เจี่ยชิงและเหยียนอี้ชะงักเท้าหยุดลง มองไปรอบๆ อย่างใและสงสัย กลับไม่พบเงาผู้ใด
“ไม่รู้ว่าผู้าุโเป็ยอดคนจากสถานที่ใด ผู้น้อยขอแสดงความเคารพในที่นี้แล้ว ถ้าหากท่านผู้าุโก็สนใจแหวนจักรวาลอะไรนั่นบนร่างของชายผู้นี้ด้วย เชิญพูดมาได้เต็มที่ ข้าผู้นี้ค่อนข้างใจกว้าง…” จ้านอู๋มิ่งยักไหล่ เป็โชคลาภ มิใช่เคราะห์ร้าย เพราะหากเป็เคราะห์ร้ายย่อมหนีไม่พ้น มิสู้ทำตัวให้ฉลาดหน่อย แต่เจี่ยชิงและเหยียนอี้ปาดเหงื่อเย็นเฉียบแทนจ้านอู๋มิ่ง
“ผู้เยาว์ที่ไม่รู้ความ สังหารศิษย์สำนักกระบี่ิญญาของข้าแล้ว ทานจนอิ่มก็คิดจะไปแล้วหรือ?” เสียงเย็นเยียบนั้นดังมาอีกแล้ว ยามนี้ในที่สุดจ้านอู๋มิ่งก็เห็นคนผู้หนึ่งมาจากไกลๆ ไม่นานก็มาถึงเบื้องหน้าพวกเขา แรงกดดันมหาศาลเหมือนขุนเขาบรรพต ทำให้พวกเขาหายใจลำบาก
“สัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียว!” จ้านอู๋มิ่งครางออกมา ย่ำแย่แล้วจริงๆ ผู้ที่มาเยือนไม่เพียงแค่จักรพรรดิา สัตว์พาหนะที่ขี่ถึงกับเป็สัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวระดับราชันาสูงสุด ตนเองไฉนจึงโชคร้ายถึงขนาดนี้ ถูกตัวประหลาดเฒ่านี้จับกุมไว้แล้ว พลันจ้านอู๋มิ่งสำนึกเสียใจขึ้นมาบ้างแล้วที่เมื่อครู่ไม่ได้ใช้โอสถเพลิงทำให้ถูเหยียนเซิ่งแปรเปลี่ยนเป็ขี้เถ้า หากทำเช่นนั้นก็สามารถทำลายหลักฐานจนหมดสิ้น แล้วจะยืนกระต่ายขาเดียวไม่ยอมรับ
“ขอน้อมพบผู้าุโ คนผู้นี้ข้าเป็คนฆ่าจริงๆ แต่ผู้เยาว์ไม่ทราบว่าเขาเป็คนของสำนักกระบี่ิญญา ทราบเพียงว่าเขาคือองค์ชายแห่งแคว้นถูเหยียน เนื่องจากข้ามีกรณีพิพาทกับน้องชายของเขา เขาจึงระดมราชันาสี่คนมาฆ่าผู้น้อย ผู้น้อยบังเอิญโชคดีวางหมากเหนือชั้นกว่า ฆ่าตายไปแล้ว” จ้านอู๋มิ่งยามนี้ก็หมดปัญญาแล้ว ผู้อื่นเป็จักรพรรดิา ตนเองถึงแม้สามารถต่อสู้สังหารศัตรูข้ามรุ่น แต่จะสามารถต่อกรกับจักรพรรดิาได้อย่างไรเล่า ได้แต่ต้องเสแสร้งแกล้งทำเป็ไม่รู้แล้ว
เจี่ยชิงและเหยียนอี้ลอบรู้สึกชื่นชม ความสามารถในการพูดโกหกหน้าตายนี่ พวกเขายังห่างชั้นกับจ้านอู๋มิ่งมากนัก
“ต่อหน้าข้าผู้เฒ่ายังกล้าพูดเท็จอีก” แววตาของชายชราเย็นเยียบ พูดเสียงเ็า
“ผู้าุโโปรดลำดับความสำคัญให้ชัดเจน!” จ้านอู๋มิ่งกล่าวขึ้นด้วยความเคารพ พูดอีกว่า “ผู้เยาว์โหยหาสำนักกระบี่ิญญามาั้แ่เด็ก มีความเคารพต่อสำนักกระบี่ิญญามาอย่างยาวนาน ถ้ารู้ว่าคนผู้นี้เป็ศิษย์ของสำนักกระบี่ิญญา ผู้เยาว์จะประจบเอาใจ อีกทั้งยังต้องรีบเร่งกลัวมามิทันเขาเสียอีก ไหนเลยจะกล้าล่วงเกินเขา ในสายตาผู้เยาว์นั้น สำนักกระบี่ิญญาเหนือกว่าสำนักนิกายอื่นๆ ผู้เยาว์มุ่งหวังั้แ่เด็กพยายามสุดความสามารถ เพื่อที่จะ้าเข้าร่วมสำนักกระบี่ิญญา เพื่อสร้างชื่อเสียงแก่วงศ์ตระกูลมอบเป็เกียรติแด่บรรพบุรุษ ท่านผู้าุโ เขาเป็ศิษย์ของสำนักกระบี่ิญญาจริงๆ หรือ? แบบนี้จะทำเช่นไรดี?”
ความไร้เดียงสาและความวิตกกังวลของจ้านอู๋มิ่ง พร้อมด้วยความเสียใจอย่างไร้สิ้นสุด เจี่ยชิงและเหยียนอี้ล้วนถูกครอบงำแล้ว พวกเขาแทบจะเชื่อว่าสิ่งที่จ้านอู๋มิ่งพูดมานั้นเป็เื่จริง นี่คือเด็กน้อยที่ศรัทธาในสำนักกระบี่ิญญามาั้แ่ยังเยาว์ เด็กเช่นนี้จะริเริ่มทำร้ายคนของสำนักกระบี่ิญญาได้อย่างไร หากทำร้ายลงไปจริงๆ ก็เป็เพราะไม่ทราบว่าอีกฝ่ายเป็คนของสำนักกระบี่ิญญา ศิลปะการแสดงนี้น่าทึ่งมากเกินไปแล้ว ทำให้เจี่ยชิงและเหยียนอี้พูดขึ้นพร้อมกันว่า “ถูกต้องแล้วท่านผู้าุโ ก่อนหน้านี้พวกเราไม่ทราบจริงๆ ว่าเขาเป็ศิษย์ของสำนักกระบี่ิญญา ยังคิดว่าเป็องค์ชายของราชวงศ์หนึ่ง พวกเราก็ถูกบังคับให้ตอบโต้กลับ…ไม่คิดว่าจะเป็เช่นนี้!”
จ้านอู๋มิ่งเห็นเจี่ยชิงและเหยียนอี้ร่วมขานรับ จึงลอบชื่นชมในใจ มะพร้าวยิ่งแก่ยิ่งห้าว ขิงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ด สมเป็ชายชรามากประสบการณ์จริงๆ จ้านอู๋มิ่งมั่นใจว่าผู้เฒ่าไม่ได้ยินคำพูดที่ถูเหยียนเซิ่งพูดว่าตนเป็ศิษย์ของสำนักกระบี่ิญญาอย่างแน่นอน ถ้าอีกฝ่ายได้ยินแล้ว ในฐานะจักรพรรดิาสามารถยับยั้งพวกเขาไม่ให้ฆ่าถูเหยียนเซิ่งได้อย่างแน่นอน มีความเป็ไปได้สองประการ หนึ่งคืออีกฝ่ายมาไม่ทันจริงๆ ย่อมไม่ทราบว่าคำพูดของจ้านอู๋มิ่งจริงหรือเท็จ ถึงอย่างไรคนก็เสียชีวิตไปแล้ว ไม่มีหลักฐานมายืนยัน
อีกทางหนึ่งคือชายชราผู้นี้ไม่้าช่วยถูเหยียนเซิ่งอยู่แล้ว เช่นนั้นแล้วชายชราต้องมีแผนสำหรับตนเอง เช่นนั้นก็ไม่ต้องสนใจว่าคำพูดของตนจะจริงหรือเท็จแล้ว
ชายชรางวยงงสงสัยแล้ว เขาไม่อาจระบุได้อย่างกระจ่างว่าจ้านอู๋มิ่งรู้ว่าถูเหยียนเซิ่งเป็ศิษย์ของสำนักกระบี่ิญญาหรือไม่ เห็นความศรัทธาที่อีกฝ่ายมีต่อสำนักกระบี่ิญญาเช่นนี้ กลับทำให้เขาลอบรู้สึกภาคภูมิใจ ความโกรธก็ลดน้อยลงไม่น้อยเช่นกัน ถึงแม้อีกฝ่ายจะฆ่าศิษย์ของสำนักกระบี่ิญญา แต่เด็กคนนี้แสดงออกถึงพร์และภูมิปัญญาอันโดดเด่น กลับทำให้เขารู้สึกเสียดายอัจฉริยะผู้เปี่ยมพร์ขึ้นมา
จ้านอู๋มิ่งเห็นชายชรามองเขาอย่างเ็าแต่ไม่พูดสิ่งใด ทราบว่าอีกฝ่ายไม่มีเจตนาฆ่าฟันชั่วคราว ลอบถอนหายใจโล่งอก กล่าวว่า “ท่านผู้าุโ ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด ถ้าผู้าุโ้าตำหนิกล่าวโทษผู้เยาว์จริงๆ ผู้เยาว์ก็ไม่มีสิ่งใดจะพูด กล่าวถึงที่สุดแล้ว ผู้เยาว์ก็กระทำผิดอยู่ก่อน ถึงแม้ผู้เยาว์จะไม่ยินยอมพร้อมใจยิ่งนัก แต่ถ้าสามารถตายในเงื้อมมือของท่านผู้าุโแห่งสำนักกระบี่ิญญา ก็นับได้ว่าเป็การเติมเต็มจิตใจหยิ่งผยองของผู้เยาว์แล้ว ต่อให้ไปถึงดินแดนยมโลก ก็สามารถที่จะคุยโม้โอ้อวดว่าผู้เยาว์ตายภายใต้เงื้อมมือของจักรพรรดิา ผู้าุโแห่งสำนักกระบี่ิญญา มีหน้ามีตามากมายเพียงใด และมิเสียทีที่ผู้เยาว์โหยหาใฝ่ฝันถึงสำนักกระบี่ิญญามาั้แ่เด็กแล้ว…”
คำพูดของจ้านอู๋มิ่ง เจี่ยชิงฟังจนเกิดอาการคลื่นไส้ เก่งกล้าสามารถเกินไปแล้ว คำพูดเช่นนี้ก็สามารถคิดออกมาได้ จะต้องมีผิวหน้าที่หนามากเพียงใดจึงสามารถบรรลุถึงขอบเขตระดับนี้ของจ้านอู๋มิ่ง คนหน้าหนาไร้ยางอายใต้หล้าไร้เทียมทาน ไม่ทราบเช่นกันว่าคำพูดนี้ผู้ใดเป็คนกล่าว กลับมีเหตุมีผลเกินไปแล้ว!
เหยียนอี้ก็แทบจะถูกจ้านอู๋มิ่งพูดจนซาบซึ้งหวั่นไหวแล้ว นี่คือเด็กที่ประเสริฐอะไรเช่นนี้ เฝ้าคลั่งไคล้แต่สำนักกระบี่ิญญาอย่างหัวปักหัวปำ แม้จะเสียชีวิตในเงื้อมมือของสำนักกระบี่ิญญาก็ยังรู้สึกเป็เกียรติอย่างไร้สิ้นสุด เขาเช็ดหางตาอย่างเงียบๆ คราหนึ่ง ยังรู้สึกว่าเปียกชื้นอยู่บ้างจริงๆ เนิ่นนานเพียงใดแล้วหนอ เป็เวลากี่ปีแล้วที่ไม่ได้ััความรู้สึกของการหลั่งน้ำตา
สัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวส่งเสียงขู่เสียงต่ำคราหนึ่ง มันเป็สัตว์หายากขอบเขตสูงสุดระดับห้าและมีจิติญญาสติปัญญาแล้ว คำพูดของจ้านอู๋มิ่ง มันล้วนฟังออกและสามารถเข้าใจได้ เวลานี้กลับซาบซึ้งหวั่นไหวแล้วเช่นกัน ส่วนท่านผู้เฒ่าสีหน้าผันผวนไม่แน่นอน วาจาทั้งหมดกล่าวถึงขนาดนี้แล้ว เขาในฐานะจักรพรรดิามีความหยิ่งทระนงของตนเอง จะให้เขาลงกับเด็กน้อยระดับแค่ปรมาจารย์นักยุทธ์ผู้หนึ่ง ย่อมทำไม่ได้แน่นอน เพียงแค่เห็นอีกฝ่ายทั้งศรัทธาและคลั่งไคล้ต่อสำนักกระบี่ิญญาถึงเพียงนี้ เขาก็มิมีปัญญาที่จะลงมือแล้ว นอกจากนี้ คุณสมบัติของจ้านอู๋มิ่งทำให้เขารู้สึกเสียดายอัจฉริยะผู้เปี่ยมพร์ขึ้นมา
“ถ้าคิดจะให้ข้าผู้ชราไม่ฆ่าเ้าก็ได้ เ้าต้องรับปากเงื่อนไขของข้าผู้ชราข้อหนึ่ง แล้วเื่ที่เ้าสังหารศิษย์ของสำนักกระบี่ิญญาในวันนี้ก็เป็อันเลิกแล้วต่อกัน มิฉะนั้นข้าผู้ชราต้องนำเ้ากลับไปรับการลงโทษที่สำนักกระบี่ิญญา” ชายชราครุ่นคิดแล้วสูดหายใจคราหนึ่งและกล่าวขึ้น
“ท่านผู้าุโเชิญกล่าว” จ้านอู๋มิ่งไม่ได้แสดงความปีติยินดีใดๆ ยังคงมีสีหน้าเสียใจเช่นเดิม ลักษณะท่าทางเรียบร้อย ดูฉลาดน่ารัก หากมิใช่เพราะเจี่ยชิงและเหยียนอี้คุ้นเคยกับอุปนิสัยของจ้านอู๋มิ่ง เกรงว่าพวกเขาก็จะคิดเช่นกันว่านี่คือตัวตนที่แท้จริงของจ้านอู๋มิ่งแล้ว
“ตามข้ากลับูเา ไปเป็เด็กปรุงยาของข้าผู้ชรา…”
“ปีศาจเฒ่า เ้านี่ให้มันน้อยๆ หน่อย ข้าผู้ชราหมายตาเด็กคนนี้ไว้แล้ว กำลังจะรับไว้เป็ศิษย์ จะไปเป็เด็กปรุงยาของเ้าได้อย่างไร เด็กปรุงยาของเ้า ไม่รู้ว่าเสียชีวิตไปกี่คนแล้ว ถ้าเด็กที่คุณสมบัติดีเลิศเช่นนี้ถูกเ้านำไปทดสอบยา นั่นคือการทำลายผลงานชิ้นเยี่ยมโดยประมาทเสียของจริงๆ ผิดต่อ์! ” ทันใดก็มีเสียงหยาบคายเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมา ขัดจังหวะคำพูดของท่านผู้เฒ่าแห่งสำนักกระบี่ิญญา
จ้านอู๋มิ่งตะลึง ภายใต้แสงจันทร์พบว่ากระทิงเขียวตัวหนึ่งกำลังเดินมาอย่างสบายๆ บนหลังกระทิงเป็ชายชราหน้าแดงผู้หนึ่ง คนทั้งตัวดูคล้ายค่างแสนดุร้ายก็ปาน เต็มไปด้วยกลิ่นอายอันดิบเถื่อน
“ราชันสัตว์อสูรเนตร์!” จ้านอู๋มิ่งสูดลมหายใจคราหนึ่งพูดขึ้นเสียงต่ำ
“สายตาไม่เลวเลยไอ้หนู กระทิงเขียวของข้าก็คือราชันสัตว์อสูรเนตร์ สัตว์กลายพันธุ์ที่หายากที่สุดในโลก” ชายชราหน้าแดงหัวเราะร่าอย่างสะใจ
“ตาเฒ่าคลั่ง!” ดวงตาชายชราชุดขาวเปล่งประกายวาววับเย็นเฉียบสายหนึ่ง แค่นเสียงเ็าคราหนึ่ง
“ตาเฒ่าเจิง พวกเราพบหน้ากันอีกแล้ว ครั้งที่แล้วผู้แซ่เลวี่ยยอมให้เ้าได้สัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวตัวนี้ไป วันนี้เ้าคงจะไม่คิดแย่งลูกศิษย์กับผู้แซ่เลวี่ยอีกกระมัง!” ชายชราหน้าแดงจ้องมองชายชราชุดขาวอย่างเ็า สภาวะพลังไม่อ่อนด้อยแม้แต่น้อย สภาวะพลังของกระทิงเขียวพาหนะก็มีแนวโน้มสะกดข่มสัตว์อสูรั์ตาทองเนตรเขียวอยู่บ้าง
“ชายหนุ่มคนนี้ดูเหมือนจะไม่สนใจสำนักบริบาลเดรัจฉานของเ้า แต่เคารพชื่นชมสำนักกระบี่ิญญาของเราอย่างยิ่ง การเลือกลูกศิษย์ก็ต้องขึ้นอยู่กับอีกฝ่ายว่ายินดีหรือไม่” ชายชราชุดขาวไม่้าพัวพันกับชายชราหน้าแดงมากนัก โยนปัญหาให้จ้านอู๋มิ่งโดยตรง
“ผู้เยาว์จ้านอู๋มิ่งน้อมพบท่านผู้าุโทั้งสอง หากจะกล่าวกันตามตรง ผู้เยาว์้าเข้าสำนักกระบี่ิญญายิ่งนัก แต่ผู้เยาว์เคยแอบสาบานไว้ว่าหากผู้เยาว์จะเข้าสำนักนิกายใด จะต้องให้สำนักนิกายเปิดประตูต้อนรับลูกศิษย์ ลูกศิษย์ต้องผ่านพิธีการเป็ศิษย์ของอาจารย์อย่างยิ่งใหญ่และเป็ทางการ เนื่องจากผู้เยาว์รู้สึกว่าด้วยคุณสมบัติของลูกศิษย์ หากเข้าสู่สำนักนิกายใดอย่างเงียบๆ นั่นเป็การไม่เคารพต่อสำนักนิกาย อัจฉริยะถูกซุกซ่อนอยู่ใต้กองหิมะ หยกล้ำค่าหายากถูกฝุ่นธุลีบดบัง จะสู้หน้าเหล่าบรรพบุรุษของแต่ละสำนักนิกายได้อย่างไร? ถ้ามีลูกศิษย์ที่คุณสมบัติล้ำเลิศเช่นข้าแล้วไม่ยอมเปิดประตูสำนัก ทำการโอ้อวดกับคนภายนอกสักครา นั่นก็คือการละเมิดต่อเหล่าผู้าุโของสำนักแล้ว ดังนั้นเงื่อนไขการเข้าสำนักของผู้เยาว์จึงง่ายดายอย่างยิ่ง ขอเพียงสามารถเปิดประตูสำนักนิกาย รับข้าเป็ศิษย์อย่างเป็ทางการก็ใช้ได้แล้ว ในเมื่อผู้เยาว์้าเข้าสำนักนิกายแล้ว ก็มิอาจไม่เคารพต่อเหล่าบรรพบุรุษ!”
คำพูดของจ้านอู๋มิ่งทำให้หลายๆ คนมองหน้ากันในทันใด ต้องเป็คนที่หยิ่งผยองเพียงใด จึงหาญกล้ากล่าววาจาใหญ่โตเช่นนี้ ถึงกับพูดว่าถ้าไม่เปิดประตูสำนักนิกายรับเป็ศิษย์อย่างเป็ทางการ ก็คือการละเมิดต่อเหล่าผู้าุโบรรพบุรุษของสำนักนิกาย หยิ่งผยอง...หยิ่งผยองเกินไปแล้วจริงๆ เจี่ยชิงและเหยียนอี้ฟังจนดวงตาเบิกกว้างกลมโตไปแล้ว
“เป็ไปไม่ได้ ปรมาจารย์นักยุทธ์เล็กๆ ผู้หนึ่ง จะให้สำนักกระบี่ิญญาของข้าเปิดประตูสำนักนิกายรับเป็ศิษย์อย่างเป็ทางการ ช่างไม่รู้จักประมาณตนเสียเลย คิดเพ้อฝันจนเหลวไหล” ชายชราในชุดขาวตำหนิเสียงเ็า
“ไอ้หนู หากสำนักบริบาลเดรัจฉานของข้ายอมเปิดประตูสำนักนิกายรับเป็ศิษย์อย่างเป็ทางการ เ้าจะยินยอมเข้าพิธีเคารพไหว้อาจารย์หรือไม่?” ชายชราหน้าแดงกลับไม่ปฏิเสธทันที แต่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ คำหนึ่ง พูดอย่างเคร่งขรึมจริงจัง
“แม้ว่าผู้เยาว์จะมีความประทับใจที่ดียิ่งนักต่อสำนักกระบี่ิญญา แต่ชื่อเสียงของสำนักบริบาลเดรัจฉานก็โด่งดังเฉกเช่นเสียงอสนีบาตฟาดกรอกหูเช่นกัน หากสำนักบริบาลเดรัจฉานยินยอมเปิดประตูสำนักนิกาย รับข้าเข้าเป็ลูกศิษย์อย่างเป็ทางการ ผู้เยาว์จะนำไปพิจารณา” น้ำเสียงจ้านอู๋มิ่งเปลี่ยนไป
ชายชราชุดขาวโกรธจัด ไอ้หนูนี่พูดจากลับไปกลับมา ตอนนี้กลับหันหน้าไปประจบสำนักบริบาลเดรัจฉาน แต่เผชิญหน้ากับคนเฒ่าบ้าคลั่งผู้นี้ ตอนนี้ตนก็ทำอะไรกับจ้านอู๋มิ่งไม่ได้แล้ว
“ประเสริฐ ข้าผู้เฒ่าให้สัญญา สำนักบริบาลเดรัจฉานยินยอมเปิดประตูสำนักนิกายรับเ้าเป็ลูกศิษย์อย่างเป็ทางการ ให้เ้าได้เข้าพิธีเคารพไหว้อาจารย์อย่างถูกต้องตามพิธีการรับศิษย์!” ชายชราหน้าแดงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและรับปากอย่างหนักแน่นเด็ดขาด
ผู้เฒ่าชุดขาวตะลึงงันจนปากอ้าตาค้างเมื่อได้ยินคำพูดเด็ดขาดของชายชราหน้าแดง ถามขึ้นอย่างคาดไม่ถึงยิ่งนักว่า “ตาเฒ่าคลั่ง เ้าแน่ใจนะว่ามิได้พูดผิด? เพื่อลูกศิษย์ปรมาจารย์นักยุทธ์เล็กๆ คนหนึ่ง ถึงกับยินยอมเปิดประตูสำนักนิกายรับเป็ลูกศิษย์อย่างเป็ทางการ?”
“มิผิด ข้าเลวี่ยเหวินซิว แต่ไหนแต่ไรไม่ชอบพูดจาอ้อมค้อมตลอดมา ได้ก็คือได้ ไม่ได้ก็คือไม่ได้ ไหนเลยจะเหมือนพวกเ้า ผู้ดีจอมปลอมประพฤติตนเป็ผู้มีศีลธรรมอันสูงส่งเหล่านี้ เปลือกนอกทระนงเปิดเผย ดูสูงส่ง กลับแอบแฝงลอบเบียดเบียนผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ตนเองอย่างลึกลับซ่อนเร้น” ชายชราหน้าแดงพูดเยาะเย้ยใส่อย่างดูแคลน
“เ้า...ข้าผู้ชราไม่พูดกับเ้าคนคลั่งเฒ่าผู้นี้แล้ว แต่ว่าไอ้หนูนี่สังหารศิษย์สำนักกระบี่ิญญาของข้า ข้าผู้ชรากลับมิอาจละเลยได้” น้ำเสียงชายชราชุดขาวเปลี่ยนไป ชี้ไปทางจ้านอู๋มิ่งอีก
“สวะไร้ประโยชน์ผู้หนึ่ง ฆ่าก็ฆ่าไปแล้ว อีกอย่างสำนักกระบี่ิญญาของเ้ามีศิษย์มากมายดั่งขนวัว เ้าหนูนี่เป็ศิษย์สำนักบริบาลเดรัจฉานของข้า มีเื่ใดก็มุ่งมาที่ข้าก็แล้วกัน” เลวี่ยเหวินซิวพูดอย่างไม่แยแสสนใจ
“เ้าหนูนี่เป็ศิษย์สำนักบริบาลเดรัจฉานของเ้า ข้าสามารถเห็นแก่หน้าสำนักบริบาลเดรัจฉานไม่ถือสาหาความ แต่สองคนนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักบริบาลเดรัจฉาน พวกเขาก็มีส่วนร่วมในการสังหารศิษย์สำนักกระบี่ิญญาของข้า ข้าผู้ชราจะกำจัดสองคนนี้ ขอเ้าอย่าได้สอดมือยุ่งเกี่ยว!” ชายชราชุดขาวยิ้มเ็า พลันน้ำเสียงแปรเปลี่ยน
เจี่ยชิงและเหยียนอี้สีหน้าซีดขาว สีหน้าจ้านอู๋มิ่งก็แปรเปลี่ยนแล้ว เขาคิดไม่ถึงชายชราผู้นี้บุคลิกดูสง่างามดุจดั่งเทพเซียน แต่กลับไร้ยางอายยิ่งนัก ถึงกับข่มเหงรังแกกันเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาเห็นจุดอ่อนของจ้านอู๋มิ่ง
เจี่ยชิงและเหยียนอี้สร้างความกดดันต่อจ้านอู๋มิ่ง และเลวี่ยเหวินซิวก็ไม่มีอะไรจะพูดเช่นกัน เพราะเจี่ยชิงและเหยียนอี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสำนักบริบาลเดรัจฉานจริงๆ อีกทั้งชายชราชุดขาวยังพูดแล้วว่าเห็นแก่หน้าสำนักบริบาลเดรัจฉานไม่เอาเื่จ้านอู๋มิ่ง ดูเหมือนมอบน้ำใจให้ครั้งหนึ่ง แต่กลับถูกคำพูดผูกมัดเป็กับดักชุดหนึ่ง หากเลวี่ยเหวินซิวสอดมือเข้ามายุ่งเกี่ยวเื่ของเจี่ยชิงและเหยียนอี้ ก็เท่ากับไม่ไว้หน้าสำนักกระบี่ิญญา
สองจักรพรรดิาต่อสู้กัน มีแนวโน้มที่จะเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของสำนักนิกาย ถึงเวลานั้นเกรงว่า…
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้