“คิดไปแล้วคนในจวนของท่านต่างทำเพื่อท่านนะขอรับ ่นี้ร่างกายของท่านทรุดโทรมลงมาก หากได้รับข่าวที่ไม่ดีอีกเกรงว่าชีวิตจะไม่ยืนยาว เมื่อครู่เพราะข้าและศิษย์ของข้าอยู่ที่นี่และนำโอสถมาให้ท่านได้ดื่มหากเปลี่ยนเป็คนอื่นมาพูดกับท่านเช่นนี้ เมื่อครู่หากท่านโรคกำเริบขึ้นมาใครก็ไม่สามารถรักษาได้!”
เมื่อครู่ตอนที่ฮูหยินผู้เฒ่าได้ยินข่าวไม่ดีของถวนถวนนางหวาดกลัวมาก
ตอนนี้เมื่อถูกโม่เต้าจื่อพูดเช่นนี้จึงเชื่อคำพูดของเขาอีกครั้ง
“เฮ้อ…เด็กเด็กเล็กเพียงนี้…เหตุใด…”
ในตอนนั้นฮูหยินผู้เฒ่าทุกข์ใจขึ้นมาจริงๆ
แม้นางจะแย่งถวนถวนมาแต่ก็รักเหลนคนนี้จริงๆ
ความจริงแล้วในหลายเดือนนี้ทุกวันนางเคยชินที่จะหยอกล้อเขาสักเล็กน้อย
เห็นเขาเติบโตด้วยตาตนเองกินและโวยวาย
ฮูหยินผู้เฒ่าคิดว่าบั้นปลายชีวิตของตนได้กลับมาสดใสอีกครั้งแล้ว
ที่สำคัญที่สุดถวนถวนได้รับ่ต่อความรักของนางที่มีต่อโจวอ้าวเสวียน
สำหรับความรักที่มีต่อโจวอ้าวเสวียนนางรักเขาอย่างแท้จริง
ทว่ายิ่งโจวอ้าวเสวียนเติบใหญ่หลานชายที่คอยพึ่งพิงนางในอดีต ปีกเริ่มกล้าแข็ง ไม่ฟังคำสั่งนางอีก…
ถวนถวนเป็ความรักที่ฮูหยินผู้เฒ่ามีให้กับโจวอ้าวเสวียน
พอได้ยินว่าร่างกายของเขาได้รับาเ็ในใจของนางจึงยิ่งเกิดความเสียใจ
“เซียนซือท่านมีวิธีหรือไม่เ้าคะ?”โชคดีที่ฮูหยินผู้เฒ่ายังถือว่ายังนิ่งสงบ
เสียใจได้เพียงครู่เดียวก็ใจเย็นลง
นางมองโม่เต้าจื่อด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังมองว่าเขาได้เป็เชือกฟางที่ช่วยชีวิต
“ไม่ใช่ว่าไม่มีวิธีหรอกนะแต่ต้องขึ้นอยู่กับฮูหยินผู้เฒ่าว่าท่านจะเลือกอย่างไร”ตอนนี้เองที่โม่เต้าจื่อทำหน้าเคร่งขรึมเอ่ยเงื่อนไขออกมา
“เซียนซือเอ่ยออกมาเถิดเ้าค่ะข้าจะฟังคำของท่านแน่นอน”
ขอแค่สามารถช่วยถวนถวนได้ฮูหยินผู้เฒ่าในตอนนี้ ย่อม้ามอบทุกอย่างที่ตนเองมีมาวางไว้ตรงหน้าของเซียนซือ
“มีอยู่สามวิธีหนึ่ง ปล่อยให้เขาเติบโตไปเช่นนี้ แต่หลังจากเติบโตไปแล้วไม่สามารถเป็บุรุษได้ปกติเท่านั้น”
สีหน้าฮูหยินผู้เฒ่าย่ำแย่ข้อนี้นางไม่มีทางยอมเผชิญแน่
“ข้อสองไปขอลมหายใจัของราชวงศ์ เพื่อเสริมกำหนัดให้แก่เขา”
ดวงตาของฮูหยินผู้เฒ่าเปล่งประกาย
“ขอถามได้หรือไม่เ้าคะว่าจะขอลมหายใจัของราชวงศ์มาได้อย่างไรเ้าคะ?”
“บนโลกใบนี้มีโชคชะตามากมายเกี่ยวพันกัน คนร่ำรวยก็มีโชคชะตาร่ำรวย ลัทธิก็มีโชคชะตาของลัทธิคนยากจนจะมีโชคชะตาของความลำบากเกี่ยวพันอยู่มากมาย ส่วนลัทธิ์ เพราะมีชีวิตอันยาวนานของัั้แ่โบราณกาลมาจึงมีโชคชะตาที่มีกำหนัดดีที่สุด ส่วนที่เรียกว่าลมหายใจัก็เรียกว่าโชคชะตาั มีลมหายใจั ชีวิตนี้ ทั้งร่ำรวยและกำหนัดดี!”
คำพูดนี้ทำให้ความคิดของฮูหยินผู้เฒ่าต้องพับเก็บในทันตา
“ลมหายใจัโชคชะตาั…คิดไปแล้ว ครอบครัว์นี่ เกรงว่าจะยืมชะตาไม่ได้”
นางรู้ดีมากเกี่ยวกับการควบคุมโชคชะตาของครอบครัว์
แม้แต่โชคชะตาัเพียงเล็กน้อยก็ไม่สามารถแบ่งออกมาให้คนอื่นได้
ครอบครัว์ในตอนนี้แม้แต่คนขับรถม้าขององค์หญิงยังต้องดึงเข้ามาเป็ครอบครัวของ์
เพื่อป้องกันไม่ให้โชคชะตาัหายไปอยู่ด้านนอก
วิธีที่โม่เต้าจื่อพูดคือให้ไปยืมลมหายใจัมาฟื้นฟูถวนถวนซึ่งเป็เื่ที่ชัดเจนมากว่าจะอยู่ได้แค่ในความฝัน
“ไม่ทราบว่าวิธีสุดท้ายคืออะไรเ้าคะ?” ฮูหยินผู้เฒ่าถามวิธีสุดท้ายออกมาด้วยความเสียใจในตอนนี้ นางทำได้แค่หวังพึ่งวิธีสุดท้ายแล้ว อย่างไร ลมหายใจัก็ไม่สามารถเลือกได้อำนาจของครอบครัว์ไม่สามารถยุ่งเกี่ยวได้
“วิธีที่สามเลือกคนผู้หนึ่งที่เดินทางแห่งเซียนและประสบความสำเร็จ ให้รับเขาเข้าสำนักและเป็เซียนเด็กมีแค่สำนักเซียนเท่านั้นจึงจะสามารถชำระล้างไขกระดูกของเขาั้แ่ยังเยาว์สั่งสอนให้เขาหลุดพ้นจากคนธรรมดา สุดท้ายเปลี่ยนเป็บุรุษ!”
หากเฉินเนี้ยนหรานอยู่ตรงนี้ด้วยจะต้องชื่นชมต้มตุ๋น ต้มตุ๋น เป็นักต้มตุ๋นอันดับหนึ่งในแผ่นดินนี้
พูดไปพูดมาไม่ใช่ว่าอยากได้เด็กของผู้อื่นเขาหรือ สุดท้ายยังพูดเหมือนวีรบุรุษมาช่วยผู้คนที่ยากลำบากเช่นนั้น!
แต่ฮูหยินผู้เฒ่าเมื่อฟังประโยคนี้กลับขมวดคิ้วก่อน
ก่อนจะจ้องโม่เต้าจื่อตาวาว
“โม่เซียนซือก็คือคนที่อยู่เส้นทางแห่งเซียนหากสามารถให้โม่เซียนซือรับหลานของข้า นับเป็เื่ที่์สร้างมาให้ไม่ใช่หรือโม่เซียนซือ ขอร้องท่านรับหลานผู้อาภัพของข้าได้หรือไม่”
ฮูหยินผู้เฒ่าพูดเตรียมตัวจะคุกเข่าลงเอาหัวโขกพื้น
ชิงเฟิงเลิกคิ้วหันไปยกนิ้วโป้งให้อาจารย์ของตนเอง
คนเ้าเล่ห์ผู้นี้หลอกคนได้อย่างชาญฉลาดเช่นนี้
“เฮ้อข้าเป็คนที่เดินทางไปด้านนอก ไม่สามารถพาเด็กไปได้ ข้าขอคิดเสียก่อนว่าจะแนะนำคนให้ฮูหยินผู้เฒ่าได้หรือไม่”
ฮูหยินผู้เฒ่ากะพริบตาปริบๆรอคอยอย่างน่าสงสาร
แต่กลับได้ยินโม่เต้าจื่อนับนิ้ว
“นักพรตหลิวของลั่วเซียกวนเป็คนที่รู้จักกับข้าแต่ได้ยินว่าเขาไม่มีความอดทนกับเด็กสักเท่าใดนัก ในสำนักของเขาเพราะการสั่งสอนที่เข้มงวด จากที่ได้ยินมามีเด็กตายมาแล้วสามคน ไม่ทราบว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะกล้าส่งเด็กไปเป็ลูกศิษย์ของนักพรตหลิวหรือไม่!”
ฮูหยินผู้เฒ่าย่อมเคยได้ยินชื่อเสียงชั่วร้ายของนักพรตหลิวตอนนี้เมื่อได้ยินว่าจะต้องส่งถวนถวนไป จึงทำได้แต่ส่ายหน้า
“เซียนหญิงเมี้ยวอย่างเมี้ยวชืออันนางเป็คนที่รักเด็กมาก”
แต่คำพูดนี้กลับยิ่งทำให้สีหน้าของฮูหยินผู้เฒ่าย่ำแย่
มีคนเคยเห็นเองกับตาบอกว่าเซียนหญิงเมี้ยวคนนี้ตัดแขนของเซียนเด็กที่รับเลี้ยง
หากพาถวนถวนไปด้วยเกรงว่าอาการป่วยจะไม่หาย ถึงตอนนั้นยังพิการกลับมา
“ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ยินดี? เช่นนั้นข้าคิดก่อนเช่นนั้น ให้เขาไปกับพระหลิวซินดีหรือไม่ ได้ยินว่าพระคนนี้ยิ้มตาหยีเป็คนดีมากเลยนะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าแทบจะร้องไห้ออกมาแล้ว
พระหลิวซินคนนี้ไม่ใช่คนที่ดี
จากคนที่อยู่ในที่ลับเผยออกมาบอกว่าพระคนนี้จะพาเซียนเด็กไปเลี้ยงให้เติบโตอยู่ที่เรือนผีสิง
เด็กที่ถูกเขาเลี้ยงดูหากไม่บ้าก็เสียสติ
ส่งถวนถวนไปสุดท้ายกลายเป็คนเสียสติ ไม่เอา อย่างไรก็ไม่เอา
“เฮ้อช่างเถอะ ช่างเถิด ข้ากังวลมากไปเอง พูดออกมาแต่ละคนเ้าก็ไม่พอใจ ไม่พูดแล้ว”
โม่เต้าจื่อโกรธออกมาอย่างชัดเจนเขาสะบัดแขนเสื้อเตรียมตัวจากไปแล้ว
ชิงเฟิงที่อยู่ด้านข้างกระแอมออกมาจะไปแล้วจริงๆ
ฮูหยินผู้เฒ่ารีบเข้ามาดึงลูกศิษย์เอาไว้พร้อมกับยัดหยวนเป่าหนึ่งก้วนให้กับเขา
“พ่อหนุ่มเ้าช่วยข้าพูดหน่อยเถิด บอกให้อาจารย์ของเ้ารับเหลนของข้าไป เด็กคนนี้ชีวิตอาภัพจะปล่อยเอาไว้เช่นนี้ไม่ได้”
“ไอ๊หยาฮูหยินผู้เฒ่าปล่อยมือเถิด ปล่อยมือเถิด…”
“ไม่ได้หากพ่อหนุ่มไม่ช่วยข้า ข้าจะโกรธเ้าและจะตอแยเ้าไม่ปล่อย”
“เฮ้อฮูหยินผู้เฒ่าเหตุใดถึงเป็เช่นนี้ ก็ได้ ก็ได้ ข้าจะไปพูดโน้มน้าวท่านอาจารย์ ท่านก็รอตรงนี้เถิดปกติแล้วท่านอาจารย์ยังฟังคำโน้มน้าวของข้าบ้าง แต่เ้าจะต้องรอ”
ผลสรุปไม่ต้องเอ่ยอะไร
หลังจากรอให้ฮูหยินผู้เฒ่าดื่มน้ำชาไปแก้วชิงเฟิงก็นำข่าวดีกลับมา
“สำเร็จแล้วจากการโน้มน้าวของข้าท่านอาจารย์ยอมรับเด็กคนนี้ไปเป็เซียนเด็ก ั้แ่นี้ต่อไปให้เด็กคนนั้นตามพวกข้าออกเดินทางไปก็พอแยกจากกันสามถึงห้าปีจึงจะสามารถกลับมาได้ครั้งหนึ่ง ฮูหยินผู้เฒ่าจะต้องคิดให้ดี”
หากพูดว่าทำใจแยกจากได้หรือไม่ฮูหยินผู้เฒ่าทำใจไม่ได้
แต่เมื่อคิดว่าถวนถวนอยู่กับตนเองต่อไปอาจไม่สามารถเป็บุรุษที่แข็งแรงดังเช่นปกติ
สถานการณ์เช่นนั้นไม่ใช่แค่ถวนถวนจะเ็ป ถึงตอนนั้นการเปลี่ยนแปลงของถวนถวนย่อมจะกลายเป็ตัวตลกของสกุลโจว
อย่างไรในบรรดาผู้คน หากมีขันทีปรากฏขึ้นมา เช่นนั้นย่อมเป็เื่ตลก
จากชื่อเสียงของสกุลแล้วแน่นอนว่าฮูหยินผู้เฒ่าให้ความสำคัญกับชื่อเสียงมาก
เื่นี้หลังจากโจวอ้าวเสวียนเติบโตขึ้นมา นี่คือเหตุผลที่เขาเมินเฉยต่อนาง
อย่างไรความรักของนางทั้งหมดถูกสร้างขึ้นมาจากชื่อเสียงของครอบครัว
ส่วนความรักในครอบครัวถูกจัดอยู่ข้างหลัง…
“ขอบคุณท่านเซียนซือสามวันหลังจากนี้ ข้าจะพาเหลนไปส่งให้ตรงเวลา เพียงหวังว่าในหลายปีนี้ทุกปีจะสามารถได้รับจดหมายกลับมาสักฉบับเพื่อลดความคิดถึงของข้าที่มีต่อเหลน”
“ได้”
ก่อนบอกลากันฮูหยินผู้เฒ่ายังให้เงินอีกหนึ่งพันตำลึง
โม่เต้าจื่อที่เป็เซียนซือต้องยิ้มรับอยู่แล้ว
ชิงเฟิงที่อุ้มเด็กอยู่หมุนตัวเดินขึ้นหอไป
ยามนี้บนหอยังมีร่างสตรีงดงามคนหนึ่งยืนอยู่รวมถึงบุรุษที่มีภาพลักษณ์ดั่งเซียน
“เฮ้อถือว่าทำภารกิจของสาวงามเช่นเ้าสำเร็จแล้วนะ”
“โม่เต้าจื่อนอกจากเ้าจะมีประโยชน์ด้านหลอกลวงแล้ว ในตอนนี้ถือว่ายังมีประโยชน์อยู่บ้างนะ”หนิงเซียงยิ้มเย้ยหยัน
โม่เต้าจื่อทำหน้าขมขื่น“หนิงเซียง ข้าไม่เข้าใจว่าเหตุใดเ้าไม่เลือกข้า ทั้งๆ ที่ข้าเหมือนกับเขาข้าเจอเ้าเป็คนแรก แต่เ้ากลับเข้าสู่อ้อมกอดของเขา ข้าไม่ยอม ข้าไม่ยอมจริงๆ ”
หนิงเซียงยื่นแขนไปโอบรอบคอของเขา
“โม่เต้าจื่อโม่ชิงหลิว คุณชายสามสกุลโม่ เ้าอยากให้ข้าเรียกเ้าว่าอย่างไรดี? ความจริงแล้วข้าชอบเ้ามาตลอดนะแต่ว่าชอบก็คือชอบ ข้าไม่สามารถทำเื่สนุกระหว่างบุรุษและสตรีกับเ้าได้”
ประโยคสุดท้ายโจมตีจิตใจของโม่ชิงหลิวอย่างรุนแรง
เขาเบ้หน้า“ช่างเถิด ข้าเกี้ยวเ้าไม่ติด ข้าไปเกี้ยวสหายของเ้าก็ได้ เฮอะข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะเกี้ยวสตรีเช่นพวกเ้าไม่ติด”
เมื่อพูดประโยคนี้จบโม่ชิงหลิวจึงทิ้งหนิงเซียงและเดินออกไปด้วยความกรุ่นโกรธ
ด้านหลังมีเสียงหัวเราะทรงเสน่ห์ดังตามมา ดึงดูดเข้าไปในจิตใจ…
“บุรุษของสกุลโม่หรือ…”หนิงเซียงพูดออกมาเบาๆ
ต่อมาจึงหมุนตัวเดินลงจากหอไป
ในร้านน้ำชาข้างถนนโบราณเฉินเนี้ยนหรานกำลังรอคอยด้วยความกังวลใจ
หนิงเซียงบอกว่ามีเื่ด่วนจะกลับมาช้าสักหน่อย
ส่วนโม่เต้าจื่อนั้นท่านโม่เซียนซือบอกว่าคงจะมาถึงยามบ่าย
นางที่มาถึงที่นี่ในตอนเช้าตรู่เพื่อจะมารอเจอถวนถวนได้ในทันที
เสี่ยวเอ้อร์มองน้ำชาตรงหน้านางทื่ดื่มจนเย็นชืดจนไม่รู้จะเย็นอย่างไรจึงเอ่ยพูดกับนางอย่างมีน้ำใจ “ฮูหยิน ท่าน้าให้ข้าไปชงชาให้ท่านอีกถ้วยหรือไม่?”
เฉินเนี้ยนหรานพยักหน้ายิ้มอย่างกระอักกระอ่วนนี่ เหมือนจะเป็ถ้วยที่สามของนางแล้ว
มารอเร็วไปเสียหน่อย
เสี่ยวเอ้อร์เองก็หงุดหงิดเช้าตรู่เช่นนี้ยังต้มน้ำร้อนอยู่ ยังต้องมาต้อนรับแขกหญิงท่านนี้
โชคดีที่แม้นางจะนั่งอยู่ที่นี่ไม่ไปที่ใดแต่ชาก็ดื่มไปแล้วสามถ้วย
อีกทั้งชาสามถ้วยนี้ยังต้องคิดเงินจากท่าทีของเสี่ยวเอ้อร์แล้วถือว่าดีมาก
ดวงอาทิตย์ที่ค่อยๆเคลื่อนขึ้นมา ความอยากรู้ของเสี่ยวเอ้อร์ก็ยิ่งมีมากขึ้น
ฮูหยินท่านนี้อยู่ที่นี่มาตลอดดูจากท่าทางที่เต็มไปด้วยความกังวลของนาง…
จู่ๆในสมองของเสี่ยวเอ้อร์ ก็ปรากฏภาพเื่ราวที่แสนน้ำเน่าขึ้น
เมื่อมองไปยังเฉินเนี้ยนหรานอีกครั้งก็เต็มไปด้วยความเห็นใจรวมทั้งเหยียดหยาม
