะไรออกไปวะ!
เฮียเลื่อนสายตาขึ้นมองเพื่อนสนิท ก่อนจะชักมือกลับมา แล้วเอามือถูไปมาบนเสื้อตัวเอง เขาไม่ได้คิดรังเกียจอีกฝ่ายหรอก แต่แค่ทำตัวไม่ถูกเท่านั้น
“อะไร?” เรียวพูดปนหัวเราะ
“เปล่า~”
“ให้โอกาสพูดใหม่อีกครั้ง”
คนที่เพิ่งได้รับโอกาสใหม่อีกครั้งเม้มริมฝีปากขณะสบตากับอีกฝ่าย เฮียกลืนน้ำลายลงคอแล้วคิดว่า ‘ถ้ามึงอยากรู้ก็แค่ถาม จะไปยากอะไร อีน้ำแดง’
“ระหว่างกูกับคนนั้น...ใครน่ารักกว่ากัน”
“...”
“ไม่ ๆ มึงลืมไปเถอะ ลืมคำถามกูไปซะ”
“...”
“ไม่ดิ มึงช่วยแกล้งไม่ได้ยินเลยก็ได้”
“...”
“แล้วเราจะไปกินบิงซูกันวันไหนดี?”
เรียวหัวเราะในลำคอขณะมองเขา ก่อนเอ่ย “ถ้าในสายตากู...มึงน่ารักกว่าแน่นอน”
“...”
“ไม่มีใครน่ารักเท่ามึงแล้ว”
ตึก ตัก ตึก ตัก
ไม่รู้เลย
ไม่รู้เลยจริง ๆ
ว่าครั้งนี้จะควบคุมหัวใจที่เต้นเร็วขนาดนี้ได้ยังไง
“จะ จริงเหรอวะ?”
และเพราะว่าไม่รู้วิธีเลยจริง ๆ
“ครับ”
ก็เลยต้องปล่อยให้มันเต้นแรงอยู่แบบนี้...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้