หลินกู๋หยู่เดินไปหาลู่จื่อยู่ เห็นว่าเขายังคงพูดคุยกับคนอื่นๆ จึงยืนรอเงียบๆ ในมุมหนึ่ง
"ในเมื่อทุกอย่างถูกจัดเก็บเรียบร้อย ก็เก็บมันไว้เช่นนั้น ระวังความแห้งของโกดังด้วย" ลู่จื่อยู่สั่งกำชับอย่างจริงจังและคิดอยู่พักหนึ่ง "ในวันพรุ่งนี้สับเปลี่ยนยาออกไปตากสักพัก"
“ขอรับ นายน้อย” เด็กหนุ่มดูแลยาที่อยู่ด้านข้างรับคำและจากไปทันที
ทันทีที่ลู่จื่อยู่หันกลับมาเห็นหลินกู๋หยู่ยืนอยู่ข้างหลัง เขาเอ่ยถามด้วยความประหลาดใจว่า "เกิดอะไรขึ้นหรือ?"
“มีบางอย่างที่้าหารือกับเ้า” หลินกู๋หยู่ลดศีรษะลงด้วยความลำบากใจ “ข้าคิดว่าในเดือนหน้าข้าจะไม่มาที่นี่แล้ว”
การแสดงออกบนใบหน้าของลู่จื่อยู่หยุดชะงักงัน เขารีบกลบเกลื่อนความตื่นใในดวงตาของเขา "เกิดอะไรขึ้นหรือ?"
“อากาศหนาวขึ้นเรื่อยๆ” หลินกู๋หยู่ลดสายตาลงเล็กน้อย รู้สึกว่านางไม่ใช่แพทย์ที่มีคุณสมบัติพร้อม นางมาบ้าง ไม่มาบ้าง ทำอะไรครึ่งๆ กลางๆ ไม่จริงจัง “หลักๆ เป็เพราะข้าี้เีที่จะต้องเดินมาทุกวัน"
ลู่จื่อยู่ส่ายศีรษะอย่างขออภัย "เป็เพราะข้าไม่ได้คิดคำนึงถึงเื่นี้มากถึงเพียงนั้น เ้าไม่ได้อาศัยอยู่ในเมือง ดังนั้นจึงไม่สะดวกสำหรับการเดินทาง เช่นนั้นเ้ามาที่นี่ใน่ที่อากาศอบอุ่นกว่านี้ในปีหน้าดีหรือไม่?"
หลินกู๋หยู่รู้สึกผิดกว่าเดิมเมื่อได้ยินสิ่งที่ลู่จื่อยู่พูด คล้ายว่าครอบครัวของนางเปิดโรงหมอแห่งนี้ และนางสามารถมาได้ทุกเมื่อที่นาง้า
แต่สิ่งที่ทำให้หลินกู๋หยู่ไม่เข้าใจ คือทำไมลู่จื่อยู่ถึงไม่ไล่นางออกโดยตรง
“หรือว่า เ้าลองหาหมอเก่งๆ มาแทนที่ข้า?” หลินกู๋หยู่เอ่ยถามลองเชิง
"ไม่จำเป็" ลู่จื่อยู่ยืนเอามือไพล่หลัง ดวงตาที่อ่อนโยนของเขาสบเข้ากับใบหน้าของหลินกู๋หยู่อย่างเป็ธรรมชาติ "ถ้าไม่ใช่เพราะเ้าช่วยเหลือเมื่อเดือนที่แล้ว โรงหมอคงจะยุ่งมาก ดูแลคนป่วยไม่ทั่วถึงเป็แน่"
หลินกู๋หยู่ฟังดังนั้นก็รู้สึกประหม่าเล็กน้อย
แต่นางก็เข้าใจความหมายของลู่จื่อยู่เช่นกัน ไม่สำคัญว่านางจะมาหรือไม่มา ตราบใดที่นางไม่ไปที่โรงหมออื่นก็เพียงพอแล้ว
ครอบครัวลู่ใจกว้างต่อนางมาก หลินกู๋หยู่จึงไม่เคยคิดที่จะไปที่โรงหมอแห่งอื่น
แต่ถ้าไม่มาทำงานที่โรงหมอใน่เดือนหนาวนี้ ก็จะมีเงินเดือนจากโรงหมอเพียงสามร้อยอีแปะต่อเดือน ซึ่งสำหรับหลินกู๋หยู่แล้ว มันน่าพอใจมากแล้ว
หลังจากพูดคุยกับลู่จื่อยู่เสร็จแล้ว หลินกู๋หยู่ก็รู้สึกผ่อนคลายและอ่านหนังสือต่อไป
เมื่อก่อนนางเคยเรียนรู้มาบ้างแล้ว แต่เมื่อมาที่นี่ หลินกู๋หยู่คิดว่าจะต้องเรียนรู้อย่างตั้งใจเพิ่มอีก
ในตอนเย็น เมื่อเห็นว่าหมอตู้กำลังจะกลับ หลินกู๋หยู่ก็ตรงไปที่สวนหลังโรงหมอเพื่อไปรับโต้ซาออกมา
หลินกู๋หยู่สวมเสื้อผ้าขนเป็ดให้โต้ซา ไม่ลืมที่จะช่วยโต้ซาผูกผ้าพันคอที่นางทำเอง หลังจากสวมหมวกแล้ว เห็นเพียงดวงตาทั้งสองข้างเท่านั้น
ลู่จื่อยู่ยืนอยู่ข้างๆ ดูโต้ซาที่ถูกห่อคล้ายลูกหนังกลม วันนี้เขาไม่เห็นฉือหาง ดังนั้นเขาจึงก้าวไปข้างหน้า "ข้าจะให้คนส่งพวกเ้ากลับไป"
"ไม่เป็ไร" หลินกู๋หยู่พูดพลาง จับมือเล็กๆ ของโต้ซายืนขึ้น มองไปที่ลู่จื่อยู่ "ตอนกลางคืนก็ไม่มีอะไรให้ทำ ประจวบเหมาะจะได้ให้โต้ซาเดินมากขึ้น เด็กๆ จะต้องเคลื่อนไหวให้มาก"
ลู่จื่อยู่ส่งหลินกู๋หยู่ไปที่ประตู "ข้าจะให้คนพาเ้ากลับ วันนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่มา"
“ท่านพ่อ!” ทันทีที่ลู่จื่อยู่พูดจบ ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงโต้ซาร้องด้วยความตื่นเต้น
มองตามสายตาของเด็กน้อย ลู่จื่อยู่เห็นฉือหางเดินมาจากหัวถนน
"พี่ฉือหางมาแล้ว คุณชายลู่ ข้ากลับก่อน" หลินกู๋หยู่พูด พลางจูงมือโต้ซาไปทางฉือหาง
“วันนี้ข้ายุ่งกับเื่อื่นๆ เลยมาสาย” ฉือหางกล่าวขอโทษ
"ไม่เป็ไร นี่ก็มาได้ทันเวลาพอดีไม่ใช่หรือ?" หลินกู๋หยู่พูด เมื่อเห็นว่าปลอกคอเสื้อของฉือหางไม่เรียบร้อย คอของเขาก็ปรากฏออกทั้งหมด
อาจเป็เพราะเขารีบเกินไป ใบหน้าของเขาแดงจัด มีเหงื่อไหลหยดลงมาจากลำคอ
“คราวหน้าหากสายก็อย่ารีบร้อนเช่นนี้” หลินกู๋หยู่กล่าวพลางปล่อยมือของโต้ซา ก้าวไปข้างหน้าเพื่อช่วยฉือหางจัดเสื้อผ้าของเขาให้เรียบร้อย
ฉือหางมองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยดวงตาหยีโค้ง ปล่อยให้หลินกู๋หยู่ช่วยเขาจัดปลอกคอเสื้อ
หลินกู๋หยู่หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมา ฉือหางก็รับมาจากมือของหลินกู๋หยู่อย่างเป็ธรรมชาติ เช็ดเหงื่อที่หน้าผากและลำคอของเขา "กลับกันเถอะ!"
หลินกู๋หยู่เก็บผ้าเช็ดหน้าใส่ไว้ในแขนเสื้อของตัวเอง
ฉือหางก้มลงอุ้มโต้ซา ทั้งสองเดินไปที่ทางเข้าออกเมืองเคียงข้างกัน
เมื่อมองไปที่แผ่นหลังของคนทั้งสองที่เดินจากไป ลู่จื่อยู่รู้สึกระคายเคืองเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ได้
"วันนี้ข้าได้คุยกับคนในโรงหมอแล้วว่า เดือนหน้าจะไม่มา พวกเขาก็ไม่ขัดข้อง" หลินกู๋หยู่มองฉือหางด้วยรอยยิ้ม "รออีกสองสามวัน ข้าอยากจะไปที่บ้านท่านแม่ของข้า เ้าจะไปกับข้าหรือไม่?”
"ดี" ฉือหางพยักหน้ารับคำ หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง "หรือว่าเราซื้อของกลับไปด้วย เมื่อเ้ากลับไปเยี่ยมบ้านในคราวก่อน เ้าก็กลับไปคนเดียว"
“ได้ ถึงเวลานั้นข้าจะซื้อของกลับไปให้” หลินกู๋หยู่ดูรอยแดงบนใบหน้าของฉือหางค่อยๆ ลดลง “เ้าทานอะไรเป็มื้อเที่ยงหรือ?”
"ข้าทานบะหมี่" ความอบอุ่นระหว่างคิ้วและดวงตาของฉือหางฉายชัด เขามองหลินกู๋หยู่อย่างอ่อนโยน "ตอนเช้าข้ากลับไปนอน ส่วนในตอนบ่ายข้าก็ไม่ได้นอนอีกเลย ข้าไปทีู่เาเพื่อผ่าฟืน รู้ตัวอีกทีก็พบว่าสายแล้ว"
ทั้งสองคนคุยกันเป็ระยะๆ เมื่อเดินไปได้ครึ่งทาง ทั้งสองคนก็ไม่เอ่ยวาจา
“พี่สาม!” ทันใดนั้น เสียงที่คุ้นเคยก็แว่วดังมาจากด้านหลัง
ฉือหางอุ้มโต้ซาหันไปมอง เห็นฉือเย่กระหืดกระหอบวิ่งไล่ตามจากด้านหลัง
"น้องสี่" ฉือหางยิ้มและมองไปที่หลินกู๋หยู่เมื่อฉือเย่เข้าใกล้ "วันนี้หยุดพักหรือ?"
"น้องชายสี่" แม้ว่าหลินกู๋หยู่จะอายุน้อยกว่าฉือเย่เล็กน้อย แต่นางก็ต้องเรียกตามฉือหาง
การแสดงออกบนใบหน้าของฉือเย่ชะงักงันชั่วครู่ จากนั้นเขาก็พยักหน้าไปทางหลินกู๋หยู่ เงยหน้าขึ้นมองฉือหาง "พี่สาม วันนี้พวกพี่มาทำอะไรที่นี่หรือ?"
“พี่สะใภ้สามของเ้าทำงานในโรงหมอในเมือง ดังนั้นข้าจึงมารับนางกลับบ้าน!” ฉือหางกล่าว สายตาของเขาจับจ้องที่ใบหน้าของหลินกู๋หยู่อย่างอ่อนหวาน
เมื่อทั้งสองมองหน้ากัน ริมฝีปากของหลินกู๋หยู่ก็โค้งงออย่างพึงพอใจ
แสงอาทิตย์อัสดงตกกระทบเขาทั้งสอง ราวกับเคลือบด้วยทองคำงามเป็ชั้นๆ
ใบหน้าของฉือเย่ซีดขาว เขามองคนทั้งสองด้วยความตื่นใ
"ถ้าเช่นนั้น" ฉือเย่ก้มศีรษะลง บีบห่อสัมภาระในมือ แล้วพูดอย่างตะกุกตะกักว่า "พวกเรากลับบ้านกันเถอะ"
"อืม" ฉือหางพูด โดยมองไปที่กระเป๋าหนักที่ฉือเย่แบกอยู่ "หรือว่าให้ข้าช่วยเ้าถือหนังสือบางส่วน?"
จากมุมมองของฉือหาง ร่างกายที่ผอมบางของฉือเย่ไม่สามารถถืออะไรเล็กน้อยได้
"ข้าแบกกลับเองได้" ฉือเย่ลดศีรษะลง เขาเดินไปข้างๆ ฉือหาง
"คืนนี้เ้าอยากทานอะไรหรือ?" หลินกู๋หยู่มองโต้ซาที่ซุกซนอยู่ในอ้อมแขนของฉือหาง เขาขยับไปขยับมา นางยิ้มและใช้นิ้วเคาะที่ปลายจมูกของโต้ซา
ดวงตาของโต้ซาละม้ายคล้ายคลึงฉือหาง เมื่อยิ้มแล้วจะคล้ายกับรูปร่างของพระจันทร์เสี้ยว บนใบหน้าของนางพลันแสดงรอยยิ้มออกมาอย่างไร้เหตุผล
“แกงจืดไข่เหลืองๆ!” โต้ซาโบกมือทั้งสองข้างอย่างตื่นเต้น
หลินกู๋หยู่ไม่เข้าใจว่าทำไมเด็กถึงตื่นเต้นได้ถึงเพียงนี้ นางจึงเอื้อมมือไปแตะศีรษะของโต้ซา "ตกลง"
“เ้าตามใจเขามากเกินไป” ฉือหางแทบจะไม่สามารถจับโต้ซาให้นิ่งได้ บนใบหน้าเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม “เขาอยากจะได้อะไร เ้าก็ให้ในสิ่งที่เขา้า”
"มันก็ไม่เห็นจะเป็อะไร" หลินกู๋หยู่มองฉือหางด้วยรอยยิ้ม โดยคิดว่าฉือเย่อยู่อีกฝั่งหนึ่ง อย่างไรเสีย เขามองไม่เห็นฝั่งนี้ ดังนั้นจึงกระซิบว่า "เ้าอยากทานอะไร? วันนี้ข้าจะสนองเ้าให้พึงพอใจ"
ทานอะไรหรือ?
สนองให้พึงพอใจ?
ลำคอของเขาเคลื่อนไหวอย่างควบคุมไม่ได้ ฉือหางมองไปที่หลินกู๋หยู่ด้วยดวงตาที่ลึกล้ำ "จริงหรือ?"
“เ้าชอบทานอะไรหรือ?” หลินกู๋หยู่พูดด้วยรอยยิ้ม “คืนนี้ข้าจะกลับไปทำ”
"อะไรก็ดีหมด" ฉือหางยกโต้ซาขึ้น ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้สึกว่าโต้ซาหนักมาก แต่ตอนนี้เมื่อเขาอุ้มสักระยะหนึ่ง แขนของเขาเริ่มเมื่อยล้าเล็กน้อย "โต้ซาหนักกว่าเดิมมาก”
“ปล่อยให้เขาลงมาเดินเองเถอะ” หลินกู๋หยู่พูดด้วยรอยยิ้ม อีกไม่นานคงจะถึงบ้านแล้ว
ฉือเย่ฟังพวกเขาสองคนคุยกัน เห็นฉือหางวางโต้ซาลง เขาก็วิ่งไปข้างหน้าอย่างตื่นเต้น
ร่างกายของโต้ซาถูกปกปิดไว้อย่างแ่า แม้แต่มือของเขาก็ถูกพันไว้
"พี่สาม ่นี้อากาศเริ่มหนาวขึ้นมาก เกือบจะหนาวพอๆ กับฤดูหนาวแล้ว" ฉือเย่เห็นว่าฉือหางแต่งตัวด้วยเสื้อกันหนาวบางๆ จึงขมวดคิ้วเล็กน้อยฉับพลัน "พี่ไม่หนาวหรือ?"
"ไม่หนาว" ฉือหางหันศีรษะไปมองฉือเย่ เมื่อเห็นว่าเขาสวมเสื้อผ้าหนักๆ ดูเทอะทะเขาจึงถามด้วยความสับสนว่า "เ้าหนาวหรือไม่?"
ฉือเย่แต่งตัวหนามากเพียงนี้ก็ยังรู้สึกหนาวมาก หนาวสั่นอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นพูดว่า "ต้องหนาวอยู่แล้ว ก็เพราะว่าอากาศหนาวมากถึงเพียงนี้ ท่านอาจารย์เลยบอกให้พวกเราพักผ่อน บอกให้พวกเรานำเสื้อผ้าหนาๆ มาด้วย"
ฉือหางแตะเสื้อผ้าของตนเอง
เมื่อวานเขาหนาวมากสุดจะทน ทว่าวันนี้เมื่อสวมเสื้อกันหนาวตัวนี้ เขากลับไม่รู้สึกหนาวเลยแม้แต่น้อย ยามที่เข้าเมืองตอนเย็นยังรู้สึกร้อนเล็กน้อย
เสื้อผ้าบนร่างกายของเขาบางมาก มีแค่ชั้นเดียวเท่านั้น แต่เขาไม่รู้สึกหนาวเลย
“ถ้าเช่นนั้นเ้าก็นำเสื้อคลุมด้านนอกบุนวมไปด้วย” ฉือหางลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูด
เขา้าให้กู๋หยู่ช่วยทำเสื้อผ้าเช่นนี้ให้ฉือเย่ แต่เขาคิดว่ามันคงจะไม่ดี เขาจะต้องปรึกษาหารือถึงเื่นี้กับหลินกู๋หยู่ก่อน
เมื่อพวกเขากลับถึงประตูบ้าน ฉือหางและฉือเย่ก็กล่าวอำลาแล้วจะเดินเข้าไปในบ้าน
ผักทั้งหมดที่บ้านอยู่ในสวนผักเล็กๆ ซึ่งมีไม่มากนัก
หลินกู๋หยู่ลอกเปลือกมันฝรั่งออก ล้างให้สะอาด จากนั้นยืนอยู่หน้าเขียงและหั่นมันฝรั่ง
โต้ซานั่งยองๆ บนพื้น เล่นกับของเล่นต่างๆ คนเดียว
ใน่เวลาที่หลินกู๋หยู่อยู่ในโรงหมอ นางกลัวว่าโต้ซาจะรบกวนคนอื่น ดังนั้นจึงซื้อของเล่นไม้จำนวนมากให้โต้ซา
ฉือหางล้างกระทะเหล็กทั้งหมดเสร็จแล้ว ดูการเคลื่อนไหวของหลินกู๋หยู่ เขาขยับเข้าไปใกล้ทีละก้าว
"ข้ายังต้องทำอะไรอีกหรือ?" ฉือหางเตรียมอุปกรณ์ทำอาหารทั้งหมดเสร็จแล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่มีแล้ว” หลินกู๋หยู่หั่นมันฝรั่งอย่างระมัดระวัง
นางจริงจังกับการหั่นมันฝรั่งมาโดยตลอด ยืนยันที่จะหั่นมันให้บางที่สุดเท่าที่จะทำได้
เส้นผมจากหลังใบหูมาค่อยๆ ร่วงลงมายังบนหน้าผาก ปรกลงไปด้านหน้า
ฉือหางยื่นมือออกไปรวบผมของนางไว้ด้านหลังหู "หั่นให้หนากว่านี้ก็ไม่เป็ไร"
“เช่นนั้นก็จะไม่อร่อยแล้ว” หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้น และมองไปที่ฉือหางปราดหนึ่ง
ฉือหางยืนอยู่ทางด้านซ้ายของนาง มองลงไปที่มันฝรั่งที่กำลังหั่นเป็เส้นๆ ของนางอย่างจริงจัง
หลินกู๋หยู่มองไปที่ก้อนหินบนพื้น นางเหยียบด้วยเท้าข้างเดียว
ทันใดนั้น หลินกู๋หยู่ก็สูงขึ้น นางยืนเขย่งเท้า ขยับเข้าใกล้ที่ริมฝีปากของเขา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้