บทที่ 6: ถักทอตาข่ายพิษใต้แสงจันทร์
ในเรือนเก็บฟืนที่เงียบสงัดราวกับป่าช้า บรรยากาศหนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออก ข่าวที่เสี่ยวชุ่ยนำมาไม่ต่างอะไรกับคำตัดสินปะาชีวิตที่ถูกเลื่อนให้เร็วขึ้น
"คืนพรุ่งนี้...หรือเ้าคะ" เสี่ยวชุ่ยทรุดกายนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง น้ำตาไหลอาบใบหน้าที่ซีดเผือด "คุณหนู...เราจะทำอย่างไรกันดีเ้าคะ! เ้าเมืองสวีผู้นั้น...เขาคือปีศาจในร่างคน!"
นางเคยได้ยินกิตติศัพท์อันเลวร้ายของเ้าเมืองเฒ่าผู้นั้นมานับครั้งไม่ถ้วน สตรีใดที่ตกไปอยู่ในมือของมันล้วนมีจุดจบที่น่าอนาถ ยิ่งกว่าความตายเสียอีก
ทว่า...ผู้เป็นายของนางกลับนิ่งสงบจนน่าประหลาด จ้าวิ่หลานไม่ได้กรีดร้องหรือร่ำไห้ฟูมฟาย นางเพียงแค่นั่งนิ่งๆ ดวงตาจับจ้องไปยังเปลวไฟเล็กๆ ที่นางก่อขึ้นเพื่อต้มยาอย่างเหม่อลอย แต่ในความเหม่อลอยนั้นกลับซ่อนไว้ซึ่งการวิเคราะห์อันเฉียบคมราวกับใบมีด
สถานการณ์เลวร้ายกว่าที่คิด นางประเมินในใจ ฮูหยินรองเร่งแผนการลงมือเร็วขึ้น แสดงว่าการรอดชีวิตของข้าและการที่ข้ารู้ความลับของหยางซูได้สร้างความหวาดระแวงให้นางอย่างหนัก นางไม่้าให้มีตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้อีกต่อไป
การส่งข้าไปให้เ้าเมืองสวี ไม่ใช่แค่การกำจัดข้า แต่เป็การทำลายข้าให้ย่อยยับ และจากข้อมูลของหลี่มัวมัว...ดูเหมือนนางจะมีข้อตกลงบางอย่างกับเ้าเมืองเฒ่านั่น แลกเปลี่ยนตัวข้ากับ 'ไข่มุกอายุวัฒนะ' เพื่อนำไปรักษาจ้าวจื่อโม่...
เมื่อปะติดปะต่อเื่ราวทั้งหมดเข้าด้วยกัน ิ่หลานก็เข้าใจถึงความบ้าคลั่งและความสิ้นหวังของคนเป็แม่ แต่ความเข้าใจนั้นไม่ได้มาพร้อมกับความเห็นใจ มีเพียงความเ็าที่ทวีขึ้น
เ้าจะบูชายัญชีวิตข้าเพื่อต่อชีวิตให้ลูกของเ้างั้นรึ...หลิวซื่อ...ช่างเป็ความคิดที่โง่เขลาและเห็นแก่ตัวสิ้นดี!
นางหันไปมองเสี่ยวชุ่ยที่กำลังตัวสั่นด้วยความกลัว "เสี่ยวชุ่ย"
"เ้าคะ...คุณหนู"
"เลิกร้องไห้ได้แล้ว" น้ำเสียงของิ่หลานเรียบเฉยแต่แฝงไว้ด้วยอำนาจที่ทำให้คนต้องหยุดฟัง "น้ำตาไม่เคยช่วยแก้ปัญหาอะไรได้ ลุกขึ้นมา...แล้วไปสืบเื่หนึ่งให้ข้า"
เสี่ยวชุ่ยรีบเช็ดน้ำตาป้อยๆ มองเ้านายด้วยความหวังริบหรี่ "เื่อะไรหรือเ้าคะ?"
"เ้าเมืองสวี...นอกจากเื่ตัณหาที่ทุกคนรู้กันดีแล้ว เขามีโรคประจำตัวหรือจุดอ่อนอะไรอีกบ้าง"
นี่คือการเดิมพันครั้งสุดท้ายของนาง หากจะหนีออกจากจวนตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการหนีเสือปะจระเข้ ด้วยร่างกายของเด็กสาวอายุสิบสี่ที่ไร้เงินและไร้คนหนุนหลัง นางคงไม่รอดชีวิตไปได้ไกลนัก หนทางเดียวที่จะรอด...คือการเผชิญหน้ากับพายุลูกนี้โดยตรง และเปลี่ยนวิกฤตให้เป็โอกาส!
เสี่ยวชุ่ยรับคำสั่งอย่างแข็งขัน ความนิ่งสงบของเ้านายส่งผลให้นางรู้สึกมีความหวังขึ้นมาอย่างน่าประหลาด นางรีบวิ่งออกไปใช้ความสามารถในการสอดแนมที่เพิ่งค้นพบใหม่ของตนเองอีกครั้ง
เวลาผ่านไปไม่นาน เสี่ยวชุ่ยก็กลับมาพร้อมกับลมหายใจหอบกระเส่าและข้อมูลล้ำค่า
"บ่าวไปแอบฟังพวกพ่อครัวคุยกันมาเ้าค่ะ! พวกเขากำลังเตรียมอาหารเลิศรสสำหรับต้อนรับท่านเ้าเมืองในคืนพรุ่งนี้ และมีคนหนึ่งบ่นว่าต้องระวังเื่วัตถุดิบเป็พิเศษ เพราะท่านเ้าเมืองป่วยเป็ 'โรคปวดข้อพระาา' ที่หมอเทวดาที่ไหนก็รักษาไม่หาย!"
"โรคปวดข้อพระาา?" ิ่หลานทวนคำ
"เ้าค่ะ! เขาว่าจะปวดตามข้อมือข้อเท้าอย่างรุนแรง โดยเฉพาะเวลาที่อากาศเย็นหรือฝนตก ท่านเ้าเมืองจะทรมานจนอาละวาดทำลายข้าวของอยู่บ่อยครั้ง ได้ยินมาว่าเขาถึงกับยอมทุ่มเงินไม่อั้นเพื่อตามหาโอสถทิพย์หรือยาอายุวัฒนะอะไรก็ตามที่จะช่วยบรรเทาความเ็ปนี้ได้เ้าค่ะ!"
โรคเกาต์ (Gout) ขั้นรุนแรง! ิ่หลานวินิจฉัยในใจทันที เกิดจากการสะสมของกรดยูริกในข้อต่อ ในยุคนี้ถือเป็โรคร้ายที่รักษาไม่หาย และผู้ป่วยจะทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส
มุมปากของจ้าวิ่หลานยกขึ้นเป็รอยยิ้มบางเบาที่เยือกเย็นจับขั้วหัวใจ
ในที่สุด...ข้าก็เจอจุดอ่อนของเ้าแล้ว...เ้าเมืองสวี
"เสี่ยวชุ่ย ข้า้าของสองสามอย่าง เ้าไปหามาให้ข้าเงียบๆ อย่าให้ใครรู้" นางสั่งการอย่างรวดเร็ว "ไปที่สวนสมุนไพร เก็บใบบัวบก ดอกเก๊กฮวย และใบสะระแหน่มาอย่างละหนึ่งกำมือ...แล้วก็ขอแป้งสาลีกับน้ำผึ้งจากห้องครัวมาเล็กน้อย บอกว่าเ้าจะเอามาทำยาพอกหน้ารักษาผื่นคัน"
เมื่อเสี่ยวชุ่ยออกไปแล้ว ิ่หลานก็หลับตาลง ส่งจิตเข้าสู่ 'ตำหนักพันโอสถ' อีกครั้ง
"จิตแห่งโอสถ" นางสั่งการในห้วงความคิด "แสดงรายการพิษที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลางและกล้ามเนื้อหัวใจ มีผลช้า ตรวจจับได้ยาก และสามารถกระตุ้นหรือแก้ไขได้ด้วยปัจจัยภายนอก"
หน้าจอแสงปรากฏขึ้น รายชื่อพิษหายากนับร้อยชนิดปรากฏขึ้นพร้อมคุณสมบัติโดยละเอียด สายตาของนางกวาดอ่านอย่างรวดเร็วก่อนจะหยุดลงที่ชื่อหนึ่ง
(พิษไหมผนึกใจ) [คุณสมบัติ: แทรกซึมผ่านิัเข้าสู่กระแสเือย่างช้าๆ ไม่แสดงอาการในระยะแรก จะเข้าไปฝังตัวอยู่ตามจุดชีพจรสำคัญ เมื่อถูกกระตุ้นด้วย 'ยาเหนี่ยวนำ' จะทำให้เส้นใยพิษรัดตัวอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้กล้ามเนื้อทั่วร่างแข็งเกร็ง ชีพจรติดขัด เืลมไม่ไหลเวียน ผู้ถูกพิษจะมีอาการคล้ายอัมพาตเฉียบพลันหรือภาวะหัวใจล้มเหลว และจะเสียชีวิตภายในหนึ่งเค่อ (15 นาที) หากไม่ได้รับยาแก้ที่ถูกต้อง]
นี่คืออาวุธที่สมบูรณ์แบบที่สุด!
"ข้า้าพิษไหมผนึกใจในรูปแบบที่สกัดเข้มข้นและไร้สีไร้กลิ่น"
รับทราบ
หยดของเหลวใสราวกับน้ำค้างหยดเล็กๆ ปรากฏขึ้นในขวดยาผลึกใส ิ่หลานรับมันมาด้วยมือที่มั่นคงราวกับหินผา
เมื่อกลับสู่โลกแห่งความจริง เสี่ยวชุ่ยก็ได้นำของทุกอย่างที่้ากลับมาแล้ว ภายใต้แสงตะเกียงที่สั่นไหว จ้าวิ่หลานเริ่มลงมือ "ปรุงยา" ของนาง นางใช้หินฝนหมึกเก่าๆ บดสมุนไพรทั้งหมดจนละเอียดเป็ผงสีเขียวอ่อน จากนั้นจึงค่อยๆ เทหยดพิษไหมผนึกใจลงไปผสม ผงยานั้นไม่เปลี่ยนสี กลิ่นก็ยังคงเหมือนเดิม
ขั้นตอนสุดท้าย นางนำผงยาพิษมาผสมกับน้ำผึ้งเล็กน้อยแล้วนวดจนกลายเป็ยาพอกสีดำข้นหนืด นางปาดมันลงบนผ้าลินินชิ้นเล็กๆ ที่ตัดเตรียมไว้ กลายเป็แผ่นยาปิดแผลที่ดูธรรมดาสามัญ และปั้นแป้งสาลีผสมน้ำผึ้งเป็เม็ดกลอนเล็กๆ นี่คือ 'ยาเหนี่ยวนำ'
"ตาข่ายถูกถักทอเสร็จสิ้นแล้ว...เหลือเพียงรอให้เหยื่อเดินเข้ามาติดกับ" นางมองผลงานของตนเองด้วยแววตาพึงพอใจ
คืนนั้นผ่านไปอย่างเชื่องช้า...
และแล้วคืนแห่งการพิพากษาก็มาเยือน
ปัง!
ประตูเรือนเก็บฟืนถูกกระชากเปิดออกอย่างแรง หลี่มัวมัวยืนอยู่ที่หน้าประตูพร้อมกับชายฉกรรจ์ร่างกำยำสองคน
"คุณหนูสาม" หลี่มัวมัวเอ่ยด้วยรอยยิ้มเย้ยหยันแห่งผู้ชนะ "ถึงเวลาเดินทางแล้ว ท่านเ้าเมืองสวีฮงต้าเสียนกำลังรอท่านอยู่ที่เรือนรับรองริมทะเลสาบ"
จ้าวิ่หลานค่อยๆ ลุกขึ้นยืน ปัดฝุ่นตามเสื้อผ้าเก่าขาดของตนราวกับกำลังเตรียมตัวไปร่วมงานเลี้ยงชั้นสูง นางเงยหน้าขึ้นสบตากับหลี่มัวมัวโดยตรง ในดวงตาคู่นั้นไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย มีเพียงความสงบนิ่งที่ลึกล้ำจนน่าขนลุก ก่อนที่มุมปากของนางจะยกขึ้นเป็รอยยิ้มปริศนา
"ดี" นางกล่าวด้วยเสียงเรียบ "ข้าเองก็มี 'ของขวัญ' ชิ้นหนึ่ง...ที่อยากจะมอบให้ท่านเ้าเมืองเป็การพบหน้าครั้งแรกเช่นกัน...!!"