แม้หนีเจียเอ๋อร์จะไม่ยอมออกมาพบหน้า แต่มู่หรงจิ่งหลีก็ไม่คิดจะยอมแพ้ ยังคงส่งของล้ำค่าไปเอาอกเอาใจทุกวัน ไม่ก็ไปเยี่ยมเยียนที่จวนสกุลหนีเป็ครั้งคราว
ด้วยเหตุนี้ นายท่านหนีจึงลำบากใจยิ่งนัก ได้แต่ยิ้มรับแขกสูงศักดิ์ท่านนี้อย่างเสียมิได้
ส่วนสวีซื่อ ก็ได้หัวข้อใหม่มาเสียดสีอนุภรรยาของสามี โดยการกล่าวหาเว่ยอี๋เหนียงว่าสอนบุตรสาวให้กลายเป็นางจิ้งจอก เที่ยวล่อลวงหว่านเสน่ห์ใส่บุรุษไม่เลือกหน้า
เพราะไม่อยากให้หนีเจียเอ๋อร์เสียใจ เว่ยอี๋เหนียงจึงได้แต่ปิดปากเงียบ ซ่อนตัวอยู่ในห้อง และแอบร่ำไห้เพียงลำพัง
นอกจากออกไปเที่ยวกับโจวชิงหวาเป็ครั้งคราวแล้ว หนีเจียเอ๋อร์ก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการศึกษาตำราแพทย์ที่ห้องของตน หากพบข้อสงสัยก็จะไปยังร้านขายยาสมุนไพร เพื่อสอบถามและเรียนรู้เื่ยากับเถ้าแก่หู
แต่แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุด นับแต่นางคืนชีพย้อนเวลากลับมา ย่อมเป็การแอบสืบหาตัวเ้าของรอยแผลรูปดารา ซึ่งอาจจะเกี่ยวข้องกับสวีเพ่ยหราน แต่น่าเสียดายที่ผ่านมาหลายวันแล้วก็ยังไม่พบเงื่อนงำ
เวลาผันผ่านวันแล้ววันเล่า จนกระทั่งใกล้ถึงวันครบรอบวันเกิดปีที่ห้าสิบของนายท่านหนี เว่ยอี๋เหนียงกับสวีซื่อจึงแข่งกันเตรียมของขวัญวันเกิด เพื่อเอาใจสามีอย่างแข็งขัน
ขณะที่เว่ยอี๋เหนียงลงมือเย็บชุดเป็ของขวัญ หนีเจียเอ๋อร์ก็ยังคิดไม่ออกว่าจะมอบสิ่งใดให้ดี
...
ค่ำคืนนี้ก็เป็อีกคืนที่มีดวงดาวปรากฏขึ้นเพียงเล็กน้อย
โจวชิงหวาลอบเข้ามาทางหน้าต่างห้องของเสี่ยวเสวียนอีกเช่นเคย เสื้อคลุมสีม่วงกลายเป็แสงเรื่อเรืองอันงดงามเพียงหนึ่งเดียว ในค่ำคืนอันมืดมิดเช่นนี้
ชายหนุ่มก้าวย่างอย่างแ่เบาไปที่เตียงนอน เมื่อเห็นว่าชุดนอนสีขาวยังคงวางเอาไว้อย่างเรียบร้อย เขาก็มุ่นคิ้วเล็กน้อย จนแทบสังเกตไม่เห็น จากนั้นจึงปล่อยม่านลูกปัด แล้วเดินออกไปข้างนอก
ที่ด้านนอกมีแสงเทียนสลัวราง เผยให้เห็นเงาหลังของหญิงสาว ผู้ซึ่งกำลังคร่ำเคร่งกับการพลิกตำราแพทย์อย่างระมัดระวัง บนโต๊ะมีพู่กันกับกระดาษเตรียมไว้ตลอดเวลา
ด้านหนีเจียเอ๋อร์ เมื่อได้กลิ่นอำพันทะเลอันคุ้นเคย จึงพูดขึ้นทั้งๆ ที่ยังคงก้มหน้า “เมื่อใดเ้าจะเลิกนิสัยแอบย่องเข้ามาทางหน้าต่างเสียที?”
โจวชิงหวาเดินเข้ามาหา และใช้มือข้างหนึ่งประคองแขนเสื้อเอาไว้ ก่อนยกมืออีกข้างขึ้นมาฝนหมึก พลางชำเลืองมองหน้าอีกฝ่าย ด้วยสายตาล้ำลึก “ข้าไม่เคยเห็นเ้าทุ่มเทมากมายขนาดนี้มาก่อน นายท่านหนีกดดันให้เ้าร่ำเรียน หรือว่ามีสิ่งใดเป็ตัวกระตุ้น เ้าถึงได้เปลี่ยนเป็คนละคนไปเช่นนี้?”
หนีเจียเอ๋อร์ชะงัก วางตำราแพทย์ลง ก่อนเงยหน้าขึ้นแย้มยิ้มอย่างงดงาม “ข้าก็แค่ขยันขึ้นเท่านั้น เ้าคิดมากไปแล้ว!”
โจวชิงหวารู้ดี ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็คงไม่ยอมบอก สุดท้ายจึงได้แต่หยุดใช้คำถามเช่นนี้มากดดันนาง
พอฝนหมึกได้เท่าที่้าแล้ว เขาก็หมุนตัวมานั่งข้างกายหนีเจียเอ๋อร์ ก่อนพลิกดูบันทึกอย่างถือวิสาสะ แล้วก็ต้องประหลาดใจกับเนื้อหาเ่าั้
“ไม่คิดเลย ว่าเ้าจะแตกฉานวิชาแพทย์ถึงเพียงนี้”
หนีเจียเอ๋อร์ส่ายหน้า แล้วพูดว่า “เมื่อเทียบกับเ้าแล้ว ความรู้ของข้าก็แค่ผิวเผิน น้อยนิดยิ่งนัก”
โจวชิงหวาคลี่ยิ้ม พร้อมอ่านบันทึกต่อไป
เขารู้ดีว่านางแอบไปเรียนวิชาแพทย์ และได้เถ้าแก่หูเป็ผู้แนะนำสั่งสอน ซึ่งคนผู้นี้เคยเป็หมอที่ร่ำเรียนวิชาแพทย์จนช่ำชอง การสอนของเขาจึงเคร่งครัดและมีระเบียบแบบแผน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การออกเทียบยาให้กับผู้ป่วย ครั้งสุดท้ายที่เขาไปหาหนีเจียเอ๋อร์ ยังเคยเห็นนางถูกเถ้าแก่หูตำหนิอยู่นาน ในเื่จดเทียบยาให้ผู้ป่วยผิดพลาด
หนีเจียเอ๋อร์มองไปที่อีกฝ่าย ย่นคิ้วเล็กน้อย และพูดอย่างทุกข์ใจ “วันเกิดปีที่ห้าสิบของท่านพ่อกำลังจะมาถึง แต่ข้ายังคิดไม่ออกเลย ว่าจะหาของขวัญจากไหนมามอบให้”
“เื่เล็กน้อยเช่นนี้ ยังสร้างความลำบากใจให้เ้าด้วยหรือ?” โจวชิงหวายื่นนิ้วชี้ไปแตะหว่างคิ้วของหญิงสาว และใช้ปลายนิ้วขยี้อย่างแ่เบา จนหัวคิ้วที่ขมวดมุ่นคลายลง
อุณหภูมิที่ปลายนิ้วอบอุ่นซาบซ่านไปถึงหัวใจ กลายเป็ระลอกคลื่นเล็กๆ ที่สั่นะเืความรู้สึกของหนีเจียเอ๋อร์ ซึ่งนางก็พยายามอย่างยิ่งที่จะข่มกลั้นมันเอาไว้
ทว่าสีชมพูระเรื่อบนปรางแก้มนวลนั้น ไม่อาจหลอกตาผู้คนได้ แต่ยังนับว่าโชคดี ที่เงาสลัวยามค่ำคืนได้เข้ามาบดบัง จนไม่อาจมองเห็นได้เด่นชัด
หนีเจียเอ๋อร์ยืดตัวขึ้น แล้วกล่าวว่า “เมื่อครั้งวันเกิดของเว่ยอี๋เหนียง ข้ามอบเห็ดหลินจือพันปีให้นาง แต่ของขวัญสำหรับท่านพ่อในปีนี้ย่อมต้องต่างออกไป หากน้อยหน้าก็จะถูกพี่หญิงและสวีซื่อนินทาเอาได้”
หนีเจียเอ๋อร์ไม่กลัวการกลั่นแกล้งของสวีซื่อ เพียงแต่ไม่อยากให้เว่ยอี๋เหนียงทุกข์ใจก็เท่านั้น
โจวชิงหวาคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ย “กองคาราวานจากเกาะเป่ยหานกำลังจะมาถึง ข้าจะเก็บบัวหิมะไว้ให้เ้า”
“บัวหิมะจากเกาะเป่ยหานหรือ?” ดวงตาของหนีเจียเอ๋อร์เป็ประกาย แต่ก็ยังสงสัย “แล้วคนของเ้าจะยอมหรือ?”
นางได้ยินมาว่า บัวหิมะนั้น เป็สมุนไพรที่ขึ้นภายใต้สภาพอากาศอันหนาวเหน็บของแดนเหนือ อีกทั้งจะบานเพียงครั้งเดียวในรอบร้อยปี และเติบโตท่ามกลางยอดเขา ซึ่งถูกปกคลุมไปด้วยหิมะตลอดทั้งปี บนเกาะทางตอนเหนือ
โจวชิงหวาเลิกคิ้ว “มีเื่ใดที่ข้ารับปากแล้ว ทำไม่ได้ด้วยหรือ?”
หนีเจียเอ๋อร์ครุ่นคิดอย่างจริงจัง ดูเหมือนว่าจะไม่มีจริงๆ ั้แ่ครั้งยังเด็ก ไม่ว่าจะเป็สิ่งใด หากสัญญาแล้วว่าจะมอบให้ เขาก็จะพยายามเสาะหามาให้นางจนได้
“แล้วเ้าจะได้มันมาเมื่อใด? แต่ตอนนี้ ข้ามีแค่เงินรางวัลที่ฮ่องเต้ประทานให้เท่านั้น อืม... เ้าเป็พ่อค้าผู้ร่ำรวย เช่นนั้น ก็ช่วยสงเคราะห์ข้าหน่อยเถิด”
โจวชิงหวาหัวเราะเบาๆ “นี่เ้ากำลังขูดรีดให้ข้าช่วยจ่ายหรือ?”
หนีเจียเอ๋อร์คลี่ยิ้ม เผยให้เห็นฟันสีขาวเกลี้ยงเกลาราวกับเปลือกหอย “ตอนเด็กเ้าเคยติดหนี้ข้า ตอนนี้ในเมื่อมีกำลังมากพอแล้ว ก็ต้องใช้คืนพร้อมดอกเบี้ยสิ”
โจวชิงหวาจึงกล่าว “แต่ตอนเด็กๆ เ้าก็เคยรังแกข้าตั้งหลายครั้ง ยามนี้ ก็ถึงเวลาที่ข้าต้องเอาคืนพร้อมดอกเบี้ยแล้วเช่นกัน”
อ้อมแขนอุ่นพลันโผเข้ากอดจากด้านหลัง ลมหายใจอันผ่าวร้อนรินรด ย้อมผิวกายบอบบางให้แดงก่ำ ชวนลุ่มหลง อีกทั้งน้ำเสียงทุ้มไพเราะก็เป็ดั่งแม่เหล็กชั้นดี ซึ่งดึงดูดนางให้ใจสั่นหวั่นไหว
แก้มของหนีเจียเอ๋อร์ร้อนผ่าว ตัวสั่นระริกคล้ายััไฟฟ้าสถิต รู้สึกอึดอัด จนอดมิได้ที่จะดิ้นรนให้หลุดพ้นจากพันธนาการ “ฮึ่ม! พูดอะไรของเ้า ปล่อย… ข้าง่วงแล้ว กลับไปเถอะ!”
“อย่าขยับ ข้าขอกอดอีกสักพักแล้วจะไป หากเ้าสะบัดออก คืนนี้ข้าคงนอนไม่หลับ” โจวชิงหวากระชับอ้อมกอดแน่น ดุจไม่อาจตัดใจ พลางกดจมูกซุกแก้มอีกฝ่าย ทั้งยังจับมือนางประหนึ่งคู่รัก “เป่ยหานยังมีของดีอีกมาก หากเ้า้า ข้าจะให้คนนำมาส่งให้”
หนีเจียเอ๋อร์กระทุ้งศอกไปข้างหลัง ก่อนฉวยโอกาสผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว... น่ารำคาญนัก! หาใช่เด็กๆ แล้ว ยังมาหยอกล้อกันเช่นนี้อีก นางจึงแสร้งประชดประชันว่า “ข้า้าทั้งหมดนั่นละ ของดีๆ ทั้งนั้น ยังต้องลังเลอันใด!”
โจวชิงหวาพยักหน้าเห็นด้วย พลางบีบเอวหญิงสาว ก่อนทะยานจากไป
...
่นี้ มู่หรงจิ่งหลีมักเทียวไปเทียวมายังจวนสกุลหนี จึงไม่แปลก ที่จะรู้ข่าวเื่งานครบรอบวันเกิดของนายท่านสกุลหนี
ชายหนุ่มคิดไม่ตกว่าจะมอบของขวัญชนิดใดแก่อีกฝ่ายดี หลังขบคิดอยู่นาน เมื่อเงยหน้าขึ้น ก็เห็นกู่อวี่เสวียนกำลังเดินมาพอดี
เขาจึงไม่รอช้า รีบเข้าไปทักทายทันที “องค์หญิงใหญ่ จะเสด็จไปที่ใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้