“กลัวอย่างนั้นหรือ? ข้าไม่รู้ว่าคำว่ากลัว มันเขียนอย่างไรน่ะสิ!” มู่อวิ๋นจิ่นทำหน้ายียวน
ท่านเ้าเมืองได้ฟังยิ่งทวีความขัดเคืองเพิ่มขึ้นไปอีก ก่อนสะบัดชายเสื้อดังสนั่น “ไม่เจียมกะลาหัวจริง ๆ”
สิ้นเสียงองครักษ์กองหนึ่งรีบวิ่งเข้ามาป้องกันเบื้องหน้าท่านเ้าเมืองหลิง หัวหน้าทหารรีบโค้งตัวลง ก่อนสอบถาม “ท่านเ้าเมืองมีเหตุการณ์ฆาตกรรมเกิดขึ้นที่นี่หรือขอรับ?”
“ใช่แล้ว สตรีผู้นั้นเป็คนทำ” ท่านเ้าเมืองหลิงส่งสายตามาทางมู่อวิ๋นจิ่น
หัวหน้าทหารที่เห็นศพขององครักษ์พวกนั้นกับชายฉกรรจ์เหอที่าเ็ รีบยกมือขึ้นส่งสัญญาณ “ทหารจับนางไว้!”
“พานางไปที่หยาเหมิน และเชิญท่านเ้าเมืองไปให้ปากคำกับหัวหน้าศาลด้วยขอรับ” มู่อวิ๋นจิ่นกอดอกฉีกยิ้มน้อย ๆ ให้กับท่านเ้าเมือง
หลังจากท่านเ้าเมืองหลิงสบตากับมู่อวิ๋นจิ่นแล้ว ภายในใจของเขาก็รู้สึกเย็นวาบอย่างบอกไม่ถูก
…
เมื่อทุกคนเดินทางมาถึงหยาเหมิน
มู่อวิ๋นจิ่นก้าวเท้าข้ามธรณีประตูพร้อมกับถอนหายใจให้กับชีวิต ออกมาเดินตลาดอยู่ดี ๆ ยังต้องพาตัวเองเข้ามาทรมานที่นี่อีก
ไม่ว่านางไปอยู่ที่ไหน ก็ไม่มีวันไหนเลยที่นางจะอยู่อย่างเงียบสงบ
รู้สึกยอมใจในชะตาชีวิตตัวเองยิ่งนัก
แต่ว่าวันนี้ดูเหมือนจะโทษนางฝ่ายเดียวไม่ได้ เพราะว่าไอ้ชายฉกรรจ์เหอคนนั้นดันมาหาเื่นางก่อน นางแค่ป้องกันตัวเพียงเท่านั้น มิได้มีเจตนาสร้างเื่สร้างราวเสียหน่อย
ในห้องโถงหยาเหมิน ผู้ตัดสินหลี่ทราบเื่ที่เกิดขึ้นแล้ว จึงเดินออกมานั่งตรงที่พิจารณาคดี พอเห็นท่านเ้าเมืองหลิงเดินเข้ามา ผู้ตัดสินหลี่พูดอย่างพินอบพิเทาว่า “ได้ยินทหารรายงานว่า ท่านเ้าเมืองถูกลอบสังหารที่ตลาดใช่หรือไม่?”
“อืม ถูกต้องแล้ว แต่โชคยังดีที่องครักษ์เข้าช่วยเหลือทันท่วงที ถึงมีชีวิตรอดมานั่งอยู่ตรงนี้ มิฉะนั้นตอนนี้คงไร้ลมหายใจไปแล้ว” ท่านเ้าเมืองหลิงสาธยาย
“เช่นนั้นเื่นี้นับว่าเป็เื่ใหญ่หลวง ใครหน้าไหนช่างบังอาจมาลอบทำร้ายท่านเ้าเมือง” ผู้ตัดสินหลี่เอ่ยอย่างขึงขัง
“แม่นางคนนั้นยังไงเล่า” ท่านเ้าเมืองชี้ไปทางมู่อวิ๋นจิ่น
ผู้ตัดสินหลี่มองตามมือไป รู้สึกแปลกใจยิ่งนัก พร้อมกับยกมือขยี้ตาเพื่อให้มั่นใจว่ามองไม่ผิด
หลังจากนั้นผู้ตัดสินหลี่ตบเข่าฉาดก่อนเดินไปเบื้องหน้ามู่อวิ๋นจิ่น จากนั้นทำความเคารพอย่างนอบน้อม “ด้วยมิทราบว่าพระชายาเสด็จมาที่นี่ กระหม่อมเสียมารยาท มิได้ไปต้อนรับด้วยตัวเองพ่ะย่ะค่ะ”
“นี่เ้ารู้จักข้าด้วยหรือ?” มู่อวิ๋นจิ่นมองไปทางผู้ตัดสินหลี่ด้วยแววตาที่เคลือบแคลงสงสัย
“รู้จักพ่ะย่ะค่ะ ท่านพ่อของพระชายากับกระหม่อมเคยมีสัมพันธ์ที่ดีต่อกันพ่ะย่ะค่ะ” ผู้ตัดสินหลี่ยกมือขึ้นประสานด้านหน้า
มู่อวิ๋นจิ่นที่เห็นว่าตัวนางได้เปรียบจึงเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ แล้วชี้ไปทางชายฉกรรจ์เหอที่ถูกหามเข้ามา “คนผู้นี้หมายหยามเกียรติข้าต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก โดยจะเอาข้าไปเป็ภรรยาคนที่แปด อีกทั้งยังทำลายร้านค้าของชาวบ้าน มิทราบว่าผู้ตัดสินหลี่จะพิจารณาอย่างไร?”
“ยังไม่พอ เ้าเมืองหลิง ไม่เพียงปกป้องสุนัขรับใช้คนนี้ แต่ยังเอ่ยปากให้คนมาโยนข้าออกไปนอกเมือง มิทราบว่าคดีนี้จะตัดสินอย่างไร?”
“เมืองธารรัตติกรเลือกเ้าเมืองได้ไร้คุณภาพที่สุด เอาแมวเอาหมาตัวไหนมาเป็ก็ได้อย่างนั้นหรือ?”
มู่อวิ๋นจิ่นพูดฉอด ๆ จนท่านเ้าเมืองหลิงเดือดดาลหมายสวนกลับให้สาแก่ใจ ทว่ากลับถูกผู้ตัดสินหลี่ปรายตามองยับยั้งไว้ ก่อนจะเอ็ดยกใหญ่ใส่เ้าเมือง
ท่านเ้าเมืองที่เดิมทีเดือดดาลเต็มประดา หลังจากที่ฟังผู้ตัดสินหลี่ กลับคุกเข่าลงเบื้องหน้ามู่อวิ๋นจิ่นแทบไม่ทัน
“กระหม่อมมิทราบว่าพระชายาเสด็จมาที่เมืองธารรัตติกร ขอให้พระชายาโปรดอภัยโทษให้ด้วย” ท่านเ้าเมืองหลิงรีบดึงชายเสื้อให้ชายฉกรรจ์เหอคุกเข่าขอร้องด้วยอีกคน
“เื่นี้พระชายาจะตัดสินใจอย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ?” ผู้ตัดสินหลี่เอ่ยถามมู่อวิ๋นจิ่นอย่างระมัดระวังทุกคำพูด
มู่อวิ๋นจิ่นตอบด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง “วันนี้ข้าเดินทางมาเพียงผู้เดียว องค์ชายของข้ายังมิทราบเื่ว่ามีคนหมายเอาข้าไปเป็ภรรยาคนที่แปด เื่นี้เกิดขึ้นที่เมืองธารรัตติกรในความดูแลของผู้ตัดสินหลี่ ข้าให้ท่านตัดสินตามเห็นสมควรได้เลย”
พอได้ยินคำว่าองค์ชายผู้เป็สามีของมู่อวิ๋นจิ่น สีหน้าของผู้ตัดสินหลี่และท่านเ้าเมืองหลิงพลันเปลี่ยนสีในทันที
ยังมิทันที่ผู้ตัดสินหลี่ได้เอ่ยปาก ท่านเ้าเมืองหลิงก็รีบเอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน “ใครก็ได้นำตัวไอ้เหอหูที่กระทำแต่ความชั่วช้า รังแกชาวบ้านออกไปโบยให้ตายเดี๋ยวนี้!”
“อะ… อะไรนะ” ชายฉกรรจ์เหอคิดว่าหูฟาดไป จึงถลึงตาโตจ้องไปทางท่านเ้าเมืองหลิง
หลังจากนั้นทหารจึงได้เข้ามาลากตัวชายฉกรรจ์เหอออกไปด้านนอก
ชายฉกรรจ์เหอได้สติรู้ตัวว่าท่านเ้าเมืองหลิงจะโบยเขาให้ถึงแก่ความตาย จึงชี้หน้าสาดคำสบถใส่ต่าง ๆ นานา “ไอ้หลิงคุน ไอ้ชาติชั่ว! ปกติข้าขูดรีดชาวบ้านมาได้ก็แบ่งให้เ้าเป็คนแรก ตอนนี้กลับมากล่าวหาข้าว่าเป็คนชั่วช้า?”
“ถุย ไอ้ระยำหลิงคุน! ผู้ตัดสินหลี่เป็พยาน หลายปีมานี้เพราะไอ้หลิงคุนอนุญาต กระผมถึงกล้าวางอำนาจบาตรใหญ่ขอรับ” ชายฉกรรจ์เหอสาธยายทั้งหมด
“เ้า… เ้าเพ้อเจ้ออะไรกัน? ข้าเป็ถึงท่านเ้าเมืองเมืองธารรัตติกร มีหรือที่จะหวังเสพสุขกับสิ่งของที่เ้าไปขูดรีดชาวบ้านมา!” สีหน้าท่านเ้าเมืองหลิงคุนไม่สู้ดีนัก
“ลากตัวมันออกไป โบยให้ตาย” ท่านเ้าเมืองหลิงคุนสั่งการ
หลังจากนั้นทหารได้ลากตัวเหอหูออกไปข้างนอก พร้อมกับเสียงไม้โบยระคนเสียงโอดครวญของชายฉกรรจ์เหอที่ดังขึ้นอย่างน่าเวทนา
ไม่นานนักเสียงโอดครวญนั้นก็ได้หยุดลง
ผู้ตัดสินหลี่ยกมือขึ้นประสานเบื้องหน้ามู่อวิ๋นจิ่น เมื่อเห็นนางไม่แสดงออกถึงอารมณ์ผ่านทางสีหน้าใด ๆ ต่อเื่ของเหอหูแม้แต่น้อย
“พระชายาเห็นว่าเื่นี้ยุติลงตรงนี้สมควรหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?” ผู้ตัดสินหลี่เอ่ยอย่างระมัดระวัง
“ยุติลงเพียงเท่านี้? ยังเหลืออีกคนที่ยังไม่ถูกโบยจนตาย เช่นนั้นจะยุติได้เช่นไร?” มู่อวิ๋นจิ่นแสยะยิ้ม
ผู้ตัดสินหลี่และท่านเ้าเมืองหลิงต่างสะดุ้งโหยงอย่างพร้อมเพรียง ด้วยรู้ว่ามู่อวิ๋นจิ่นหมายความว่าอย่างไร ไม่นานนักผู้ตัดสินหลี่ได้เอ่ยอย่างละล่ำละลักว่า “การเป็ท่านเ้าเมืองต้องได้รับการแต่งตั้งจากฝ่าา หากไม่มีราชโองการลงมา…”
ผู้ตัดสินหลี่พูดเพียงครึ่งเดียว โดยปล่อยให้มู่อวิ๋นจิ่นพิจารณาในส่วนที่ตนยังไม่เอ่ยออกมาด้วยตัวนางเอง
“เอาอย่างนี้แล้วกัน” มู่อวิ๋นจิ่นกวาดสายตาไปที่ร่างของท่านเ้าเมืองหลิง
ท่านเ้าเมืองหลิงได้ยินที่ผู้ตัดสินหลี่เอ่ยออกมา พลันทราบได้ทันทีว่ายังมีราชสำนักคอยหนุนหลังอยู่ทำให้ไม่มีใครกล้าทำอะไรกับตน จึงมีความกล้าฉีกยิ้มอย่างได้ใจให้กับมู่อวิ๋นจิ่น
“ในเมื่อเป็อย่างนี้ ข้าคงทำได้เพียงกลับวังหลวงไปทูลรายงานฝ่าาด้วยตนเอง อย่างไรเสียในฐานะสะใภ้ของฝ่าา ข้าจะไปทูลว่าไม่ได้รับความเป็ธรรม ขอให้ฝ่าาช่วยให้ความยุติธรรมกับข้าก็เท่านั้นเอง!”
มู่อวิ๋นจิ่นอ้างชื่อของฝ่าาพลางจ้องไปยังใบหน้าของผู้ตัดสินหลี่และท่านเ้าเมืองหลิง แสดงให้รู้ว่าไม่ว่าอย่างไร นางไม่มีทางเปลี่ยนใจอย่างแน่นอน
ทั้งสองคนที่ได้ยินคำว่า “ฝ่าา” แข้งขากลับอ่อนแรงล้มพับลงฟุบไปกับพื้น ด้วยลืมไปว่ามู่อวิ๋นจิ่นแต่งกับฉู่ลี่และมีฝ่าาเป็พ่อสามี
ผู้ตัดสินหลี่แอบต่อว่าตัวเขาเองที่คิดจะช่วยท่านเ้าเมืองหลิง โดยลืมไปว่ามู่อวิ๋นจิ่นกับฝ่าาเป็คนในครอบครัวเดียวกันย่อมไม่มีทางเข้าข้างคนนอก
เห็นทีวันนี้หลิงคุนต้องซวยอย่างเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว
หลิงคุนนึกว่าการที่ได้แต่งตั้งเป็เ้าเมืองจากฝ่าา เป็หลักประกันที่ไม่มีใครกล้าแตะต้องแล้ว แต่กระนั้นกลับถึงเวลาที่ต้องถูกจัดการบ้าง
“ผู้ตัดสินหลี่ ตอนนี้เ้าเมืองหลิงวางอำนาจบาตรใหญ่ รังแกชาวบ้าน กินสินบาทคาดสินบน ท่านจะไม่ไต่สวนหน่อยหรือ? หากท่านไม่ไต่สวน ประเดี๋ยวข้ากลับไปจะส่งเื่ให้ศาลต้าหลี่ ให้ใต้เท้าเฉินเป็ผู้รับผิดชอบเื่นี้ไป” พอผู้ตัดสินหลี่เห็นมู่อวิ๋นจิ่นเอาจริงเอาจังก็พลอยต้องไหลตามน้ำไป
ผู้ตัดสินหลี่รู้ว่ามู่อวิ๋นจิ่นให้โอกาสเขาในการทำหน้าที่ของตน เขาจึงต้องทำตามมิเช่นนั้นก็ถือว่าโง่เขลาสิ้นดี
“ทหารไปที่จวนของท่านเ้าเมือง นำสมุดบัญชีทุกเล่มมาให้หมด เปิ่นกวาน[1]จะตรวจสอบให้ละเอียดถี่ถ้วน หากสิ่งที่พระชายาหกกล่าวมาเป็ความจริง ก็จะไม่ปล่อยพวกฉ้อฉลเอาไว้”
“พูดอย่างนี้ยังไม่ถูก ข้าเป็เพียงสตรีคนหนึ่งที่ผ่านมาเท่านั้น มิได้มาในฐานะพระชายาหก” มู่อวิ๋นจิ่นเตือนสติผู้ตัดสินหลี่
ผู้ตัดสินหลี่พยักหน้ารับทราบความประสงค์ในทันที
…
เวลาล่วงเลยไปกว่าครึ่งชั่วยาม
“ปึ้ง…”
ผู้ตัดสินหลี่ตรวจสอบสมุดบัญชีที่ทหารนำกลับมาอย่างละเอียดแล้ว โดยลงตรงหน้าเ้าเมืองหลิง “หลิงคุน ไหนลองอธิบายมาสิ เหตุใดเงินซ่อมแซมสะพานครึ่งหนึ่งถึงเข้าไปอยู่ในกระเป๋าของเ้า?”
“สองปีก่อนที่เกิดอุทกภัย ทางการแบ่งเงินช่วยเหลือมาห้าพันตำลึงทอง แต่ทำไมแบ่งช่วยเหลือเพียงสองพันตำลึงทอง?”
“เงินในส่วนที่เหลือหายไปไหนหมด?”
ผู้ตัดสินหลี่ตบโต๊ะดังสนั่น ไม่นึกไม่ฝันว่าเงินที่ราชสำนักส่งมาช่วยเหลือ พอผ่านมือหลิงคุนกลับหายไปไม่น้อย
โชคยังดี หลังจากอุทกภัยในครั้งนั้นผ่านมาสองปี ราชสำนักยังไม่ได้ตรวจสอบลงมา มิฉะนั้นอาจพบว่าชาวบ้านมีจำนวนมากแต่กลับมีเงินช่วยเหลือเพียงสองพันตำลึงทองเท่านั้น
ที่แท้หลิงคุนกอบโกยความร่ำรวยภายใต้ความทุกข์ยากของชาวบ้านไว้นี่เอง!
“ใต้เท้า เื่นี้กระผมไม่รู้เื่แม้แต่น้อย” หลิงคุนยืนกรานปฏิเสธ ยกมือปาดเหงื่อที่แตกพล่านจนดูน่าเวทนา
ไม่นึกไม่ฝันว่าเื่ที่เขาปิดบังมาตลอดหลายปี กลับแดงขึ้นในวันนี้เสียแล้ว
มิหนำซ้ำยังพ่ายต่อคุณหนูที่ร่ำลือกันว่าไร้ความสามารถที่สุดอย่างมู่อวิ๋นจิ่นอีก
พอคิดไปคิดมาหลิงคุนกลับนึกขึ้นมาได้อีกว่า เสียงร่ำลือที่เล่าต่อ ๆ กันมาว่ามู่อวิ๋นจิ่นผู้นี้อ่อนแอ ไม่เป็วิทยายุทธ์ แต่ทำไมที่ตลาดกลับเก่งกล้าสามารถเช่นนั้นได้
นางคนนี้ต้องเป็ตัวปลอมอย่างแน่นอน!
หลิงคุนยกมือชี้หน้ามู่อวิ๋นจิ่น และเอ่ยอย่างอาจหาญ “เ้าเป็ใครกันแน่ ทำไมต้องปลอมตัวเป็พระชายาหกด้วย? พระชายาหกไม่เป็วิทยายุทธ์ แต่เมื่อครู่ เ้ากลับสังหารองครักษ์ได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังเล่นงานเหอหูอีก ใครส่งเ้ามากันแน่?”
ผู้ตัดสินหลี่ได้ฟังที่หลิงคุนพล่ามก็เข้าใจไปว่าเขาพูดเพื่อหวังให้ตนเองรอดจากความตายที่กำลังคืบคลานมาเท่านั้น
สตรีที่อยู่เบื้องหน้านี้ เขาเคยพบหน้ามาก่อน จึงมั่นใจอย่างหนักแน่นว่านางคือคุณหนูสามสกุลมู่ทั้งท่าทาง กิริยาวาจาไม่ผิดเพี้ยนแต่ประการใด
“ไม่ต้องพูดถ่วงเวลาไปมา อย่างไรเสียวันนี้เ้าต้องถึงแก่ความตายอย่างแน่นอน!” มู่อวิ๋นจิ่นนั่งพิงพนักเก้าอี้ เผยยิ้มจาง ๆ ออกมา
ผู้ตัดสินหลี่เหลือบเห็นมู่อวิ๋นจิ่นเริ่มไม่สบอารมณ์ จึงตบโต๊ะเสียงดังสนั่น “ทหาร จับหลิงคุนไปขังในคุก! รอให้เปิ่นกวานส่งเื่ทูลรายงาน ค่อยให้ฝ่าาทรงตัดสินพระทัย”
ภายในหยาเหมินเงียบสงัดลงในทันที ก่อนที่ผู้ตัดสินหลี่จะหันหน้าไปทางมู่อวิ๋นจิ่นและเอ่ยว่า “พระชายา เื่นี้ตัดสินพอพระทัยหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
“อืม เช่นนั้นอย่าหาว่าข้ายุ่มย่ามเลย หลิงคุนกินสินบาทคาดสินบนมากมาย สิ่งที่ทำไปนี้คือการปลอบใจผู้คนในเมืองธารรัตติกรต่างหาก”
[1] เปิ่นกวาน สรรพนามที่ขุนนาง ข้าราชการใช้เรียกแทนตนเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้