เยว่เฟิงเกอเพิ่งนั่งลงในสวนก็ได้ยินเสียงร้องเบาๆ ของใครบางคน “หิวจังเลย ใครมีอะไรให้ข้ากินบ้าง? ”
เสียงนี้ฟังแล้วเหมือนเสียงของหนุ่มน้อย เป็เหตุให้เยว่เฟิงเกอต้องมองไปรอบด้านด้วยสีหน้าระแวดระวัง
ที่นี่คือเรือนเยว่เหยา หากนางไม่อนุญาต บ่าวรับใช้หน้าไหนก็ไม่กล้าย่างกรายเข้ามาที่นี่
ทว่า หลังจากมองไปรอบหนึ่ง เยว่เฟิงเกอกลับไม่เห็นเงาของใคร“แปลกจริง หรือว่าข้าฟังผิดไป? ” นางพูดพึมพำคนเดียว จากนั้นจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นต่อ
“หิวจัง ข้าหิวจังเลย ข้าไม่ได้กินอะไรมาสามวันแล้ว หากเป็เช่นนี้ต่อไป ข้าต้องหิวตายแน่ๆ ”
เสียงของหนุ่มน้อยคนนั้นดังขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เยว่เฟิงเกอรู้แล้วว่าตนไม่ได้หูแว่วไป นางลุกพรวดทันที กล่าวด้วยความเกรี้ยวกราดใส่ความเวิ้งว้าง “ใครที่ทำลับๆ ล่อๆ อยู่ตรงนั้น รีบออกมาเดี๋ยวนี้”
รออยู่ราวสองสามวินาทีก็ไม่เห็นเงาคน
เยว่เฟิงเกอหยิบโทรศัพท์มาเปิดฟังก์ชันไฟฉายแล้วส่องไปรอบๆ เพียงไม่นานก็เห็นอะไรบางอย่างหลบอยู่ในหลืบ เห็นแมวน้อยขนสีขาวดำนอนขดตัวเป็ก้อนกลมอยู่ที่มุมหนึ่ง
ร่างของแมวตัวนั้นผอมโกรก ทั้งยังสั่นเทิ้มน้อยๆ มันเบิกดวงตาสีเขียวล้ำลึกจดจ้องเยว่เฟิงเกอด้วยความระแวดระวัง
เยว่เฟิงเกอทรุดตัวลงนั่งยองพร้อมๆ กับยื่นมือไปลูบแมวตัวนั้น
จู่ๆ แมวตัวน้อยก็แยกเขี้ยว กางเล็บพร้อมส่งเสียงขู่มาทางเยว่เฟิงเกอ แต่เยว่เฟิงเกอกลับฟังออกอย่างชัดเจนว่ามันกำลังพูดว่า “เอามือของเ้าออกไป มิฉะนั้นท่านเก้าจะกัดเ้าแล้วนะ”
เยว่เฟิงเกอรีบดึงมือกลับ นางมองแมวน้อยตัวนั้นเหมือนมองสัตว์ประหลาดก็ไม่ปาน
์ แมวน้อยตัวนี้พูดภาษาคนได้!
“มนุษย์ไม่รู้ความ เ้าไม่ต้องมามองท่านเก้าเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะท่านเก้าไม่ได้กินอะไรมาสามวันแล้ว ท่านเก้าไม่มีทางมาที่นี่หรอก” แมวน้อยแยกเขี้ยวพูดใส่เยว่เฟิงเกออีกครั้ง
ตอนนี้เยว่เฟิงเกอเพิ่งรู้ตัวว่า ที่จริงแล้วหนุ่มน้อยเมื่อครู่ที่ส่งเสียงดังบอกว่าหิวๆ ก็คือแมวน้อยตรงหน้านี้เอง
“เ้ามีนามว่าอะไร ท่านเก้าหรือ? ” เยว่เฟิงเกอรู้สึกสนอกสนใจขึ้นมาทันที นางไม่ถือสาที่แมวน้อยแยกเขี้ยวใส่ ซ้ำยังยื่นมือไปทำท่าทางหยอกล้อเหนือหัวมันโดยไม่ได้ััโดนตัวแม้แต่นิด
แมวน้อยเกลียดที่สุดเวลามนุษย์ล้อเล่นกับเขาเช่นนี้ เขากางเล็บมาทางมือของเยว่เฟิงเกอ
เล็บคมๆ กำลังจะโดนมือเยว่เฟิงเกออยู่แล้ว แต่นางกลับยิ้มเยาะอย่างชั่วร้าย ฉับพลันนั้นร่างของแมวน้อยก็ลอยขึ้นในอากาศ
มือหนึ่งเยว่เฟิงเกอใช้หยอกล้อเ้าแมวน้อย ส่วนอีกข้างหนึ่งใช้ดึงหนังหลังคอของมันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ยามนี้แมวน้อยนิ่งอยู่ในท่านั้น ไม่ขยับเขยื้อน และทำเพียงจ้องเยว่เฟิงเกอด้วยความเคียดแค้น
“รีบบอกมาว่าเ้ามีนามว่าอะไร ไม่เช่นนั้นข้าจะยกเ้าอยู่เช่นนี้ ให้เ้าอยู่ไม่ได้ จะตายก็ไม่ได้” เยว่เฟิงเกอกล่าววาจาดุร้าย เพื่อทำให้แมวน้อยใ
การจะจัดการกับแมวน้อยตัวหนึ่งเรียกได้ว่าง่ายกว่าจัดการกับม่อหลิงหานมากนัก
แมวน้อยขยับเขยื้อนไม่ได้ เขารู้สึกเหลือรับจริงๆ ทำได้แค่พ่นคำออกมาอย่างไม่เต็มใจว่า “ท่านเก้าผู้นี้มีนามว่าจิ๋วปิ่ง [1] นี่คือชื่อที่เ้านายตั้งให้ท่านเก้า”
ยามที่มันกล่าวว่าตนมีนามว่าจิ๋วปิ่ง เยว่เฟิงเกอก็อดหัวเราะพรืดออกมาไม่ได้
ตั้งชื่อให้แมวน้อยว่าจิ๋วปิ่ง เหตุใดไม่ให้ชื่อเก้าชีวิตหรือเก้าหมื่นแทนนะ
แมวน้อยเห็นว่าเยว่เฟิงเกอหัวเราะเยาะชื่อตน ก็โกรธจัดจนส่งเสียงคำราม
“เ้ามนุษย์โง่เขลาผู้นี้หัวเราะอันใดกัน ชื่อของท่านเก้าไม่เพราะหรืออย่างไร? บนร่างของท่านเก้ามีกลุ่มขนสีดำเก้าแต้ม ไม่เชื่อเ้าลองนับดูก็ได้ เพราะเหตุนี้เ้านายถึงได้ตั้งชื่อให้ท่านเก้าว่าจิ๋วปิ่ง”
เยว่เฟิงเกอชูร่างเ้าแมวน้อยขึ้นสูงแล้วลองนับดู เป็จริงดังว่าแมวน้อยตัวนี้มีกลุ่มขนสีดำเก้าแต้ม
เยว่เฟิงเกอไม่อยากล้อแมวน้อยอีก นางกอดจิ๋วปิ่งไว้ในอ้อมอก
เมื่อจิ๋วปิ่งได้รับอิสระแล้ว มันก็เอาแต่ดิ้นรนจะออกจากอ้อมแขนของเยว่เฟิงเกอ เพียงแต่ทันทีที่อุ้งมือน้อยๆ ของเขาััโดนก้อนกลมนุ่มนิ่มของนาง ัันุ่มนวลนี้ทำให้เขาอดลูบอีกสักทีสองทีไม่ได้
อ้อมกอดของสตรีผู้นี้ช่างอบอุ่นนัก เขาชอบความรู้สึกนี้จริงๆ
เยว่เฟิงเกอถูกจิ๋วปิ่งลูบหน้าอกไปสองสามที นางก็ก้มหน้าลงมองและเห็นว่าจิ๋วปิ่งกำลังหลับตาพริ้มด้วยท่าทางชอบอกชอบใจ มุมปากนางอดกระตุกไม่ได้
เ้าจิ๋วปิ่งนี่ดูแล้วคงจะเป็แมวลามกตัวหนึ่ง
“เ้าไม่ได้บอกว่าหิวหรือ อีกเดี๋ยวข้าจะหาอะไรให้เ้ากิน” เยว่เฟิงเกอยกมือขึ้นหยุดอุ้งเท้าน้อยๆ ที่กำลังจะลูบไล้นางต่อ ทำให้จิ๋วปิ่งถูกปลุกให้ตื่นจากฝันหวาน
ทันทีที่จิ๋วปิ่งได้ยินว่าจะมีของกิน ดวงตากลมโตพลันเบิกกว้าง กล่าวด้วยสีหน้าระแวดระวังว่า “ข้าจะบอกให้นะ ท่านเก้าน่ะมีเก้าชีวิต หากเ้าใส่ยาพิษลงไปในอาหาร รอจนท่านเก้าฟื้นขึ้นมาแล้วจะกัดเ้าให้ตาย”
“พูดมากจริงๆ ” เยว่เฟิงเกอถลึงตามองจิ๋วปิ่ง อุ้มเขาเดินมุ่งหน้าไปยังโรงครัว ซึ่งหนนี้นางไม่ได้ปลุกชิงจื่อด้วยไม่อยากให้ชิงจื่อรู้ว่าตรงนี้มีแมวพูดได้อยู่
เมื่อมาถึงโรงครัว เยว่เฟิงเกอก็พลิกหาข้าวและกับข้าวที่เหลืออยู่ ซึ่งเป็อาหารที่เหลือไว้ให้เหล่าคนรับใช้ได้กินกัน
นางหยิบออกมาอย่างหนึ่งแล้ววางลงตรงหน้าจิ๋วปิ่ง “กินเถอะ ข้ารับประกันว่าในนี้ไม่มีพิษ”
เมื่อครู่จิ๋วปิ่งก็เห็นแล้วว่า เยว่เฟิงเกอไม่มีความคิดที่จะใส่ยาพิษ แต่ยามกินคำแรกก็ยังอดกินอย่างระมัดระวังไม่ได้ เมื่อพบว่าไม่มีรสชาติที่ผิดแปลกจึงเริ่มกินอย่างสบายใจ
เยว่เฟิงเกอมองจิ๋วปิ่งที่กำลังกินอย่างตะกละตะกลาม ดูท่ามันคงจะไม่ได้กินอะไรมาหลายวันแล้วจริงๆ
เมื่อจิ๋วปิ่งกินจนท้องอิ่มแล้ว ก็ะโตัวลอยเข้ามาในอ้อมอกของเยว่เฟิงเกออีกครั้ง
“ทำไม ไม่ใช่ว่าเมื่อครู่รังเกียจข้ามากหรือ ตอนนี้ะโมาให้ข้าอุ้มอีกทำไม? ” เยว่เฟิงเกอมองจิ๋วปิ่งในอ้อมแขน อดหยอกล้อมันอีกครั้งไม่ได้
จิ๋วปิ่งถลึงตามองเยว่เฟิงเกอ กล่าวอย่างอวดดีว่า “อ้อมแขนเ้าอบอุ่น แล้วอ้อมแขนเ้าก็ยังมีก้อนกลมให้ลูบด้วย ไม่เหมือนเ้านายข้า เนื้อบนร่างแข็ง ลูบไปก็ไม่รู้สึกเพลิดเพลิน”
คำพูดของจิ๋วปิ่งทำให้เยว่เฟิงเกอได้แต่กลอกตามองบน
“เ้านายเ้าคือใคร เหตุใดเ้าไม่กลับไปหาเ้านายเ้าเล่า มาทำอะไรที่จวนจั้นอ๋องนี่? ” เยว่เฟิงเกออุ้มจิ๋วปิ่งไปจากโรงครัว ถามด้วยความสงสัย
เมื่อจิ๋วปิ่งได้ยินเยว่เฟิงเกอพูดถึงเ้านาย สีหน้าของมันก็ดูเศร้าสร้อยขึ้นมา
เยว่เฟิงเกอเห็นเพียงจิ๋วปิ่งหูลู่ หางตก ท่าทางเหมือนไม่อยากพูด ก็ยิ่งอยากรู้ว่าเ้านายของมันคือใคร นางจึงอุ้มเ้าตัวน้อยกลับมายังเรือนเยว่เหยา เมื่อถึงแล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้หิน วางร่างมันบนโต๊ะหิน ก่อนจะยกมือทั้งคู่ขึ้นเท้าคาง สายตาจดจ่ออยู่ที่จิ๋วปิ่งที่พาดอยู่บนนั้นโดยไม่เอ่ยวาจา
“พูดมาเถอะหน่า อย่ามัวอมพะนำไว้อยู่เลย”
จิ๋วปิ่งพูดขึ้นด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “เ้านายไม่้าท่านเก้าแล้ว เขาทิ้งท่านเก้าแล้ว”
จิ๋วปิ่งพูดพลางส่งเสียงครางอย่างเศร้าสร้อย ไม่มีอีกแล้วท่าทีอวดดีอย่างก่อนหน้านี้
เยว่เฟิงเกอเห็นท่าทีที่น่าสงสารของจิ๋วปิ่ง ในใจก็รู้สึกสงสารยิ่ง นางกอดจิ๋วปิ่งไว้ในอ้อมแขน กล่าวกับเขาว่า “เ้านายเ้าไม่้าเ้าแล้ว แต่ข้า้านะ หากเ้าเต็มใจ จะอยู่ที่นี่ก็ได้ ข้ารับปากว่าจะไม่ทอดทิ้งเ้า”
เยว่เฟิงเกอลูบหัวจิ๋วปิ่ง “จริงแท้แน่นอน ข้าเป็พระชายาของที่นี่ ข้าพูดคำไหนคำนั้นเสมอ”
เพื่อแสดงออกถึงความขอบคุณที่มีต่อเยว่เฟิงเกอ จิ๋วปิ่งจึงใช้ศีรษะดันกับลำคอของเยว่เฟิงเกอเบาๆ สองสามที
เยว่เฟิงเกอถูกท่าทางเช่นนี้ของจิ๋วปิ่งทำให้หัวเราะออกมา
ในตอนที่หนึ่งคนกับหนึ่งตัวกำลังเล่นกันอย่างสนุกอยู่นั้น จู่ๆ เสียงเ็าสายหนึ่งก็ดังขึ้น “ดึกดื่นเพียงนี้แล้ว พระชายายังไม่พักผ่อน กำลังสนทนากับผู้ใดอยู่? ”
————————————————————————————————
เชิงอรรถ
[1] จิ๋วปิ่ง(九饼)หมายถึง เก้าแต้ม คำว่าจิ่ว(九)แปลว่า เก้า ปิ่ง(饼)หมายถึงขนมปังแข็งแผ่นกลมอันเล็ก หรือสิ่งที่มีลักษณะคล้ายขนมปังแผ่นกลม