ตกดึก โม่จ้านเอนกายนอนอยู่บนเตียง พลิกตัวกลับไปกลับมาขณะขบคิดเื่เมื่อกลางวัน แน่นอนว่าไม่เกี่ยวกับอัศวินโรคประสาทผู้นั้น ทว่าเป็เื่เกี่ยวกับเขาของตน
โม่จ้านที่ความสนใจใคร่รู้ท่วมท้นนำเขาออกมาส่องแสงเทียนดูอยู่ครึ่งค่อนวันกลับยังมิรู้ว่าเมื่อนำเ้าสิ่งนี้ไปเป็เครื่องประดับแล้วจะน่ามองอย่างไร เพียงแต่เพราะมันแลดูน่ากลัว หากนำมาเป็ของคุ้มกายยังจะเหมาะกว่าสักหน่อย
โม่จ้านหยัดกายลุกขึ้นนั่งก่อนใส่เขากลับเข้าไปในกระเป๋า จากนั้นเตรียมไปเข้าห้องน้ำเพื่อเข้านอนอย่างสบายใจ
ไม่รู้ว่าการกันเสียงของห้องเป็อย่างไร...พยายามอย่าเสียงดังจนรบกวนคนทั้งสองจะดีกว่า โม่จ้านเขย่งปลายเท้าผลักประตูออกไปด้านนอก กลับพบว่าคล้ายกับภายในห้องน้ำจะมีความเคลื่อนไหวผิดปกติ
คงจะเป็ลาถีเท่อหรือเก๋อจือมาเข้าห้องน้ำกระมัง...ยืนอยู่หน้าประตูอาจจะทำให้ผู้อื่นใ กลับไปรอในห้องสักประเดี๋ยวดีกว่า
หลังจากนั้นเป็เวลาหนึ่งจิบชา โม่จ้านอ้าปากหาวเดินกลับมาหน้าประตูห้องน้ำอีกครั้ง คล้ายกับเสียงความเคลื่อนไหวด้านในจะยังมิหยุดลง โม่จ้านเงี่ยหูตั้งใจฟัง มีเสียงคล้ายเสียงหอบหายใจและเสียงครวญ โดยทั่วไปแล้วเป็เสียงที่เปล่งออกมายามได้รับความเ็ปทรมานที่ไม่ถึงแก่ชีวิต
โม่จ้านนึกสงสัย วันนี้ไม่เห็นว่าคนทั้งสองจะท้องร่วงหรือท้องผูกแต่อย่างใด อยู่ทำอันใดในห้องน้ำนานถึงเพียงนี้?
โม่จ้านที่ค่อนข้างเป็ห่วงกระแอมไอเสียงเบา ทันใดนั้นภายในห้องน้ำพลันมีเสียงสิ่งของหล่นกระทบพื้นดังแทรก อีกทั้งยังมีเสียง ‘แฝงความหมายคลุมเครือ’ อย่างนิ้วเท้าเตะของแข็งดังขึ้น
“...คือ มิเป็อันใดใช่หรือไม่...”
โม่จ้านเคาะประตู พยายามเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่แสดงออกถึงความเหน็บแนม
หลังจากนั้นมีเสียงจัดวางสิ่งของพักหนึ่ง ประตูห้องน้ำจึงถูกเปิดออก ลาถีเท่อที่ใบหน้าแดงก่ำเกาหัวอย่างเขินอาย ในมือถือชุดชั้นในสีอ่อนตัวหนึ่งขณะเปิดประตูออกมา
“...เอ่อ แค่กๆ ไม่ ไม่มีอันใด เก๋อจือนอนน้ำลายไหลใส่ชุดชั้นในของข้า ข้าจึงนำมาซักเสียหน่อย มิเช่นนั้นพรุ่งนี้คงจะใส่มิได้เสียแล้ว อืม”
โม่จ้านพยักหน้า สื่อความหมายว่า้าจะเข้าห้องน้ำ ลาถีเท่อจึงรีบกลับเข้าห้องมิต่างกับกำลังหลบหนี
โม่จ้านที่นั่งบนโถชักโครกตบต้นขาฉาดใหญ่ ตามด้วยหัวเราะ ‘หึหึ’ ออกมา
เด็กหนุ่มเผ่าหมานที่ยามปกติแลดูสุขุมลุ่มลึก เมื่อครู่ถึงขั้นโกหกก็ยังมิเป็เสียแล้ว --- ชุดชั้นในเล็กเพียงนั้น ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็มิใช่ของลาถีเท่อ ชุดชั้นในของเก๋อจือ เ้าเอามาซักในห้องน้ำกลางดึกเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? วันพรุ่งนี้ก็ต้องออกเดินทางแล้ว เปลี่ยนตัวใหม่ก็สิ้นเื่แล้วมิใช่หรือ? เกรงว่าเด็กเผ่าหมานคงจะนำชุดชั้นในของเ้าเด็กผมแดงมาทำเื่มิค่อยเข้าท่าในห้องน้ำกลางดึก ก่อนจะถูกตนจับได้เสียแล้ว
โม่จ้านหัวเราะ ทันใดนั้นพลันนึกเกลียดที่หลอมเหล็กมิเป็เหล็กกล้า[1]
จะว่าไปแล้วเ้าปรารถนาจนมีสภาพเป็เช่นนั้น ต่อให้มิกล้าสารภาพต่อหน้าผู้อื่น อย่างน้อยก็ควรจะหยั่งเชิงบ้างกระมัง? อายุของพวกเ้า เมื่อนับด้วยวิธีคำนวณของคนแก่อย่างข้าก็ถือว่าบรรลุนิติภาวะแล้ว เพียงแต่จากสถานการณ์ในยามนี้ มิต่างอันใดกับเด็กสาววัยมัธยมต้นที่แอบรักข้างเดียว ท่านลุงเช่นข้าเห็นแล้วรู้สึกร้อนใจยิ่งนัก...
โม่จ้านที่ะเืใจอย่างยิ่งถอนหายใจออกมา ขณะหยัดกายลุกขึ้นปิดประตูห้องน้ำเตรียมจะกลับเข้าห้อง หางตาพลันเหลือบไปเห็นประตูห้องของคนทั้งสองที่ปิดเพียงครึ่งเดียวอย่างคาดมิถึง
โม่จ้านรู้สึกราวกับตนเป็คุณพ่อจอมกังวลใจ เดินเข้าไปด้วยสีหน้ายากอธิบายเป็คำพูด ในใจลอบอุทานว่าหากเ้าสองคนนั้นทำอันใดกันจริง เกรงว่าคงจะถูกแขกที่โผล่เข้ามากะทันหันทำเอาลูกชายหดเสียแล้ว
หากแต่โม่จ้านที่เดินไปถึงหน้าประตูกลับตกตะลึงทันใด จะปิดประตูก็ไม่ดี จะไม่ปิดก็ไม่ดี
แสงจันทร์สีขาวนวลสาดส่องลงบนเตียงของคนทั้งสอง เก๋อจือนอนฉีกแข้งฉีกขาสี่ข้าง ผ้าห่มถูกถีบไปด้านข้างและนอนหลับสนิทอย่างยิ่ง ทว่าทางด้านลาถีเท่อกลับหน้าแดงเถือก หน้าผากมีเหงื่อไหลออกมา หัวไหล่โค้งของแขนขวาใต้ซอกคอถูกเก๋อจือหนุนต่างหมอน มองดูแล้วคล้ายกับการโอบไหล่อย่างสนิทสนม เกินครึ่งตัวของเก๋อจือพาดอยู่บนตัวของลาถีเท่อ ในฤดูร้อนราวกับถูกแผดเผาเช่นนี้ แม้ความสามารถในการทนความร้อนของเด็กหนุ่มเผ่าหมานจะมิเลว กระนั้นเกรงว่าคงจะถูกทับจนอึดอัดมิน้อย
เพียงแต่ นี่มิใช่สาเหตุที่ลาถีเท่อหน้าแดง --- เมื่อนึกได้ว่าก้นของเก๋อจือทับอยู่บริเวณด้านล่างท้องน้อยของตน เด็กหนุ่มเผ่าหมานมิอาจต้านทานคลื่นอารมณ์โหมซัดสาดได้แม้แต่น้อย ทำได้เพียงใช้ผ้าห่มผืนบางปิดส่วนที่นูนโป่งเป็เขาลูกเล็กนั้นเอาไว้ พยายามเก็บซ่อนแรงกระตุ้นในค่ำคืนร้อนระอุอย่างไร้ประโยชน์
ลาถีเท่อกัดฟันออกแรงอย่างช้าๆ คิดอยากจะเคลื่อนตัวของเก๋อจือออกจากร่างกายของตน ทว่ากลับกลัวว่าตนจะใช้แรงมากเกินไปจนทำให้เด็กหนุ่มผมแดงาเ็ ทำได้เพียงใช้แขนซ้ายดันไหล่ของเก๋อจือแ่เบา เก๋อจือที่หลับสนิทอ้าปากหวอ กายท่อนบนถูกลาถีเท่อดันไปด้านข้างทีละน้อย จนในที่สุดแขนและไหล่ของลาถีเท่อก็ได้รับอิสระ
ลาถีเท่อถอนหายใจหนึ่งเฮือก คิดอยากจะค่อยๆ ย้ายท่อนล่างที่ถูกทับด้วยเช่นกัน ทันใดนั้นเก๋อจือที่นอนหลับพลันขยับตัวกะทันหันมิต่างจากรูปปั้นมีชีวิต กลิ้งลงจากร่างของลาถีเท่อจนลงไปฟุบอยู่บนเตียง ในใจของลาถีเท่อรู้สึกยินดีโดยพลัน ขณะคิดจะย้ายส่วนที่ทับอยู่บนต้นขาขวาออก ทันใดนั้นเก๋อจือที่เกิดเส้นกระตุกขึ้นมาพลันเคี้ยวปากพลางยกขาขึ้นข้างหนึ่งเตะเข้ากลางเนินเขาลูกเล็กที่ห่อด้วยผ้าห่มผืนบางเต็มเปา
“อึก อุ๊บ อั่ก---!!”
ลาถีเท่อขดกายเป็ก้อนอยู่บนเตียงทันใด เจ็บจนน้ำตาแทบจะไหล กระนั้นยังมิลืมนำมืออุดปากกั้นเสียงร้อง
ขณะนั้นหน้าต่างที่ปิดไว้เพียงครึ่งพลันถูกสายลมอ่อนพัดจนบานหน้าต่างส่งเสียง ‘เอี๊ยดอ๊าด’ หากแต่มิได้ถูกพัดจนแง้มออกมากนัก ลาถีเท่อกับโม่จ้านที่อยู่หน้าประตูใทันใด คนหนึ่งรีบหยัดกายลุกขึ้นนั่ง อีกคนรีบย่อตัวลง
โม่จ้านคิดว่านี่คือ่เวลาที่น่าอับอายที่สุดในชีวิต คิดอยากจะช่วยปิดประตูให้ผู้อื่นโดยไม่คิดสิ่งใด กลับต้องมาเห็นภาพเด็กหนุ่มที่แอบรักข้างเดียวถูกคนในใจลอบทำร้ายโดยมิได้ตั้งใจ
ซอกประตูค่อนข้างแคบ ลาถีเท่อคงจะยังมิเห็นตน ตนนั่งยองไม่ขยับชั่วคราวน่าจะดีกว่า
ลาถีเท่อหนีบขาด้วยสีหน้าขมขื่นก่อนจะเดินลงจากเตียงไปปิดหน้าต่างอย่างซวนเซ ครั้นกลับมาบนเตียงอีกครั้ง เก๋อจือมิเพียงแต่พลิกตัว ยังนำผ้าห่มผืนบางที่ถูกเคี่ยวกรำมา ‘พัน’ รอบขาทั้งสองข้างของตนเอง ม้วนจนกลายเป็ ‘ขนมตั้นเจวี้ยน[2]เนื้อคน’
โม่จ้านเห็นแล้วเบิกตาอ้าปากค้าง เด็กหนุ่มเผ่าหมานนวดขมับด้วยสีหน้าเ็ปทรมาน ค่อยๆ ดึงผ้าห่มผืนบางออกจากขาของเก๋อจือที่นอนมิเรียบร้อยทีละน้อย
....ต้องลำบากแล้ว
โม่จ้านตบบ่าลาถีเท่ออยู่ในใจ
ผ้าห่มผืนบางถูกดึงออกมาได้สำเร็จ ลาถีเท่อคลี่ผ้าห่มออกแล้วสะบัด ขณะกำลังจะห่มกลับให้เก๋อจือ ทันใดนั้นกลับชะงักมืออย่างน่าประหลาด
แสงจันทร์สาดส่องลงบนกายไร้การปกปิดของเก๋อจือ ทำเอาเด็กหนุ่มเผ่าหมานถึงกับอดกลืนน้ำลายมิได้
จอมเวทหนุ่มขาวผ่องเกลี้ยงเกลาไปทั้งกาย มิเคยผ่านการฝึกฝนพิเศษดังเช่นคนทั่วไปทั้งยังเผยเสน่ห์ดึงดูดเฉกเช่นฝ่ายพลเรือน เมื่อเทียบกันแล้ว กล้ามเนื้อของลาถีเท่อดูจะองอาจห้าวหาญมากกว่ามิน้อย บางทีอาจมีสาเหตุมาจากเผ่าพันธุ์ ร่างกายของลาถีเท่อเปรียบได้กับนักกีฬาว่ายน้ำวัยผู้ใหญ่ แผงอก กล้ามท้อง เส้นกล้ามเนื้อเลขสิบเอ็ดและเส้นกล้ามเนื้อกระดูกเชิงกรานล้วนแต่มีครบ มีเพียงใบหน้าที่ยังดูละอ่อนที่ยืนยันว่านี่คือเด็กหนุ่มที่อายุมิต่างกับเก๋อจือมากนัก
เด็กหนุ่มเผ่าหมานโอบเก๋อจือที่นอนหลับสนิทแ่เบา ดอมดมกลิ่นบนซอกคอของอีกฝ่ายอย่างละเมียดละไม ภายในแววตาเปี่ยมด้วยความรักและความปรารถนา ลาถีเท่อส่งมือข้างซ้ายออกไปอย่างมิอาจหักห้าม ลูบคลำลงบนต้นขาอ่อนนุ่มของเด็กหนุ่มผมแดง ไล้จากหน้าท้องเรียบเนียนอ่อนนุ่มขึ้นมาจนถึงแผ่นอกราบเรียบมิต่างกัน
กล้ามเนื้อแบนราบบนหน้าอกของเก๋อจือมีเม็ดเล็กสีชมพูเข้มราวกับถูกฝังเลี่ยมเอาไว้้าสองจุด ขยับขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ ช่างเย้ายวนผู้คนเหลือเกิน ลาถีเท่อเลียริมฝีปากพลางจดจ้องสองเม็ดเล็กนั้นมิวางตา หลังลังเลอยู่ครึ่งค่อนวัน ท้ายที่สุดยังคงปิดริมฝีปากกึ่งเผยอกลับไป
ในขณะเดียวกัน ฝ่ามือที่ค่อนข้างหยาบกร้านของลาถีเท่อหยุดอยู่เหนือกางเกงชั้นในของเก๋อจืออยู่ครึ่งค่อนวัน ท้ายที่สุดยังคงไม่ทาบลงไป
แววตาของลาถีเท่อฉายแววกลุ้มใจระคนเศร้าสลด เขาสูดหายใจเข้าลึกก่อนปีนขึ้นเตียงอย่างระมัดระวัง เด็กหนุ่มเผ่าหมานโน้มใบหน้าเข้าใกล้เก๋อจือ สูดดมกลิ่นอายของอีกฝ่ายหนึ่งเฮือก จากนั้นจึงช่วยห่มผ้าให้เก๋อจือที่ไม่รู้เื่รู้ราวอันใด
แววตาของเด็กหนุ่มเผ่าหมานสะท้อนแสงจันทร์สีเงิน แต้มจูบลงบนหน้าผากของเด็กหนุ่มผมแดงแ่เบา จากนั้นโอบกอดอีกฝ่ายไว้ก่อนผล็อยหลับไป
กระทั่งลมหายใจของคนทั้งสองสม่ำเสมอ โม่จ้านที่นั่งยองจนปวดหลังจึงได้ลุกขึ้นอย่างน้ำตานองพื้น ลากขาอันชาหนึบเดินขาเป๋กลับไปยังห้องของตนเอง
โม่จ้านที่เริ่มเปิดโหมดโทษฟ้าดินเข้าสู่ห้วงฝันทั้งน้ำตา าาปีศาจผู้ถูกทำร้ายจิตใจพยายามปลอบโยนตนเองอย่างสุดความสามารถ อย่างน้อยยามอยู่สันตะสำนัก ยังมีตาเฒ่านามอูลั่วที่เคยลงไม้ลงมือกับตน...ใช่ว่าข้าไม่มีผู้ใดเอาเสียหน่อย...
เชิงอรรถ
[1] หลอมเหล็กไม่เป็เหล็กกล้า 恨铁不成钢 เจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็เหล็กกล้าได้ อุปมาว่า ไม่สบอารมณ์ต่อความไม่เอาถ่าน
[2] ตั้นเจวี้ยน คือ ขนมทองม้วน