“ไอ้หนุ่มคิดจะไปไหน?” ชายสองคนที่ใส่หมวกฟางะโเข้ามาที่เรือของฉินเฟิงแล้วพวกเขาทั้งคู่ยืนอยู่ด้านข้างและบีบไหล่ของเขา
“แหะๆ ดูเหมือนว่าผมจะไม่รู้จักพวกท่านดีนะพวกท่าน้าอะไรเหรอ?” ฉินเฟิงหันกลับไปและถามด้วยรอยยิ้ม
“ขับเรือออกไปให้ไกลกว่านี้และอย่าตุกติกความสามารถอันจิ๊บจ้อยของเ้ามันก็แค่ของเด็กเล่นต่อหน้าสองเฒ่าหยินหยาง”
ตามคำขอของพวกเขาเรือแล่นออกไปไกลขึ้นๆทั้งสองให้ฉินเฟิงหยุดตอนที่ถึงกลางทะเลที่มองไม่เห็นเรืออื่นอีกแล้ว
ฉินเฟิงหยุดเรือและเห็นว่าเขามองไม่เห็นเรือที่ไป๋ชิงอยู่อีกแล้วเมื่อเขารู้ว่าเธอหนีจากอันตรายได้ เขาก็โล่งใจ สีหน้าของเขาเ็าทันที“พวกท่านเป็คนของใคร? ใครส่งพวกท่านมาที่นี่เพื่อจับผม?”
เนื่องจากพวกเขาอยู่กลางทะเลและไม่มีเรืออื่นให้เห็นชายหมวกฟางจึงไม่กลัวว่าฉินเฟิงจะหนีไปไหนได้นอกจากว่ามันจะงอกปีกบินออกไปมันก็ไม่มีทางอื่นที่จะหนีจากเงื้อมมือของชายสองคนนี้
“ไอ้หนุ่มอย่าถามเยอะในสิ่งที่ไม่ควรถาม ถ้าอยากมีชีวิตอยู่ก็ส่งบัวโลหิตร้อยปีมาเสีย”
เมื่อเขาได้ยินว่าทำไมสองคนนี้ถึงมาหาฉินเฟิงก็สับสนเล็กน้อยั้แ่แรกเขารู้ว่าบัวโลหิตร้อยปีเป็สมุนไพรหายากตอนที่ซูชิวเยว่แอบส่งให้เขาบนเขาโค้งงูเธอทำมันเพื่อหลอกตาพวกมันแต่ก็นำปัญหามาให้เขาด้วย
ผู้หญิงคนนี้ดูสง่างามเรียบร้อย ซับซ้อน และหยั่งลึก มันก็มีภารกิจในระบบที่เกี่ยวกับตระกูลซูด้วยเหมือนกันฉินเฟิงรู้ว่าซูชิวเยว่จะเป็ของเขาไม่ช้าก็เร็วนั่นจึงเป็เหตุผลว่าทำไมเขาถึงช่วยเธอ อย่างไรก็ตามเมื่อเขาเห็นเธอครั้งต่อไปเขาจะจับกดเธอและฉวยโอกาสเธอเพื่อเป็การชดใช้นิดๆหน่อยๆ
“บัวหิมะ? ท่านทั้งสองลักพาตัวผมมากลางทะเลเพราะแค่ขาดแคลนดอกบัวหิมะเนี่ยนะ?”ฉินเฟิงมองไปที่ทั้งสองคนอย่างไม่พอใจ “ถ้าอย่างนั้น ผมเป็นายน้อยจากตระกูลร่ำรวยถ้าพวกท่านทั้งสองปล่อยผมไปผมจะไม่ใช่แค่ให้บัวหิมะท่านดอกเดียวผมจะให้เป็ร้อยดอกเลย”
“ไอ้หนุ่ม เ้าคิดว่าเ้าสามารถตีหน้าซื่อกับพวกเราได้หรือ?”หนึ่งในชายใส่หมวกฟางพูดขึ้น “วันนั้นที่เขาโค้งงูลูกสาวคนโตของตระกูลซูนั่นเริ่มกอดเ้าและซุกกล่องบัวโลหิตร้อยปีให้กับเ้าเ้าคิดว่าพวกเราไม่เห็นหรืออย่างไร?”
“หมายความว่าไงลูกสาวคนโตของตระกูลซูที่ว่าน่ะ?” คำถามที่ฉินเฟิงกังวลดันแตกต่างจากชายทั้งสอง
สีหน้าของชายหมวกฟางจมดิ่งเขาพูดอย่างไม่เต็มใจมาก “ตระกูลซูมีหลานสาวสองคน คนที่กอดเ้าคือคนโต”
“อ้อเป็งั้นนี่เอง แล้วคนเล็กหน้าตาเป็ไงล่ะ?” ฉินเฟิงมองดูทั้งสองด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายระบบมีภารกิจให้ยึดครองบริษัทของตระกูลซู ดังนั้นเขาอาจจะได้หลานสาวทั้งคู่ฉินเฟิงเห็นซูชิวเยว่แล้วและเขาก็ต้องได้สาวสวยคนนี้ อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยเห็นหลานคนเล็กแล้วถ้าเธอหน้าตาน่าเกลียดล่ะ?
“สวยมาก”ชายหมวกฟางตอบตรงๆ ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนและจ้องฉินเฟิงอย่างเ็า“ไอ้หนุ่ม อย่ามาเปลี่ยนเื่ รีบเอาบัวโลหิตร้อยปีออกมาไม่งั้นข้าจะฆ่าเ้าในหนึ่งกระบวน!”
“ถ้าเธอสวยงั้นก็ดีแล้วดีแล้ว!” เขาแกล้งทำเป็ไม่ได้ยินชายทั้งสองและเผยสีหน้าสัปดน
“ฮึ่ม ในเมื่อเ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วเราสองเฒ่าหยินหยางจะเติมเต็มความปรารถนาของเ้า” ใบหน้าของพวกเขาโกรธเกรี้ยวทันทีพลังลมปราณมหาศาลไหลออกมาจากมือผอมเหี่ยวที่กำลังจับไหล่ของเขามันมีพลังจนหักไหล่ของฉินเฟิงได้ในทันที
สีหน้าของฉินเฟิงเคร่งเครียดขึ้นเขาปลดเกาะับินออกฉับพลันกำลังมหาศาลที่เท่ากันปล่อยออกจากร่างของฉินเฟิงและสกัดพลังของชายหมวกฟางแล้วเขาก็หนีออกจากเงื้อมมือ
เขาะโเบาๆลอยข้ามหัวพวกเขาไป เมื่อเขาลงมาถึงพื้นเขาง้างหมัดและจู่โจมไปที่ด้านหลังของชายทั้งสองคน
ปังๆ!
หมัดทั้งสองลงพร้อมกันเสียงดังสนั่นออกมาจากหลังของชายทั้งสอง ฉินเฟิงไม่ได้ออมมือเมื่อต่อยออกไปพละกำลัง 600 ชั่งถูกใช้ออกมาเต็มที่ หากเป็คนธรรมดาคงจะปลิวทันทีและร่างทั้งร่างคงะเิไปแล้ว
อย่างไรก็ตามหลังจากที่หมัดทั้งสองปะทะชายหมวกฟางก็ไม่ได้ปลิวไปตามที่คาด ตรงกันข้ามพลังลมปราณขนาดใหญ่ไหลจากหลังของชายทั้งสองและผ่านหมัดของฉินเฟิงเขาไม่มีเวลาตอบโต้และพลังลมปราณอันแข็งแกร่งก็ไหลผ่านไปทั่วร่างกายของเขาฉินเฟิงกระอักเือย่างรุนแรงและกระเด็นไป
ตูม!
หมัดทั้งสองปะทะใส่ชายหมวกฟางแต่พลังลมปราณไหลย้อนเข้าร่างของฉินเฟิง
เขาถูกกระแทกด้วยแรง600 ชั่งยังดีที่ใน่เวลาอันตรายนี้เขาใส่เกราะับินอีกครั้งทันและใช้ลมปราณภายในเพื่อปกป้องร่างกายเพียงแค่วิธีนี้เท่านั้นที่เขาจะรักษาชีวิตน้อยๆ ไว้ได้
ฉินเฟิงหล่นลงทะเลสายตาของเขาเต็มไปด้วยความใ ชายแก่ทั้งสองแข็งแกร่งจริงๆ แถมยังเป็จอมยุทธ์กำลังภายในอีกเทียบกับเหลียงเจิ้นเวยที่เป็จอมยุทธ์กำลังภายในขั้น 4 ใครจะรู้ว่าพวกเขาแข็งแกร่งกว่ามากเพียงใด
ไม่มีทางที่ฉินเฟิงจะเอาชนะชายทั้งสองต่อหน้าเขาได้...
“ไอ้หนุ่มข้าจะให้โอกาสสุดท้าย ถ้าเ้าเป็เด็กดียอมมอบบัวโลหิตร้อยปีมา เราจะไว้ชีวิตเ้า”ฉินเฟิงจมอยู่ในทะเลแต่ชายทั้งสองก็ยังส่งเสียงที่มีแค่ฉินเฟิงเท่านั้นที่ได้ยินอย่างชัดเจน
นี่เป็ครั้งแรกที่เขาเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งอย่างนี้เขาไม่มีโอกาสแม้แต่จะหนีฉินเฟิงจำเป็ต้องเก็บบัวโลหิตร้อยปีไว้ปรุงยาปราณโลหิตเพื่อช่วยหลินเป้ยเป้ยดังนั้นจึงไม่มีทางที่เขาจะส่งให้พวกมัน เมื่อเขาจนปัญญาความรู้สึกแปลกๆก็ผ่านไปทั่วหัวใจ
ความรู้สึกที่มาจากไหนไม่รู้จากก้นบึ้งของหัวใจมันมาแบบไม่ขาดสายและคุ้นเคยอย่างมากมันเป็ความรู้สึกแบบเดียวกับที่เขาใช้เวลากับครอบครัวทุกครั้ง
ความรู้สึกนี้เหมือนกับแสงแห่งความหวังของฉินเฟิงที่อยู่ในทะเลมันดึงดูดให้เขาว่ายไปทิศทางนั้นโดยสัญชาตญาณ
“ไอ้เด็กนี่มัน้าหนี”ชายแก่ใส่หมวกฟางกล่าว
“มันมีวิชาพอตัวอยู่บ้างให้มันว่ายไปรอบๆ ใต้ทะเลสักพักก่อน เดี๋ยวพอพลังมันหมดเราจะลงทะเลไปจับเป็มัน”ชายที่ใส่หมวกฟางอีกคนตอบอย่างไม่แยแส
ทั้งสองขับเรือตามเส้นทางที่ฉินเฟิงว่ายไปครั้งนี้ฉินเฟิงยังค่อนข้างเร็วเพราะความรู้สึกที่คุ้นเคยเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อยๆและแรงขึ้น มันกระตุ้นศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในร่างกายของเขาออกมาแม้ว่าเขาจะเพิ่งาเ็ แต่ก็ยังะเิความเร็วอันน่าใเขาเหมือนกับเงือกที่ว่ายไปทั่วใต้สมุทร
“ฉันอยู่นี่เกือบจะถึงแล้ว!”
ความรู้สึกที่รุนแรงมากจนหัวใจของฉินเฟิงเกือบจะกระโจนออกจากอกเขามองไปรอบๆ และหาว่าความรู้สึกนี้มาจากไหนแต่นอกจากมีอะไรไม่รู้ที่ขวางทางของเขาแล้ว มันก็ไม่มีอะไรอื่นอีก