เว่ยซูหานนอนอยู่ในรถม้าอย่างเบื่อหน่าย ได้แต่อ่านจดหมายของเหยียนชิงซ้ำแล้วซ้ำเล่า อ่านจดหมายไปทีละฉบับ ก็อดหัวเราะไม่ได้
เหยียนชิงไม่ถนัดในการพูดคำหวานๆ ต่อให้ตนเขียนไปมากเท่าไหร่คนผู้นั้นก็จะตอบกลับแบบห้วนๆ คำพูดหวานๆ ที่หาได้ยากยิ่งต้องตบท้ายด้วยคำชั่วร้ายเพื่อปกปิด ช่างน่ารักอะไรเช่นนี้
ลายมือที่เรียบร้อย แค่มองก็นึกภาพออกว่าคนผู้นั้นกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ตอบจดหมายเขาอย่างจริงจัง ตอนนี้อากาศหนาวแล้ว ไม่รู้ว่าเขาดูแลตัวเองดีหรือไม่ แต่อย่างไรก็ขอให้ไม่ป่วยเลย
คิดไปคิดมา ก็ยิ่งอดใจรอไม่ไหวที่จะรีบกลับ ยกมือขึ้นตบประตูรถด้านหน้า
“หลินชวน พวกเราเร่งฝีเท้าหน่อยเถอะ”
หลินชวนที่อยู่ข้างหน้าตอบอย่างรวดเร็ว
“ฮูหยิน มันไม่ดีต่ออาการาเ็ของท่าน คุณชายกำชับท่านในจดหมายด่วนว่า ท่านต้องดูแลอาการาเ็ของท่านให้ดี หากคุณชายรู้ว่าตลอดเวลาที่อยู่นี่ท่านอยู่ในสนามรบตลอด เขาจะต้องเสียใจมากแน่”
เว่ยซูหานยิ้มอย่างจนปัญญา “ไม่เป็ไร อาการาเ็ของข้าหายดีแล้ว”
แค่ลายมือที่เขาเขียนจดหมายไปก็บอกได้แล้วว่าเขาาเ็ สามีน้อยของเขาช่างมีความสามารถจริงๆ
หลินชวนยิ้มปฏิเสธ
“อีกไม่กี่วันค่อยเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้น อีกสักสองสามวันอาการาเ็ของท่านคงทุเลาลง หากท่านจะขี่ม้าก็ไม่ใช่ปัญหา มิฉะนั้นนายน้อยจะตำหนิพวกเรา อีกไม่ไกลนักก็จะถึงโรงเตี๊ยมแล้ว พวกเราไปค้างคืนที่นั่นเพื่อเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ท่านดีกว่า”
“...ก็ได้ๆ”
เว่ยซูหานหัวเราะคิกคักไม่พูดไม่จา ช่างเถอะ เช่นนั้นก็เดินทางกันต่อ ความห่วงใยส่งตรงมาเป็ระยะทางหลายพันลี้ ทำให้เขารู้สึกคันยุบยิบที่หัวใจ
มาพักในโรงเตี๊ยมที่เคยพัก บวกกับขบวนเดินทางของพวกเขาโดดเด่น เถ้าแก่จึงคุ้นเคยกับพวกเขาเป็อย่างดี พอเข้าประตูมาหลินชวนจึงขอเรือนที่เงียบสงบ จากนั้นก็ประคองเว่ยซูหานกลับห้อง หลังจากล้างหน้าล้างตาแล้ว จึงทำแผลที่หน้าอก ทั้งภายในและภายนอกล้วนมีาแจากลูกธนู เมื่อมองเด็กหนุ่มที่ไม่เคยประสบเหตุการณ์อันตรายอะไรมาก่อนหนังศีรษะก็อดรู้สึกชาไม่ได้ เพียงแต่อย่ามองว่าหลินชวนเป็แค่เด็ก อีกทั้งไม่ค่อยออกจากจวนตระกูลเหยียน แต่พอเกิดเื่อันตรายขึ้นกลับสามารถเอาตัวรอดในสถานการณ์คับขันได้
หลินชวนเม้มขบกรามแน่น เวลาพันแผลให้เขาต้องระมัดระวังมาก บนหน้าผากมีเหงื่อออก เว่ยซูหานอดทนต่อความเ็ปก่อนจะหัวเราะเบาๆ
“ดูน่ากลัวจริงๆ แต่มันไม่ได้เจ็บอย่างที่คิดหรอก ไม่เป็ไร ทำแผลตามสบายไม่ต้องเครียด”
หลินชวนเห็นสีหน้าอดกลั้นของเขาแวบหนึ่งก็ส่ายหน้าถอนหายใจ “าแของท่าน หากให้คุณชายเห็น คงใไม่น้อย”
เว่ยซูหานเงียบไป เหยียนชิงไม่ใช่คนที่หนักไม่เอาเบาไม่สู้เหมือนที่ภายนอกของเขาแสดงออกมา แต่ภายในของเขานั้นอวดดีมาก
หลังจากทำแผลเสร็จแล้ว หลินชวนก็ออกไป หลังจากยกอาหารมาให้เขาแล้วก็ออกไปนั่งขัดสมาธิเฝ้าอยู่ด้านนอก เว่ยซูหานาเ็แต่อยากรีบเดินทาง ส่วนคุณชายก็กำชับไว้อย่างหนักแน่น
หลังจากกินเสร็จ เว่ยซูหานก็นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงเพื่อปรับลมหายใจ วิธีนี้จะช่วยฟื้นฟูอาการาเ็ได้ดี แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดคืนนี้หัวใจถึงไม่สามารถสงบลงได้ ความหงุดหงิดที่ไม่อาจอธิบายได้แผ่ซ่านไปทั่วก้นบึ้งของหัวใจ รู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้น บางทีนี่อาจจะเป็สัญชาตญาณตามธรรมชาติ ชาติที่แล้วเขาผ่านประสบการณ์มานับไม่ถ้วน ฝึกประสาทััของเขาจนชำนาญ
หลังจากนั้นไม่นาน หลินชวนก็เตือนคนที่นั่งสมาธิอยู่บนเตียงผ่านฉากกั้น
“ฮูหยิน ดึกมากแล้ว ท่านรีบพักผ่อนเถอะ ข้าจะคอยเฝ้าอยู่ด้านนอก”
“ได้ เช่นนั้นเ้าก็...”
เว่ยซูหานยังพูดไม่ทันจบ จู่ๆ ก็มีเสียงหวีดหวิวแหวกอากาศดังขึ้น จิตสังหารแผ่ซ่านออกมาจากหน้าต่างที่เปิดไว้ครึ่งบาน ลูกดอกมีตะขอลอยผ่านม่านเตียงของเว่ยซูหานตัดผ่านเทียนที่กำลังลุกโชน เทียนที่ถูกตัดขาดตกลงบนพื้นแล้วดับลงอย่างรวดเร็ว อาวุธลับตะขอแหลมคมฝังอยู่ในกำแพง ห้องพลันตกอยู่ในความมืดมิด
เว่ยซูหานใจเต้นรัว หลินชวนรีบดึงกระบี่ออกมาปกป้องเขาจากด้านนอกอย่างรวดเร็ว
“ฮูหยิน ระวังตัวด้วย!”
พูดจบก็กวัดแกว่งกระบี่ยาวตัดสลักไม้ที่กรอบหน้าต่างออกเป็สองท่อน จากนั้นหน้าต่างก็ถูกปิดลง
“ข้าไม่เป็ไร”
เว่ยซูหานตอบอย่างใจเย็น คลำหาเสื้อตัวนอกแล้วหยิบกระบี่ออกมา แอบคิดในใจว่าหากต้องเผชิญหน้ากับมือสังหาร พลังของเขาในตอนนี้บวกกับหลินชวนมีโอกาสชนะหลายส่วน
หลังจากที่ทั้งสองกลั้นหายใจอยู่ในความมืดพักหนึ่ง เว่ยซูหานจึงกระซิบกับหลินชวนว่า
“ออกไปกันเถอะ”
ขณะที่พวกเขากำลังพูด อยู่ๆ เสียงการต่อสู้และดาบก็ดังขึ้นในลานบ้าน คาดว่าองครักษ์เงาที่ติดตามมาคงเคลื่อนไหวแล้ว
หลินชวนพยักหน้า “ขอรับ ข้างนอกยังมีคนอีกเยอะ”
เว่ยซูหานเอ่ย “จับเป็”
หลินชวนว่า “ขอรับ”
ทั้งสองเดินออกจากประตูไป เมื่อมาถึงลานบ้านพวกเขาเห็นศพสี่ศพนอนอยู่บนพื้น และองครักษ์เงาสามคนที่สวมเสื้อคลุมสีดำสวมหน้ากากได้รับาเ็และกำลังคุกเข่าลง
หลินชวนเดินเข้าไปดู พบว่าพวกเขาล้วนกินยาพิษฆ่าตัวตาย บนร่างก็ไม่มีเบาะแสที่มีประโยชน์ หลังจากสืบดูแล้วก็บอกเว่ยซูหาน อีกฝ่ายขมวดคิ้วแน่น เดินไปข้างหน้าศพหนึ่งและเริ่มตรวจสอบ จากนั้นก็ตรวจสอบาแบนร่างขององครักษ์เงาทีละศพก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ
“คนพวกนี้ไม่ใช่คนที่ขว้างอาวุธลับ”
คนที่ขว้างอาวุธลับเข้าไปในหน้าต่างที่เปิดครึ่งบานนั้นแข็งแกร่งกว่าคนเหล่านี้มาก
หลินชวนใ จากนั้นก็หันไปถามองครักษ์เงา “รู้จักคนที่หนีไปได้หรือไม่?”
องครักษ์เงาที่คุกเข่าอยู่กลับมองหน้ากันไปมา สุดท้ายก็ส่ายหน้าแล้วพูดเป็เสียงเดียวกันว่า “ผู้น้อยไร้ความสามารถ ไม่เคยพบมาก่อน”
หลินชวนมองเว่ยซูหาน เว่ยซูหานลุกขึ้นยืนโบกมือให้พวกเขา
“พวกเ้าไปทำแผลก่อนเถอะ แล้วค่อยดูว่าจะสืบหาอะไรได้บ้าง ส่วนที่เหลือก็จัดการศพ”
องครักษ์เงาถอยออกไป ส่วนองครักษ์คนอื่นๆ ก็คอยเฝ้าระวังอยู่รอบๆ หลินชวนร้อนใจจนเหงื่อแตกพลั่ก หากหนีไปได้จริงๆ สี่คนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็เหยื่อล่อองครักษ์ของพวกเขา ส่วนอีกคนต่างหากที่เป็มือลอบสังหารที่แท้จริง แต่หากจะไล่ตามตอนนี้เกรงว่าคงไม่มีโอกาสแล้ว เมื่อกวาดตามมองรอบข้างจึงกล่าวกับเว่ยซูหาน
“ฮูหยิน พวกเรากลับห้องก่อนเถอะ”
เว่ยซูหานรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ไม่อาจทำอะไรบุ่มบ่ามได้ จึงได้แต่หมุนตัวกลับเข้าเรือน แต่ยังไม่เข้าห้องนอน เขายังคงนั่งในห้องนั่งเล่นเล็กๆ ของเรือน และสั่งให้องครักษ์ไปเอาอาวุธลับที่พุ่งเข้ามาในห้องเมื่อครู่นี้มาด้วย
หลินชวนมองคมมีดสีฟ้าเข้มก่อนจะเอ่ยเตือน “ฮูหยินน้อยระวังด้วย บนนั้นมีพิษวางอยู่”
เว่ยซูหานหยิบผ้าผืนหนึ่งขึ้นมาดู แล้วพูดเสียงทุ้มต่ำ พิษเห็นเืปิดคอ[1] ให้รางวัลนักล่า”
เมื่อครู่เพียงแค่ถูกกรีดิัเล็กน้อยเขาก็อาจตายได้ทันที อาวุธลับเช่นนี้มักใช้โดยนักล่าในยุทธภพในการลอบสังหาร เพียงแต่ไม่รู้ว่ากลุ่มนักล่าค่าหัวแห่งใด แต่ถึงอย่างนั้นฝีมือที่แม้แต่องครักษ์เงายังหาตัวไม่เจอ ทั้งในมือยังมีพิษที่ร้ายกาจเช่นนี้ แต่ใครกันที่ใจกล้าจ้างนักล่ามาเอาชีวิตเขา?
เว่ยซูหานขมวดคิ้วแน่น ชาติที่แล้วไม่เคยมีเช่นนี้มาก่อน
คนเหล่านี้ล้วนถูกเหยียนชิงเลือกมาอารักขาเขา เขาไม่สงสัย แต่การสืบหาตำแหน่งของเขาได้ชัดเจนขนาดนี้ย่อมไม่ใช่คนธรรมดา เกรงว่ามือสังหารคนนี้คงหาโอกาสลงมือมาตลอดทาง ในใจก็นึกถึงเหยียนิฮ่วนขึ้นมาทันที แต่ก็รู้สึกว่าเป็ไปไม่ได้ เหยียนิฮ่วนในตอนนี้ยังเป็คุณชายเสเพลที่เอาแต่ใจ ทั้งเกียจคร้านและเ้าชู้ ไม่น่าจะมีความคิดอยากสังหารเขา...
หลินชวนพูดกับเขาอีกรอบ
“ฮูหยินน้อย ท่านรอข้าอยู่ที่นี่นะ ข้าจะออกไปตรวจสอบดูว่าจะพบเบาะแสอื่นหรือไม่”
ต่อให้หาเบาะแสไม่เจอ ก็ต้องไปตรวจตรารอบๆ ให้ดี ไม่อย่างนั้นหากมือสังหารยังเดินเตร็ดเตร่อยู่ใกล้ๆ คงยุ่งยากแล้ว เขาเคยได้ยินอิ้งหลีเอ่ยถึงนักล่า เมื่อได้รับภารกิจไม่เ้าก็เขาที่ต้องตาย ไม่อย่างนั้นหากทรยศนายจ้างและสำนัก กฎนั้นโหดร้ายมาก ไม่แน่อาจจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นก็เป็ได้ใครจะรู้ อย่างไรพวกเขาก็เป็แค่คนนอก ฟังจากคนอื่นมาเท่านั้น
เว่ยซูหานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า ต้องระวังให้มาก ความปลอดภัยเป็อันดับแรก”
“ขอรับ”
หลินชวนเดินออกไป ก่อนจะะโเบาๆ และหายลับไปในลานบ้าน
ในป่ารกร้างแห่งหนึ่งห่างออกไปสิบลี้ ชายสองคนที่สวมชุดคลุมสีดำสวมหน้ากากพิเศษกำลังวิ่งตามหลังกันอยู่กลางป่า หลังจากนั้นก็หยุดชะงักหันหน้ามาเผชิญหน้ากัน ดูจากรูปร่างแล้ว คนหนึ่งสูงอีกคนหนึ่งเตี้ย
จิงโม่มองคนที่อยู่ตรงหน้า การแต่งตัวไม่เหมือนกับตน ก่อนจะกล่าวเสียงต่ำ
“กลับไปซะ เ้าไม่อาจแตะต้องเว่ยซูหานได้”
“...” หลังจากอีกฝ่ายเห็นเขาอย่างชัดเจน จิตสังหารที่แผ่ออกมาพลันลดลง เขาไม่อาจตอบสนองได้ชั่วขณะ หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งจึงพูดตะกุกตะกัก
ท่าน...ท่านหัวหน้า... ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร...”
เสียงกังวานของชายหนุ่มอุทานออกมา ในฐานะที่เป็คนของกลุ่มนักล่าค่าหัวในยุทธภพ ซีเสียเริ่มทำอาชีพนี้ั้แ่ก่อตั้งกลุ่ม ต่อให้ได้รับาเ็สาหัสก็ต้องฝืนลุกขึ้นมาเพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ ไม่เคยมีภารกิจล้มเหลวหรือละทิ้งภารกิจกลางคัน แต่ตอนนี้เขารู้สึกสับสน...
เห็นได้ชัดว่าเขาได้รับคำสั่งให้มาฆ่าคน แต่องครักษ์เงาตามมาสังหารเขากลับเป็หัวหน้าสำนัก ควรทำอย่างไรดี? จะถูกฆ่าหรือไม่? อีกอย่างแค่เขาคนเดียวก็ไม่อาจเอาชนะหัวหน้าได้
หากไม่ใช่เพราะเขามาปรากฏตัวเพื่อขัดขวาง ตนคงทำภารกิจคงสำเร็จไปแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าเว่ยซูหานจะมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่ข้างกาย และยิ่งคิดไม่ถึงว่าคนผู้นั้นจะเป็หัวหน้า นี่มันเป็เื่บังเอิญที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น
เมื่อเทียบซีเสียกับจิงโม่ จิงโม่ดูสงบนิ่งกว่า
“เ้าไม่จำเป็ต้องถามเื่ของข้า เ้าฟังสิ่งที่ข้าพูดให้ชัดเจนก็พอแล้ว”
“แต่...”
จิงโม่กล่าว “ถอดภารกิจนี้ออกซะ ข้าจะชดเชยให้นายจ้างสิบเท่าตามสัญญา”
คนที่อยู่อีกฝั่งกลืนน้ำลาย “หัวหน้า... หัวหน้า... รางวัลนี้เป็ตั๋วเงินสองหมื่นเหรียญเงินเลยนะขอรับ”
ด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน ภารกิจระดับนี้มีค่ามาก เพราะั้แ่รับภารกิจ ภารกิจนี้เป็ภารกิจที่ง่ายมาก
ตามสัญญา หากทำไม่ได้ ผู้รับจ้างจะต้องชดเชยเงินสิบเท่า หรือสองแสนตำลึง... ช่างเป็เงินก้อนใหญ่จริงๆ
จิงโม่ “...” ชีวิตของเว่ยซูหานช่างแพงจริงๆ เพื่อตามจับคนที่คิดจะลอบสังหารเขาในเมืองหลวง ่นี้เขาเลยไม่ได้กลับไปที่องค์กรเพื่อตรวจสอบคำสั่งดังนั้นเขาเลยไม่รู้เื่นี้
เมื่อซีเสียเห็นอีกฝ่ายเงียบจึงตัดสินใจไม่ได้ แล้วกระซิบว่า
“หัวหน้า... ท่านไม่เห็นแก่รางวัลใช่หรือไม่ ข้าจะได้นำกลับไปรายงาน...”
ผู้นำของพวกเขาเป็เทพัเห็นหัวไม่เห็นหาง ไม่มีทางไม่สนใจรางวัลนั้น... แต่อย่าได้โทษเขาเลย
จิงโม่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อว่า “กลับไปรายงานต่อสำนัก ข้าจะส่งหนังสือกลับไป เอาล่ะ เ้าไปได้แล้ว”
สองแสนตำลึงเขาเองก็ปวดใจ แต่ไม่มีทางเลือก เหยียนชิง้าปกป้องเว่ยซูหาน เขาเองก็ต้องทำเช่นนั้น เงินจำนวนนี้กลับไปขอเหยียนชิงก็แล้วกัน เื่นี้เกี่ยวพันกับชีวิตของฮูหยินของเขา เงินจำนวนนี้คุณชายคงไม่เสียใจแน่
ซีเสียทำได้เพียงน้อมรับคำสั่ง “ขอรับ”
[1] เห็นเืปิดคอ คือชื่อพิษชนิดหนึ่งซึ่งมีพิษร้ายแรง นิยมใช้ในหมู่นักฆ่า