หลังจากพูดคุยกันครู่หนึ่ง ชิงช่ายชิงก็ขอตัวลา
ฉินตงหวู่ค่อยๆ เข็นจั๋วอวิ๋นเซียนไปทางหอตำราหลางฮ้วน
“นายน้อย เมื่อครู่มีเื่ที่ไม่สะดวกพูดหรือไม่?”
เมื่อได้ยินคำถามของฉินตงหวู่ จั๋วอวิ๋นเซียนวางตำราในมือลง “พูดไปก็ไร้ประโยชน์ นี่เป็ความผิดพลาดครั้งใหญ่ และอีกอย่างหากรู้มากเกินไปก็อาจจะมิใช่เื่ดีต่อพวกเ้านัก”
“งานประมูลนั้นมีปัญหาหรือ?”
“งานประมูลไม่มีปัญหา แต่เป้าหมายเื้ักลับอันตรายมาก”
“เป้าหมายหรือ? เป้าหมายอันใด?”
“มีคนคิดจะสร้างความวุ่นวายในทะเลล่วนซิง”
“หืม ทะเลล่วนซิงก็วุ่นวายอยู่ตลอดมิใช่หรือ?”
“ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน”
จั๋วอวิ๋นเซียนส่ายศีรษะพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง “เมื่อก่อนทะเลล่วนซิงไม่ห้ามเื่การฆ่าฟัน ไม่แบ่งแยกดีหรือชั่ว ไม่ถามถูกผิด แต่ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในขอบเขตที่ควบคุมได้ ระหว่างขั้วอำนาจต่างๆ ล้วนเข้าใจกันดี ขอเพียงไม่แตะต้องขีดจำกัดของอีกฝ่าย โดยปกติแล้วจะไม่เกิดาง่ายๆ ต่อให้เกิดาก็เป็เพราะการแย่งชิงผลประโยชน์ น้อยนักที่จะทำาด้วยกำลัง อย่างเช่นการแย่งชิงเหมืองแร่ระหว่างเกาะสามเซียนกับเกาะเซวียนิ”
“แล้วครั้งนี้เล่า?” ฉินตงหวู่อดไม่ไหวถามออกมา
จั๋วอวิ๋นเซียนเผยสายตาลุ่มลึก ค่อยๆ กล่าวอย่างเชื่องช้า “ครั้งนี้เกาะสามเซียนพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนทำให้ผู้คนมากมายรู้สึกถึงอันตราย หากเกิดาขึ้น ต้องขยายเป็วงกว้างแน่ แม้แต่ขั้วอำนาจต่างๆ อาจจะต้องดับสูญ...”
จั๋วอวิ๋นเซียนเว้นจังหวะเล็กน้อยกล่าวด้วยความเสียดาย “ที่จริงแล้วหากให้เวลาเกาะสามเซียนอีกสักระยะหนึ่ง ต้องสั่งสมพลังได้มากพอแน่ เกาะสามเซียนจะไม่หวาดกลัวต่อการท้าทายในทะเลล่วนซิงอีกต่อไป น่าเสียดายที่มีคนไม่อยากให้เวลาเกาะสามเซียนได้พัฒนา และงานประมูลก็เป็โอกาสอย่างหนึ่ง หากข้าคาดมิผิด หลังงานประมูลความวุ่นวายจะเริ่มต้นขึ้น”
“นายน้อย ใครกันแน่ที่วางแผนเช่นนี้กับเกาะสามเซียน? หากทะเลล่วนซิงเกิดความวุ่นวาย พวกเขาจะได้ประโยชน์อย่างไรกัน?”
“ตอนนี้ข้าก็ยังไม่แน่ใจ”
จั๋วอวิ๋นเซียนขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “บางทีขั้วอำนาจห้าแคว้นอาจจะไม่อยากเห็นเกาะสามเซียนยิ่งใหญ่ ถึงอย่างไรยิ่งทะเลล่วนซิงวุ่นวาย ก็ยิ่งสอดคล้องกับผลประโยชน์ของพวกเขา...หรืออาจจะมีคนคิดจะแทนที่ขั้วอำนาจในทะเลล่วนซิง...แน่นอนว่ายังอาจจะมีเป้าหมายอื่นอีก”
ฉินตงหวู่หัวใจบีบรัด นางไม่คิดว่าจั๋วอวิ๋นเซียนพูดเล่น “นายน้อย ในเมื่ออันตรายเช่นนี้ เหตุใดท่านจึงไม่บอกท่านเ้าเมืองกับท่านเ้าเกาะเล่า?”
จั๋วอวิ๋นเซียนกล่าวออกมาตามตรง “พวกเขาล้วนเป็คนฉลาด อาจจะรู้สถานการณ์อยู่แล้ว แต่น่าเสียดายที่พวกเขามิได้ให้ความสำคัญกับเื่นี้มากนัก หรือกล่าวได้ว่าพวกเขาไม่มีวิธีแก้ไขสถานการณ์นี้ จึงทำได้เพียงปล่อยให้เป็ไปตามสถานการณ์แล้วค่อยๆ แก้ไขไปทีละก้าว”
เป็อย่างที่จั๋วอวิ๋นเซียนกล่าว สถานการณ์ของเกาะสามเซียนในตอนนี้ค่อนข้างอึดอัด เดินหน้าไม่ดีถอยหลังมิได้ ขึ้นหลังเสือยากจะลง[1] ก็คือสิ่งที่อธิบายสถานการณ์ของเ้าเกาะทั้งสามตอนนี้ได้ดีที่สุด
จั๋วอวิ๋นเซียนโบกมือกล่าวว่า “พี่ฉินไม่ต้องกังวล บางทีเื่ราวอาจจะมิได้ร้ายแรงอย่างที่ข้าคิด”
ฉินตงหวู่ยิ้มขมขื่น “ข้ามิได้กังวลความปลอดภัยของตัวเอง ข้ากังวลท่าน เสี่ยวเนี่ยแล้วก็เสี่ยวจิ่ว...นายน้อย พวกเราแอบหนีออกจากสถานที่อันตรายแห่งนี้ดีหรือไม่?”
“พี่ฉิน เช่นนั้นท่านคิดว่าพวกเราควรไปซ่อนตัวที่ใดหรือ?”
เมื่อได้ยินคำถามของจั๋วอวิ๋นเซียน ฉินตงหวู่ก็ตกตะลึงอย่างห้ามมิได้...ใช่แล้ว ตอนนี้พวกเขายังมีที่ใดให้ไปอีกหรือ? ยังไม่ต้องพูดถึงทะเลล่วนซิงที่กำลังจะเกิดความวุ่นวาย เพียงแค่ศัตรูกับขั้วอำนาจอื่นๆ ก็ไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปแน่
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จั๋วอวิ๋นเซียนกล่าวปลอบใจว่า “พี่ฉินโปรดวางใจ เกาะสามเซียนจะไม่เป็ไร”
เกาะสามเซียนคือส่วนสำคัญในแผนการของจั๋วอวิ๋นเซียน และเป็ที่อยู่อาศัยของเขาในตอนนี้ ไม่ว่าจะส่วนตัวหรือส่วนรวมย่อมมิอาจปล่อยให้เกาะสามเซียนเกิดเื่ได้
ฉินตงหวู่รู้ว่าจั๋วอวิ๋นเซียนไม่มีทางกล่าวโดยไร้ความมั่นใจ จึงสบายใจขึ้นไม่น้อย
“ใช่แล้วพี่ฉิน อีกเดี๋ยวช่วยข้านัดหมายกับเ้าหอเหมาหน่อย บอกว่าข้ามีเื่สำคัญอยากไหว้วานเขา”
“เ้าค่ะ”
ขณะที่พูดคุยกันทั้งสองคนก็มาถึงหอตำราหลางฮ้วนแล้ว
สำนักศึกษาที่สร้างใหม่ตั้งอยู่ไม่ไกล ตอนนี้ยังมีศิษย์ไม่น้อยกำลังศึกษาค้นคว้าวัตถุดิบและอาวุธอุปกรณ์ต่างๆ อยู่
……
ฉินตงหวู่จากไปได้เพียงไม่นาน เหมาปู้เอ้อก็เดินเข้ามาหา
“ไป๋เฮ่อ เ้าเรียกหาข้ามีเื่อันใดหรือ? ตอนนี้ข้ายุ่งมาก ไม่มีเวลามาคุยเล่นกับเ้า”
เหมาปู้เอ้อดูท่าทางยุ่งมาก ที่จริงแล้วเขาไม่อยากพูดคุยกับจั๋วอวิ๋นเซียนมากนัก มิใช่เพราะเขารังเกียจอีกฝ่าย แต่เขารู้สึกโดนกระทบจิตใจอย่างแรง
เป็เพราะเมื่อไม่กี่วันก่อนจั๋วอวิ๋นเซียนขอคำชี้แนะการสร้างอาวุธกับเหมาปู้เอ้อ ตอนแรกจั๋วอวิ๋นเซียนดูกระตือรือร้น ทำให้เหมาปู้เอ้อรู้สึกดีไม่น้อย แต่ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน เหมาปู้เอ้อรู้สึกว่าสมองของเขาเหมือนถูกควักออกไปจนหมด ถามอะไรเขาก็ตอบมิได้ เขารู้สึกว่าตัวเองไม่มีสิ่งใดให้สอนอีกฝ่ายแล้ว...เทียบกับความอับอายแล้ว ไม่สู้ถอยตัวออกห่าง รู้จักประมาณตนดีกว่า
จั๋วอวิ๋นเซียนกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “เ้าหอเหมามิต้องรีบร้อน ข้ามีของสำคัญอย่างหนึ่ง้าให้ท่านเ้าหอเหมาช่วยสร้าง”
“โอ้? ของสิ่งใดหรือ?”
เหมาปู้เอ้อรู้สึกสงสัย เขารู้ว่าจั๋วอวิ๋นเซียนมีของดีเต็มไปหมด ของที่อีกฝ่ายถึงกับบอกว่าสำคัญ เช่นนั้นต้องเป็ของดีแน่
“เดี๋ยวท่านเ้าหอเห็นก็รู้เอง...”
จั๋วอวิ๋นเซียนยื่นแบบแปลนให้อีกฝ่าย จากนั้นอธิบายว่า “เพื่อเก็บเป็ความลับ ข้าจึงเอาโครงสร้างทั้งหมดของสิ่งนี้แบ่งเป็ชิ้นส่วนสามร้อยกว่าชิ้น หลังจากแยกกันสร้างแล้ว ข้าจะใช้วิชากลไกประกอบมันขึ้นมา”
“ชิ้นส่วนสามร้อยกว่าชิ้นหรือ?”
เหมาปู้เอ้อใมาก เขายังคิดว่าจั๋วอวิ๋นเซียนพูดจาโอ้อวด แต่เมื่อเขาเปิดแบบแปลนในมือ ยิ่งเห็นก็ยิ่งตกตะลึง! ยิ่งเห็นก็ยิ่งตื่นเต้น!
“หรือว่า...นี่คือ...”
คำพูดติดอยู่ที่ปาก แต่เหมาปู้เอ้อกลืนกลับไป เขาเก็บแบบแปลนกลับไปทันที หันไปมองรอบด้าน เมื่อไม่เห็นอะไรผิดปกติถึงวางใจลง
จั๋วอวิ๋นเซียนเข้าใจความระมัดระวังของเหมาปู้เอ้อ ถึงอย่างไรเื่นี้ก็สำคัญมาก ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องระวังตัวไว้ก่อน “ท่านเ้าหอเหมา ่นี้เกาะสามเซียนไม่ค่อยสงบ ดังนั้นของสิ่งนี้ต้องรีบสร้างขึ้นมาโดยเร็ว”
“ไม่มีปัญหา เื่นี้ให้ข้าจัดการเอง!”
เหมาปู้เอ้อบอกรับประกัน จากนั้นจากไปอย่างรวดเร็ว
……
เมื่อมองแผ่นหลังเหมาปู้เอ้อที่กำลังจากไป จั๋วอวิ๋นเซียนจมอยู่ในความคิดอีกครั้ง
โบราณมีคำกล่าวหนึ่งที่ดีมาก เรียกว่า ‘กันไว้ดีกว่าแก้’
จั๋วอวิ๋นเซียนเคยอ่านเื่ราวของนักปรัชญามาไม่น้อยจึงรู้ความหมายของสำนวนนี้ ในเมื่อเื่หลายอย่างมิอาจคาดเดาได้ เช่นนั้นก็ทำได้เพียงพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อที่จะสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้
……
สามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
งานประมูลใกล้เข้ามา ขั้วอำนาจต่างๆ รวมตัวกันที่นี่ ยอดฝีมือวิถีเซียนจากที่ต่างๆ ทยอยกันมาถึง ทำให้เกาะสามเซียนที่เจริญรุ่งเรืองอยู่แล้วยิ่งคึกคักมากขึ้นไปอีก ในเวลาเดียวกันก็เกิดการทะเลาะวิวาทไม่หยุด
เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้มีทหารยามมากเท่าไรก็ไม่มีประโยชน์
ดังนั้นเ้าเกาะสามเซียนจึงตัดสินใจว่า ไม่ต้องสนใจไม่ไต่ถาม ปล่อยให้ทะเลาะขัดแย้งกันไป เพียงเฝ้าระวังเมืองซานเซียนกับสถานที่สำคัญบางส่วนเท่านั้นพอ
เพียงแต่เกาะสามเซียนในปัจจุบันราวกับดวงอาทิตย์กลางนภา ไม่มีใครที่ไร้สมองมาก่อเื่ที่นี่ หากล้ำเส้นเกาะสามเซียนจริงๆ หลังจากนี้คงต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
[1] 骑虎难下 ขึ้นหลังเสือยากจะลง หมายถึง กระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งแล้วพบอุปสรรค แต่ถูกสถานการณ์บีบบังคับให้ดำเนินต่อไปจนถึงที่สุด โดยไม่อาจหยุดกลางคันได้
