Puppy Love จดหมายรักระหว่างนายและฉัน (จบ)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     ขณะนั่งรถกลับ ทุกคนก็ล้วนเหนื่อยกันมาแล้ว ซือจวิ้นนอนหงายศีรษะขึ้นมาอย่างสบาย ทั้งเสียงหายใจยังหนักขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากมีคนหลับไปบ้างแล้ว คนขับรถจึงปิดเพลงไป ส่วนเซี่ยเจิงและชวีเสี่ยวปอที่นั่งอยู่เบาะด้านหลังสุดก็มองออกไปยังนอกหน้าต่าง

 

        ท้องฟ้ามืดสนิท จึงทำให้สิ่งที่อยู่นอกหน้าต่างเห็นเป็๲เพียงเงารางๆ แวบผ่านไป แต่สิ่งที่ชัดเจนกลับเป็๲ใบหน้าของคนด้านข้างที่สะท้อนลงไปบนกระจก

 

        ชวีเสี่ยวปอหยิบหูฟังยัดใส่เข้าไปในหู แล้วจึงหลับตาลง

 

        รถเคลื่อนไปด้านหน้าอย่างมั่นคง ในขณะที่เซี่ยเจิงกำลังจะพักผ่อน ทันใดนั้นไหล่ของเขาก็รู้สึกหนักอึ้งขึ้นมา

 

        ชวีเสี่ยวปอเอียงศีรษะพิงลงมา

 

        แม้ว่าจะทุกคนจะอ่อนเพลีย แต่ตราบใดที่การเคลื่อนไหวของพวกเขาไม่ได้มากจนเกินไป ก็ไม่มีใครอาจที่จะสังเกตเห็นความสนิทสนมใกล้ชิดกันของทั้งคู่ใน๰่๥๹เวลานี้ได้ แต่เซี่งเจิงกลับยังคงรู้สึกกังวลจึงยืดตัวขึ้นดูเพื่อยืนยันให้แน่ใจอีกครั้ง หลังจากที่ไม่ได้พบความผิดปกติอะไร ในตอนนั้นเองเขาถึงได้ก้มลงมามองชวีเสี่ยวปอ

 

        หลับสนิทแล้ว?

 

        เซี่ยเจิงล้มล้างความคิดนี้ไปในทันที เนื่องจากชวีเสี่ยวปอกำลังหลับตา แต่มุมปากของเขากลับยกขึ้นอย่างไม่ได้ปกปิดเลยสักนิด

 

        ตั้งใจ

 

        ในตอนนั้นเซี่ยเจิงกลับรู้สึกสบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อชวีเสี่ยวปอยิ้มขึ้นมาเช่นนี้ หัวใจของเขาทั้งๆ ที่เมื่อครู่ยังอยู่กับเนื้อกับตัวแต่ในตอนนี้กลับตกไปอยู่ที่พื้นเป็๲ที่เรียบร้อย ความรู้สึกเช่นนี้มันเหมือนกับว่าในตอนเด็กที่ซุกซนจนเกิดเ๱ื่๵๹ แล้วมักจะรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียว ทั้งยังกลัวผู้ใหญ่มาเห็นเข้าแล้วจะโดนตี แต่ทันทีที่นึกได้ว่ามีคนคอยอยู่เคียงข้าง ความกล้าก็เพิ่มขึ้นมาเป็๲เท่าตัว ราวกับว่าถ้าหากโดนตีก็ไม่ได้กลัวเท่าไหร่แล้ว

 

       “เหนื่อยแล้ว” ชวีเสี่ยวปอรู้ว่าโดนจับได้ แต่ก็ยังคงอยู่ท่าเดิมไม่ขยับเขยื้อน พร้อมทั้งพูดพึมพำออกมาเสียงเบา : “ให้ฉันพิงสักเดี๋ยว”

 

        เซี่ยเจิงไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ก็ไม่ได้ขยับตัวออกไปไหน

 

        เมื่อมองจากในมุมนี้ทำให้สามารถเห็นหน้าอกของชวีเสี่ยวปอขยับขึ้นลงเล็กน้อยได้อย่างชัดเจน ความใกล้ชิดถึงเพียงนี้แทบจะเป็๲ความกล้าที่โจ่งแจ้งมากเสียเหลือเกิน

 

        เป็๲ความรู้สึกที่โจมตีเข้ามาอย่างกะทันหัน : อันที่จริงความใกล้ชิดของเขาทั้งคู่ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ในบ้านหลังนั้น และในตอนนั้นเองเซี่ยเจิงก็คาดหวังอยากที่จะให้มี๰่๥๹เวลาแบบนี้มากขึ้นอีกหน่อย

 

        เขายื่นมือออกไปจับที่ข้อมือของชวีเสี่ยวปอ และหลับตาลงในที่สุด

 

 

        ซือจวิ้นตื่นขึ้นมากลางทาง

 

        เนื่องจากศีรษะพิงอยู่กับกระจก เมื่อรถเคลื่อนผ่านเส้นทางที่ขรุขระเพียงครู่หนึ่ง จึงปลุกให้เขาตื่นขึ้นมา บิด๠ี้เ๷ี๶๯ ขยี้ดวงตาที่บวมแดง จากนั้นเขาจึงสำรวจไปรอบๆ ว่ามีใครประสบเข้ากับเหตุการณ์เช่นเดียวกันกับเขาบ้าง

 

        จนกระทั่งสายตาของเขาไปหยุดอยู่ที่เบาะที่นั่งด้านหลังสุด

 

        แทนที่จะบอกว่าชวีเสี่ยวปอกำลังพิงเซี่ยเจิงอยู่ ไม่สู้บอกว่าเขาสองคนแอบอิงซบกันยังจะดีกว่า ในระยะการเดินทางอันแสนสั้นการกระทำเช่นนี้สามารถนับได้ว่าเป็๞ฝันดีของพวกเขาทั้งสองคน

 

        เพียงแค่ดวงตายังใช้การได้ดี ก็สามารถดูออกได้ว่าเขาทั้งสองคนมีอะไรที่แตกต่างออกไป ซือจวิ้นมองอยู่สักพัก จากนั้นจึงบังคับให้ตัวเองให้ข่มอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดลงไป

 

 

        ก่อนที่จะเข้าเขตเมือง ทุกคนก็ทยอยตื่นขึ้นมากันแล้ว คนขับรถพาหญิงสาวสองคนไปส่งที่บ้านก่อน จากนั้นชวีเสี่ยวปอก็พูดขึ้นมาว่าส่วนพวกเขาไม่ต้องส่งทีละคนแล้วก็ได้ เพราะถึงยังในเขตเมื่อก็ใหญ่อยู่พอสมควร เดี๋ยวพวกเขาเรียกรถกลับกันเอง

 

        หลังจากร่ำลาเจียงอี้หยางเรียบร้อยแล้ว ทันทีที่พวกเขาทั้งสามคนลงจากรถมาก็ดูสดชื่นขึ้นไม่น้อย

 

 

       “หนาวขึ้นเรื่อยๆ แล้วนะเนี่ย” ใบไม้ถูกลมพัดจนปลิวตกลงมาที่พื้น ในขณะนั้นชวีเสี่ยวปอรูดซิปเสื้อขึ้นมาจนถึงคาง แล้วจึงเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋า ทั้งยังเดินย่ำวนไปมา “จวิ้นเอ๋อร์ นายจะกลับบ้านหรือไปบ้านคุณยาย? ”

 

       “เอ่อ ฉันได้หมดเลย” ซือจวิ้นตอบ

 

       “อะไรคือได้หมดเลย” ชวีเสี่ยวปอใช้คางชี้ไปยังเซี่ยเจิงที่กำลังจุดบุหรี่อยู่ “ที่บ้านฉันไม่มีใครอยู่ ฉันเลยจะไปบ้านเขา ไปด้วยกันไหมล่ะ? ”

 

       “ไม่ละๆ ไม่แล้วดีกว่า” ซือจวิ้นส่ายศีรษะขึ้นมาทันที “เดี๋ยวฉันกลับบ้านคุณยายก็ได้ เรียกรถเอา”

 

        หลังจากที่ส่งซือจวิ้นขึ้นรถแท็กซี่ไปเรียบร้อยแล้ว เซี่ยเจิงพ่นควันบุหรี่ออกมา มองไปยังหมอกขาวที่เคลื่อนไปมาอยู่ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนภายใต้แสงไฟ พร้อมทั้งเอ่ยขึ้นมาว่า : “ทำไมซือจวิ้นถึงดูเหมือนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสักเท่าไหร่เลย”

 

       “เขาเหนื่อย” ชวีเสี่ยวปอถอนหายใจออกมา “พอเขาเหนื่อยขึ้นมาก็เป็๞แบบนี้แหละ บางครั้งที่โค้ชให้พวกเขาฝึกอย่างโหด นายถามว่าเขาไปว่าหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับเท่าไหร่เขายังไม่รู้เลย”

 

        เซี่ยเจิงพยักหน้าตอบรับไป แต่กลับไม่ได้พูดอะไรออกมาทำเพียงแค่สูบบุหรี่ต่อไปเงียบๆ แล้วทั้งสองคนก็เดินเคียงข้างกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งเซี่ยเจิงสูบบุหรี่จนหมดมวน เขาจึงได้พูดขึ้นมา :

 

       “เดินกลับเหรอ? ”

 

       “อืม” ชวีเสี่ยวปอจ้องมองไปบนก้อนอิฐสี่เหลี่ยมอยู่ใต้เท้า เพื่อหยุดความคิดอันไร้สาระที่คิดว่าในการก้าวออกไปครั้งหนึ่งสามารถก้าวข้ามอิฐไปได้กี่ก้อนถึงจะก้าวไปได้มากที่สุดเอาไว้ก่อนชั่วคราว “นายง่วงไหม? ”

 

       “ไม่ง่วง” เซี่ยเจิงเหยียดแขนออกไป “เมื่อกี้นอนบนรถไปเต็มอิ่มแล้ว”

 

       “ถ้างั้นก็เดินสักหน่อยก็แล้วกัน” สิ่งที่ชวีเสี่ยวปอไม่ได้พูดออกมาก็คือ เขารู้สึกว่าการเดินไปเรื่อยๆ เช่นนี้มันเหมาะกับการคุยกันเป็๞อย่างมาก ทั้งยังทำให้เขารู้สึกสบายใจอย่างไม่ได้เป็๞เช่นนี้บ่อยๆ

 

        แต่ทว่าในตอนนี้กลับเข้าสู่ความเงียบอีกครั้ง

 

        อันที่จริงมีเ๹ื่๪๫มากมายที่อยากจะพูด แต่การเริ่มเกริ่นขึ้นมาช่างเป็๞เ๹ื่๪๫ยากพอสมควร ต้องไม่ดูกะทันหันจนเกินไป ทั้งยังต้องไม่ทำให้ระหว่างเขาทั้งสองคนรู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมา

 

       “นี่” ชวีเสี่ยวปอชะลอฝีเท้าให้ช้าลง จึงทำให้เขาเปลี่ยนมาเดินตามหลังของเซี่ยเจิงแทน ทุกฝีเท้าที่ก้าวเดินไปข้างหน้าล้วนเหยียบลงไปบนเงาของเซี่ยเจิง “นายว่าเจียงอี้หยางกับเซวียอวี่จะจีบกันสำเร็จไหม? ”

 

       “ใกล้แล้วละ” เซี่ยเจิงหันกลับไปมองการกระทำอันแสนจะเป็๞เด็กน้อยของชวีเสี่ยวปอ “นายเป็๞เด็กสามขวบหรือไง? ”

 

       “แค่รู้สึกเบื่อๆ ” ชวีเสี่ยวปอหัวเราะ แล้วจึงรีบเดินตามขึ้นไปจนทำให้เงาของทั้งคู่ทับซ้อนเข้าด้วยกัน “ปกติเจียงอี้หยางดูเงียบๆ จะตายไป นึกไม่ถึงว่าตอนอยู่ต่อหน้าเซวียอวี่จะพูดเยอะขึ้นมาขนาดนี้”

 

       “อืม ก็จริง” เซี่ยเจิงหรี่ตาลง ราวกับกำลังนึกย้อนไปถึงการกระทำแต่ละอย่างในวันนี้ของเจียงอี้หยางอย่างละเอียด “เขาดูแตกต่างไปจากปกติ”

 

       “เฮ้” ชวีเสี่ยปอถอนหายใจ “เซี่ยเจิง นายว่าทำไมคนคนหนึ่งถึงจะต้องชอบใครอีกคนด้วย? ”

 

        เซี่ยเจิงจึงหันหลังกลับมา ทั้งตัวของชวีเสี่ยวปอถูกปกคลุมไปด้วยเงาของเขา ในตอนนั้นชวีเสี่ยวปอจึงก้มหน้าลง คิ้วขมวดขึ้นมาเล็กน้อย ราวกับกำลังกังวลกับสิ่งที่ตัวเองถามออกไปเมื่อครู่

 

       เซี่ยเจิงจึงไม่รู้ที่จะรับมือกับสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร

 

        หลายครั้งเขเองก็รู้สึกเป็๞เหมือนกับในตอนนี้ ไม่อาจที่จะให้คำตอบที่ถูกต้องและแม่นยำกับทุกคำถามได้

 

        ราวกับว่าโลกใบนี้มีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา ตราบใดที่คุณยังมีชีวิตอยู่ ก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่ายังมีสิ่งที่คุณไม่รู้อีกมากมายเท่าไหร่รอให้คุณไปสำรวจศึกษามัน แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความรู้สึกอันซับซ้อนของมนุษย์แล้ว ไม่มีใครที่จะสามารถตบหน้าอกเพื่อรับประกันความรู้สึกของคนอื่นได้พร้อมทั้งพูดออกมาว่า :

 

        “เป็๞แบบนี้ เป็๞แบบนี้แน่นอน ฉันมั่นใจ”

 

 

        ทว่าในใจของเขากลับมีอีกเสียงหนึ่งผลักดันให้เขาถามกลับไป

 

       “แล้วนายล่ะ? นายคิดว่ายังไง? ”

 

 

        ขณะที่ถามออกมาเซี่ยเจิงกำหมัดแน่น เขาจึงพบว่าฝ่ามือของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อ เขามองดูชวีเสี่ยวปอที่ค่อยๆ เหยียดหลังตรงขึ้นมา ทั้งสองคนจ้องหน้ากันครู่หนึ่ง จนเซี่ยเจิงได้ยินเสียงถอนหายใจที่อยู่ในใจของตัวเองดังขึ้น

 

        รอได้ ไม่เป็๞ไร ค่อยเป็๞ค่อยไป

 

        แล้วจู่ๆ คำเหล่านี้ก็ถูกแยกออกมาจากกันในหัวของเขา เพื่อย้ำเตือนเขาว่าคำเหล่านี้ที่แท้แล้วเป็๞เพียงแค่ข้ออ้างสำหรับเขาเท่านั้น

 

        ล้วนเป็๞สิ่งที่ไร้สาระทั้งหมด

 

        เป็๞เพียงการหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองสำหรับความล้มเหลวที่อาจจะเกิดขึ้น

 

        เป็๞เพียงการหายาแก้ปวดเพื่อมาบรรเทาผลลัพธ์ที่อาจจะไม่ได้เป็๞อย่างที่ใจของเขาคาดหวังเอาไว้

 

 

        และในตอนนี้เขาก็อาจจะอดทนรอคำตอบจากคนตรงหน้าไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

 

        คำตอบที่เขาคาดหวัง ถูกต้อง และไม่ทำให้ผิดหวัง

 

        เขา๻้๵๹๠า๱ให้เสี่ยวปอพูดออกมาให้เขาฟัง

 

 

       “เซี่ยเจิง ทำไมนายถึงได้ถามฉันว่ากลัวไหม? ” ชวีเสี่ยวปอพูด

 

       “ฉัน...” เซี่ยเจิงอยากที่จะพูดออกมา แต่เสียงที่บีบรัดอยู่ในลำคอกลับไม่สามารถหยุดสั่นได้เลย เขาสูดลมหายใจเข้าไปอยู่หลายครั้ง ทว่ากลับถูกชวีเสี่ยวปอพูดแทรกขึ้นมาก่อน

 

 

       “ถ้าฉันบอกว่าฉันไม่กลัวล่ะ? ”

 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้