“โม่ฉางชุนไม่ใช่คนผู้นั้นที่กลืนกินโชคชะตาของเมืองวันสิ้นโลกจริงๆ เื้ัโม่ฉางชุนยังมีอีกคนหนึ่งที่อาจมีศักดิ์ฐานะสูงกว่าโม่ฉางชุน เพราะขณะปลดผนึกต้องห้ามในจิติญญาแห่งชีวิตของเชียนเชียน ข้าได้ััถึงเขา” พลันจ้านอู๋มิ่งก็พูดออกมาอีกประโยคที่ทำให้จู้ชิงขวงและจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดจิตใจหนักอึ้ง
“เ้าหมายความว่าโม่ฉางชุนเป็เพียงหมากตัวหนึ่งของตระกูลโม่เท่านั้น และคนที่ได้ประโยชน์จากเมืองวันสิ้นโลกตลอดหลายปีนี้อย่างแท้จริงคืออีกคนหนึ่ง?” จู้ชิงขวงถามอย่างประหลาดใจ
“สามารถกล่าวเช่นนั้นได้ ดังนั้นจึงกล้าพูดว่าต่อให้โม่ฉางชุนตายแล้ว พวกเราก็จะชะล่าใจต่อตระกูลโม่ไม่ได้เช่นกัน เนื่องเพราะพวกเราไม่สามารถทราบว่าศัตรูน่ากลัวมากแค่ไหนกันแน่” จ้านอู๋มิ่งผงกๆ ศีรษะพูดขึ้น
“จอมยุทธ์น้อยจ้าน เื่ราวเหล่านี้ที่เ้าได้รับมาจากสำนักไหนกันแน่?” พลันเสวียนเสวียนจื่อถามขึ้น
“ตามที่บันทึกไว้ เป็ญาติเชื้อสายบรรพบุรุษร่วมกันของศิษย์ปรมาจารย์เต๋า์ หนึ่งในแปดกลุ่มอำนาจที่พิทักษ์แผ่นดินตรงกลางสมัยา และก็คือสำนักของชายแข็งแกร่งไร้ผู้ทัดเทียมที่ล่วงเกินตระกูลโม่ในสมัยนั้นเช่นกัน ดังนั้นบันทึกของพวกเขาจึงค่อนข้างละเอียด น่ากลัวว่า เนื่องจากศิษย์ปรมาจารย์เต๋า์เป็เป้าหมายการโจมตีโดยตระกูลโม่่การต่อสู้ระหว่างแผ่นดิน แทบไม่มีผู้ใดโชคดีหลบหนีรอดชีวิตได้เลย มีเพียงญาติห่างๆ เชื้อสายบรรพบุรุษร่วมส่วนหนึ่งที่อาศัยอยู่อย่างสันโดษในป่าลึก กลับยังคงถูกตามไล่ล่าสังหารโดยตระกูลโม่เช่นกัน ข้าบังเอิญได้มรดกตกทอดของศิษย์ปรมาจารย์เต๋า์คนสุดท้ายภายในป่าสัตว์อสูร แต่ว่ามรดกตกทอดชำรุดอย่างยิ่งขาดความสมบูรณ์ กล่าวถึงที่สุดแล้วเขาเป็เพียงศิษย์ญาติห่างๆ เชื้อสายบรรพบุรุษร่วมเท่านั้น ถ้าทุกท่านย้อนกลับไปตรวจสอบก็สมควรจะรู้ว่า ข้าเคยเป็สวะไร้ค่าที่ฝึกฌานบ่มเพาะไม่ได้ เนื่องด้วยมรดกตกทอดนี้เอง ข้าจึงได้เริ่มต้นวิถีทางแห่งการบ่มเพาะสำเร็จ แต่ว่ามรดกตกทอดสามารถช่วยให้ข้าฝึกฝนจนถึงระดับปรมาจารย์นักยุทธ์สูงสุดเท่านั้น จากนั้นก็ก้าวหน้าอย่างยากลำบากแล้ว จึงทำให้ข้า้าเข้าสู่สำนักนิกายเพื่อจะได้รับวิธีการฝึกฝนที่สูงส่งลึกล้ำยิ่งขึ้น” จ้านอู๋มิ่งนำเอาคำพูดเท็จที่เคยพูดมากล่าวอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้เพียงสำหรับจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
“ปรมาจารย์เต๋า์? หรืออาจจะเป็เคล็ดวิชาลับต้นฉบับดั้งเดิมที่อยู่ในตำนาน ปรมาจารย์เต๋า์ซึ่งสามารถมองเห็นความเป็และความตาย ตลอดจนสามารถทำนายขี้ขาดโชคชะตาของผู้คน?” บรรพบุรุษผู้เฒ่าอู๋เฉินแห่งสำนักหลอมโอสถถามด้วยความประหลาดใจ
“มิผิด ดังนั้นข้าจึงโชคดีที่สามารถเห็นผนึกต้องห้ามต่างๆ ที่ตระกูลโม่ปลูกฝังไว้ นั่นคือเหตุผลที่ชายผู้แข็งแกร่งของปรมาจารย์เต๋า์ก็สามารถมองเห็นกลอุบายทั้งหมดของตระกูลโม่เช่นกัน และย้อนกลับเล่นงานคนในตระกูลโม่นั่นเอง นี่จึงสามารถโชคดีสามารถรอดชีวิตมาได้ และทลายนภาบรรลุผลสำเร็จกลายเป็เทพเ้า ผนึกต้องห้ามในจิติญญาแห่งชีวิตของเชียนเชียน ข้าก็สามารถปลดออกอย่างโชคดีเช่นกัน แน่นอน ยังมีราชันโอสถสื่อรั่วหนานแห่งสำนักหลอมโอสถ ความจริงแล้ว ข้าเห็นสิบราชันหลายคน ล้วนถูกคนปลูกฝังผนึกต้องห้ามไว้ในจิติญญาแห่งชีวิต และประจวบเหมาะได้รับความช่วยเหลือจากเจตจำนงคุนเผิงในน่านน้ำมหาสมุทรคุนเผิง นี่จึงโชคดีสามารถปลดผนึกต้องห้ามในจิติญญาแห่งชีวิตของนางออก…”
คำพูดของจ้านอู๋มิ่งทำให้บรรพบุรุษผู้เฒ่าอู๋เฉินผุดลุกขึ้นมาทันใด ถามขึ้นว่า “ที่เ้าพูดมานั้นเป็เื่จริงหรือ?”
“ย่อมเป็เื่จริง หากท่านบรรพบุรุษผู้เฒ่าไม่เชื่อ สามารถไปถามสื่อรั่วหนานดูก็ทราบแล้ว” จ้านอู๋มิ่งผงกศีรษะ
“ประเสริฐ ทุกท่านรอสักครู่ ข้าไปประเดี๋ยวเดียวก็มา” พูดพลาง บรรพบุรุษผู้เฒ่าอู๋เฉินทะยานร่างเป็ประกายวูบก็หายลับไปจากห้องโถงใหญ่
ทุกคนมองจ้านอู๋มิ่งอย่างชื่นชมอีกครั้งทันที คิดไม่ถึงว่าจ้านอู๋มิ่งกลับเคยช่วยราชันโอสถสื่อรั่วหนานในสถานพำนักของคุนเผิง และได้ยินจ้านอู๋มิ่งพูดว่าในบรรดาสิบราชัน หลายคนก็ถูกปลูกฝังผนึกต้องห้ามไว้ในจิติญญาแห่งชีวิตเช่นกัน ยิ่งสะดุดใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน เนื่องเพราะสิบราชันมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับหลายคนในสถานที่แห่งนี้ไม่มากก็น้อย
“จอมยุทธ์น้อยจ้านกล่าวมาไม่ผิด ราชันิญญาอูสิงอวิ๋น ศิษย์รักของข้าก็โชคร้ายถูกปลูกฝังผนึกต้องห้ามไว้ในจิติญญาแห่งชีวิตเช่นกัน ได้รับการท้วงติงจากจอมยุทธ์น้อยจ้านแล้วข้ากลับไม่เชื่อ น่าเสียดายขณะที่ข้าตรวจสอบอยู่ กลับไปกระตุ้นถูกผนึกต้องห้ามโดยมิคาดหมาย จนสูญเสียนิสัยเดิมไป เสียชีวิตอยู่ภายในสถานพำนักคุนเผิง!” พลันเหยียนเต้าจื่อก็ยืนยันขึ้นมาเช่นกัน ทำให้สีหน้าของตัวประหลาดเฒ่าสำนักนิกายทั้งหมดแปรเปลี่ยนไป
คำพูดของจ้านอู๋มิ่งพวกเขาสามารถไม่เชื่อ แต่เหยียนเต้าจื่อ ฐานะเป็ตัวแทนของฝ่ายธรรมะ คำพูดของเหยียนเต้าจื่อทำให้พวกเขามิอาจไม่เชื่อ
“ได้ยินมาว่าระยะใกล้นี้ เกิดศึกาลุกลามไปทั่วอย่างต่อเนื่องระหว่างแคว้นเล็กๆ รวมทั้งถึงกับมีคนพบว่า กลุ่มคนลึกลับกลุ่มหนึ่งกำลังรวบรวมกลิ่นอายมรณะและิญญาคับแค้นในสนามรบ วิถีมรรคาอาถรรพณ์ชั่วร้ายนี้ ทุกท่านทราบหรือไม่เป็ฝีมือผู้ใด?” พลันเยว่หลิงซานกล่าวขึ้น
“พี่เยว่ก็ได้ยินมาเช่นกัน? ดูแล้วมีเื่ราวเช่นนี้จริงๆ” ซือถูอี้แห่งสำนักบริบาลปีศาจได้ยินก็พูดจาสอดแทรกขึ้นมาเช่นกัน
“อ้อ พี่ซือถูได้ยินมาอย่างไร?” เยว่หลิงซานถามกลับ
“พูดขึ้นมาแล้วก็รู้สึกละอาย วิธีการฝึกฌานบ่มเพาะของสำนักบริบาลปีศาจเรานั้น เดิมก็สัมพันธ์กับคนตายอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว ลูกศิษย์ของสำนักเดินทางท่องไปทั่วหล้าเพื่อเสาะแสวงหาราชันซากศพ ใส่ใจต่อสมรภูมิรบต่างๆ เป็อย่างยิ่ง ดังนั้น มักจะมีลูกศิษย์ตามหาราชันซากศพในสมรภูมิรบหลังศึกา ผนึกิญญาพวกเขาเพื่อบ่มเพาะราชันปีศาจ แต่ไม่นานมานี้ มีลูกศิษย์หลายคนเสียชีวิตในสมรภูมิรบ ศิษย์คนเดียวที่หนีกลับมาในสภาพร่อแร่ก็ไม่ได้อธิบายกระจ่างอันใด เพียงแต่บอกมีใครบางคนได้รวบรวมิญญาและกลิ่นอายมรณะทั้งหมดในสมรภูมิรบและถูกพวกเขาพบเห็น สุดท้ายส่งผลให้อีกฝ่ายสังหารปิดปาก หลังจากได้ยินเื่นี้ บรรดาศิษย์สำนักของข้าโกรธจัด ส่งคนเดินทางไป แต่สภาพสยดสยองในสมรภูมิรบนั้นบาดตาอย่างยิ่ง ิญญาคนตายแทบทั้งหมดถูกรวบรวมโดยอาวุธวิเศษทรงพลังร้ายกาจชนิดหนึ่ง ทั่วทั้งสมรภูมิรบไม่มีกลิ่นอายมรณะและิญญาคับแค้นหลงเหลืออยู่เลย นี่ขัดกับหลักเหตุผลทั่วไปอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นสรุปได้ว่า จะต้องมีคนใช้วิธีการอาถรรพณ์ชั่วร้ายเอาไปจนหมดสิ้นนั่นเอง” ซือถูอี้ได้ยินแล้วพูดอย่างเฉยชา
“ถึงกับยังมีเื่เช่นนี้ คนเหล่านี้เป็กลุ่มอำนาจใดกันแน่? ทำเื่ไร้จริยธรรมเช่นนี้ออกมาได้” เสวียนเสวียนจื่อถามด้วยความประหลาดใจ
“ลูกศิษย์สำนักบริบาลเดรัจฉานของข้าเคยตรวจสอบในแคว้นจักรพรรดิรัตติกาล คนกลุ่มนี้ไม่น่าจะเป็คนของสำนักนิกายหลัก ร่องรอยของพวกมันลึกลับอย่างยิ่ง และฐานการบ่มเพาะสูงมาก ตอนนี้ได้ยินอู๋มิ่งพูดเช่นนี้ วิธีการบ่มเพาะของคนตระกูลโม่แปลกประหลาดยิ่งนัก และดำเนินการลึกลับสุดเปรียบปาน เกรงว่าคนเหล่านี้ก็มีส่วนเกี่ยวข้องเช่นกัน” บรรพบุรุษผู้เฒ่าเทียนฉานคิดๆ แล้วพูดขึ้น
“ซึ่งความจริงผู้คนจำนวนมากรอบตัวข้า เคยถูกคนลึกลับเปลี่ยนดวงชะตาไปเนิ่นนานแล้ว ตระกูลหลิ่วแห่งราชวงศ์ต้าเหยียนที่ข้าอาศัยอยู่ เคยถูกนักพยากรณ์ชีวิตตระกูลโม่ผู้หนึ่งเปลี่ยนดวงชะตามาก่อน และหลิ่วหว่านอวี๋ คุณหนูใหญ่แห่งตระกูลหลิ่ว เป็สาวงามผู้รู้ใจของข้า จำนวนตัวเลขชีวิตของนางถูกเปลี่ยนเพราะสาเหตุดังกล่าวนี้เอง หากมิใช่เพราะข้าพบเห็นทันเวลา เกรงแต่ว่าเวลานี้คงสิ้นชีวิตแล้ว แต่ว่าเวลานี้ดวงชะตานางก็ยังคงบกพร่อง มีเพียงแต่ต้องตามหาคนที่เคยดูดซับจิติญญาแห่งชีวิตของนางให้พบ ใช้ชีวิตของเขามาเสริมเติมเต็มให้สมบูรณ์จึงสามารถฝ่าด่านชะตากรรมได้ การเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตย้อนทวนฝืนฟ้า หากกระทำด้วยจิตใจสัตย์ซื่อถือมั่นย่อมประเสริฐอย่างยิ่ง เกรงแต่ว่ามีเจตนาซ่อนเร้นแอบแฝง เช่นนั้นการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตย้อนทวนฝืนฟ้าดังกล่าว ก็กลายเป็การแอบลักลอบขโมยโชคชะตาชีวิตของคนที่ถูกเปลี่ยนไปแล้ว ทำลายชีวิตของท่านไปหล่อเลี้ยงชีวิตของผู้อื่น……วิธีการอาถรรพณ์ชั่วร้ายนี้ เป็วิธีที่ตระกูลโม่นิยมใช้มากที่สุดในการควบคุมบรรดาผู้คนและตระกูลใหญ่น้อยต่างๆ ดังนั้นหากศิษย์ของสำนักนิกายต่างๆ เมื่อยังเยาว์วัยหรือคนภายในตระกูลเคยเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตละก็ ล้วนต้องใส่ใจให้มากเป็พิเศษ เชื่อว่าน่าค้นหาคนจำนวนมากที่ถูกตระกูลโม่ลอบลงมือไว้ออกมาได้ ในที่นี้ข้าได้เตรียมของเล่นเล็กๆ น้อยๆ สำหรับทุกคนแล้ว”
จ้านอู๋มิ่งพูดพลางหยิบลูกแก้วผลึกใสกระจ่างราววารีขนาดเท่ากำปั้นออกมาจากแหวนจักรวาล กล่าวว่า “ลูกทรงกลมนี้เป็ลูกแก้วชำระจิติญญาของปรมาจารย์เต๋า์นั่นเอง หากจิติญญาแห่งชีวิตตามธรรมชาติไม่เคยถูกเปลี่ยนแปลงมาก่อน เวลาที่ััถูกลูกแก้วนี้ ลูกแก้วชำระจิติญญาจะเปล่งประกายสีเขียวอ่อนใส ถ้าจำนวนตัวเลขชีวิตถูกเปลี่ยนแปลง ภายในสีเขียวจะมีสีอมเทา นี่เป็การบอกให้ทราบว่าดวงชะตามีข้อบกพร่อง เคยถูกคน่ชิงโชคชะตาไป แน่นอน ถ้าท่านทดสอบออกมาเป็สีแดงดอกกุหลาบในสีเขียวละก็ คนผู้นี้เป็ไปได้อย่างยิ่งว่าเป็หมากเร้นลับของตระกูลโม่ เนื่องเพราะสีแดงหมายถึง เขาเคยกลืนกินจิติญญาแห่งชีวิตและโชคชะตาของผู้อื่น สิ่งนี้ทำให้พลังจิติญญาของเขาแข็งแกร่งอหังการ”
“ลูกแก้วชำระจิติญญา คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่พูดถึงในเศษม้วนคัมภีร์จะมีอยู่จริงๆ” พลันเสียงหนึ่งดังมาจากนอกห้องโถง กลับเป็บรรพบุรุษผู้เฒ่าอู๋เฉินพลิ้วกายเข้ามาภายในห้องโถง กุมมือคารวะต่อจ้านอู๋มิ่งคราหนึ่งกล่าวว่า “อู๋เฉินขอเป็ตัวแทนสำนักหลอมโอสถ ขอบคุณจอมยุทธ์น้อยจ้านที่ช่วยเหลือรั่วหนาน หากวันหน้าเวลาจอมยุทธ์น้อยจ้านมีสิ่งใด้าใช้สอยสำนักหลอมโอสถ สามารถเอ่ยปากได้อย่างเต็มที่”
“เฒ่าอู๋เฉิน กล่าวเช่นนี้แสดงว่าเื่ที่ภายในจิติญญาแห่งชีวิตของราชันโอสถสื่อรั่วหนาน ถูกปลูกฝังผนึกต้องห้ามนั้นมีเื่เช่นนี้จริงๆ หรือ?” บรรพบุรุษผู้เฒ่าสูงสุดเอ่ยปากถามขึ้น
“มิผิด ความจริงไม่เพียงแต่ภายในจิติญญาแห่งชีวิตของรั่วหนานถูกปลูกฝังผนึกต้องห้าม สิบราชันทั้งหมดล้วนเป็เช่นนี้ คนที่ปลูกฝังผนึกต้องห้ามให้พวกเขา ถูกพวกเขาเรียกว่าท่านผู้เฒ่า ปีนั้นเวลาที่พวกเขาเข้าไปในอาณาจักรเร้นลับเสวียนเทียนด้วยกัน ได้ถูกคนผู้นี้ลอบลงมือ ดังนั้นจึงมีข้อตกลงลับระหว่างสิบราชันด้วยกัน ถูกท่านผู้เฒ่าคนนั้นแอบควบคุมอย่างลับๆ หวังว่าบนเส้นทางสู่จักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์สิบราชันจะสามารถร่วมกันเปิดช่องทางลับของอาณาจักรอื่น……โชคดีที่ผนึกต้องห้ามในจิติญญาแห่งชีวิตของนางถูกจ้านอู๋มิ่งขจัดออกไปแล้ว ทำให้นางหวนกลับคืนอิสรภาพอีกครั้ง”
อู๋เฉินจักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ของสำนักหลอมโอสถ ค่อยๆ เล่าความลับระหว่างาาทั้งสิบด้วยกันออกมา ทำให้จักรพรรดิาศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดมองหน้ากัน สีหน้าทุกคนแปรเปลี่ยนจนดูยากอย่างยิ่ง คิดไม่ถึงว่าสิบราชันพั่วเหยียนทั้งหมดล้วนถูกคนตระกูลโม่แอบลงมือ แล้วลอบควบคุมอย่างลับๆ สำหรับสำนักนิกายใหญ่แล้ว นี่เป็การตบบ้องหูเสียงดังกึกก้องฉาดหนึ่งอย่างแน่นอน
ควรทราบว่าสิบราชันพั่วเหยียนนั้น ล้วนเป็อัจฉริยะอย่างแท้จริงภายในสำนักนิกาย เป็เป้าหมายสำคัญของการฝึกฝนบ่มเพาะเลยทีเดียว หลังจากผ่านไปอีกหลายปี หากไม่เกิดเหตุนอกเหนือคาดหมาย ล้วนเป็คนที่จะมาสืบทอดตำแหน่งเ้าสำนัก……ทั้งหมดเมื่อนึกถึงตรงนี้แล้ว อดที่จะพากันหลั่งเหงื่อหนาวเหน็บออกมาไม่ได้ วิธีการของคนตระกูลโม่นี้น่าสะพรึงกลัวเกินไปแล้ว กลับเชิดสิบราชันพั่วเหยียนขึ้นด้วยมือข้างเดียวในคราเดียว เพื่อวางแผนการระยะยาวดังกล่าว ถ้าในอนาคตสิบราชันเป็ประมุขเ้าสำนัก นั่นก็เท่ากับบอกว่าตลอดทั่วทั้งแผ่นดินพั่วเหยียนล้วนถูกกุมอยู่ในกำมือของตระกูลโม่แล้ว ผลสุดท้ายจะเป็อย่างไรนั้น ทำให้ผู้คนยากจะจินตนาการถึงจริงๆ
“ไฉนจึงเป็เช่นนี้ เป็ไปได้อย่างไรกัน!” มีคนพูดเสียงต่ำ สีหน้าทุกคนเขียวคล้ำ รวมทั้งเยว่หลิงซาน เขาคิดไม่ถึงว่าราชันสัตว์ร้าย เฉวียนหรูเซินก็ถูกผู้อื่นควบคุมมาเนิ่นนานแล้วเช่นกัน
“ตระกูลโม่ต้องถูกกำจัด! มิฉะนั้นเกรงว่าแต่ละสำนักนิกายกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ไม่สามารถอยู่อย่างเป็สุขอีกต่อไป” เสวียนเสวียนจื่อตบฟาดลงบนโต๊ะข้างๆ เขาอย่างควบคุมไม่ได้ โต๊ะตัวนั้นก็กลายเป็ฝุ่นผงไปทันที
“พี่เสวียนเสวียนโปรดระงับโทสะ ในเมื่อตอนนี้เราทราบเื่นี้แล้ว เช่นนั้นแล้วก็จะสามารถจัดการกวาดล้างภายในสำนักอย่างลับๆ จะต้องสามารถได้รับผลลัพธ์ตรงที่มีโอกาสลงมือก่อน” อู๋เฉินพูดปลอบใจคำหนึ่ง จากนั้นหันมาทางจ้านอู๋มิ่งพูดว่า “จอมยุทธ์น้อยจ้าน ขอยืมลูกแก้วชำระจิติญญาให้ข้าทดลองได้หรือไม่?”
จ้านอู๋มิ่งยิ้มแล้ว เขาคิดไม่ถึงว่าราชันโอสถ สื่อรั่วหนานจะให้ความร่วมมือขนาดนี้ กลับเปิดเผยความลับทั้งหมดในระหว่างสิบราชันออกมา เช่นนี้ช่วยลดปัญหาที่ต้องอธิบายของเขามากมายเลยทีเดียว ประโยคหนึ่งของอู๋เฉินผู้นี้เหนือกว่าเขาพูดต่อหน้าตัวประหลาดเฒ่าเหล่านี้หนึ่งวัน ต้องหาโอกาสไปแสดงความรักใคร่เอ็นดูรั่วหนาน สาวน้อยดุดันผู้น่ารักคนนี้อย่างดีสักหน่อยแล้ว
“ไฉนจะไม่ได้ ทุกท่านที่อยู่ในที่นี้ล้วนสามารถทดลองลูกแก้วชำระจิติญญา” จ้านอู๋มิ่งโยนลูกแก้วชำระจิติญญานี้ไปให้อู๋เฉิน
เมื่อฝ่ามืออู๋เฉินััถูกลูกแก้วชำระจิติญญา พลันบนพื้นผิวทรงกลมก็ปรากฏประกายแสงสีเขียวเข้มใสขึ้นมาทันใด เขาอดที่จะหัวเราะกล่าวขึ้นไม่ได้ “ตำนานเล่าขานลูกแก้วชำระจิติญญาสามารถตรวจวัดระดับความบริสุทธิ์ของชีวิตผู้คนได้ ศาสตร์แห่งธรรมชาติชีวิตของผู้คนคือธาตุไม้ ไม้เป็สีเขียว ถ้าหากชีวิตเขาบริสุทธิ์ก็จะเป็สีเขียวกระจ่าง หากชีวิตของเขาไม่บริสุทธิ์ก็จะกระดำกระด่าง พลังชีวิตยิ่งรุ่งเรือง สีเขียวก็จะยิ่งเข้ม สามารถกล่าวได้ว่าเป็สิ่งมหัศจรรย์ชนิดหนึ่งในประวัติศาสตร์ของการสร้างสิ่งประดิษฐ์เลยทีเดียว น่าเสียดายที่ไม่เคยเห็นมาก่อน คิดไม่ถึงว่าวันนี้จะได้เห็นของสิ่งนี้ในสถานที่นี้” พูดพลาง อู๋เฉินหยิบพืชสมุนไพรสองต้นออกมาจากแหวนจักรวาล จากนั้นนำลูกแก้วชำระจิติญญาเข้ามาใกล้หนึ่งในนั้น พลันประกายแสงสีเขียวเข้มก็เรืองขึ้น จากนั้นอู๋เฉินก็เข้าใกล้พืชสมุนไพรอีกต้น ภายใต้สายตาที่ประหลาดใจของทุกคน กลับเห็นเพียงแต่แสงเรืองเป็ประกายสีเขียวอ่อนเท่านั้น
“เฒ่าอู๋เฉิน นี่เ้ากำลังทำอะไร?” บรรพบุรุษผู้เฒ่าสูงสุดอดที่จะถามขึ้นอย่างมิเข้าใจไม่ได้
“นี่คือหญ้าจิติญญาที่มีสรรพคุณทางยาไม่ทราบกี่หมื่นปี พบในน่านน้ำมหาสมุทรคุนเผิง ลูกแก้วชำระจิติญญานี้ััได้ถึงสรรพคุณแห่งยาอันยิ่งใหญ่ของมัน ดังนั้นจึงเป็สีเขียวเข้ม และพืชสมุนไพรอีกต้นหนึ่งที่มีอายุเพียงร้อยปี สรรพคุณทางยาของมันอ่อน ดังนั้นจึงเป็เพียงสีเขียวอ่อน ลูกแก้วชำระจิติญญาลูกนี้เหมือนเช่นในตำนานเล่าขานจริงๆ สมควรไม่แปลกปลอม!” อู๋เฉินหน้าตายิ้มแย้ม พูดกับจ้านอู๋มิ่งว่า “ดูแล้วจอมยุทธ์น้อยจ้านคงจะเคยได้รับมรดกตกทอดจากปรมาจารย์เต๋า์จริงๆ มิฉะนั้นจะไม่สามารถสร้างลูกแก้วชำระจิติญญานี้ออกมาได้”
จ้านอู๋มิ่งยิ้ม ไม่ได้ตอบรับแต่อย่างใด ในใจลอบรู้สึกโชคดี โชคดีที่ความทรงจำในส่วนที่ติดต่อกับศิษย์ของปรมาจารย์เต๋า์ในอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิถูกรื้อฟื้นขึ้นมา ถึงแม้ว่าปรมาจารย์เต๋า์ในแผ่นดินแห่งนี้จะหายสาบสูญและมรดกจะขาดการสืบทอดไปเนิ่นนานแล้ว แต่ชายแข็งแกร่งไร้ผู้ทัดเทียมในปีนั้นกลับได้เผยแพร่ลัทธิปรมาจารย์เต๋า์จนแพร่หลายมากในอาณาจักรดินแดนปฐมภูมิ ถึงแม้หลังจากถูกตระกูลโม่โจมตีจนสถานภาพอ่อนแอลง แต่บรรดาลูกศิษย์กลับมีไม่น้อยเช่นเดิม ต่อมาภายหลังจ้านอู๋มิ่งผงาดขึ้นในแว่นแคว้นหนึ่ง มีศิษย์ที่รอดชีวิตของปรมาจารย์เต๋า์อยู่ภายใต้สังกัดด้วยผู้หนึ่ง
