“ท่านพี่นาตาชา ท่านน่าจะเห็นแล้วว่าผู้ชายหยาบกระด้างคนนั้นจะเป็าาที่มีเกียรติได้อย่างไร? ข้าเห็นเป็แค่ชายป่าเถื่อนที่แสนหยาบคายและโอหังคนหนึ่งเท่านั้น...เขาวางตัวเสมอพวกเรา เขาไม่เห็นศักดิ์ศรีและเกียรติยศขององค์จักรพรรดิเซนิทของพวกเราอยู่ในสายตาเลยสักนิด...”
องค์ชายน้อยโตรบินสกี้ยังนึกหวาดกลัวกับการข้ามสะพานที่ชำรุดไปยังชายฝั่งเหนือของแม่น้ำจูลี่ที่สร้างขึ้นชั่วคราว ด้วยการใช้เชือกและแผ่นไม้ ขณะที่เข้าสู่เมืองแซมบอร์ดเขายังคงพูดถึงเื่แย่ๆ ของซุนเฟยไม่หยุด ไม่ว่าจะเป็ความประทับใจอันเลวร้ายในครั้งแรกที่ซุนเฟยฟาดตัวเองและเหล่าผู้ติดตามจนกระเด็น ต่อมาก็คือพฤติกรรมเมินเฉยไม่แยแสและทอดทิ้งให้คณะทูตราชอาณาจักรเซนิทอยู่ที่ริมแม่น้ำ สิ่งเหล่านี้ทำให้โตรบินสกี้ไม่พอใจต่อาาของเมืองแซมบอร์ดองค์นี้มากนัก
ความจริงแล้วคนที่ไม่พอใจไม่ใช่แค่องค์ชายโตรบินสกี้คนเดียว คนอื่นก็เช่นกัน สำหรับอัศวินที่สูงส่งของราชอาณาจักรเซนิท ในฐานะที่เป็คณะทูตตัวแทนพระองค์ มาถึงถิ่นทุรกันดารนี้ถือว่าเป็บุญคุณล้นฟ้าสำหรับเมืองแซมบอร์ดแล้ว อีกทั้งในฐานะาาของอาณาจักรบริวารที่ยังไม่ได้สวมมงกุฎอย่างเป็ทางการแล้ว ควรที่จะทิ้งมาดาาแล้วไสหัวออกมาต้อนรับพวกเขา ด้วยทัศนคติเช่นนี้ทำให้หลายคนไม่พอใจ
“จิมมี่ กฎระเบียบอัศวินบอกพวกเราว่าไว้อย่างไร เวลาที่ตำหนิผู้อื่นว่าไร้มารยาท ก็ยิ่งสมควรคิดย้อนไปถึงพฤติกรรมที่ตัวเองกระทำ”
เสียงอ่อนแรงในรถม้าดังขึ้น นางไม่ฟังคำบ่นของน้องชายตัวเอง และยังคงใช้น้ำเสียงอ่อนแรงพูดด้วยจังหวะที่ไม่ช้าไม่เร็ว ในฐานะที่ครั้งนี้เป็เอกอัครราชทูตจากราชอาณาจักรเซนิทมาที่เมืองแซมบอร์ดเพื่อดำเนินการแต่งตั้งาา สำหรับการต้อนรับอย่างเ็าทั้งหมดที่ตัวเองได้รับก่อนหน้านี้ในแบบที่คาดไม่ถึง องค์หญิงนาตาชาก็ไม่คิดมาใส่ใจ ไม่มีใครรู้ว่าองค์หญิงองค์นี้กำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ ตลอดทางนางอยู่แต่ในรถม้าไม่ยอมออกมาสักที
ประตูเมืองแซมบอร์ด
หัวหน้ามหาดเล็กเบสท์สวมเสื้อคลุมผ้าลินินที่ก่อนหน้านี้เป็ผู้นำทาง เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็ชุดสีดำที่ดูสวยงาม ยิ่งทำให้เขาดูสง่างามและน่าเกรงขามมากขึ้น ตอนนี้เขากำลังรออยู่ที่ประตูกับข้ารับใช้อีกสองคน
เมื่อเห็นรถม้าขององค์หญิงมาถึง เบสท์ก็รีบเดินเข้าไปทำความเคารพเป็อย่างแรกพลางอธิบายว่า “องค์หญิง องค์ชาย าาของข้าได้รับาเ็หนักจากการต่อสู้ครั้งนี้ ดังนั้นจึงไม่อาจเสด็จออกมาต้อนรับทั้งสองพระองค์ได้ด้วยพระองค์เอง องค์าาเองก็ทรงเสียพระทัยมากๆ กับเื่นี้ แต่พวกเราได้จัดเตรียมสถานที่พักผ่อนสำหรับคณะทูตเรียบร้อยแล้วขอรับ”
พูดตามจริง เมื่อสามสี่ชั่วโมงก่อน มีเื่ให้ชายแก่หน้าหล่อคนนี้ต้องวุ่นวายใจ
องค์าาอเล็กซานเดอร์มัวแต่เห็นอกเห็นใจและคิดถึงเื่ประชาชนและทหารของตัวเอง เบสท์จำเป็ต้องกระตือรือร้นมารับมือกับคณะทูตราชอาณาจักรเซนิท สะพานหินที่พังทลายนอกเมืองแซมบอร์ด เขาก็ต้องจัดการหาคนไปซ่อมมันอย่างเร่งด่วน อำนาจของหัวหน้ามหาดเล็กเบสท์ในเมืองแซมบอร์ดลดลงฮวบฮาบ เพราะเื่ที่เขา ‘หลบหนีออกจากเมือง’ มีคนไม่กี่คนที่ยอมช่วย ‘ตาแก่’ จิ้งจอกเ้าเล่ห์ผู้โลภมากคนนี้ แต่ตาแก่จิ้งจอกก็ยังคงเป็จิ้งจอก เขาแค่พูดประโยคเดียวว่า “หากซ่อมสะพานหินนี้เสร็จไม่ทันงานเลี้ยง คณะทูตก็จะยกเลิกพิธีาาภิเษกของาาอเล็กซานเดอร์” นั่นทำให้เหล่าชาวบ้านและทหารในเมืองแซมบอร์ดทุ่มเทในการสร้างสะพานหินอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยทันที แม้กระทั่งทหารที่ได้รับาเ็เล็กน้อยก็อาสามาช่วยทำงานเช่นกัน ในไม่ช้าเชือกจำนวนมาก็ถูกผูกเชื่อมสะพานทั้งสองฝั่ง ้าก็ปูด้วยแผ่นไม้ที่แข็งแรง ทำให้รถม้าและเหล่าอัศวินม้าข้ามมาได้
ในตอนนี้เอง เบสท์ก็มองอย่างประหลาดใจ
ขั้นตอนทุกอย่างเสร็จเร็วกว่าที่เขาคาดการณ์ไว้ตั้งสองชั่วโมง ดูเหมือนว่าองค์าาอเล็กซานเดอร์จะครองใจประชาชนเมืองแซมบอร์ดมาก มากกว่าาาองค์ก่อนเสียอีก ดูเหมือนว่าหากถึงคราวจำเป็ เหล่าทหารและชาวบ้านพวกนี้คงยินดีที่จะสละชีวิตเพื่อองค์าา
“นำทางเถอะ”
หลังได้ฟังคำอธิบายของเบสท์ เสียงขององค์หญิงนาตาชาผู้ที่ไม่เคยออกมาจากรถม้าก็ดังขึ้น น้ำเสียงของนางยังคงอ่อนล้าและเฉยเมย ด้วยคำตอบแบบนี้ไม่มีใครสามารถคาดเดาความคิดใดๆ จากนางได้ องค์หญิงแห่งราชอาณาจักรเซนิทพระองค์นี้ราวกับมีเพียงอารมณ์เดียวไม่เปลี่ยนแปลง
เบสท์พยักหน้าก่อนจะโค้งกายทำความเคารพ จากนั้นก็หันหลังเดินนำทางพวกเขา
เขาไม่แปลกใจกับเื่นี้ ตลอดเวลาที่เดินทางจากเมืองหลวงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กแห่งราชอาณาจักรเซนิท องค์หญิงลึกลับองค์นี้ก็มีท่าทีแบบนี้มาตลอด ความสงสัยในตอนแรกของเบสท์จนมาถึงตอนนี้ก็เริ่มสงบลง ความจริงแล้วเขาคุ้นเคยกับท่าทางเช่นนี้แล้ว
หลังจากเข้าเมืองมา คณะทูตก็ถูกพาไปพักที่คฤหาสน์ของตุลาการทหารคอนก้า
เนื่องจากว่าตุลาการทหารคอนก้าถูกองค์าาอเล็กซานเดอร์สังหารด้วยมือของพระองค์ในข้อหาฏ ดังนั้นคฤหาสน์หรูหราโอ่โถงหลังนี้จึงถูกยึดเป็สมบัติของคลังหลวงเมืองแซมบอร์ด ก่อนหน้านี้ที่เบสท์จัดการคัดเลือกให้ข้ารับใช้จำนวนหนึ่งมาทำความสะอาดคฤหาสน์หลังนี้ ทั้งยังตกแต่งใหม่อีกนิดหน่อย การจัดการแบบนี้ทำให้ความโกรธขององค์ชายโตรบินสกี้และเหล่าอัศวินที่สูงศักดิ์รู้สึกพอใจอย่างมาก
คณะทูตนำข้ารับใช้และนางกำนัลจำนวนมากมาด้วย ทำให้เบสท์ไม่ต้องมากังวลในเื่นี้ ชายแก่หน้าหล่อแสดงความสามารถในด้านการจัดการบริหารได้อย่างดีเยี่ยม แม้ว่าจะเคยได้รับสายตาเ็าของเหล่าอัศวินที่สูงส่งพวกนั้น แต่ทว่าั้แ่ต้นจนถึงตอนนี้เขายังคงรักษากิริยามารยาทไว้ได้เสมอต้นเสมอปลาย ไม่แสดงท่าทางดูแคลนหรือหยาบคายแม้แต่เล็กน้อย
“องค์หญิง องค์ชายขอรับ องค์าาอเล็กซานเดอร์จะจัดงานเลี้ยงเฉลิมฉลองที่พระราชวัง ฉลองชัยชนะในการต่อสู้รักษาเมืองแซมบอร์ด ถ้าหากท่านทั้งสองพระองค์สามารถเสด็จไปร่วมงานเลี้ยงได้ถือว่าเป็เกียรติอย่างที่สุดของพวกเราพะยะค่ะ”
อีกไม่นานงานเลี้ยงก็จะเริ่มแล้ว เบสท์เชื้อเชิญทั้งสองพระองค์อย่างสุภาพ
ความจริงแล้วซุนเฟยไม่ได้มีความคิดอยากจะเชิญคนของคณะทูตมาร่วมงานเลี้ยงในคืนนี้เลยสักนิด แต่ตาแก่เบสท์คิดว่า บางทีงานเลี้ยงครั้งนี้อาจจะเพิ่มความสัมพันธ์ทั้งสองฝ่ายได้ ถือโอกาสละลายความรู้สึกไม่ชอบหน้ากันก่อนหน้านี้เสีย ดังนั้นเขาจึงเชื้อเชิญด้วยตัวเอง
“อะไรนะ? เฉลิมฉลอง? ฮ่าๆ เขายังคิดจะเฉลิมฉลองหรือ? ทหารเกราะดำทุกคนถูกอัศวินอย่างพวกเราจัดการทั้งหมด...หากไม่ใช่เพราะอัศวินแห่งราชอาณาจักรเซนิทผู้กล้าหาญมาทันเวลา เกรงว่าาาคนนั้นคงถูกจับไปและเมืองก็คงล่มสลายไปแล้วกระมัง? ฮ่าๆๆ ดีๆๆ บอกาาผู้โง่เขลาของพวกเ้าด้วยว่า ข้าจะไปเข้าร่วมอย่างแน่นอน ข้าอยากไปดูหนังหน้าของชายหน้าด้านคนนั้น จะให้คนอื่นมาเอาความดีความชอบของพวกข้าได้อย่างไร!”
องค์ชายโตรบินสกี้ได้ยินก็พลันตอบอย่างทระนง
……
……
อาทิตย์อัสดง
เมืองแซมบอร์ดล้อมรอบไปด้วยูเาที่อาบด้วยแสงสีทองและแม่น้ำที่ไหลเชี่ยวกราก ดูเงียบสงบราวกับเป็ภาพวาดูเาสายธารที่งดงาม ทำให้ผู้คนต่างหลงใหล
บนถนนในเมืองมีผู้คนเดินขวักไขว่จำนวนมาก
นอกจากองค์าาจะได้รับชัยชนะจากาแล้ว ยังจัดการผลพวงของามากมายด้วย แต่ชาวเมืองแซมบอร์ดก็ยังมีเื่มากมายที่พวกเขาต้องไปทำ บางคนรื้อถอนหรือเคลื่อนย้ายท่อนซุงไม้หนามที่ทำเป็เครื่องมือป้องกันข้าศึก ขนก้อนหินและวัตถุหนักๆ ที่จำเป็กลับบ้าน ช่วยกันขนย้ายศพทหารไปฝังและนำศพของข้าศึกที่อยู่นอกเมืองไปเผาเพื่อหลีกเลี่ยงโรคภัยและมีกลิ่นเหม็น...าสิ้นสุด นั่นหมายถึงเป็จุดเริ่มต้นของขั้นตอนการเก็บกวาด
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าบนถนนในเมืองมีแขกผู้มาเยือน
หญิงสาวลึกลับที่สวมผ้าคลุมหน้าสีดำ เดินเล่นด้วยท่าทางสบายๆ ภายใต้การคุ้มกันของอัศวินสาวที่มีอาวุธครบมือ พวกนางคอยอารักขาอยู่ด้านหลัง โดยมีชายรูปร่างสูงใหญ่เดินตามมาอย่างเงียบๆ เป็นักรบผมสีทองที่มีรอยยิ้มบนหน้าอยู่ตลอดเวลา
“ฝ่าา คาดไม่ถึงเลยว่าทัศนียภาพของเมืองเล็กๆ นี้จะไม่เลวนัก ถนนกว้างขวางและเป็ระเบียบเรียบร้อย แม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับเมืองหลวงเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก แต่สำหรับอาณาจักรบริวารระดับหกแล้ว ถือว่าหาได้ยากยิ่ง”
“ซูซาน ความคิดของข้าและเ้าค่อนข้างตรงข้ามเลย...”
หญิงสาวลึกลับที่ใช้ผ้าสีดำคลุมหน้าส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะพูดช้าๆ ว่า “เมื่อก่อนมีข่าวว่าองค์าาที่ชื่อว่าอเล็กซานเดอร์เป็คนปัญญาอ่อนที่มีสติปัญญาเทียบเท่าเด็ก สามสี่ขวบ แต่ตอนนี้ คำพูดนี้เห็นได้ชัดว่ามันโง่มาก ข้าเห็นชาวบ้านบนท้องถนน แม้ว่าาที่น่าเศร้าจะเพิ่งสิ้นสุดลง บางคนที่ต้องสูญเสียคนสำคัญตัวเองไป แต่รอยยิ้มบนหน้าของพวกเขากลับแสดงออกให้เห็นถึงความสุขที่ออกมาจากในใจ ได้ยินที่พวกเขาทักทายกันด้วยคำว่า ‘าาจงทรงพระเจริญ!’ ไหม? หากเป็เพียงาาโง่เง่าคนหนึ่งจะได้ความจงรักภักดีจากชาวบ้านหรือ? แม้แต่พระราชวังที่ยิ่งใหญ่นั่น...หากสังเกตตรงสีของหินให้ดีจะเห็นว่าอย่างน้อยก็น่าจะสร้างมาได้ประมาณแปดสิบกว่าปี และดูเหมือนว่าสิ่งเหล่านี้จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับาาที่ชื่ออเล็กซานเดอร์คนนี้เลย...”
พูดถึงตรงนี้ หญิงลึกลับก็ชะงักไปครู่หนึ่งและพูดต่อไปว่า “ซูซาน เรากลับกันไปเตรียมตัวกันเถอะ คืนนี้ข้าจะไปเข้าร่วมงานเลี้ยงเฉลิมฉลอง”
“ฮึๆๆ ฝ่าา ดูเหมือนว่านี่จะเป็ครั้งแรกที่พระองค์ยินดีที่จะเข้าร่วมงานเลี้ยง ข้าจะแจ้งให้หัวหน้ามหาดเล็กที่ชื่อเบสท์ทราบ ให้เขาส่งคนมารับ...” เห็นได้ชัดว่านักดาบสาวซูซานแปลกใจมาก
“ไม่ต้องแจ้ง พวกเราแอบไปดูน่าจะดีกว่า...ไม่ใช่ว่างานเลี้ยงครั้งนี้ไม่ต้องมีบัตรเชิญก็สามารถเข้าร่วมได้ ไม่ว่าจะเป็ขุนนางหรือชาวบ้านก็เข้าได้ไม่ใช่หรือ? พวกเราก็ปลอมตัวเป็ชาวบ้านธรรมดาๆ ไปเข้าร่วมนั่นแหละ” หญิงสาวลึกลับพูด
“โอ้ แบบนี้ยิ่งดีเลย อย่างน้อยก็ไม่ต้องรับมือพวกขุนนางเฒ่าทั้งหลายในงานเลี้ยง ฮิๆ...ใช่แล้วฝ่าา แล้วจะทำอย่างไรกับผู้ชายที่น่ารังเกียจคนนั้นดี?” นักดาบหญิงพูดพลางชี้ไปที่นักรบผมทองด้านหลังที่ตามมาเงียบๆ
“หัวหน้าอัศวินโรมัน เ้าก็ต้องไปกับพวกข้า” หญิงสาวลึกลับพูดขึ้นมา
นักรบผมทองที่ยิ้มอยู่ตลอดเวลาก็พยักหน้า “นี่ถือว่าเป็เกียรติของข้าขอรับ ฝ่าา”
……
……
ดวงอาทิตย์ลาลับ ความมืดเริ่มปกคลุมทั่วผืนดิน
โคมไฟในเมืองถูกจุดขึ้น ทั่วทั้งเมืองแซมบอร์ดสว่างไสว ประชาชนเริ่มมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ หลั่งไหลไปยังห้องโถงของาา ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง นอกจากทหารที่เฝ้ายามแล้ว ทุกคนในเมืองต่างปรากฏตัวในห้องโถงาา
งานเลี้ยงฉลองเริ่มขึ้นแล้ว
-------------------------