ในสนามสอบบรรยากาศค่อนข้างกดดัน
การทดสอบิญญายังคงดำเนินต่อไป มีศิษย์บางส่วนที่ตื่นเต้นดีใจ แต่ก็มีบางส่วนที่โศกเศร้าเสียใจ หรือร้องไห้จนหมดเสียง เพราะผลลัพธ์การทดสอบนั้นเกี่ยวพันถึงอนาคตของพวกเขา
เ้าซาลาเปาอธิษฐานท่ามกลางผู้คน ในใจรู้สึกตื่นเต้นจนแทบเป็บ้า ในเวลาปกติจะเห็นเขาเป็คนไม่คิดมาก แต่ความจริงเขาก็ยังเป็แค่เด็กหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้น
เพียงแต่การบำเพ็ญิญญาต้องใช้เวลาในการสั่งสม ทำตัวร้อนรนไปก็ไร้ประโยชน์
ในหมู่ศิษย์มากมาย มีเพียงจั๋วอวิ๋นเซียนที่สงบนิ่งที่สุด หลังจากที่จิติญญาวิวัฒนาการแล้ว จึงมองทุกสิ่งนอกกายเป็เพียงเื่เล็กน้อย เขาจะไม่ตื่นตระหนกเพราะปัจจัยจากสภาพแวดล้อม
แน่นอนว่าเมื่อได้เห็นตราประทับทั้งเล็กทั้งใหญ่ รูปลักษณ์แปลกประหลาดมากมาย ทำให้จั๋วอวิ๋นเซียนดูจนตาลาย ทว่ากลับได้ความรู้มาไม่น้อย
อย่างเช่นมีตราประทับของศิษย์สตรีนางหนึ่งเป็ก้อนหินเล็กๆ ก้อนหนึ่ง ดูธรรมดาไม่พิเศษ แต่กลับเป็ตราประทับระดับกลาง ‘อุกกาบาต’ จึงได้รับความโปรดปรานจากผู้คุมสอบทุกคน
หรือศิษย์บุรุษอีกคนหนึ่ง ตราประทับของเขาเป็เพียงกิ้งก่าตัวเล็กๆ ดูอ่อนแอไร้พิษภัย เป็เพียงตราประทับระดับต่ำ ‘กิ้งก่าั’ แต่ก็ได้รับการชมเชยจากเหล่าผู้คุมสอบว่ามีศักยภาพที่ดีเช่นกัน
ตราประทับที่พบเห็นมากที่สุดคือสัตว์ร้ายกับอาวุธ เช่นราชสีห์ พยัคฆ์ หมี หมาป่า ดาบ หอก กระบี่ ทวน มีกระทั่งอุปกรณ์และพฤกษาที่มีความสามารถในการช่วยเหลือ
โลกวิถีเซียนช่างมหัศจรรย์ยิ่งนัก แม้แต่จั๋วอวิ๋นเซียนก็ยังอยากจะทดสอบิญญาบ้างแล้ว แต่เมื่อเขานึกถึงคำสั่งของบิดา ท้ายที่สุดก็ยังอดทนต่อไป
……
ผ่านไปเพียงไม่นาน ผลการทดสอบของเ้าซาลาเปาก็ประกาศออกมา ตราประทับระดับต่ำ หลอมิญญาสี่รอบ บวกกับผลสอบข้อเขียนก่อนหน้านี้ ผลคะแนนรวมสุดท้ายจึงได้เป็ระดับกลาง
ผลคะแนนเช่นนี้ไปสำนักเซียนคงไม่มีหวัง มีเพียงต้องหาสำนักศึกษาที่อยู่ใกล้ๆ ตั้งใจศึกษาศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่งถึงจะมีโอกาสสร้างชื่อ
สำหรับมาตรฐานของสำนักเซียน จั๋วอวิ๋นเซียนเคยได้ยินมาบ้าง มาตรฐานที่ต่ำที่สุดคือตราประทับระดับกลาง หลอมิญญาเจ็ดรอบขึ้นไป สำหรับเงื่อนไขของสำนักเซียนเทียนซูสูงยิ่งกว่า นอกจากตราประทับระดับกลางแล้ว ยังต้องมีหลอมิญญาเก้ารอบถึงจะมีคุณสมบัติ
เงื่อนไขเช่นนี้ได้ทำลายความฝันของผู้คนมากมาย นอกจากอัจฉริยะที่แท้จริงแล้ว ใครจะมีคุณสมบัติกลายเป็ศิษย์หลักของสำนักเซียนเทียนซูได้กัน?
ถึงแม้จะเป็เช่นนี้ก็ยังมีลูกหลานตระกูลใหญ่มากมายที่ยินยอมจ่ายค่าศึกษาจำนวนมหาศาล เพื่อกลายเป็ศิษย์รับใช้ของสำนักเซียนเทียนซู
ยังดีที่จั๋วอวิ๋นเซียนมีป้ายพิเศษของสำนักเซียนเทียนซูจึงลดเื่ยุ่งยากให้เขาได้มากมาย
……
“จั๋วอวิ๋นเซียนเ้ายอมแพ้แล้วจริงหรือ?”
เปาต้าถงยืนเคียงจั๋วอวิ๋นเซียนอยู่ข้างสนามสอบด้วยอารมณ์หดหู่ ถึงแม้เขาจะรู้ว่ามิอาจเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ได้ แต่เขารู้สึกไม่ยุติธรรมแทนจั๋วอวิ๋นเซียนและรู้สึกโชคชะตาช่างไม่ยุติธรรม
เปาต้าถงเห็นสิ่งที่คนอื่นมากมายไม่มีจากตัวจั๋วอวิ๋นเซียน เช่น ความขยัน ความพยายาม ความเชื่อมั่น และความภูมิใจ…สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็สิ่งที่เขาไม่มีเช่นกัน เขาจึงหวังว่าจั๋วอวิ๋นเซียนจะมีอนาคตที่สดใส นี่คือคำอวยพรที่มีต่อสหายอย่างจริงใจ
“อย่ากังวลเลยเ้าซาลาเปา…”
จั๋วอวิ๋นเซียนตบบ่าเ้าซาลาเปา ความโกรธในใจกลายเป็ความอบอุ่น คนคนนี้คือสหายที่ทำให้เขารู้สึกอบอุ่นที่สุดนอกจากบิดามารดาและพี่สาว ถึงแม้อีกฝ่ายจะธรรมดามากและมีข้อเสียมากมาย แต่สหายก็คือสหาย มันจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเพราะนิสัยหรือสถานะ
“เอาเถอะ! แล้วแต่เ้าแล้วกัน!”
เปาต้าถงยักไหล่พลางยิ้มแห้ง แล้วกล่าวประชดตนเอง “เป็ข้าที่กังวลไปเอง ถึงอย่างไรเ้าก็เป็ถึงนายน้อยแห่งตระกูลวิถีเซียน ไม่ต้องห่วงเื่ใช้ชีวิต ไม่ต้องกลัวหิวตาย ถึงแม้มิอาจบำเพ็ญเซียน แต่เป็คุณชายที่ร่ำรวยก็ไม่เลวนะ“
……
”จั๋ว! อวิ๋น! เซียน!“
เสียงะโด้วยความโกรธดังสะท้อนทั่วสนามสอบ ทุกคนรีบหันไปมอง พวกเขาเห็นเพียงเด็กสาวสวมกระโปรงสีรุ้งคนหนึ่งพุ่งตรงไปทางจั๋วอวิ๋นเซียน!
ผู้มาเยือนมิใช่ใครอื่น แต่เป็คุณหนูใหญ่ตระกูลสีแห่งต้าหนิง ’สีเฟยเยียน’
“จั๋วอวิ๋นเซียน เ้าเจอปัญหาเข้าแล้ว!”
เปาต้าถงรีบไปหลบด้านข้างด้วยท่าทางที่สะใจ สำหรับความปลอดภัยของจั๋วอวิ๋นเซียน เขาไม่ได้กังวลเท่าใดนัก ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือจวนเ้าเมือง และจั๋วอวิ๋นเซียนก็เป็ถึงนายน้อยแห่งตระกูลจั๋ว ต่อให้คุณหนูใหญ่ตระกูลสีจะไม่รู้ประสีประสา ก็คงไม่กล้าสังหารจั๋วอวิ๋นเซียนกระมัง? อย่างมากก็แค่าเ็ภายนอกเท่านั้น!
“เป็ปัญหาอยู่บ้าง แต่…”
จั๋วอวิ๋นเซียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาแอบถือไข่มุกสีดำเอาไว้
สีเฟยเยียนะโพุ่งตรงไปทางจั๋วอวิ๋นเซียน “ไอ้ขยะ ข้าเคยบอกไปแล้วมิใช่หรือว่าเ้าไม่คู่ควรกับน้องหญิงรั่วเมิ่ง ข้าพูดเพื่อให้เ้ารู้จักประมาณตน คิดไม่ถึงว่าเ้าไม่สนใจคำเตือนของข้า…เหอะ! วันนี้ข้าจะทำให้เ้าได้รู้ว่าหนังถลอกมันรู้สึกอย่างไร!”
เมื่อกล่าวจบ สีเฟยเยียนก็ฟาดแส้ในมือออกไป
หากเป็สองเดือนก่อน จั๋วอวิ๋นเซียนคงมิอาจหลบแส้ของสีเฟยเยียนได้ แต่หลังจากิญญาวิวัฒนาการและควบรวมตราประทับได้แล้ว ััของจั๋วอวิ๋นเซียนทรงพลังขึ้นมาก ถึงแม้ไม่มีพลังิญญาก็ยังสามารถััถึงอันตรายและหลบเลี่ยงการโจมตีได้…บวกกับความเข้าใจท่าร่ายระบำกระเรียนเก้า์ของเขา จึงทำให้เขาว่องไวเป็พิเศษ
“เพี๊ยะ!”
แส้ทองคำพลาดเป้า ฟาดลงพื้นอย่างแรงจนกระเบื้องแตกออกเป็เสี่ยงๆ
“ได้…อย่างไร?”
สีเฟยเยียนตกตะลึงอย่างมาก นางเป็ถึงผู้บำเพ็ญเซียนระดับรวมพลัง กลับจัดการคนธรรมดาแค่คนเดียวไม่ได้! ถึงแม้นางจะไม่ได้ใช้พลังิญญา แต่เหตุการณ์เช่นนี้น่าขายหน้ายิ่งนัก!
แน่นอนว่าในสายตาของคนอื่น ทุกคนต่างคิดว่าสีเฟยเยียนยั้งมือปล่อยจั๋วอวิ๋นเซียนไป
“จั๋วอวิ๋นเซียนนับว่าเ้าโชคดี แต่…”
เสียงของสีเฟยเยียนหยุดลง นางเห็นไข่มุกสีดำสามลูกลอยมาทางตัวเอง ในไข่มุกแฝงด้วยคลื่นพลังแข็งแกร่งชนิดหนึ่ง ทำให้นางรู้สึกหนาวสั่น!
“นั่นมัน…ะเิเพลิงอัสนี?“
สีเฟยเยียนเพิ่งนึกขึ้นได้ สีหน้านางจึงเปลี่ยนไปทันที!
”ตูม ตูม ตูม…“
เพลิงอัสนีพุ่งขึ้นฟ้า คลื่นพลังโหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง!
เพียงพริบตาเดียว สีเฟยเยียนก็ถูกควันเพลิงกลืนกินเข้าไปจนหมด และตรงจุดที่นางอยู่ถูกะเิจนกลายเป็หลุมขนาดใหญ่ น่ากลัวยิ่งนัก
……
จั๋วอวิ๋นเซียนยืนอยู่กับที่ด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เหมือนทุกสิ่งที่เกิดขึ้นด้านหน้าไม่ได้เกี่ยวข้องกับตน
’ะเิเพลิงอัสนี‘ เหมือนกับยันต์เกราะ เป็อาวุธร้ายกาจชนิดหนึ่งที่นิกายเซียนโม่เหมินคิดค้นขึ้นมา หากถูกกระแทกด้วยแรงจากภายนอก ถึงแม้เป็คนธรรมดาก็ใช้งานได้
แน่นอนว่าอาวุธอย่าง ‘ะเิเพลิงอัสนี‘ มีราคาสูงมาก ใช้หนึ่งพันศิลาิญญาก็มิอาจหาซื้อได้ อีกทั้งห้ามซื้อขายอย่างเปิดเผย มีเพียงต้องซื้อผ่านช่องทางพิเศษเท่านั้น เป็ของที่หายากมาก
บิดาของจั๋วอวิ๋นเซียนอาศัยเส้นสายทางการค้าของตัวเองถึงซื้อมาได้ แล้วมอบทั้งหมดไว้ให้เขาใช้ป้องกันตัว
ะเิเพลิงอัสนีที่ล้ำค่าเช่นนี้ พลังทำลายของมันจึงน่ากลัวมากเป็ธรรมดา เพียงหนึ่งลูกก็สามารถทำลายบ้านเรือนราบเป็หน้ากลอง ยิ่งไปกว่านั้นจั๋วอวิ๋นเซียนใช้ไปถึงสามลูก!
ในเวลานี้สนามสอบเงียบกริบ ทุกคนล้วนมองจั๋วอวิ๋นเซียนกับจุดที่เพลิงอัสนีพุ่งขึ้นฟ้าอย่างตกตะลึง
เด็ดเดี่ยวยิ่งนัก! เป็วิธีที่โเี้มาก!
ทำเช่นนี้บ้าคลั่งเกินไปแล้วกระมัง? แค่มีปากเสียงก็สังหารกันแล้ว ของเ่าั้มีราคาถึงสามพันศิลาิญญา! มีเงินแล้วคิดว่าตัวเองเก่งนักหรือ?
อืม เหมือนจะเก่งอยู่บ้างจริงๆ!
