ซย่านีส่งเสียง ‘หึ’ อย่างเ็า สายตาจ้องมองซ่งเสี่ยวสยาอย่างดุดันและพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราดว่า “ ซ่งเสี่ยวสยา ครั้งนี้ถือว่าแล้วไปนะ ต่อไปถ้าเธอกล้ารังแกลูกชายกับลูกสาวของฉันอีก แล้วพ่อแม่ของเธอไม่ยอมสั่งสอนเธอล่ะก็ ฉันจะไปโรงเรียนแล้วฟ้องครูของเธอซะ ให้ครูของเธอเป็คนสั่งสอนเธอแทน!”
ซ่งเสี่ยวสยาไม่เคยเห็นซย่านีเป็แบบนี้มาก่อน อย่างไรเธอก็เป็แค่เด็กตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ทันใดนั้นเธอก็ถูกซย่านีข่มขู่จนตัวสั่นเทิ้มอย่างห้ามไม่ไหวเสียแล้ว หลังจากที่เธอได้ฟังคำบอกเล่าของคนตรงหน้า นั่นทำให้เธอขยับตัวไปหลบอยู่ข้างหลังของผู้เป็แม่โดยไม่รู้ตัว
ขณะนั้นเอง จู่ๆ ประตูห้องโถงหลักก็ถูกผลักให้เปิดออกจนมันส่งเสียงดัง ‘แอ๊ด’ ตามมาด้วยชายหนุ่มรูปงามที่ดูสุภาพคนหนึ่งปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนในบ้าน แสงไฟสีเหลืองอันอบอุ่นตกกระทบที่ใบหน้าชายหนุ่มผู้มาใหม่ ราวกับเป็แสงรัศมีปกคลุมใบหน้าของเขาดูงดงามราวกับไม่ใช่มนุษย์
เขามีน้ำเสียงที่ไพเราะมาก เสียงนั้นทุ้มต่ำเจือแหบเล็กน้อย
เขาเอ่ยทักทาย “พ่อแม่ ผมกลับมาแล้ว”
ชายหนุ่มผู้นี้ก็คือซ่งหานเจียงนั่นเอง
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของซ่งหานเจียงทำให้ซย่านีใขึ้นมา หลังจากหย่ากับเขาในชาติที่แล้วเธอก็ไม่เคยเจอเขาอีกเลย พอลองนับดูแล้วก็น่าจะประมาณสี่สิบกว่าปีได้
เขายังคงดูเหมือนในความทรงจำของเธอไม่มีผิดเพี้ยน ทั้งความเยาว์วัย และความหล่อเหลา
หวังซิ่วอิงดูเหมือนคนจมน้ำที่เจอกับขอนไม้เข้าพอดี เธอคว้าตัวซ่งหานเจียงไว้ แล้วเริ่มคร่ำครวญ “หานเจียงเอ๋ย ลูกกลับมาสักทีภรรยาของลูกกำลังจะฏ หญิงชราอย่างแม่แทบจะถูกเธอรังแกจนตายแล้ว!”
ซ่งหานเจียงตกตะลึงไปชั่วขณะ เขามองไปทางซย่านีอย่างมึนงง ซย่านีสบตากับเขาแต่เธอกลับไม่แสดงอารมณ์ใดๆ ออกมาทำให้ซ่งหานเจียงยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่
หวังซิ่วอิงยังคงร้องไห้คร่ำครวญต่อไป “ดูใบหน้าของเสี่ยวสยาที่ถูกหล่อนตบเข้าสิแล้วดูพี่สะใภ้ของลูกด้วย เธอแทบจะถูกจับวางบนเตาผิงไฟอยู่แล้ว! หานเจียงเอ๋ยลูกต้องสั่งสอนเธอนะ! ถ้าลูกยังไม่สั่งสอนเธออีกเธอคงทำให้บ้านแตกสาแหรกขาดแน่ๆ!”
ซ่งหานเจียงประคองหวังซิ่วอิงไปนั่งตรงที่นั่งแล้วบอกให้ผู้เป็แม่นั่งลง “แม่ใจเย็นๆ ก่อนนะครับ” แต่เขาไม่ได้ฟังความจากหวังซิ่วอิงเพียงข้างเดียว เขาหันไปถามซย่านีต่อ “ซย่านี เกิดอะไรขึ้น?”
ในความทรงจำของเขาั้แ่ที่ซย่านีมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ เธอก็อยู่อย่างสงบเสงี่ยมมาตลอดไม่เคยมีปากมีเสียงกับพ่อแม่ของเขาเลยสักครั้ง วันนี้เธอกลับก่อเื่ใหญ่โตขนาดนี้จะต้องเกิดเื่ร้ายแรงอะไรขึ้นแน่ๆ
ทว่าหวังซิ่วอิงย่อมไม่ให้โอกาสซย่านีได้พูด เธอรู้จักลูกชายของตนเองดี แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ยึดถือเหตุผลเป็หลัก!
หวังซิ่วอิงกุมหน้าอกของตน “โอ้ย ฉันเจ็บหน้าอกจังเลย ไอหย๋า ฉันหายใจไม่ออกแล้ว”
ซ่งเหม่ยอวิ๋นกลอกตาทันทีก่อนจะวิ่งไปอยู่ข้างกายของหวังซิ่วอิงอย่างรวดเร็ว “แม่คะ แม่เป็อะไร? พี่รอง! พี่ดูสิว่าพี่สะใภ้รองน่ะ ทำให้แม่โกรธมากแค่ไหน! ทำไมพี่ต้องแต่งกับภรรยาเช่นนี้ด้วยนะ ถ้าเธอยังทำให้แม่โกรธอีกครั้งล่ะก็ แม่คงอายุสั้นไปอีกสิบปีแน่! พี่จะแต่งกับเธอก็แต่งไปสิ ทำไมต้องพาเธอกลับมาด้วย? พี่ปล่อยให้เธออยู่ที่ชนบทไม่ได้หรือไง? ทำไมต้องพาเธอมาจากชนบทด้วย! พี่บอกมาสิพี่เห็นว่าแม่มีชีวิตอยู่สบายเกินไปใช่ไหม ถึงต้องเอาภรรยาแบบนี้มาทำให้แม่รู้สึกไม่สบายใจด้วย?”
หากเป็บุรุษคนอื่นถูกน้องสาวกล่าวโทษเช่นนี้ เกรงว่าเขาคงจะเืขึ้นหน้าแล้วหาเื่ไปลงกับภรรยาตัวเองแน่นอน หรือต่อให้เป็บุรุษที่มีเหตุผล พอถูกน้องสาวชี้หน้าด่าว่าอกตัญญูเช่นนี้ก็คงจะรู้สึกอับอายอยู่บ้าง
แต่ซ่งหานเจียงดูคล้ายกับไม่ได้ยินคำกล่าวโทษเหล่านี้ เขายังคงเอ่ยถามซย่านีต่อไป “เกิดเื่อะไรกันแน่? มีเื่อะไรงั้นหรือ? ”
เขาเป็คนหนึ่งที่แน่วแน่ในการพยายามค้นหาความจริงเป็ที่สุด
