“แล้วเ้าล่ะเป็ใคร?”
ข้าถามก่อนจะลุกขึ้นพูดต่อ “จ้าวห้าวก็แพ้แล้วเ้ายัง้าอะไรอีก?”
“้าอะไรอีกอย่างนั้นเหรอ?”
เขามองชื่อสำนักตรงหน้าอกของข้าก่อนจะหัวเราะเบาๆ อย่างอดไม่ได้“เ้ามันก็แค่ศิษย์ของสำนักจวี๋ฉี ไม่มีสิทธิ์มาก้าวก่ายเื่ของสามสำนักใหญ่รีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้! ข้าจะตบหน้าจ้าวห้าวสักสองสามที!”
ข้าพูดขึ้นเสียงเข้ม “ข้าจะบอกให้ฟังอีกรอบว่าจ้าวห้าวได้รับาเ็แล้วและถ้าเ้ายังพูดมากข้าก็จะลงมือเดี๋ยวนี้แหละ!”
“อย่างนั้นเหรอ?”
เขายกยิ้มซึ่งแฝงไปด้วยความดูถูกก่อนจะพูดขึ้น“เ้ารู้หรือเปล่าว่าข้าเป็ใคร? ถึงได้พูดแบบนี้ออกมาได้ ฮึๆ...ขนาดเชวียนหยวนจิ้นแห่งสำนักจวี๋ฉียังรับมือข้าได้ไม่เกินสามกระบวนท่าแล้วเ้าป็นใคร? ข้าจะบอกให้ก็ได้ว่าข้าคือศิษย์อันดับที่สิบสามแห่งสำนักสีเลี้ยนโอวเย่หยิงถ้ารักตัวกลัวตายก็รีบไสหัวไป ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าข้าใจร้ายก็แล้วกัน!”
“โอวเย่หยิง? ไม่เห็นเคยได้ยิน”
“รนหาที่ตาย!”
เขาตวาดขึ้นเสียงดังก่อนจะแผ่พลังของวิชาาขั้นที่แปดออกมามิน่าล่ะจ้าวห้าวถึงได้แพ้ เพราะถึงแม้จ้าวห้าวจะมีพละกำลังที่แข็งแกร่งแต่ถ้าเกิดเจอเข้ากับคู่ต่อสู้ที่มีวรยุทธ์สูงกว่าก็จะแพ้อย่างราบคาบดังนั้นต้นไม้ใหญ่ที่เพิ่งจะล้มไปเมื่อกี้ก็น่าจะเกิดจากการต่อสู้ของเขาทั้งสองคนแต่นึกไม่ถึงว่าต้นไม้ล้มไปแล้วแต่โอวเย่หยิงคนนี้กลับไม่เป็ไร
ไม่สิ!
เมื่อมองไปยังป้ายชื่อคำว่าสีเลี้ยนที่ยุบลงไปบ่งบอกได้ว่าเขาก็ถูกจ้าวห้าวซัดเข้าไปแล้วหนึ่งหมัดแต่นึกไม่ถึงว่านอกจากจะไม่เป็ไรแล้วยังทำตัวเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเสียอย่างนั้นดูเหมือนว่าร่างกายและพลังของคนที่ได้ชื่อว่าเป็ศิษย์ของสามสำนักใหญ่อย่างสำนักสีเลี้ยนคนนี้จะไม่ธรรมดาเลยทีเดียว!
ข้าหยุดความคิดไว้แค่นี้ก่อนจะวาดขาออกแล้วส่งพลังของวิชาลมหายใจัขั้นที่แปดจนกลายเป็เหมือนกระแสน้ำเย็นที่มีัสีทองพุ่งทะยานออกมาซึ่งพลังของข้ามีมากกว่าเขาอย่างเห็นได้ชัด เพราะพลังของเขาเป็เพียงพลังระดับต้นแต่ข้าอยู่ในระดับเซียนแล้วข้าตวัดกระบี่คมจันทราในมือเบาๆจากนั้นพลังของเคล็ดวิชาาขั้นที่ห้าจึงแผ่ออกมาเช่นกัน!
“ไม่เลว...น่าสนุกดีเหมือนกัน...”
โอวเย่หยิงอดไม่ได้ที่จะกระตุกยิ้มก่อนจะถามขึ้น“นึกไม่ถึงว่าสำนักจวี๋ฉีจะมียอดฝีมือซ่อนอยู่ ว่าแต่เ้าชื่ออะไรล่ะ? ข้าจะต้องเคยได้ยินชื่อของคนที่มีพลังอันแข็งแกร่งขนาดนี้อยู่บ้างเป็แน่”
“ปู้อี้เชวียน”
“อ้อ เ้านี่เองสินะที่เป็น้องชายของท่านรองเ้าสำนัก...”เขาว่าแล้วแสยะยิ้มก่อนจะพูดต่อ “แต่เ้าเหมาะกับการเป็น้องชายของนางจริงๆ เหรอ? มีเพียงคนหนุนหลังแต่ไม่ได้มีพลังที่แท้จริงอย่างเ้ามันก็เป็ได้แค่พวกดีแต่เปลือกนอกเท่านั้นแหละ!”
เขาพูดยังไม่ทันจบก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับกระบี่สีน้ำเงินเข้มในมือด้วยความเร็วที่น่าใ
ข้าทิ้งร่างให้หนักแน่นด้วยพลังของัพันศิลา ก่อนจะรวบรวมพลังของวาตะเมฆินทร์พุ่งเข้าหาเขาเหมือนกัน!
ตูม!
ขณะที่กระบี่ทั้งสองเล่มกระทบกันช่างให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าข้ากำลังฟาดฟันลงบนกำแพงก่อนที่พลังทั้งหมดจะซึมหายเข้าไปในดินฟ้าอากาศโดยไร้ซึ่งผลใดๆแต่กลับเป็เขาที่ฟาดฟันเข้ามาจนร่างของข้าต้องถอยรุดไปกว่าสามเมตรเพียงแค่การโจมตีครั้งเดียวข้าก็ปลิวไปชนกับกำแพงจนฝุ่นฟุ้งไปหมด
จ้าวห้าวใช้มือกุมหน้าอกตัวเองแล้วพูดขึ้น “ระวังนะปู้อี้เชวียนพลังพร์ของเขาคือความเร็วดั่งลมกรดแถมยังมีการฝึกฝนวิชาน้ำที่ค่อนข้างยากในการรับมืออีกต่างหากเจอกับคนเ้าเล่ห์ขนาดนั้นเ้าจะต้องระวังตัวให้มาก!”
ข้าขมวดคิ้วเข้มก่อนจะยกเท้าขึ้นแล้วพุ่งเข้าหาเขาด้วยพลังของเอกากัลป์เบิกขุนเขา!
“หืม?”
โอวเย่หยิงแสยะยิ้มก่อนจะยกเท้าขึ้นมาเหมือนกันถึงแม้เขาจะสกัดพลังขาของข้าได้แต่ร่างกายส่วนบนก็รีบพลิกแพลงโดยใช้พลังที่แข็งแกร่งอย่างสลาตันพิโรธซัดเข้าไปทันที
ครั้งนี้รอยยิ้มของโอวเย่หยิงหายไปไม่น้อย ก่อนจะใช้กระบี่ของเขาฟันลงมาที่กระบี่ของข้าอย่างหนักหน่วง
“ตั้ง!”
ขณะที่กระบี่ของเราเข้ากระทบกันนั้นอาวุธิญญาของเขาก็เป็เหมือนเส้นเหนียวๆ ที่พันติดกับกระบี่ของข้าแล้วก็ดึงกลับเข้าหาตัวเองคิดจะแย่งอาวุธของข้าอย่างนั้นเหรอ?
ข้าจะทิ้งกระบี่ไม่ได้ไม่อย่างนั้นการโจมตีของเขาครั้งต่อไปจะต้องยากต่อการสกัดกั้นแน่นอน!
ทว่าอาวุธิญญาของโอวเย่หยิงนั้นช่างแข็งแกร่งซึ่งสูงกว่าข้าอย่างน้อยสามส่วนให้ข้าที่อยู่ระดับต้นของขั้นเทวิญญามาสู้กับคนที่อยู่ระดับสมบูรณ์ในขั้นบำเพ็ญเดียวกันแบบนี้ช่างเป็การต่อสู้ที่ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย!
เขาจะต้องแข็งแกร่งมากแน่ๆ ไม่อย่างนั้นจ้าวห้าวคงไม่ต้องแพ้ราบคาบขนาดนี้หรอก
คิ้วหนาขมวดเป็ปมพลางใช้มือขวาจับกระบี่คมจันทราเอาไว้แน่นก่อนข้าจะยกเท้าทั้งสองข้างขึ้นฟาดลงบนหัวของโอวเย่หยิงจนอากาศ้าหายไปและกลายเป็พลังจากฝ่าเท้าพุ่งลงมาจาก้าราวกับว่าเมฆหมอกพุ่งลงมาอย่างหนักหน่วงซึ่งนั่นก็คือพลังของเพลงขาเมฆาหมอกอย่างพลังลำแสงหมื่นลี้นั่นเอง!
เขายกมือขึ้นด้วยพลังของกระบี่น้ำ!
“อะไรกัน!?”
โอวเย่หยิงถึงกับตกตะลึงก่อนจะแสดงพลังของเทพัยอดสิงขรถึงแม้เขาจะใช้พลังนี้มาต่อต้านแต่กระบี่น้ำก็ถูกกระทบจนสั่นคลอนและร่างของเขาก็ต้องถอยรุดไปหลายก้าวตามความแรงของพลังเขาแสดงสีหน้าตกตะลึงแล้วกระอักเืออกมาพร้อมกับกุมหน้าอกส่วนที่ถูกจ้าวห้าวซัดเข้าไป“ถ้าไม่ใช่เพราะโดนหมัดของเ้าทึ่มจ้าวห้าวนั่นเ้าไม่มีทางทำร้ายข้าได้แบบนี้หรอก”
ข้าขมวดคิ้วเข้มก่อนจะถามขึ้น “ทำไมเ้าจะต้องมาหาเื่พวกข้าด้วย?”
“ทำไมน่ะเหรอ?...”
เขาสลายกระบี่ธารามรกตของตัวเองไปก่อนจะพูดต่อด้วยสีหน้าที่ยังคงเหยียดหยามพวกข้าเหมือนเดิม“ก็เพราะกลุ่มชนโอวเย่ของพวกเรามีตระกูลจวงคอยช่วยเหลือค้ำจุนอยู่จวงเหิงซิ่งเองก็เป็เพื่อนของข้าดังนั้นเมื่อเพื่อนของตัวเองถูกรังแกแล้วข้าจะยืนดูเฉยๆ ได้อย่างไร? ปู้อี้เชวียนถ้าเ้าแน่จริงก็รับคำท้าของข้า และหลังจากนี้สามวัน เราจะมาประลองกันใหม่ที่นี่เ้ากล้ารับคำท้าหรือเปล่า?”
“สามวันอย่างนั้นเหรอ? ได้ ข้าจะรอเ้าอยู่ที่นี่!”
“ได้ แล้วเ้าจะต้องเสียใจ ฮ่าๆๆ...”
โอวเย่หยิงหัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะหายไปในเงามืด...
...
“จ้าวห้าว เ้าเป็อะไรหรือเปล่า?”
“ไม่เป็ไร...”
จ้าวห้าวส่ายหน้าปฏิเสธก่อนจะแสดงสีหน้าที่รู้สึกละอายใจออกมาก่อนจะพูดขึ้น“ปู้อี้เชวียน ข้าต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่หาเื่ให้เ้า จริงๆแล้วโอวเย่หยิงมาเพื่อจัดการข้าโดยเฉพาะ แต่สุดท้าย...”
ข้ายิ้มก่อนจะบอกไป “พวกเราสามพี่น้องกลัวเื่แบบนี้ั้แ่เมื่อไรกัน? ั้แ่ข้าเข้ามาในสำนักหมื่นิญญาก็มีเื่ให้ปวดหัวไม่เว้นแต่ละวันและถ้าเื่ปวดหัวหมดไป ข้าคงจะรู้สึกไม่ชินเสียมากกว่าแล้วเ้า...เจ็บตรงไหนหรือเปล่า?”
จ้าวห้าวพูดขึ้นเสียงเข้ม “ข้านึกไม่ถึงเลยจริงๆว่ากระบี่ธารามรกตของเ้านั่นมันจะโค้งงอได้เดิมทีคิดว่ามันจะจู่โจมที่หน้าท้องแต่นึกไม่ถึงว่ามันจะโค้งงอแล้วฟาดก้นข้าแทนเจ็บชะมัดเลย! ข้าต้องกินปลาหลีฮื้อหลงหลิงเพื่อรักษาแผล...”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นเ้าก็พักสักหน่อย เดี๋ยวข้าจะไปต้มเนื้อปลาให้”
“ได้ ใส่พริกเยอะๆ นะ!”
“เงียบไปเลย! เจ็บก้นแล้วยังจะเลือกนั่นเลือกนี่อีกข้าจะไปหาพริกที่ไหนมาให้เ้า! ”
“...”
...
หลังจากที่ส่งจ้าวห้าวกลับไปรักษาอาการาเ็ข้าก็เข้าฌานเพื่อฝึกฝนเคล็ดวิชาาอีกครั้งส่วนเื่ที่ข้ารับคำท้าของโอวเย่หยิงไม่ใช่เพราะอารมณ์ชั่ววูบแต่เพราะข้าคิดวิธีที่จะเอาชนะเขาได้แล้ว!
พลังการป้องกันของโอวเย่หยิงแข็งแกร่งก็จริงแต่ถ้าข้าฝึกขั้นสายฟ้าอรหันต์ได้ข้าก็จะสามารถใช้พลังของสายฟ้าที่มีน้ำเป็ตัวนำเพื่อทำร้ายเขาได้ถึงเวลานั้นหากเขายังยืนหยัดอยู่ได้ก็ให้มันรู้ไปสิ!
เวลาล่วงเลยจนถึงกลางดึก ถึงแม้พลังของข้าจะเพิ่มและแข็งแกร่งขึ้นแต่พลังของสายฟ้าอรหันต์ที่ว่าก็ยังคงหลบอยู่ที่ปลายขอบฟ้าและยากที่จะแสดงพลังออกมาได้
ข้ายังคงมุ่งมั่นฝึกฝนไปเรื่อยๆก่อนจะเข้าสู่มิติแห่งความฝันโดยไม่รู้ตัว
เมื่อลืมตาขึ้นมา ตัวข้าก็กำลังยืนอยู่บนแผ่นดินที่ว่างเปล่า มองไปบนฟ้าก็ไร้ซึ่งเมฆหมอกใดๆแต่พื้นดินที่เหยียบย่ำกลับมีความชุ่มชื่นอย่างน่าประหลาดมองไปรอบตัวก็ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งอื่นใดแต่กลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด ที่แห่งนี้คือจุดประภพิญญาของข้าสินะ!
ข้าขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะมองขึ้นไปบนท้องฟ้าที่เริ่มมีสายลมพัดผ่านและเริ่มรุนแรงขึ้นจนกลายเป็พายุขนาดใหญ่ นั่นก็คือพลังสลาตันพิโรธซึ่งเป็พลังขั้นที่ห้าของเคล็ดวิชาานั่นเอง!
ข้าเห็นแบบนั้นแล้วก็ะโขึ้นไปบนฟ้าเสียงดังด้วยความโกรธ “เ้าจะหลบซ่อนไปถึงเมื่อไรกันหรือข้าไม่เหมาะที่จะมีเ้าไว้อย่างนั้นหรือ!”
พักเดียวก็มีพลังลึกลับบางอย่างเกาะกลุ่มกันอยู่บนฟ้า
เปรี้ยง!
สายฟ้าที่มีพลังมหาศาลเผยออกมาให้เห็นบนท้องฟ้าที่มืดดำซึ่งภาพตรงหน้าเหมือนเป็การเปิดประตูต้อนรับข้าที่กำลัง้าพลังของมัน“เ้าจะได้รับสิทธิ์นั้น!”
สำเร็จแล้ว!
‘อสนีบาตนภา’ พลังขั้นต้นของพลังสายฟ้าอรหันต์!
พลังที่มหาศาลไหลเวียนเข้าสู่หลอดเืทั่วร่างกายโดยพลังของสายฟ้าอรหันต์นั้นแข็งแกร่งเกินกว่าพลังวาตะพิฆาตจะสามารถเทียบขั้นได้เพราะเพียงแค่ขั้นต้นของมันก็เทียบเท่ากับพลังวาตะพิฆาตอย่างสลาตันพิโรธแล้ว!
พอหลุดจากห้วงภวังค์ข้าก็กลับมาสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้ง
ข้าให้แขนทั้งสองข้างค่อยๆ ปลดปล่อยพลังสายฟ้าอรหันต์ออกมาจึงทำให้เห็นถึงพลังที่ไหลผ่านไปยังนิ้วทั้งสิบจนเกิดเสียงเปรี๊ยะๆแสดงให้เห็นถึงพลังแห่งการทำลายล้างที่รอให้ข้าเรียกใช้!
ข้าดีใจเป็อย่างยิ่ง เพราะมันมาได้ทันเวลามากทีเดียวและถ้านับตามการพัฒนาไปเรื่อยๆภายในระยะเวลาสามวันข้าก็จะสามารถฝึกฝนไปจนถึงขั้นกลางของพลังและเมื่อถึงตอนนั้นต่อให้โอวเย่หยิงจะมีพลังแข็งแกร่งกว่าข้าหลายเท่าคงต้องถูกพลังน้ำของตัวเขาเองทำร้ายจนาเ็สาหัสแน่ๆ!
เมื่อรู้สึกว่าร่างกายเหนื่อยล้าเต็มที ข้าก็เลยรีบอาบน้ำแล้วเข้านอน…
...
เช้าวันต่อมาในตอนบ่ายของชั่วโมงเรียนแบบทฤษฎี
ใน่พักระหว่างคาบเรียนศิษย์กลุ่มใหญ่ก็มองมาที่ข้าแบบแปลกๆและขณะที่ข้ากำลังมึนงงอยู่นั้นถังเชวียหรานก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้วยื่นหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งมาให้ก่อนจะพูดขึ้น“ได้ยินว่าเ้ารับคำท้าจากโอวเย่หยิงแห่งสำนักสีเลี้ยนอย่างนั้นเหรอ?”
“อืม...”
นางมองมาด้วยสายตาที่บอกว่าข้าแน่มากก่อนจะพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นก็ต้องสู้ๆแล้วล่ะ เพราะไม่นานมานี้ร้านพนันตรงประตูฝั่งเหนือลงพนันแบบพนันแค่หนึ่งเท่าจ่ายกลับไปห้าเท่า”
“หนึ่งต่อห้า? ฮ่าๆๆ ดูเหมือนว่าผู้คนต่างก็ให้เกียรติข้าไม่เบาเหมือนกันนะ”
“เ้าคือหนึ่ง โอวเย่หยิงคือห้า” นางมองมาแบบเอือมระอา
“ให้ตายเถอะ ดูถูกข้าเกินไปแล้ว!”
ถังเชวียหรานเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น “ก็เพราะคนอื่นๆคิดว่าเ้ายังอยู่ในระดับกลางของขั้น์อย่างไรล่ะคนที่อยู่ในระดับกลางของขั้น์ประลองกับคนที่อยู่ในระดับสมบูรณ์ของขั้นเทวิญญาที่กำลังจะเป็จอมยุทธ์ในขั้นผู้พิทักษ์แบบนั้นเป็ใครก็ต้องคิดแบบนี้ ส่วนพวกที่พนันว่าเ้าจะชนะทั้ง 20%พวกนั้นต่างก็เห็นแก่หน้าของท่านรองเ้าสำนักทั้งนั้นแหละ”
และในตอนนี้เองซูเหยียนก็เดินเข้ามา ข้าจึงรีบถามขึ้น
“เสี่ยวเหยียน เ้าได้ยินเื่การประลองของข้าหรือยัง?”
ซูเหยียนได้ยินแล้วก็พูดขึ้น “แน่นอนสิข้าพนันว่าเ้าจะชนะไปตั้งร้อยเหรียญเชียวนะ!”
ข้าไม่ได้พูดอะไรออกไปแต่เลือกที่จะเดินหนีแทน
“เ้าจะไปไหนน่ะ เ้าคนกินจุ?” ซูเหยียนเดินตามมา
ข้าได้ยินแล้วจึงพูดด้วยความโมโห“ข้าจะไปพนันให้ตัวเองชนะหนึ่งแสนเหรียญ!”
“เ้าอย่าเพิ่งรีบร้อนจนเสียเงินไปง่ายๆ แบบนั้นสิเ้าคนกินจุ...”
“...”
ไม่รู้ล่ะ!
ข้าออกไปถอนเงินที่เหลืออยู่สิบล้านเหรียญออกมาลงพนันให้ตัวเองจนเถ้าแก่ที่ร้านคนนั้นถึงกับต้องตกตะลึง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้