Chapter 12
“ปกติคุณใกล้กินข้าวเช้าไหมคะ? ”
คนที่กำลังตักข้าวใส่ปากหยุดชะงัก ก่อนตอบ “เราได้กินข้าวเช้าเป็บางวันน่ะ”
“ทำไมล่ะคะ? ”
“เพราะส่วนใหญ่เราเรียนเช้า เวลาตื่นมาก็รีบแต่งตัวออกจากบ้านเพื่อไปมอ พอไปถึงมอก็ใกล้เข้าเรียนแล้ว เราก็เลยเข้าเรียนก่อนแล้วค่อยมากินข้าวหลังเลิกเรียน...” คนตรงหน้าที่จ้องเขาด้วยสายตาดุๆ ทำให้ใกล้รีบอธิบายออกไป “เราเผื่อเวลาออกจากคอนโดแล้วนะพันลี้ แต่ว่าตอนเช้ารถติดมาก...ออกเช้าสุดเท่าที่เราไหวก็เจ็ดโมงครึ่ง แล้วเริ่มคลาสตอนเก้าโมง และบางวันเราต้องไปถึงมอก่อนแปดโมงครึ่งเพื่อให้อาจารย์ตรวจเครื่องแต่งกายก่อนเข้าเรียนอีก มันเลยไม่ทันได้แวะกินข้าวเลย”
“มีตรวจเครื่องแต่งกายด้วยเหรอคะ? ”
“อื้อ...อาจารย์จะตรวจเครื่องแต่งกายว่าเรียบร้อยไหม อย่างผู้ชายก็จะต้องตรวจผมด้วยว่ายาวเกินไปหรือเปล่า เรียนการบินก็ต้องเนี้ยบแบบนี้แหละ”
คุณพระจันทร์ขมวดคิ้วคล้ายครุ่นคิดบางอย่าง “...”
“แต่ก็มีแค่วันเดียวแหละที่ทำให้เราไม่ได้กินข้าวเช้า ก็คือวันพุธที่เรียนวิชาการบริการบนเครื่องบิน วิชานี้อาจารย์โหดมากๆ เื่ของเวลาและการแต่งกายต้องเป๊ะสุดๆ ...” แต่เพราะใกล้กลัวพันลี้จะคิดว่าเขาเป็คนละเลยกับปัญหา และไม่พยายามแก้ไข เขาจึงพูดถึงสิ่งที่เคยพยายามมาตลอด “แต่เราเคยซื้อขนมปังกับนมมาติดตู้เย็นที่คอนโดไว้แล้วนะ ่แรกๆ ก็พกไปกินตอนเช้าอยู่ แต่พอ่หลังๆ ก็มีลืมซื้อของมาตุนไว้ บางทีก็รีบออกจากคอนโดจนลืมหยิบขนมปังกับนมไปกินด้วย...”
“แล้ว่หลังๆ มานี้...คุณใกล้ก็เลยคิดว่าเรียนให้เสร็จแล้วค่อยออกมากินข้าวทีเดียวเลยดีกว่า แบบนี้ใช่ไหมคะ? ”
อ่า...พันลี้รู้มากจังเลยนะ “กะ ก็...อื้อ ใช่ เราคิดแบบนี้เลย”
“ลี้เข้าใจคุณใกล้ทุกอย่างเลยนะคะ เข้าใจถึงเวลาที่เร่งรีบด้วย เพราะเท่าที่ฟังมาสาขาของคุณใกล้ค่อนข้างเคร่ง ต่างจากสาขาของลี้เลย”
“…”
“แต่ต่อจากนี้คุณใกล้ต้องพยายามกินข้าวเช้าในทุกครั้งที่มีเวลานะคะ ถ้าบางเช้าวันพุธที่ไม่เร่งรีบจนเกินไป คุณใกล้ก็อย่าลืมซื้อขนมปังติดกระเป๋าไว้สักหน่อยนะคะ เผื่อมีเวลาเหลือก่อนเข้าเรียนจะได้มีอะไรกินรองท้องบ้าง”
“...”
“ลี้คิดว่าการที่เราไปบอกให้ใครบางคนเปลี่ยนไปทำแบบนั้นแบบนี้โดยทันที มันไม่ใช่เื่ง่าย แม้ว่าเราจะเป็ห่วงอีกฝ่ายมากแค่ไหน แต่เราก็ต้องเข้าใจและให้เกียรติเขาในการเลือกใช้ชีวิตในแบบของเขาเอง เพราะเราไม่รู้หรอกว่าวันหนึ่งเขาต้องพบเจอกับอะไรบ้าง…” คุณพระจันทร์หยุดเว้น่ ก่อนส่งยิ้มให้เขา “...อย่างเช่นเช้าวันพุธที่จะถึงนี้ คุณใกล้อาจจะตั้งใจพกขนมปังกับนมไปกินที่มอ แต่ว่าตอนกลางคืนดันมีงานให้ทำเยอะจนลืมไปซื้อของติดตู้เย็นไว้ แล้วเช้าก็ต้องรีบออกไปเรียน...”
“...”
“เห็นไหมคะ? ...สถานการณ์มันเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาเลย เพราะฉะนั้นลี้จะไม่บอกคุณใกล้ว่า ต่อไปนี้คุณใกล้ต้องกินข้าวเช้าทุกวันนะ แต่ลี้จะบอกแค่ว่า...ต่อไปนี้ถ้าคุณใกล้ไม่ยุ่งจนเกินไป ก็ขอให้พกอะไรเล็กๆ น้อยๆ ไปกินรองท้องบ้าง”
ใกล้นิ่งเงียบ มีหลายคนที่เป็ห่วงเขาเื่ไม่ค่อยกินข้าวเช้า ทุกคนมักจะเตือนให้เขากินข้าวเช้าทุกวัน และใกล้ก็พยายามจะทำให้ได้ เพราะไม่อยากให้ทุกคนเป็ห่วง แต่ไม่เคยมีใครถ่ายทอดความเป็ห่วงออกมาเป็ถ้อยคำที่ลึกซึ้งได้อย่างพันลี้ ประโยคคำพูดของคุณพระจันทร์ไม่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจหรือกดดัน เพราะเ้าตัวเลือกอธิบายให้ฟังอย่างเข้าใจ
ในบางครั้งที่เราทำพลาดไป...
เราอาจจะไม่ได้้าคำปลอบที่บอกว่า ‘ไม่เป็ไร’
แต่เราอาจจะ้าแค่ ‘ความเข้าใจ’
ใกล้ยิ้มก่อนเอ่ย “ขอบคุณนะพันลี้ที่เข้าใจเรา...เวลาเรารับปากที่บ้านกับเพื่อนว่าจะพยายามกินข้าวเช้าให้ได้ทุกวัน แต่เราทำไม่ค่อยได้ก็จะรู้สึกผิดตลอดเลย เพราะเรารู้ว่าทำให้พวกเขาเป็ห่วงอีกแล้ว”
“ไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกค่ะ คุณใกล้บอกว่าจะพยายาม แล้วคุณใกล้ก็พยายามทำอย่างเต็มที่แล้วนี่คะ...” พันลี้อมยิ้มก่อนเอาปลายนิ้วมาแตะที่ปลายจมูกของเขาเบาๆ พลางเอ่ย “ลี้ก็เป็ห่วงคุณใกล้นะ แต่ว่าลี้เลือกจะเข้าใจด้วยว่าเื่แบบนี้มันไม่ง่ายหรอก ในบางเื่ที่ยากจนเกินไป คุณใกล้อาจจะพยายามอยู่คนเดียวไม่ได้...งั้นต่อจากนี้เรามาพยายามไปด้วยกันนะคะ”
ใกล้ไม่รู้หรอกว่าเราจะพยายามไปด้วยกันในเื่ใดบ้าง แต่แค่อีกคนอยากจะ ‘พยายาม’ ไปกับเขา ใกล้ก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจมากแล้ว “อื้อ...เราจะพยายามไปกับพันลี้นะ”
“ค่ะ...แต่อย่างแรกเลย คุณใกล้ต้องพยายามกินข้าวผัดกุ้งให้หมดจานก่อนค่ะ”
“ก็พันลี้มัวแต่ชวนเราคุยนี่...ปกติเราเป็คนกินข้าวเร็วจะตาย”
“ลี้ขอโทษค่ะ” คุณพระจันทร์พูดปนหัวเราะ
เพราะคุณพระจันทร์เอาแต่ถามเื่ของเขาคล้ายอยากจะรู้จักให้มากขึ้นกว่าเดิม ใกล้จึงคอยตอบคำถาม และเป็เหตุทำให้ข้าวผัดของเขาไม่ค่อยพร่องเลย
ตอนนี้เหมือนคุณพระจันทร์จะรู้เื่ของเขาอยู่ฝ่ายเดียว ใกล้คิดว่าจะยอมแพ้อีกคนไม่ได้ เขาก็ควรรู้เื่ของพันลี้เหมือนกัน แต่ใกล้จะพยายามเลือกคำถามที่ไม่ก้าวล้ำความเป็ส่วนตัวของคุณพระจันทร์มากนัก
“แล้ว...ปกติพันลี้กินข้าวเช้าทุกวันไหม? ”
“ลี้กินทุกวันเลยค่ะ”
“พันลี้ไม่มีเรียนเช้าเลยเหรอ? ”
“มีค่ะ แต่ปกติลี้ตื่นเช้าอยู่แล้ว…” พันลี้คงเห็นบางอย่างในแววตาเขาถึงได้ยกนิ้วชี้ขึ้นคล้ายกำลังห้ามปราม “...แต่คุณใกล้ไม่ต้องคิดตำหนิตัวเองเื่ที่ลี้กินข้าวเช้าได้ทั้งที่มีเรียนเช้าเหมือนคุณใกล้นะคะ อย่างที่ลี้บอกว่าเราต่างกัน สาขาของลี้เข้าสายได้เยอะกว่า อาจารย์ไม่ต้องตรวจเครื่องแต่งกายด้วย ปัจจัยของเราต่างกัน...”
“...”
“เพราะฉะนั้นเราก็ทำดีในแบบของตัวเองแล้ว”
เหมือนคุณพระจันทร์จะอ่านใจเขาได้หมดเลย “อื้อ เราไม่ตำหนิตัวเองหรอก”
“เก่งมากค่ะ”
“พันลี้มีเรียนเช้ากี่วันเหรอ? ”
“วันเดียวค่ะ ลี้มีเรียนเช้าแค่วันพฤหัส นอกนั้นก็เรียนเที่ยงถึงบ่ายหมดเลย”
“อ๋อ...”
“คุณใกล้อยากได้ตารางเรียนของลี้ไหมคะ? ...เดี๋ยวลี้ส่งให้ทางไลน์”
ใกล้เลิกตาโตแล้วรีบยกมือขึ้นโบกปฏิเสธ “มะ ไม่ต้องพันลี้ เราแค่ถามเฉยๆ ”
“อ๋อ...คุณใกล้อยากถามอะไรอีกไหมคะ? ...ลี้ตอบได้หมดเลยนะ”
จริงๆ อยากถามเยอะมากเลย แต่ก็รู้ว่าไม่ควรถามหรอก “เอ่อ...เราขอเวลาคิดหน่อยนะ”
“ได้ค่ะ” พันลี้พูดปนหัวเราะ
คงเป็เพราะใกล้ตั้งใจจะรุกคุณพระจันทร์ให้มากขึ้น เขาจึงคิดว่าควรจะถามบางอย่างเพื่อเอาข้อมูลมาสร้างความประทับใจ “พันลี้ชอบคนแบบไหนเหรอ? ...มะ ไม่สิ เราหมายถึงคนแบบไหนที่พันลี้ประทับใจ”
“...”
พอเห็นอีกคนพยายามกลั้นยิ้ม ใกล้ก็รู้ได้ในทันทีว่าตัวเองเผลอพูดอะไรไม่เข้าท่าอีกแล้ว “อ่า...จริงๆ มันก็เป็คำถามเดียวกันนั่นแหละ”
“ชอบแบบไหน...นี่คุณใกล้หมายถึงแบบเพื่อนหรือแบบคนรักคะ? ”
ใกล้อุตส่าห์อ้อมไปไกลๆ ให้พ้นตัว แต่คุณพระจันทร์ดันรู้ทางลัดถึงได้พุ่งตรงมาถึงใจเลย “ทะ ทั้งสองแบบเลย”
อย่าเจาะจงใกล้ใจ...
“ถ้าชอบแบบเพื่อน ลี้ชอบคนจริงใจ ไม่เห็นแก่ตัว แค่สองอย่างนี้พอเลย”
“…”
“แต่ถ้าคนที่อยากจะพัฒนาความสัมพันธ์ให้ไปไกลมากกว่าเพื่อน...” แววตาขี้เล่นที่เคยเห็นเป็ประจำเปลี่ยนเป็มั่นคงและจริงจังขึ้นมาทันที “...ลี้ไม่เคยเจาะจงเลยว่าชอบแบบไหน ไม่มีแบบที่ชอบเป็พิเศษค่ะ”
“...”
“ลี้รู้แค่ว่าชอบคือชอบ ถ้าลี้ชอบคนคนนั้น ลี้จะไม่ตั้งเงื่อนไขใดๆ ให้เขา ลี้จะชอบในแบบที่เขาเป็...เอาจริงๆ เวลาลี้ชอบใครสักคนมากๆ ลี้อยากให้เขาเป็ตัวเองให้มากที่สุด”
“...”
“ถ้าเขากังวลว่าลี้จะไม่ชอบ ลี้ก็อยากจะบอกว่า...ผมชอบที่คุณเป็คุณนะ”
“…”
“...ชอบคุณแม้ในวันที่คุณบอกว่า เราไม่ใช่คนเก่ง เราไม่ใช่คนเข้มแข็ง เราไม่ใช่คนที่ยิ้มได้ตลอดเวลา...” คุณพระจันทร์ยิ้มในขณะที่หัวใจของใกล้อุ่นร้อนจนแทบจะะเิ “...ในวันนั้นคุณจะเป็คนที่เข้มแข็งที่สุดหรืออ่อนแอที่สุด ผมไม่เห็นจะสนใจเลย เพราะผมสนแค่ว่า...ผมชอบคุณ”
“...”
“ถ้าวันหนึ่งคุณใกล้ชอบใครสักคนมากๆ ...คุณใกล้แค่เป็ตัวของตัวเองก็พอค่ะ เพราะลี้เชื่อว่าตัวตนของคุณใกล้จะทำให้เขาชอบได้ไม่ยาก...และคงรักได้ง่ายๆ ”
จะมีสักกี่คนนะ...ที่ได้รับคำแนะนำจากคนที่ตัวเองแอบชอบ เพื่อเอาคำแนะนำนั้นมาทำให้คนที่แอบชอบตกหลุมรักตัวเอง คงจะมีแค่ใกล้ใจคนนี้แหละมั้ง
ใกล้คิดว่าตัวเองเป็คนโชคดีที่ได้เ้าตัวมาแนะนำให้โดยตรง เขาขอบคุณตัวเองที่กล้าถามพันลี้แบบนั้น เพราะคำตอบของพันลี้ช่วยร่นขยับเส้นทางยาวไกลให้ใกล้มากขึ้น
“เราจะทำตามคำแนะนำของพันลี้นะ”
คุณพระจันทร์ส่งยิ้มให้เขา ก่อนเอ่ย “คุณใกล้เชื่อลี้เถอะว่า...คำแนะนำนี้ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์แน่นอนค่ะ”
คุณพระจันทร์จะรู้ตัวไหมนะ...ว่าถ้าคำแนะนำนี้ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์
คุณพระจันทร์จะต้องเป็ ‘พันลี้ของใกล้ใจ’ ไปตลอดเลยนะ
:)
กริ๊งๆ
กระดิ่งห้อยประตูจะส่งเสียงดังกริ๊งๆ เมื่อมีใครบางคนเปิดประตูเข้ามาภายในร้าน ดวงตาเรียวรีละออกจากคุณพระจันทร์เพื่อมองลูกค้าคนใหม่ที่เพิ่งมาเยือน คนตัวสูงที่สวมชุดกีฬาสีน้ำเงินส่งยิ้มอย่างเป็มิตรให้เขา ใกล้จึงส่งยิ้มกลับไปให้ลูกค้าคนใหม่ของร้านที่เคยเจอกันมาก่อนแล้ว
“ใกล้~”
คุณพระจันทร์หันมองด้านหลังทันควันที่ได้ยินเสียงของคนที่เอ่ยเรียกเขา เมื่อเ้าตัวเห็นว่าเป็เพื่อนของตัวเองก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“ไอ้เหี้ยบอส”
“แม่ตั้งชื่อให้ว่า ‘บอส’ เพื่อนลี้...แค่ ‘บอส’ เฉยๆ ไม่มีเหี้ยนำหน้านะ”
บอสเดินมาหยุดที่โต๊ะของเรา ก่อนจะคว้าเก้าอี้ที่ว่างอยู่มานั่งลงที่หัวโต๊ะ คุณพระจันทร์มองเพื่อนด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ แต่บอสกลับยิ้มแฉ่งแล้วมองเขาสลับกับพันลี้
“มึงมาทำอะไร? ”
“กูมาตีแบดกับสาวๆ ...” บอสพูดพลางส่งสายตาเ้าเล่ห์ให้พันลี้ ทว่าคุณพระจันทร์ส่ายหน้าเบาๆ แล้วหยิบแก้วน้ำขึ้นมากระดกดื่มแทน “...ไปตีแบดกับกูไหม? ”
“ไม่”
“ไม่ได้ชวนไปตีกับสาวๆ ...แต่ชวนไปหาไอ้ทิว”
“ไอ้ทิวกลับมาจากจีนแล้วเหรอ? ”
“เออ เพิ่งกลับมาเมื่อวาน วันนี้พวกกูเลยลากออกมาเลย คืนนี้ก็ว่าจะไปตี้กัน”
“ไม่ชวนเลยนะพวกไอ้สัด!”
“ถ้าชวนแล้วจะไปไหมล่ะ? ”
คุณพระจันทร์ที่กำลังคุยกับเพื่อนหันมามองเขา ก่อนจะตอบเพื่อน “กูจะเลิกตี้แล้ว”
“โธ่...ไอ้ลูกหมา”
แปะ!
“O_O”
ใกล้เลิกตาโตตอนที่บอสโดนฝ่ามือหนาของคุณพระจันทร์ฟาดที่ปาก คนโดนกระทำหัวเราะก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบริมฝีปากของตัวเองเบาๆ ใกล้คิดว่าพันลี้กับเพื่อนคงชอบเล่นกันแรงๆ เป็ประจำ เพราะบอสเหมือนชินแล้ว เ้าตัวดูไม่ใสักนิด
“ใครลูกหมาไอ้สัด? ”
“มึงไง”
พันลี้เงื้อมือเตรียมจะฟาดปากเพื่อนอีกครั้ง ทว่าบอสยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดปากตัวเอง ก่อนจะชี้นิ้วมาทางเขา ใกล้ไม่รู้ว่าบอสหมายถึงอะไร แต่สิ่งที่เ้าตัวกำลังสื่อทำให้คุณพระจันทร์รั้งมือตัวเองไว้
“อะไรของมึง คุณใกล้เกี่ยวอะไรด้วย? ”
คนที่จะโดนทำร้ายร่างกายลดมือลง ก่อนเอ่ย “เมื่อสักพักกูเดินผ่านร้านนี้มารอบหนึ่งแล้ว กูเห็นมึงให้ใกล้ลูบหัวเป็ลูกหมาเลย”
“...”
“ปกติมึงไม่ยอมให้ใครเล่นหัวหรอก”
“...”
คุณพระจันทร์เอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้มขณะมองเพื่อนที่นั่งยิ้มเจื่อนๆ อยู่ พันลี้ที่นิ่งเงียบขมวดคิ้วคล้ายกำลังหาทางสู้ ทว่าสุดท้ายก็ต้องยอมจำนนด้วยการลอบถอนหายใจแล้วสบถด่าเพื่อนด้วยเสียงแ่เบา
“ครั้งนี้มึงชนะไอ้สัดบอส”
“ฮ่าๆ ” บอสหัวเราะร่าพลางตบเข่าตัวเองดังฉาด ก่อนจะหันมาหาเขาแล้วเอ่ย “ใกล้...ลองเรียกพันลี้ว่าลูกหมาหน่อยสิ”
“ไอ้เหี้ยบอส~ มึงจะเอาใช่ปะ? ”
ใกล้ส่ายหน้าปฏิเสธอย่างแรง เขาไม่พูดหรอก เพราะพันลี้คงไม่ชอบให้ใครเรียกว่า ‘ลูกหมา’ สักเท่าไร ขนาดเพื่อนพูดยังโดนตบปากเลย ต่อให้คุณพระจันทร์จะใจดีกับเขามาก แต่เ้าตัวคงไม่ปล่อยผ่านหรอก
“เราไม่พูดหรอก”
“ใกล้เชื่อบอส ไอ้ลี้ไม่ทำอะไรใกล้หรอก”
คนโดนกล่อมมองหน้าบอส เขาเม้มริมฝีปากก่อนจะครุ่นคิดอย่างหนัก เพราะอีกใจก็อยากรู้ว่าคุณพระจันทร์จะตอบสนองกลับมาอย่างไร แต่อีกใจก็กลัวโดนอีกคนโกรธ ใกล้ละสายตาจากบอสเพื่อสบตากับคุณพระจันทร์
ใบหน้าเรียบนิ่งของคุณพระจันทร์ทำให้ใกล้เป็กังวล แต่สายตาดุๆ ที่เ้าตัวใช้มองเขาทำให้รู้สึกว่ากำลังถูกท้าทาย เป็ในตอนนี้ที่ใกล้ตัดสินใจย่นจมูกใส่พันลี้แล้วเอ่ยบางประโยค
“ลูกหมาอย่ามาดุใกล้นะ”
คนตัวสูงที่ถูกเรียกด้วยสรรพนามที่ไม่ค่อยชอบหลุดหัวเราะออกมา ก่อนเอ่ย “เดี๋ยวคุณใกล้จะโดนลี้ตีเพราะเชื่อไอ้บอส”
“ฮ่าๆ ...อย่างลูกหมาเลยอะ ไม่กล้าทำอะไรใกล้ด้วย”
ผัวะ!
“อะ โอ๊ย!”
“แต่กล้าทำคนยุอย่างมึงไง”
บอสที่โดนคุณพระจันทร์คนโหดตบหัวอย่างแรงยกมือขึ้นลูบศีรษะตัวเองปรอยๆ ก่อนจะส่งสายตาออดอ้อนให้เขา
“ใกล้ บอสเจ็บ ลูบหัวบอสบ้างสิ”
ผัวะ!
ยังไม่ทันได้ตัดสินใจทำอะไร คุณพระจันทร์ก็ใช้มือฟาดที่ศีรษะเพื่อนอย่างแรงอีกครั้ง ใกล้เห็นหัวของบอสสั่นคลอนไปหมด เขากลืนน้ำลายพลางภาวนาให้สมองของบอสไม่บอบช้ำจนต้องเข้าโรงพยาบาล แต่จากที่เห็นเ้าตัวยิ้มขำได้อยู่ บอสคงไม่เป็อะไรหรอก
“ลามเป็เกลื้อนเลยนะไอ้สัด”
“พอ กูไม่แหย่แล้ว โดนมึงตบหัวจนสมองจะไหลมารวมกันหมดแล้วไอ้เหี้ย...” บอสพูดพลางหันมายกนิ้วโป้งให้เขา ก่อนเอ่ยต่อ “แต่ใกล้ทำดีมาก ใกล้ทำให้บอสชนะไอ้ลี้ได้บ้าง”
“เดี๋ยวมึงโดนอีกอะ...”
“ฮ่าๆ ” คนที่กำลังหัวเราะหยุดฉับพลันคล้ายเพิ่งนึกบางอย่างขึ้นมาได้ “มึง...ไปหาไอ้ทิวกัน ไม่ได้เจอกันนานแล้ว”
“ตอนนี้เลยเหรอวะ? ”
“เออดิ เดี๋ยวสักพักพวกกูก็กลับแล้ว เพราะต้องเตรียมตัวไปตี้กัน”
“แล้วใครจะอยู่กับคุณใกล้อะ...”
บอสละสายตาจากพันลี้แล้วหันมามองเขา “เออ จริงว่ะ”
“พันลี้ไปหาเพื่อนเถอะ เดี๋ยวเรากินข้าวเสร็จแล้วจะไปนั่งรอที่ข้างสนามบอลหมายเลขหนึ่งนะ”
พันลี้นิ่งเงียบคล้ายกำลังใช้ความคิด ก่อนจะหันไปถามเพื่อน “พวกมึงจะกลับกันตอนกี่โมง? ”
“พันลี้...” ใกล้รู้ดีว่าพันลี้เป็ห่วง เ้าตัวคงกลัวเขาจะนั่งเหงาอยู่คนเดียว เขาจึงพูดยืนยันเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ “เราอยู่คนเดียวได้ สบายมาก พันลี้ไปหาเพื่อนเถอะ”
จริงๆ ถ้าใกล้ขอไปด้วย พันลี้คงอนุญาต
แต่เขาไม่อยากทำแบบนั้น...
ใกล้อยากให้พันลี้ชวนไปด้วยความเต็มใจมากกว่า
“คุณใกล้อยากกินข้าวต่อก่อนใช่ไหมคะ? ”
ใกล้ก้มมองจานข้าวผัดกุ้งของตัวเองที่พร่องไปเล็กน้อย ก่อนจะตัดสินใจเอ่ยบางประโยคที่ทำให้อีกคนคลายความเป็กังวล “อื้อ เราเสียดายข้าวผัดกุ้ง ยังเหลืออีกเยอะเลย ขอเรากินต่ออีกสักหน่อยนะ”
“โอเคค่ะ...” คุณพระจันทร์พยักหน้ารับพลางล้วงหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง เ้าตัวยื่นกระเป๋าสตางค์สีน้ำตาลมาให้เขา ก่อนเอ่ย “...งั้นคุณใกล้เอากระเป๋าตังค์ของลี้ไว้นะคะ แล้วเดี๋ยวกินข้าวเสร็จก็ตามลี้ไปที่สนามแบดนะ”
“ไม่เป็ไรพันลี้ เดี๋ยวเราจ่ายให้เอง”
“คุณใกล้ อย่าดื้อค่ะ”
“เราไม่ได้ดื้อสักหน่อย...แค่อยากเป็ฝ่ายเลี้ยงบ้าง” มองอีกคนพลางพูดเสียงแ่ ก่อนจะรับกระเป๋าสตางค์สีน้ำตาลมาจากเ้าของ คุณพระจันทร์ส่งมือมาลูบศีรษะเขาเบาๆ แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“อันนี้เป็หน้าที่ลี้ค่ะ....” คุณพระจันทร์ว่าพร้อมคว้ากระเป๋าสะพายสีดำขึ้นมา ก่อนเอ่ย “เจอกันที่สนามแบดนะคะคุณใกล้”
“โอเค”
“ไว้เจอกันนะใกล้”
“ครับ บอส”
“พูดเพราะจังเลยอะ ใจเหลวเลย”
“ไอ้สัดบอส! ไปได้แล้ว”
ใกล้มองคนตัวสูงสองคนที่เดินออกไปจากร้านอาหาร ก่อนหลุบตามองกระเป๋าสตางค์สีน้ำตาลที่อยู่ในมือ พอเปิดกระเป๋าสตางค์มา สิ่งแรกที่เห็นคือรูปครอบครัวของคุณพระจันทร์ ตอนนี้ใกล้พอจะรู้แล้วว่าพันลี้หน้าตาดีเหมือนใคร เ้าตัวเหมือนพ่อมากๆ ส่วนพี่ฟ้าจะเหมือนแม่มากกว่า
ใกล้หัวเราะเบาๆ ให้กับพันลี้ในวัยเด็กที่มีผิวขาวจัด เ้าตัวนั่งยิ้มกว้างจนตาหยีอยู่บนตักของพ่อ คุณพระจันทร์คงเป็คนสดใสร่าเริงั้แ่เด็กๆ แล้ว เมื่อเลื่อนสายตาไปอีกฝั่งจึงเห็นเด็กผู้ชายอีกคนที่มีสีหน้าเรียบนิ่งนั่งอยู่บนตักของแม่ ใกล้ส่ายหน้าเบาๆ พลางคิดเอ็นดูสองพี่น้องที่ไม่มีอะไรเหมือนกันเลย ั้แ่นิสัยยันหน้าตา เขามองพ่อและแม่ของพันลี้ที่ยังดูหนุ่มสาวกว่าวัยพลางคิดว่า...
ขอบคุณทุกอย่างที่ทำให้คุณพ่อกับคุณแม่ได้มาพบรักกัน
เพราะถ้าคุณพ่อกับคุณแม่ไม่ได้รักกัน
วันนี้ใกล้คงไม่มีพระจันทร์ดวงเดิมให้ได้รัก
ขอบคุณนะครับ
#ใกล้แค่พันลี้
หลังจากกินข้าวเสร็จ คนตัวเล็กก็ออกจากร้านอาหารแล้วมุ่งตรงไปที่สนามแบด ก่อนออกมาจากร้าน ใกล้ถามพนักงานถึงเส้นทางที่จะไปสนามแบดมินตัน เธอแนะนำให้เขาเดินลัดผ่านสนามบอลหมายเลขสอง เพราะมันช่วยร่นระยะทางให้ถึงสนามแบดมินตันไวมากขึ้น ใกล้เลือกทำตามคำแนะนำของพนักงานสาว
ทางลัดที่พนักงานสาวบอกช่วยให้เขามาถึงสนามแบดมินตันได้เร็วอย่างที่บอก ทว่าทางลัดนี้มีข้อเสียนิดหน่อย เพราะมันพาเขาส่งทางด้านหลังที่ไม่มีประตูทางเข้า ใกล้เงยหน้ามองสนามแบดมินตันขนาดใหญ่คล้ายโรงยิมที่โรงเรียนมัธยมของเขา ก่อนจะกวาดสายตามองหาประตูทางเข้าอย่างมีความหวัง
แต่ทว่าใกล้ต้องทำใจยอมรับว่าตัวเองจะต้องเดินเลาะจากด้านหลังเพื่อไปหาประตูทางเข้าด้านหน้าแทน คนตัวเล็กไม่รีรอรีบสาวเท้าเดิน ในขณะนั้นก็ยกกระเป๋าสตางค์สีน้ำตาลเข้มกับสมุดโน้ตขึ้นมาดู ใกล้อมยิ้มเพราะของสองสิ่งนี้ทำให้นึกถึงใครบางคน
เมื่อละสายตาจากของสำคัญในมือจึงเงยหน้าขึ้นมองทาง ใกล้เห็นรถหลายคันจอดอยู่ที่หน้าสนามและมีต้นไม้ใหญ่หลายต้น เขาคิดว่าหากเดินไปสุดมุมตึกแล้วเลี้ยวขวาคงจะถึงประตูทางเข้า
แต่ในจังหวะที่เดินไปจนเกือบสุดมุมตึกและจะเลี้ยวไปทางด้านขวาก็มีผู้ชายตัวสูงสองคนเดินออกมาจากทางนั้น ใกล้ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงเลือกรั้งฝีเท้าไว้เมื่อเห็นว่าคนที่มาปรากฏตัวเป็พันลี้กับบอส เ้าตัวเดินไปหยุดยืนที่บริเวณต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ไกลจากสนามแบด ก่อนที่บอสจะยื่นมวนสีขาวให้คุณพระจันทร์ ใกล้กำลังจะเดินไปหาคุณพระจันทร์ที่ไม่น่าจะเห็นเขายืนอยู่ที่มุมตึก เพราะตอนเดินออกมาทั้งสองคนมุ่งตรงไปที่ต้นไม้ทันที
ทว่าประโยคคำถามของบอสทำให้ใกล้ชะงักฝีเท้าไว้ แล้วเลือกเดินไปหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่อยู่บริเวณนั้นเพื่อช่วยอำพรางตัวเองไม่ให้โดนจับได้ว่าแอบฟังคุณพระจันทร์กับเพื่อนคุยกัน
ใกล้ขอโทษนะคุณศศิน
ไม่ได้อยากแอบฟังเท่าไร
ใกล้แค่อยากรู้ว่า...
“ทำไมมึงถึงพูด ‘คะ’ ‘ขา’ กับใกล้วะ? ”
คนโดนถามที่กำลังเงยหน้าพ่นควันสีขาวออกจากทางปากและจมูกนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ก่อนเอ่ย “มึงคิดว่าเขาน่ารักไหม? ”
“น่ารักดิวะ”
“เออ...นั่นแหละเหตุผล”
“…”
“ความจริงกูไม่ได้เลือกใช้แค่ ‘คะ’ ‘ขา’ กับคุณใกล้ คำลงท้ายอะไรที่พูดแล้วมันน่ารักเหมาะกับเขา กูก็เอามาใช้หมด”
“...”
“คำว่า ‘ครับ’ กูก็ใช้ ไม่ใช่ไม่ใช้เลย แต่่นี้กูพูด ‘คะ’ ‘ขา’ กับเขาบ่อยๆ เพราะกูรู้สึกว่าตัวเองใช้คำลงท้ายแบบนี้แล้วดูเป็คนอ่อนโยนดี ดูเป็คนดีขึ้นมาบ้าง ไม่ได้มองว่าเขาหน้าตาน่ารักเหมือนผู้หญิงแล้วเอาคำนี้มาใช้กับเขา”
“…”
“แต่กูก็ดูปฏิกิริยาเขานะ ไม่ใช่เลือกใช้คำพูดตามใจตัวเองโดยไม่สังเกตเขาเลย คุณใกล้ไม่ได้ดูไม่ชอบหรืออึดอัด เวลาเราคุยกันเขาก็ดูสบายใจ ไม่อึดอัด ไม่กลัวกู...แค่นี้กูก็โอเคแล้ว ใครจะมองยังไงต่อจากนี้ กูบอกเลยว่า...ช่างแม่ง กูไม่สน”
“ใจเย็นเพื่อน...ที่กูสงสัยเพราะปกติมึงไม่ค่อยพูดเพราะกับใคร กับผู้หญิงที่มึงเคยคุยด้วย น้อยครั้งมากที่มึงจะพูดลงท้ายด้วยคำว่า ‘ครับ’ ”
“…ถึงกูจะไม่ได้พูดเพราะๆ กับทุกคนที่เคยคุยด้วย ก็ใช่ว่ากูปฏิบัติกับเขาไม่ดีนะ กูให้เกียรติทุกคนเสมอ และพยายามอย่างเต็มที่ในทุกความสัมพันธ์ แต่เื่พูดเพราะ...”
“...”
“คุณใกล้ทำให้กูคิดถึงประโยคนี้ ถ้าอยากให้คนอื่นปฏิบัติกับเรายังไง เราต้องปฏิบัติกับเขาแบบนั้น...กูอยากได้ยินเขาพูดกับกูเพราะๆ ไปตลอด กูก็ต้องพูดเพราะๆ กับเขา”
“...”
“เหตุผลของกูมีง่ายๆ แค่นี้เลย”
“เขาพูดเพราะกับทุกคนหรือเปล่า~”
แสงไฟสีแดงสว่างวาบที่ปลายมวนตอนที่คุณพระจันทร์อัดนิโคตินเข้าปอดอีกครั้ง “นั่นมันสิทธิ์ของเขาไง เขาจะพูดเพราะกับทุกคนก็เป็สิทธิ์ของเขา กูไปห้ามไม่ได้”
“...”
“ตอบหมดแล้ว หายข้องหรือยังไอ้สัด? ”
“ขออีกคำถามๆ ”
“ว่า...”
“มึงเคยเห็นอะไรแล้วรู้สึกว่าแม่งน่ารักที่สุดในโลกบ้างไหมวะ? ”
“เคย”
“อะไรที่ทำให้มึงรู้สึกแบบนั้นวะ? ”
ใกล้ใจไม่ได้หวังเลยคุณพระจันทร์
ไม่ได้หวังให้เป็ ‘ใกล้ใจ’ คนนี้เลย
“ตอนเห็นตุ๊กตาหมีพูห์ที่ม้าซื้อให้ตอน ป.2”
“ฮ่าๆ น่ารักสัดๆ ”
“เออ...ตอนนั้นกูมองว่าน่ารักที่สุดในโลก”
“แล้วตอนนี้อะ? ”
“ก็ยังรู้สึกเหมือนเดิม”
คนตัวเล็กที่แอบยืนฟังบทสนทนาอยู่ยิ้มบางเบาออกมาพลางคิดว่า ‘ดีแล้วที่ไม่หวัง’ เพราะการหวังให้ตัวเองเป็คนที่น่ารักที่สุดในโลกของคุณพระจันทร์ มันคงเป็เื่ที่ไกลเกินเอื้อม
แต่ก็ใช่ว่าใกล้ใจจะไม่มีโอกาสเป็คนที่น่ารักที่สุดในโลกของคุณพระจันทร์ซะเมื่อไร
สักวันใกล้ใจอาจจะเป็ Number one ของคุณพระจันทร์ก็ได้นะ
“แล้วใกล้น่ารักเท่าหมีพูห์ตัวนั้นไหม? ”
ตึก ตัก ตึก ตัก
ประโยคคำถามของบอสทำให้หัวใจเต้นแรงเร็ว อุณหภูมิในร่างกายพุ่งสูงขึ้นทั้งที่ยังไม่ได้ยินคำตอบ ใกล้คิดว่าต่อให้คุณพระจันทร์ตอบว่า ‘ไม่’ ก้อนเนื้อที่เต้นระรัวอยู่ก็ไม่ผ่อนแรงลงหรอก เขามองคนตัวสูงที่เม้มริมฝีปากคล้ายกำลังกลั้นยิ้ม คุณพระจันทร์ส่ายหน้าน้อยๆ ขณะปล่อยควันสีขาวให้ลอยเหนืออากาศ
“ไม่”
“...”
“ไม่เท่าหมีพูห์...เพราะคุณใกล้น่ารักโคตรๆ กว่านั้น”
ตู้ม!!!!!
คำตอบที่ชัดเจนและแสนจริงใจของคุณพระจันทร์ทำให้หัวใจของใกล้พองโตอย่างรวดเร็วจนะเิในที่สุด คนตัวเล็กหันหลังพิงต้นไม้ใหญ่แล้วปล่อยร่างที่อ่อนแรงทรุดลงที่พื้น ใกล้นั่งยองๆ แล้วยกสมุดโน้ตกับกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาปิดใบหน้าที่ร้อนผ่าวของตัวเอง เขาพยายามกลั้นยิ้มแต่ไม่สามารถทำได้เลย
ใกล้ใจบ้าชะมัด!
เขินอีกแล้วนะ หยุดเดี๋ยวนี้เลย
เก็บอาการหน่อยสิ
T_____________T
แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า...
ใกล้ใจจะชนะหมีพูห์ของคุณม้า
“ใกล้ยังไม่มาอีกเหรอวะ? ”
“กูกำลังจะไลน์ถามอยู่…”
คนตัวเล็กที่กำลังเขินอายขั้นสุดรีบล้วงโทรศัพท์ออกมาเพื่อจะกดปิดเสียง เมื่อคืนเขาเปิดเสียงโทรศัพท์ไว้ เพราะกลัวพ่อโทรมาหาตอนเช้าแล้วจะหลับลึกจนไม่ได้ยินเสียงสั่นแจ้งเตือน แต่เหมือนโลกไม่ได้แกล้งเขานานแล้ว และคงอยากจะหาโอกาสแกล้งกันใจจะขาด นิ้วของเขาถึงเลื่อนไปกดปิดเสียงแจ้งเตือนไม่ทัน
ไลน์~
;_______________;
พันลี้ต้องได้ยินเสียงแจ้งเตือนของเขาแน่ๆ เพราะขนาดเขายังได้ยินทั้งสองคนคุยกันชัดขนาดนี้ เราไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก เพียงแต่ไม่เห็นกันเพราะมีต้นไม้ใหญ่ช่วยอำพรางร่างและบดบังสายตาอยู่
P.Panli : ใกล้ใจ กินข้าวเสร็จหรือยังคะ?
ใกล้กำลังจะเปิดเข้าไปในแอปพลิเคชันไลน์เพื่อตอบกลับข้อความอีกคน ทว่าเ้าตัวก็ส่งข้อความมาอีกครั้ง
ไลน์~
ไลน์~
ไลน์~
โธ่...ใกล้
ทำไมเมื่อกี้ไม่รีบกดปิดเสียงก่อนล่ะ
คนตัวเล็กรู้สึกร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก เขาตั้งสติก่อนจะกดปิดเสียงแจ้งเตือนและเปิดเข้าแอปพลิเคชันไลน์เพื่อตอบกลับข้อความของคุณพระจันทร์
P.Panli : คุณใกล้อยู่ไหนคะ?
P.Panli : send a sticker
P.Panli : send a sticker
ใกล้มองสติกเกอร์รูปกระต่ายเอียงคอทำหน้ามึนงงและมีสัญญลักษณ์ ‘? ’ อยู่เหนือหัวเ้าตัวปุกปุย นิ้วเรียวกำลังจะพิมพ์ข้อความตอบกลับไป ทว่าคนที่กำลังนั่งก้มหน้ามองจอแก้วรู้สึกเหมือนมีเงาของใครบางคนมาพาดทับเหนือร่างของตัวเอง ใกล้กลืนน้ำลายที่เหนียวหนืดลงคอก่อนเหลือบสายตามองรองเท้าผ้าใบสีดำของใครบางคนที่ก้าวมาหยุดอยู่ข้างกาย
ใกล้ตัดสินใจละสายตาออกจากหน้าจอโทรศัพท์แล้วเงยหน้ามองเหนือศีรษะตัวเอง เป็ในตอนนี้ที่ใกล้สบกับั์ตาคู่เดิมที่คุ้นเคย คุณพระจันทร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะส่งมือข้างที่ว่างมาจับศีรษะของเขาไว้ ส่วนมืออีกข้างของเ้าตัวถือโทรศัพท์เครื่องสีดำอยู่
“คุณใกล้...มานั่งซนอะไรตรงนี้คะ? ” ว่าพลางยกโทรศัพท์ของเ้าตัวโบกโชว์ตรงหน้าเขา “ลี้เป็ห่วงก็เลยไลน์หาคุณใกล้ แต่เมื่อกี้ลี้ได้ยินเสียงไลน์ดังทุกครั้งที่ส่งข้อความไปหาคุณใกล้ ลี้ก็เลยเดินตามหาเสียง”
“…”
“แล้วก็มาเจอตัวแสบนั่งอยู่ตรงนี้...”
“คือ...” ทำยังไงดี หาข้อแก้ตัวแบบติดสปีดเลยใกล้ใจ นาทีนี้คุณพระจันทร์จะเชื่อข้อแก้ตัวของเขาหรือไม่ก็ไม่สำคัญแล้ว แต่ไม่ควรให้พันลี้รู้ว่าเขาเสียมารยาทแอบฟังเ้าตัวกับเพื่อนคุยกัน “...ตัวแสบจะเป็ลมน่ะ”
เดี๋ยว...
แล้วไปแทนตัวเองด้วยสรรพนามที่เขาเพิ่งเรียกไปได้ยังไง
ใครสอนให้ทำแบบนี้นะใกล้ใจ
แย่มากๆ
;____________;
“จริงเหรอคะ? ” คุณพระจันทร์เลิกตาโตด้วยความใก่อนจะโน้มหน้าลงมาหาเขา เ้าตัวเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋ากางเกง ก่อนที่มือหนาทั้งสองข้างจะจับประคองใบหน้าของเขาไว้ ก่อนเอ่ย “หน้าแดงไปหมดเลย ตอนเดินมาอากาศร้อนมากเลยใช่ไหมคะ? ”
“ชะ ใช่...เราเลยมานั่งพักตรงนี้”
คนที่แสดงสีหน้าเป็ห่วงนั่งคุกเข่าลงตรงหน้าเขา ก่อนหันไปะโเรียกเพื่อน “ไอ้บอส!”
“ว่าไง~” บอสขานรับอย่างอารมณ์ดีขณะเดินมาทางเรา ก่อนจะแสดงสีหน้าใ “ใกล้...เป็อะไร ทะ ทำไมน่าแดงขนาดนั้น ไม่สบายเหรอ? กูลนแล้ว ทำไงดีไอ้ลี้”
“คุณใกล้จะเป็ลม มึงไปเตรียมพัดลมไว้เลย เดี๋ยวกูจะพาคุณใกล้เข้าไปในสนาม”
“เออๆ ได้ๆ ” บอสที่รับปากรีบวิ่งออกไป
ตอนนี้ใกล้รู้สึกผิดกับคุณพระจันทร์มาก เพราะเ้าตัวดูเป็กังวลมาก ใกล้ได้แต่เอ่ยคำขอโทษในใจซ้ำๆ แล้วสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว แต่นอกจากคำขอโทษแล้ว ใกล้ก็อยากมอบคำว่า...
ขอบคุณนะคุณพระจันทร์
ที่คอยเป็ห่วง…
และคอยเป็ทุกอย่างให้ใกล้ใจคนนี้
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้