เสียงนี้?
ร่างกายของหลินกู๋หยู่สั่นเทาเล็กน้อย
หมาป่า
ในยุคปัจจุบันสามารถพบเห็นหมาป่าได้เฉพาะในสวนสัตว์เท่านั้น หมาป่าเ่าั้ล้วนถูกขังอยู่ในกรง
แต่ตอนนี้
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ฉือหางบอกว่าบนูเาอันตราย สัตว์เหล่านี้ล้วนใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกอย่างอิสระ
หลินกู๋หยู่เงยหน้าขึ้นมอง เห็นฉือหางเอื้อมมือหยิบลูกธนูสามดอกออกจากซองธนูอย่างรวดเร็ว แล้วยิงโดยไม่ลังเล การเคลื่อนไหวนั้นว่องไวเพียงอึดใจเดียว เขาดูหล่อเหลาเสียจนไม่อาจอธิบายเป็คำพูดได้
คล้ายจะได้ยินเสียงหายใจเฮือกใหญ่สองสามเสียงแว่วดังมาจากทางนั้น จากนั้นไม่มีการเคลื่อนไหวอื่นใดอีก
"ไม่เป็ไรแล้ว" ฉือหางเดินไปที่หญ้าทางนั้น เขาแหวกวัชพืชออก ก้มลงหยิบของหนักๆ ขึ้นมาแล้วโยนลงพื้นอย่างแรง
มันคือหมาป่า
หลินกู๋หยู่มองหมาป่าบนพื้นด้วยความหวั่นกลัว หมาป่าถูกลูกธนูยิงเข้าที่ขา ส่วนลูกธนูอีกสามดอกยิงเข้าที่ศีรษะ
ฉือหางดึงลูกศรออกมาพงหญ้า จากนั้นใส่ไว้ในกระบอกไม้ไผ่ข้างหลังอย่างสบายๆ "ไม่เป็ไรแล้ว แค่หมาป่าตัวเดียว"
ก่อนหน้านี้ฉือหางยิงธนูไปทั้งหมดห้าดอก
ตอนที่ลูกธนูดอกแรกถูกยิงออกไป นางไม่ได้ยินเสียงร้องของหมาป่า หรือเสียงที่ได้ยินก็คือเสียงหมาป่าดิ้นไปมา?
เป็ไปได้หรือไม่ว่าลูกธนูดอกแรกของฉือหางนั้นยิงไปเพียงเพื่อทดสอบตำแหน่งของมัน ลูกธนูดอกที่สองพุ่งเข้าใส่หมาป่าโดยตรง และสามดอกที่เหลือสำหรับสังหาร
วิธีการยิงธนูเช่นนี้น่าทึ่งจริงๆ
ฉือหางเดินไปหาหมาป่า ก้มลงดึงลูกศรทั้งหมดออกจากร่างของหมาป่า ลูกธนูยังคงเปื้อนเื เขาเอาไปถูบนพื้นอย่างเฉยเมย ก่อนจะมองไปที่หลินกู๋หยู่อย่างเป็กังวลเล็กน้อย
“เรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ” ฉือหางกวาดสายตามองไปรอบๆ “เมื่อครู่มีเสียงหมาป่าหอน ข้าเกรงว่ามันจะดึงดูดสัตว์อื่นๆ เข้ามามากกว่านี้”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉือหางพูด หลินกู๋หยู่ก็เข้าใจได้ทันที
หากสัตว์ที่ถูกดึงดูดมาที่นี่ไม่ใช่สัตว์ชนิดเดียวกันกับหมาป่า แต่เป็สัตว์ที่ใหญ่กว่านี้ ในโลกที่ผู้อ่อนแอเป็เนื้อ ผู้แข็งแกร่งเป็ผู้ได้กินเนื้อ พวกมันสามารถกินทุกอย่างไม่เลือกจริงๆ
หลินกู๋หยู่หวั่นใจอยู่หลายส่วน หมาป่าที่นอนอยู่บนพื้นนั้นสูงประมาณครึ่งตัวคน ดูเหมือนจะเป็ลูกหมาป่า
หลินกู๋หยู่พยักหน้าอย่างรวดเร็ว "เข้าใจแล้ว เช่นนั้นพวกเราก็รีบกลับไปกันเถอะ"
ทันทีที่หันกลับมา หลินกู๋หยู่ก็เห็นเห็ดจำนวนมากผุดอยู่ข้างต้นไม้ใหญ่ นางรีบก้มลงหยิบขึ้นมาใส่ตะกร้าไม้ไผ่บางส่วน
ทันทีที่หันกลับมา หลินกู๋หยู่ก็เห็นฉือหางแบกหมาป่าไว้บนบ่า นางรีบเดินกลับบ้านพร้อมกับฉือหาง
ฉือหางเดินเร็วมาก นางทำได้เพียงวิ่งเหยาะๆ เพื่อให้ตามความเร็วของเขาได้ทัน
นางเดินตามฉือหางลงเขาพร้อมเหงื่อท่วมตัว ในขณะที่คนข้างๆ ดูเหมือนจะเป็ปกติ หายใจสม่ำเสมอ
การขึ้นเขานั้นยากลำบาก แต่การลงจากเขานั้นสะดวกมากกว่า
เขาแบกหมาป่าที่ตายแล้วไว้บนบ่า เมื่อคิดถึงเื่นี้ หลินกู๋หยู่ก็เอียงศีรษะเล็กน้อย เมื่อหันไปมองศีรษะของหมาป่า นางก็เป็ต้องถอยห่างออกไปอย่างทรงตัวแทบไม่มั่นคง
"เกิดอะไรขึ้นหรือ?" ฉือหางได้ยินเสียงฝีเท้าที่สะเปะสะปะไม่เป็ท่าของหลินกู๋หยู่จึงหันไปมอง เห็นนางในสภาพที่เหนื่อยล้า “พวกเราพักผ่อนก่อนสักพัก แล้วค่อยเดินทางต่อเถอะ"
"รีบลงเขาให้เร็วเถอะ" หลินกู๋หยู่วิตกกังวลเล็กน้อย หากดึงดูดสัตว์ที่มากกว่านี้ละ จะทำอย่างไร?
นางรู้สึกหวาดกลัวตลาดการเดินทาง กลัวว่าสัตว์กินเนื้อจะปรากฏตัวข้างหลังพวกนาง
ทว่าโชคดีที่ไม่มีอันตรายใดๆ เมื่อทั้งสองกลับบ้านอย่างปลอดภัย หลินกู๋หยู่จึงรู้สึกโล่งใจ
ในตอนแรกนางตั้งใจที่จะเก็บสมุนไพร แต่นางกลับได้เก็บเห็ดบางส่วนกลับมาได้ ประจวบเหมาะสามารถนำเห็ดเหล่านี้ทำอาหารได้เลย
ทันทีที่หลินกู๋หยู่วางตะกร้าไม้ไผ่ลง นางก็เห็นฉือหางเริ่มถลกหนังหมาป่า
มองดูฉากนองเืเบื้องหน้า หลินกู๋หยู่ก็รู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย หันศีรษะไปทางด้านข้างและเสมองไปทางอื่น
ฉือเย่ได้ยินเสียงวุ่นวายจากด้านนอกจึงปิดหนังสือและออกมาจากห้องข้างใน
"พี่สาม" ดวงตาของฉือเย่หันไปที่ร่างของหลินกู๋หยู่ มองนางจากศีรษะจรดปลายเท้า ในที่สุดเขาก็เอ่ยพูดว่า "ทำไมพวกพี่สองคนถึงกลับมาเร็วนัก?"
"เจอหมาป่าเข้าแล้ว ข้ากลัวว่าจะเป็การดึงดูดสัตว์อื่นมาเพิ่ม จึงกลับมาก่อน" ฉือหางนั่งยองๆ บนพื้น ถือมีดไว้ในมือ ลอกหนังหมาป่าอย่างคล่องแคล่ว
เขาเคลื่อนไหวด้วยความชำนาญ ใบมีดประกายเย็นเยียบ เดิมทีมันควรจะเป็งานที่หนักหน่วงและยากมาก แต่เขากลับทำมันได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้ความพยายาม ราวกับเมฆที่ล่องลอยอยู่บนผืนฟ้าและสายน้ำที่ไหลในแม่น้ำอย่างเป็ธรรมชาติ
ไม่นานถัดจากนั้น หนังหมาป่าก็ถูกถลกออกจนหมด
ฉือหางยกหนังหมาป่าขึ้น มองไปที่รูที่เกิดจากลูกธนูของเขา ขมวดคิ้วเล็กน้อย "ถ้าลูกธนูโดนที่ดวงตาทุกดอกก็คงจะดี"
หลินกู๋หยู่มองดูกองก้อนเนื้อใต้เื ไม่กล้าก้าวเท้าไปข้างหน้า
"พี่สาม พี่ไม่ได้ออกไปล่าสัตว์นานแล้ว เป็เื่ปกติหากทักษะของพี่จะตกลงไปบ้าง" ฉือเย่เดินไปด้านหน้าฉือหางพร้อมหนังสือในมือ ด้านข้างเท้าของเขาคือกองเืหมาป่า
ฉือหางเพียงแค่พับหนังหมาป่า สายตามองไปที่หมาป่าบนพื้น "ข้าจะเข้าไปในตัวอำเภอเมืองและขายสิ่งนี้ ถ้าไปช้ากว่านี้มันคงจะไม่สดแล้ว"
ตอนนี้เป็เวลาบ่าย อีกสองชั่วยามท้องฟ้าก็จะมืดแล้ว
คนโบราณมักนอนแต่หัวค่ำอยู่เสมอ หลินกู๋หยู่ก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างวิตกกังวล "ถ้าเ้าไปตอนนี้ กว่าจะกลับมาท้องฟ้าก็มืดแล้ว"
"ข้าจะไปยืมเกวียนลาที่บ้านของลุงหวัง" ฉือหางกล่าว สายตาของเขาจับจ้องไปที่หลินกู๋หยู่อย่างอ่อนโยน "ข้าไปทำธุระเสร็จแล้วจะกลับมาทันที เ้าไม่ต้องเป็ห่วง"
ไม่ได้เป็ห่วง
นางไม่ได้เป็ห่วงเขาจริงๆ เพียงแต่รู้สึกว่าท้องฟ้ากำลังจะมืดในไม่ช้า ท่าทีของฉือหางเช่นนี้มีความผิดปกติไปจากวันปกติเล็กน้อย
"ข้าจะไปยืมให้" ฉือเย่ก้มศีรษะลงไม่กล้ามองคนทั้งสอง เขาเดินหนีไปด้วยความสิ้นหวัง
“เช่นนั้นเ้าก็ไปเถอะ” หลินกู๋หยู่กลัวที่จะมองเข้าไปในดวงตาของฉือหาง นางไม่้ามีการปฏิสัมพันธ์กับฉือหางมากไปกว่านี้ “ถ้าเช่นนั้นข้าจะทำอาหารในเวลาสายกว่าเดิม”
“ถ้าเ้าหิวแล้ว เ้าก็กินก่อนได้เลย”
หลินกู๋หยู่พยักหน้า เมื่อเห็นมือของฉือหางที่ยื่นออกมา ร่างกายของนางถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างเป็ธรรมชาติ ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“บนไหล่ของเ้า” ฉือหางชี้นิ้วมือไปที่ไหล่ของหลินกู๋หยู่ เสียงของเขาดูกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “มีใบไม้ติดอยู่”
หลินกู๋หยู่พยักหน้า ใช้มือปัดใบไม้ออกจากไหล่
"พี่ชายสาม พี่สะใภ้สาม” เสียงของหวังเสี่ยวเชี่ยนแว่วดังมาจากข้างนอก หลินกู๋หยู่มองไปตามแหล่งที่มาของเสียงนั้น เห็นหวังเสี่ยวเชี่ยนยืนอยู่ข้างฉือเย่ ในมือจับสายบังเหียนเกวียนลา "ข้าได้ยินมาว่า พี่ชายสามล่าสัตว์ตัวใหญ่ได้อีกแล้วงั้นหรือ?”
สายตาของหวังเสี่ยวเชี่ยนมองไปที่สิ่งที่เปื้อนเืบนพื้น วางสายบังเหียนไว้ในมือของฉือเย่ทันที นางวิ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว
"ใช่สิ่งนี้หรือไม่?" หวังเสี่ยวเชี่ยนมองดูศพบนพื้นด้วยความสงสัย อดไม่ได้ที่จะพูดว่า "โอ้์ ตัวนี้จะทำเงินได้เท่าไรกัน?"
"ขอบคุณมาก ทุกครั้งที่เข้าไปในตัวอำเภอเมืองก็มักจะต้องใช้เกวียนลาของเ้าเสมอ" ฉือหางกระจายฟางบนเกวียน หลังจากจัดทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเขาก็เดินกลับเข้าไปในลานบ้าน แบกหมาป่าบนพื้นไปวางไว้บนรถ
“พี่ชายสามจะเกรงใจทำไมกัน” ในอดีตสมัยที่ฉือหางสุขภาพดี เมื่อเขาล่าสัตว์ได้ เขาก็มักจะส่งเนื้อไปให้ครอบครัวของพวกนาง และทุกครั้งที่เขาใช้เกวียนลา เขาก็มักจะให้เงินเสมอ "สองตระกูลของเราก็คุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว"
เมื่อมองดูฉือหางรับบังเหียนจากฉือเย่ หลินกู๋หยู่ก็มองไปที่ฉือหางอย่างเป็กังวล "เดินทางระมัดระวังด้วย"
ฉือหางที่ลากสายบังเหียนอยู่หยุดชั่วขณะ เขารู้สึกอบอุ่นในใจ มองดูหลินกู๋หยู่ยืนอยู่อย่างเงียบๆ มุมริมฝีปากของเขายกขึ้นอย่างอ่อนโยน "ข้ารู้แล้ว"
หลังจากส่งฉือหางออกไปแล้ว หลินกู๋หยู่เห็นหวังเสี่ยวเชี่ยนเข้าใกล้ฉือเย่
"เ้าถืออะไรอยู่ในมือหรือ ขอข้าดูหน่อย" สายตาหวังเสี่ยวเชี่ยนจับจ้องไปที่หนังสือในมือของฉือเย่ "เ้าบอกว่าจะสอบเข้าเป็ข้าราชการในเร็วๆ นี้ไม่ใช่หรือ? แต่ทำไมเ้าถึงมีเวลาว่างออกมาแล้วละ?"
ฉือเย่ก้มศีรษะเงียบ
เมื่อเห็นฉือเย่เงียบ หวังเสี่ยวเชี่ยนก็เอามือไพล่หลัง แล้วไหวตัวอย่างสบายๆ "วันนี้เ้าเป็อะไรไป ข้าคิดว่า่นี้เ้าทำตัวแปลกๆ!"
“ไม่เป็ไร ข้าแค่เพิ่งหายป่วย รู้สึกไม่ค่อยดีเล็กน้อย” ฉือเย่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเงยหน้าขึ้นมองหวังเสี่ยวเชี่ยน “เช่นนั้นข้าขอตัวกลับก่อน?”
"ถ้างั้นเ้าก็รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ" หวังเสี่ยวเชี่ยนมองไปที่ฉือเย่ย่างเป็กังวล เมื่อเห็นว่าคอเสื้อของเขาไม่เรียบร้อย นางจึงก้าวฝีเท้าเข้าไปหาอย่างเป็ธรรมชาติ "ไม่รู้จักจัดคอเสื้อให้เรียบร้อย เ้านี่ก็จริงๆ เลย"
หลินกู๋หยู่ยืนอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นทั้งสองคนเช่นนี้ นางก็อดไม่ได้ที่จะยกมุมปากขึ้นโค้ง
คู่รักที่เป็เพื่อนเล่นกันั้แ่วัยเยาว์สินะ
ฉือเย่เงยหน้าขึ้นมองหลินกู๋หยู่ปราดหนึ่ง จากนั้นก็เอนหลังเล็กน้อย ก้าวถอยหลังหนึ่งก้าว หวังเสี่ยวเชี่ยนก็ก้าวเข้าหาเขาหนึ่งก้าว
เมื่อหวังเสี่ยวเชี่ยนช่วยจัดคอเสื้อให้ฉือเย่เรียบร้อยแล้ว เขาก็กล่าวว่า "ข้าขอตัวก่อน" และเดินจากไป
หวังเสี่ยวเชี่ยนเฝ้าดูฉือเย่เดินจากไปด้วยสายตาที่หลงใหล นางไม่หันกลับมามองหลินกู๋หยู่จนกระทั่งฉือเย่เดินเข้าไปในบ้าน
“พี่สะใภ้สาม” หวังเสี่ยวเชี่ยนเดินไปหาหลินกู๋หยู่ตายิ้ม จับมือของหลินกู๋หยู่อย่างสนิทสนม พูดด้วยรอยยิ้มว่า “คราวนี้พี่ชายสามต้องทำเงินได้มากแน่ พวกพี่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อยๆ แล้ว"
หลินกู๋หยู่ยิ้ม "เวลาสายมากแล้ว ข้าควรจะปลุกโต้ซาให้ตื่นแล้ว ถ้าเขาหลับเช่นนี้ต่อไป เขาอาจจะนอนไม่หลับตอนกลางคืน"
หลินกู๋หยู่เดินไปที่เตียงและเรียกโต้ซาเบาๆ
“ท่านแม่” ก่อนที่โต้ซาจะลืมตา เขายกมือเนื้อแน่นเล็กๆ ขึ้น ขยี้ตาแรงๆ และะโด้วยเสียงขึ้นจมูก
“ตื่นเร็ว” หวังเสี่ยวเชี่ยนเรียกด้วยรอยยิ้ม ยกผ้าห่มออกจากตัวของโต้ซา พูดด้วยรอยยิ้ม “เวลานี้ไม่นอนแล้ว”
โต้ซาลืมตาขึ้นด้วยความงุนงง ดวงตาของเด็กน้อยจับจ้องไปที่ใบหน้าของหวังเสี่ยวเชี่ยน อดไม่ได้ที่จะโน้มตัวไปหาหลินกู๋หยู่
“เรียกท่านน้า” หลินกู๋หยู่พูดเบาๆ ขณะที่ทัดเส้นผมของโต้ซาไปที่ด้านหลังใบหูของเขาด้วยรอยยิ้ม
“ท่านน้า” ด้วยน้ำเสียงไพเราะนุ่มนวลทั้งยังขึ้นจมูกเล็กน้อย โต้ซากดไหล่ของหลินกู๋หยู่ ดวงตาสีเข้มคู่หนึ่งมองไปรอบๆ ใบหน้าของหวังเสี่ยวเชี่ยน
เมื่อเห็นโต้ซาเป็เช่นนี้ หวังเสี่ยวเชี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปััใบหน้าของโต้ซา พูดด้วยรอยยิ้มว่า "เด็กคนนี้น่ารักจริงๆ เมื่อก่อนเขาทั้งตัวดำทั้งขี้เหร่ แต่ตอนนี้เขาดูดีขึ้นมาก"
เมื่อคิดถึงการได้พบกับโต้ซาเป็ครั้งแรก หลินกู๋หยู่ไม่กล้าพูดเสียงดัง "เด็กเล็กย่อมต้องได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี"
“เป็เพราะพี่สะใภ้สามดูแลคนได้เก่ง” หวังเสี่ยวเชี่ยนกลอกตามองหนึ่งรอบ เม้มริมฝีปากเบาๆ คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วลดเสียงลง “ฉือเย่ป่วยเช่นนั้น และพี่สะใภ้สามก็ดูแลเขาจนหายป่วย”
หลินกู๋หยู่จับมือโต้ซาและใส่เสื้อผ้าให้เขา "ข้าก็แค่ให้เขากินยาเล็กน้อย ไม่ได้ทำอะไรอื่นเลย"
“พี่สะใภ้สาม” หวังเสี่ยวเชี่ยนหน้าแดงก่ำอย่างไม่อาจควบคุมได้ นางพูดเบาๆ ว่า “ถ้าข้ามีความสามารถเท่าพี่สะใภ้สาม ตอนที่เขาเป็ไข้ทรพิษ ข้าอยากจะไปช่วยเขาด้วยเช่นกัน”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้