ผู้ชายที่ดูโทรม ผมบางตาโบ๋ ลักษณะเหมือนคนติด “ผงขาว” ในย่านนี้
เขากำลังวิ่งหนีอย่างสุดชีวิตในตรอกที่แคบและมืด เสียงดังแฉะๆ ในทางที่ผ่านมาไม่รู้ว่าเหยียบหนูตัวเล็กๆ ที่สกปรกไปกี่ตัวแล้ว มีกลุ่มชายลึกลับหลายคนถือมีดไล่ตามเขามา ะโเสียงด่าเสียงดังไม่ขาดสาย— เฮ้ย! ไอ้หนู อย่าวิ่งนะ ไอ้เวร แกตายแน่ ได้ยินไหม หยุดนะ เฮ้ย!
ข้างหน้าเป็ทางแยกซึ่งมีร้านขายเนื้อสุนัขอยู่หลายร้านที่มีผู้คนพลุกพล่าน โซนนั้นมีหม้อไฟเล็กๆ หลายสิบใบวางเรียงรายบนโต๊ะที่มีขวดเหล้าและเศษกระดูกที่กินเหลือทิ้งไว้ ชายคนนั้นใช้แรงที่มีพุ่งชนโต๊ะหลายตัวจนล้มลงระเนระนาดในคราเดียว สร้างวุ่นวายไปทั่ว ทุกคนต่างะโด่ากัน วินาทีนั้น พวกเขากระโจนเข้าต่อสู้กันอุตลุดจนเกิดความวุ่นวาย!
กลุ่มชายลึกลับหลายคนเหมือนเกี๊ยวที่ตกลงไปในหม้อซุปเดือด ถูกกลุ่มคนที่กำลังโมโหล้อมในทันที! หลังจากที่พยายามยื้อยุดฉุดกระชากอยู่นาน พวกเขาก็หลุดออกมาจากฝูงชนอย่างทุลักทุเล แต่ชายคนนั้นวิ่งหายไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว
“เวรเอ๊ย!” หนึ่งในพวกอันธพาลที่ทรงผมเรียบแปล้มันขลับและมีแผลเป็บนหน้า สบถด่าออกมา
“พี่เสี่ยวหม่า ทำอย่างไรดี?” คนที่เหลือเอ่ยถาม
“ทำมารดามึงสิ! ไอ้พวกไร้ประโยชน์! แยกกันไปหา!
……
ชายที่หนีเอาชีวิตรอดวิ่งเหนื่อยจนหอบ ทางเดินในตรอกข้างหน้ามืดมิดเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด แต่เขารู้ว่า ถ้าเขาผ่านออกไปจากเขตเมืองกำแพงเจียวหลงไปได้ เขาจะปลอดภัยชั่วคราว
ท่ามกลางความมืด ทันใดนั้นก็มีเสียง ‘แกร๊ก!’ เบาๆ ปรากฏแสงไฟสายหนึ่งสว่างวาบ
ชายคนนั้นหยุดฝีเท้าชะงัก ดวงตาเบิกโพลง วินาทีนั้นเหงื่อเย็นไหลอาบชโลมแผ่นหลังทันที
ขาของเขาสั่นสะท้าน มองไปที่มีดยาวที่ปักอยู่บนผนัง—คมมีดห่างจากคอของเขาเพียงก้าวเดียว ถ้าเขาหยุดช้ากว่านี้แค่ครึ่งวินาที เขาคงจะโดนมีดฟันไปแล้วและตัวกับหัวคงขาดออกจากกัน!
คนที่จุดไม้ขีดไฟยืนพิงผนัง เอียงศีรษะจุดบุหรี่สูบแล้วเงยหน้าขึ้นพ่นควันอย่างสบายใจ
แสงไฟอ่อนๆ สะท้อนโครงหน้าที่เ็า ด้านข้างของเขาอย่างชัดเจนและท่าทางสบายๆ
ชายคนนั้นคุกเข่าลงทันควัน 'พะ พะ พะ พี่ลิ่วอี...
ชย่าลิ่วอีก้มหน้าลง เขี่ยบุหรี่บนด้ามมีดอีกเล่มที่ยังไม่ดึงออกมาจากปลอกบริเวณเอว ก่อนถามด้วยท่าทีสบายๆ ว่า “ยังจะหนีอีกไหม?”
“มะ มะ มะ ไม่แล้ว! ผะ ผะ ผมผิดไปแล้ว! พี่ลิ่วอี…”
“รู้ตัวแล้วก็ดี” ชย่าลิ่วอีพูดพูดด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชาพลางเชิดคางขึ้นเล็กน้อย “ดึงออกมา”
ชายคนนั้นตะเกียกตะกายลุกขึ้นด้วยสองมือสองขาที่สั่นเทิ้ม เขาลองพยายามอยู่หลายหนกว่าจะดึงมีดเล่มยาวที่ปักลึกอยู่ในผนังออกมาได้ ใช้สองมือข้างส่งมืดคืนให้ชย่าลิ่วอี
“ถือมันไว้” ชย่าลิ่วอีหยัดกายยืดตรงพลางสูบบุหรี่ไปพลาง “เด็กดี กลับไปแล้วจะพาไปฉลองวันเด็ก”
เมื่อชายคนนั้นได้ยินประโยคสุดท้าย เขาก็เข่าอ่อนและล้มลงพังพาบกับพื้นทันที และร้องคร่ำครวญว่า 'พี่ลิ่วอี ผมรู้ว่าผิดไปแล้ว! ไว้ชีวิตผมเถอะ! ไว้ชีวิตผมเถอะ...”
ชย่าลิ่วอีเดินด้วยฝีเท้าที่แ่เบาและรวดเร็วออกไปไกลแล้ว เขาไม่พูดอะไรสักคำ เพียงแค่โบกมือเหมือนเรียกหมา
ชายคนนั้นร้องไห้น้ำตาไหลพรากและขี้แตกเรี่ยราดเดินตามเขาไป... ทั้งยังต้องถือมีดยาวที่สะท้อนแสงเล่มนั้นไปด้วย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้