ที่จริงแล้วอ๋าวหรานเองก็รอคอยตัวเอกอยู่เหมือนกัน ว่านเฟิงตอนนั้นเขียนนิยายฮาเร็มออกมาด้วยความโมโหเขาตั้งใจจะเขียนตัวเอกที่หล่อที่สุด น้ำเน่าที่สุดออกมา น่าเสียดายที่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่อาจทำใจเขียนนิยายประเภทนี้ได้ เขียนไปได้ครึ่งเดียวก็แต่งต่อไม่ไหวแล้ว อย่างไรก็ตาม เขาก็ลงทุนลงแรงกับจิ่งฝาน เขียนบรรยายไว้ค่อนข้างเยอะมากจริงๆ ตามที่ต้นฉบับได้บรรยายไว้ จิ่งฝานเกิดในชาติตระกูลที่ดี บิดามารดารักใคร่ ครอบครัวปรองดอง ตัวเขาเองก็หน้าตาดีมีความสามรถ ไม่เคยพบเจอความเศร้าและความโชคร้าย เพราะฉะนั้นใน่แรกๆ จึงถือได้ว่าเป็สุภาพบุรุษผู้อ่อนน้อม รูปร่างหน้าตาดี อุปนิสัยดีเยี่ยม เป็ผู้อ่อนโยนมีมารยาท เป็ตัวอย่างของสุภาพบุรุษแห่งยุคอย่างแท้จริง และเหตุเพราะตระกูลของตัวเอกเป็หมอมาทุกรุ่น ตัวเอกนั้นก็ถือว่าเป็หมอที่อัจฉริยะที่สุดเท่าที่ตระกูลจิ่งเคยมีมา จึงให้ความรู้สึกเหมือนเป็ผู้ช่วยบรรเทาทุกข์ให้แก่ผู้คน จิตใจกว้างขวางซื่อตรงและยิ่งใหญ่
สรุปก็คือ ตัวละครที่ถูกบรรยายไว้โดดเด่นแจ่มชัดออกมาเป็คนที่เกือบจะสมบูรณ์แบบเช่นนี้ จะไม่ให้เขารอคอยได้อย่างไร
นักบุญอ่อนน้อมผู้ช่วยโลกเช่นนี้ กลับต้องพบเจอกับความโชคร้ายมากมาย กลายเป็คนที่โหดร้ายเืเย็นที่สุดในนิยายเื่นี้ เรียนวิชาแพทย์มายี่สิบกว่าปี ตอนอายุสิบห้าได้รับการยกย่องจากผู้คนว่าเป็หมอเทวดา ทว่าเขากลับไม่ใช้มือคู่นั้นที่สามารถนำคนกลับมาจากความตายได้ ช่วยเหลือคนอีกต่อไป แต่เลือกที่จะใช้มันฆ่าคนแทน!
หากอ๋าวหรานยังเป็เพียงนักอ่านที่อยู่นอกหนังสือ พล็อตเช่นนี้ อย่างมากเขาก็คงทอดถอนใจสักเล็กน้อยแค่นั้นก็ถือว่าแล้วกันไป และอาจจะถึงขนาดรอดูเื่สนุกหวังให้ตัวเอกของเื่สังหารไปทั่วทุกสารทิศ เป็วีรบุรุษเหนือวีรบุรุษ
แต่ทว่าตอนนี้มันต่างออกไป เขากลายเป็ตัวละครหนึ่งในนิยาย แต่เดิมที่เคยเป็เพียงแค่โลกของตัวอักษรกลับกลายเป็โลกแห่งความจริงที่มีชีวิตชีวา เหมือนกับตอนแรกที่เขาเพิ่งเขามาอยู่นั้น ผู้คนที่ถูกฆ่าเ่าั้ มีอารมณ์ความรู้สึกสามารถร้องไห้ร้องะโได้จริงๆ เพื่อ้าที่จะมีชีวิตรอด ความจำใจ ความหวาดกลัว ความเศร้าโศกเป็สิ่งที่มีอยู่จริง แล้วยังแม่ของเ้าของร่างนี้ที่เสียสละตัวเองขวางอยู่ด้านหน้าของเขา ความรู้สึกลึกล้ำเข้มข้นจนแทบจะทำให้อ๋าวหรานจมลงไป
เหมือน จริงเกินไป! ั้แ่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ สิ่งเหล่านี้สำหรับอ๋าวหรานแล้วนั้น ล้วนเป็สิ่งที่มีอยู่จริง
ในเมื่อระบบก็บอกแล้วว่าให้เขาเลือกทางเดินเอง ผลสุดท้ายตัวเขาก็ต้องรับผิดชอบเอง ถ้าอย่างนั้นเขาจะเลือกทำตามใจ จะอย่างไรก็เป็ชีวิตที่เก็บมาได้เปล่าๆ สามารถมีชีวิตเพิ่มมาอีกชาติหนึ่ง ทำไมไม่ใช้ชีวิตไปตามที่ใจปรารถนาเสียล่ะ?
อ๋าวหรานตื่นั้แ่เช้า ผลักเปิดประตูห้องที่ทำจากไม้หอม ข้างนอกพระอาทิตย์เพิ่งจะโผล่ขึ้นมา โลกใบนี้ก็ดี อากาศสดชื่น มองเห็นต้นไม้เขียวดอกไม้แดงเต็มไปหมด บางครั้งยังมีนกกระจอกน้อยส่งเสียงจิ๊บจิ๊บบินผ่านไป ถือว่ามีเสน่ห์ไปอีกแบบ
“อ๋าวหราน อ๋าวหราน” คนยังไม่มาเสียงมาก่อน
อ๋าวหรานตอบรับไปทางต้นเสียงคำหนึ่ง เด็กคนนี้ ไม่มีการสงวนท่าทีเหมือนคุณหนูมีตระกูลยุคโบราณเลย ช่างร่าเริงสดใสเสียจริง ในต้นฉบับไม่ได้บรรยายเกี่ยวกับนางไว้มากนัก แค่อธิบายรูปลักษณ์ของจิ่งเซียงอย่างง่ายๆ รวมถึงบทพูดไม่กี่ประโยค และบทพูดแค่ไม่กี่ประโยคนี้ยังเป็แค่คำสั่งเสียก่อนที่จะต้องตายอย่างน่าอนาถของจิ่งเซียง
มองดูสาวน้อยที่แย้มยิ้มกว้าง ดวงตาเปล่งประกายสดใสวิ่งมาหาตนเอง อ๋าวหรานอดไม่ได้ที่จะนึกถึงฉากในหนังสือ
“ อ๋าวหราน เ้ารู้ได้อย่างไรว่าพี่ชายข้าจะกลับมาวันนี้ หรือว่าเ้ามีความสามรถคาดการณ์ล่วงหน้าได้?”
“เดามั่วไปเท่านั้นเอง เห็นเ้าเป็ห่วงพี่ชาย ก็เลยปลอบเ้าเท่านั้น”
“เ้านี่ดวงดีจริงๆ เื่เช่นนี้ก็ยังเดาถูก”
มองดูสาวน้อยที่โกรธจนแก้มป่อง อ๋าวหรานยิ้มแล้วถามว่า “พี่ชายเ้าจะกลับมาเมื่อใด?”
“พี่ใช้นกพิราบส่งสารมาบอกว่าจะมาถึง่บ่าย ถึงตอนนั้นเ้าไปรับพี่ชายกับข้าเถอะ”
“ได้”
ระหว่างการรอคอยนั้นช่างเป็่เวลาที่ยากลำบากอย่างแท้จริง ถึงแม้อ๋าวหรานจะไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น แต่ไม่อาจหยุดการพูดพร่ำของจิ่งเซียงได้ นางผลุบๆ โผล่ๆ อยู่หน้าอ๋าวหราน สุดท้ายก็ทำให้อ๋าวหรานเริ่มร้อนรนตามไปด้วย
รอคอยอย่างยากลำบากจนในที่สุด คนที่ไปดูสถานการณ์ก็กลับมารายงานประโยคหนึ่งว่าคุณชายมาถึงหน้าประตูหมู่บ้านตระกูลจิ่งแล้ว จิ่งเซียงตื่นเต้นลากอ๋าวหรานออกไปด้านนอก อ๋าวหรานอยากจะบอกนางเหลือเกินว่า ข้าน้อยเป็ผู้าเ็พิการ กรุณาทะนุถนอมข้าน้อยด้วย
จิ่งเซียงยังไม่ตื่นเต้นจนเลอะเลือน นางยังจูงม้ามาด้วย จิ่วเจิงเองก็เช่นเดียวกันกับเขา หลายวันมานี้ใช้ชีวิตสุขสบายอยู่ที่ตระกูลจิ่งอันร่ำรวยนี้ เลี้ยงดูมันอย่างดีจนรูปร่างอ้วนพีแข็งแรง ขนบนตัวเป็มันเงางามสะท้อนแสง มีชีวิตชีวาเป็อย่างมาก
อาณาเขตของหมู่บ้านตระกูลจิ่งกว้างขวางมาก จากที่พักของอ๋าวหรานถึงหน้าหมู่บ้าน ต่อให้ขี่ม้า ก็ยังต้องใช้เวลาถึงยี่สิบนาที อ๋าวหรานโดนโยกจนแทบจะอ้วกออกมาแล้ว
เมื่อมาถึงหน้าหมู่บ้าน คณะเดินทางของจิ่งฝานก็เพิ่งมาถึงพอดี จิ่งเซียง กระโดนลงจากม้าทั้งอย่างนั้น รีบพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว สาวแกร่ง!
จิ่งฝานออกไปครั้งนี้นั้น เพราะเป็ประเพณีของตระกูลจิ่ง ทุกปีตระกูลจิ่งจะส่งลูกหลานออกไปฝึกฝนสองเดือน หนึ่งก็เพื่อให้เด็กได้ประสบการณ์ตรงจริงๆ ให้พวกเขาได้ออกไปเห็นโลกภายนอกและเพื่อเปิดโลกทัศน์ สองถือเป็การทำบุญ รักษาให้ผู้คนเปล่าๆโดยไม่เก็บค่ารักษา
จิ่งฝานเองมีชื่อเสียงขึ้นมาจากการฝึกฝนเช่นนี้เอง ตอนนั้นเขาเพิ่งจะอายุสิบห้า เป็การออกไปฝึกฝนครั้งแรก ใช้ความสามารถด้านการแพทย์อันสูงส่งของเขาดึงคนกลับมาจากความตาย ทั้งยังมีวรยุทธ์น่าเกรงขามจนเป็ที่จดจำของผู้คนมากมาย ด้วยอุปนิสัยและความสามารถของเขานั้นทำให้ผู้คนยอมก้มหัวให้ด้วยความเต็มใจ หลังจากนั้น การฝึกฝนของตระกูลจิ่งทุกปีจะมีจิ่งฝานเป็หัวหน้าคณะ
อ๋าวหรานตัวสั่นลงจากหลังม้า เงยหน้ามองไปยังตัวเอกที่อยู่ห่างออกไปไม่กี่ก้าว พบจิ่งฝานครั้งแรก อ๋าวหรานอดไม่ได้ที่จะตะลึงมองตาค้าง ในนาทีนี้ อ๋าวหรานรู้สึกเหมือนขาดอากาศหายใจ ไม่เสียทีที่เป็ตัวละครที่ผู้เขียนตั้งใจรังสรรค์บรรยายออกมา
รูปร่างสูง สูงกว่าจิ่งเซียงที่กอดอยู่ในอกถึงหนึ่ง่ศีรษะหนึ่ง่ไหล่ น่ากลัวว่าจะสูงถึงหนึ่งเมตรเก้าสิบ ผมดำยาวถึงเอวราวกับแพรไหมสยายอยู่บนร่าง ก้มศีรษะลงครึ่งหนึ่ง หลุบเปลือกตาลง แต่ก็ยังมองเห็นความงามส่องประกายจากดวงตาครึ่งปิดครึ่งเปิดคู่นั้น ยืนอยู่ตรงนั้นทั้งร่างราวกับส่องแสงสว่างเจิดจ้า ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะมองเขา
ราวกลับรู้สึกได้ว่ามีคนมอง จิ่งฝานเงยหน้า มองมายังอ๋าวหราน แสงสว่างในแววตาชั่วครู่เปลี่ยนเป็ดำมืดมองไม่เห็นก้น แววตาคบกริบยิ่ง ต่อให้อ๋าวหรานจะไม่รู้สึกรู้สาแค่ไหนก็ยังััได้ถึงจิตสังหาร เพราะอะไรกัน?
ยังไม่ทันได้แสดงความสงสัย อ๋าวหรานก็ถูกจิ่งฝานบีบคอ สองคนมีระยะห่างระหว่างกันห้าถึงหกเก้า จิ่งฝานกลับมาปรากฎกายต่อหน้าอ๋าวหรานในชั่วพริบตา เร็วจนน่าใ
อ๋าวหรานกลับไม่ว่างไปสนใจเื่นั้น เขากำลังจะถูกบีบตายอยู่แล้ว ทรมานเหลือเกิน!