หยาดจันทร์นิรวานสามารถทำให้เกิดร่างที่จะรองรับระดับกายทองคำได้ แต่มันไม่มีประโยชน์สำหรับผู้ที่กำลังจะเข้าสู่ระดับหยินหยางเช่นหลัวเลี่ย ดังนั้นหลัวเลี่ยจึงไม่ได้ตื่นเต้นนัก
ซูชิวเชิงก็ยังใช้มันไม่ได้ เพราะตอนนี้เขาอยู่ในระดับวังชะตาเท่านั้น
ส่วนเสวี่ยปิงหนิง นางไม่อาจใช้สิ่งของสำหรับผู้ฝึกวรยุทธ์ได้เพราะนางเป็นักเวท
ดังนั้นหลัวเลี่ยจึงไม่รู้ว่าจะนำสมบัติที่ไม่สามารถช่วยในการฝึกฝนร่างกายได้ชิ้นนี้ไปให้ใคร
การที่เขาเลือกไม่รับแขกเป็เวลาสามวัน ไม่ใช่เพราะเขาจะใช้หยาดจันทร์นิรวาน แต่เป็เพราะเขา้าเวลาเพื่อปรับสมดุลร่างกาย
สำหรับเคล็ดวิชาฝึกฝนวรยุทธ์ทั่วไปแล้ว การที่พลังวรยุทธ์เพิ่มขึ้นสองระดับในเวลาเดียวกันไม่ได้สร้างความแตกต่างให้ร่างกายมากนัก แต่สำหรับเคล็ดวิชาั์ที่หลัวเลี่ยฝึกฝนอยู่นั้น การเพิ่มพลังอย่างรวดเร็วเช่นนี้นับว่าสร้างความเปลี่ยนแปลงให้ร่างกายอย่างมาก ดังนั้นเขาจึงต้องใช้เวลาในการปรับตัวเล็กน้อย
เช่นเมื่อตอนที่เขาต่อสู้กับวัวัไฟ เขารู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ราวกับว่าเขาไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้
เขาจึงใช้เวลาสามวันนี้เพื่อฝึกฝนและปรับตัว
สามวันให้หลัง หลัวเลี่ยก็ออกมาจากห้อง
เมื่อเขาปรับตัวเข้ากับพลังได้แล้ว เขาก็ถือได้ว่าเป็ผู้ฝึกตนระดับแปดอย่างแท้จริง
การที่หลัวเลี่ยฝึกฝนมาได้ถึงระดับนี้ ทำให้เสวี่ยปิงหนิงประหลาดใจอยู่พักหนึ่ง เพราะนางรู้ว่าหลัวเลี่ยฝึกเคล็ดวิชาั์อยู่ และหลัวเลี่ยเพิ่งเริ่มฝึกเป็ระยะเวลาเพียงไม่ถึงครึ่งปีเท่านั้น หากเื่นี้ถูกเผยแพร่ออกไปให้ทุกคนรับรู้ ทุกคนในดินแดนเหยียนหวงจะต้องตกตะลึงเป็แน่ เพราะผู้ฝึกวรยุทธ์ที่อยากไปให้ถึงระดับกายทองคำแล้วมีร่างะล้วนพ่ายแพ้ต่อเคล็ดวิชาั์
หลังจากที่หลัวเลี่ยออกมาจากห้องแล้ว สิ่งที่ทำให้เขาอึดอัด คือกลุ่มคนที่ยังอยู่เพียงระดับผู้ฝึกตน เช่น พวกองค์ชายสาม องค์ชายเก้า และคนอื่นๆ ในแคว้นจินหลานยังไม่ตัดใจจากหยาดจันทร์นิรวาน
เดิมทีพวกเขาคิดว่าที่หลัวเลี่ยประกาศงดรับแขกเป็เวลาสามวัน เป็เพราะหลัวเลี่ยจะใช้หยาดจันทร์นิรวาน แต่เมื่อพบว่าหลัวเลี่ยยังไม่ได้ใช้มัน พวกเขาจึงกลับมาตื่นเต้นอีกครั้ง
หลัวเลี่ยไม่อยากถูกรบกวน
เขา้าฝึกฝนวรยุทธ์ด้วยความสบายใจ เพราะการประลองยุวราชันแห่งสิบแคว้นกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้าแล้ว ดังนั้นหลังจากที่เขาครุ่นคิดเล็กน้อย เขาก็ตัดสินใจนำหยาดจันทร์นิรวานไปที่หอการค้าฟ้านเทียนที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงของแคว้นจินหลาน
หอการค้าฟ้านเทียนเป็หอการค้าที่ทรงอำนาจเทียบเท่ากับหอเซียวเหยา
นอกจากนี้หอการค้าฟ้าเทียนยังมีสาขาในแปดร้อยแคว้นเช่นกัน
เหตุผลที่หลัวเลี่ยเลือกหอการค้าฟ้านเทียนแทนที่จะเป็หอเซียวเหยา เพราะหอการค้าฟ้านเทียนนั้นเน้นการประมูลเป็หลัก ในขณะที่หอเซียวเหยาจะเน้นการซื้อขายแบบแลกเปลี่ยนสินค้าเป็หลัก
หาก้าจะเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากหยาดจันทร์นิรวานให้ได้มากที่สุด แน่นอนว่าวิธีการประมูลเป็ทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด
ดังนั้นเขาจึงตรงไปที่หอการค้าฟ้านเทียนสาขาจินหลาน
เมื่อมาถึงที่หอการค้าฟ้านเทียน หลัวเลี่ยก็ประหลาดใจเล็กน้อย เพราะผู้ที่มาต้อนรับเขาไม่ใช่ผู้ดูแลสาขา แต่กลับเป็ไป๋หลี่ชาง ซึ่งเป็ผู้าุโคนที่ห้าแห่งหอการค้าฟ้านเทียน
ไป๋หลี่ชางมีชื่อเสียงพอๆ กับหลิวจื่ออั๋ง
“ไม่ต้องแปลกใจ ข้ามาเพราะหยาดจันทร์นิรวานที่อยู่ในมือของเ้า” ไป๋หลี่ชางเป็ชายชราที่สง่าผ่าเผยมาก เพียงแค่นั่งนิ่งๆ ทว่าเขากลับดูสูงส่งมาก
“ผู้าุโไป๋หลี่ก็้ามันหรือ?” หลัวเลี่ยค่อนข้างประหลาดใจ
ไป๋หลี่ชางพูดอย่างใจเย็น “หยาดจันทร์นิรวานจะทำให้กลายเป็กายทองคำได้ ใครจะไม่้ามันบ้าง”
หลัวเลี่ยกล่าวว่า “ท่านไม่กลัวว่าข้าจะแอบใช้มันไปแล้วหรือ”
“ข้ารู้ว่าเ้าเข้าใจสถานการณ์เป็อย่างดี” ไป๋หลี่ชางพูดกับหลัวเลี่ย
หลัวเลี่ยเกาหัว “ขออภัย ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ขอให้ท่านผู้าุโไป๋หลี่ช่วยอธิบายให้ข้าฟังได้หรือไม่”
ไป๋หลี่ชางกล่าวว่า “คนเช่นข้าไม่อาจถูกหลอกได้โดยง่าย และเ้าก็รู้ว่าต่อให้ตนเองใช้มันไป แต่เมื่อมีคนอื่นอยากจะได้หยาดจันทร์นิรวานอีก คนพวกนั้นต้องตามมาสังหารเ้าแน่ ดังนั้นเ้าจึงรู้ว่าของสิ่งนี้ต่อให้เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์”
หลัวเลี่ยเลิกคิ้วทั้งสองข้างขึ้น เขาไม่ได้คิดถึงเื่นี้เลย
แต่ตอนนี้เมื่อมาคิดพิจารณาดูอีกครั้ง มันมีความเป็ไปได้ที่จะเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นจริงๆ
แม้ว่าตระกูลของไป๋หลี่ชางจะมีผู้ที่อยู่ในระดับทลายยุทธ์แล้ว แต่การขึ้นไปสู่ระดับกายทองคำนั้นไม่ง่ายเลย แน่นอนว่าเขาย่อมหวังว่าในอนาคตอาจมีคนในตระกูลของตนสามารถใช้หยาดจันทร์นิรวานนี้ แล้วทะลุระดับกายทองคำและมีชีวิตที่เป็ะได้
จุดประสงค์เช่นนี้ก็เพียงพอแล้วที่จะมีคนอีกหลายคน้ามาสังหารเขา เพื่อแย่งหยาดจันทร์นิรวานไป
หลัวเลี่ยอดไม่ได้ที่จะหวาดกลัว แล้วเขาก็พบว่าความเข้าใจของเขาเกี่ยวกับโลกใบนี้ช่างน้อยนิดนัก
หลัวเลี่ยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และสงบสติอารมณ์ “ข้ามาที่นี่เพราะอยากเปิดประมูลหยาดจันทร์นิรวาน”
“บอกราคาที่เ้า้ามา” ไป๋หลี่ชางพูด “ข้า้าหยาดจันทร์นิรวานนี้ เ้าบอกราคาที่เ้า้ามาได้เลย แต่จงจำไว้ว่าอย่าให้มากเกินไปนัก ข้าย่อมไม่ใช่ผู้ที่จะถูกคนอื่นเอาเปรียบได้โดยง่าย”
หลัวเลี่ยเกือบจะเปิดปากด่าอีกฝ่ายออกมาแล้วว่าเขากำลังกดราคาอยู่
“ข้าจะประมูลเท่านั้น” หลัวเลี่ยพูดเรียบๆ
“ข้าบอกว่าข้า้ามัน” ไป๋หลี่ชางกล่าวอย่างเฉยเมย
ความรู้สึกอันตรายแผ่ซ่านไปทั่วห้องอย่างรวดเร็ว
หลัวเลี่ยรู้สึกว่าไป๋หลี่ชางกำลังวางแผนที่จะซื้อสิ่งของโดยใช้กำลังเข้าข่มขู่ เพราะหากเขาไม่สนใจหยาดจันทร์นิรวาน เขาจะมาถึงแคว้นจินหลานได้อย่างไร
“อะแฮ่ม!”
มีเสียงกระแอมเบาๆ ดังขึ้น
ประตูถูกผลักเปิดออก
ไป๋หลี่ชางยังไม่ทันโกรธและดุลูกน้องที่เขาสั่งไว้แล้วว่าห้ามเข้ามารบกวน เขาก็พบว่าคนที่เข้ามาคือหลิวจื่ออั๋งผู้าุโเจ็ดของหอเซียวเหยา
“ข้ามาทันเวลาพอดี” หลิวจื่ออั๋งที่เพิ่งเข้ามาเมื่อเห็นว่าในมือของหลัวเลี่ยยังคงถือหยาดจันทร์นิรวานอยู่ เขาก็ยิ้มออกมา “ข้าก็อยากได้หยาดจันทร์นิรวานด้วย”
ไป๋หลี่ชางพูดด้วยรอยยิ้มเย็นว่า “หลิวจื่ออั๋ง สิ่งนี้ควรจะเป็ของผู้ที่มาก่อนใช่หรือไม่”
หลิวจื่ออั๋งกล่าวว่า “แต่ข้าได้ยินว่าหลัวเลี่ย้าจะเปิดประมูลมัน”
“เช่นนั้นหรือ” ไป๋หลี่ชางมองไปที่หลัวเลี่ยอย่างเ็า เห็นได้ชัดว่านี่เป็การคุกคาม
เดิมทีหลัวเลี่ยก็รู้สึกรำคาญไป๋หลี่ชางที่ข่มขู่บังคับให้เขาขายอยู่แล้ว เขาระงับความโกรธและพูดอย่างใจเย็นว่า “เห็นทีว่าหยาดจันทร์นิรวานนี้มีแต่จะสร้างปัญหา ไม่สู้ข้าทำลายมันทิ้งเสียดีกว่า”
หลิวจื่ออั๋งและไป๋หลี่ชางต่างใพร้อมกัน พวกเขาไม่คาดคิดว่าหลัวเลี่ยจะหัวแข็งขนาดนี้
ถ้ากล้ากดขี่เขาด้วยสถานะและความแข็งแกร่ง เขาก็จะทำลายให้ไม่มีใครสามารถเป็เ้าของมันได้อีก
การตอบสนองเช่นนี้ทำให้พวกเขาสองคนขมวดคิ้ว
ไป๋หลี่ชางหัวเราะและพูดว่า “ช่างเป็เยาวชนที่แน่วแน่ ข้าเคยเห็นคนกล้าหาญมานับไม่ถ้วน และมีคนกล้าหาญรุ่นเยาว์เช่นเ้าเพียงไม่กี่คน ในเมื่อเ้า้าเปิดประมูล เช่นนั้นข้าก็จะประมูลสิ่งของของเ้าเอง”
หลัวเลี่ยไม่พูดอะไรอีก เขาทำเพียงหยิบหยาดจันทร์นิรวานขึ้นมา
เขาไม่เชื่อว่าไป๋หลี่ชางจะทำตามคำพูดของตัวเอง ด้วยสถานะของไป๋หลี่ชางและชื่อเสียงของหอการค้าฟ้านเทียน อีกทั้งยังมีหลิวจื่ออั๋งที่คอยดูอยู่ข้างๆ เขาอีก
“หอการค้าฟ้านเทียนของเราจะมีการจัดการประมูลครั้งใหญ่ขึ้น และหยาดจันทร์นิรวานนี้จะถูกประมูลเป็ชิ้นสุดท้าย อืม เช่นนั้นการประมูลในครั้งนี้ต้องเป็ที่เลื่องชื่อแน่ ด้วยคุณภาพสินค้าชั้นเลิศเช่นนี้ คงจะทำให้หอการค้าฟ้านเทียนของข้าได้ประโยชน์อย่างมหาศาล” ไป๋หลี่ชางพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะให้เ้าสามารถซื้อสินค้าทั้งหมดที่ขายในสาขาจินหลานของเราได้ในครึ่งราคาเท่านั้น”
“ขอบคุณท่านผู้าุโไป๋หลี่”
หลัวเลี่ยจะไม่ใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบนี้ได้อย่างไร ครึ่งราคา เช่นนั้นก็ไปหาสิ่งที่จะเข้าตาเขากันเถอะ
นอกจากนี้เขายังไม่้าอยู่กับไป๋หลี่ชางและหลิวจื่ออั๋ง ซึ่งเป็มหาอำนาจทั้งสอง เพราะหากพวกเขาต่อสู้กันเอง หลัวเลี่ยกลัวว่าตัวเองจะกลายเป็ปลาตัวเล็กที่อยู่ระหว่างการต่อสู้ของปลาตัวใหญ่ทั้งสอง
หลังจากบอกลาทั้งสองแล้ว หลัวเลี่ยก็ออกจากห้องไป
เขาไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับหลิวจื่ออั๋งและไป๋หลี่ชาง
เมื่อหลัวเลี่ยออกมาข้างนอก เขาก็พบกับท่านราชครูซาเฉียนหลี่ องค์ชายสาม และชาวเมืองจินหลาน หลัวเลี่ยบอกพวกเขาไปตามตรงว่าไป๋หลี่ชางได้ยอมรับการจัดประมูลหยาดจันทร์นิรวานแล้ว หากใคร้าก็ให้ไปเตรียมเสนอราคามาให้พร้อมเสีย
เหตุการณ์นี้ตกอยู่ในสายตาของทั้งไป๋หลี่ชางและหลิวจื่ออั๋ง แต่ทั้งสองกลับแสดงอารมณ์ที่แตกต่างกัน
หลิวจื่ออั๋งยิ้มและพูดว่า “ข้าพูดไม่ผิดเลยใช่ไหม ว่าเด็กคนนี้จะกระจายข่าวออกไปทันทีอย่างแน่นอน เพราะเขาไม่อาจปล่อยให้ท่านฉวยโอกาสผูกขาดการซื้อขายได้ และยังทำให้เขามีอำนาจในการต่อรองเพิ่มขึ้นอีก แม้ภายนอกเขาจะดูแข็งแกร่ง แต่จริงๆ แล้วเขาละเอียดอ่อนมาก”
“ถ้าไม่ใช่เพราะเ้าเข้ามาขัดจังหวะ ข้าคงได้ของสิ่งนั้นมาไว้ในกำมือแล้ว” ไป๋หลี่ชางกล่าวเสียงเย็นเยียบ
หลิวจื่ออั๋งหัวเราะเสียงดังและพูดว่า “ข้ามีความสุขมากที่สามารถทำให้ท่านไม่พอใจได้”
ทั้งสองเป็ตัวแทนของหอเซียวเหยาและหอการค้าฟ้านเทียน และพวกเขาต่อสู้กันมาหลายปีแล้ว
พวกเขาทั้งสองจะเป็อย่างไรต่อไป หลัวเลี่ยไม่รู้ เพราะในขณะนี้เขาได้ขึ้นมาที่ชั้นสองของหอการค้าฟ้านเทียนแล้ว
เมื่อเทียบกับหอเซียวเหยาซึ่งเป็สถานที่ซื้อขายแลกเปลี่ยนสิ่งของเป็หลัก หอการค้าฟ้านเทียนจะเน้นไปที่การประมูลเป็หลัก และรูปแบบร้านค้าที่เปิดให้ซื้อของก็มีเพียงขนาดเล็กเท่านั้น
ถึงกระนั้นสินค้าที่พวกเขานำออกมาขายล้วนเป็สินค้าคุณภาพสูง อย่างน้อยในสายตาของหลัวเลี่ยก็คิดว่าสิ่งของพวกนี้ไม่เลวเลย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามาถึงในครั้งแรกเขาก็ถูกดึงดูดโดยของบางสิ่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้