เซียวอี้จ้องมองเซียวหนิงเอ๋อร์ด้วยสายตาเ็าและพูดว่า “นี่คงไม่ใช่การหาข้ออ้างหรอกใช่หรือไม่!” เซียวอี้หันไปมองเซียวอวิ๋นเฟิง พ่อลูกคู่นี้จะต้องปิดบังอะไรบางอย่างเอาไว้เป็แน่!
คิ้วเรียวงามของเซียวหนิงเอ๋อร์เลิกสูงเล็กน้อย จ้องมองเซียวอี้และพูด “ท่านอาพูดเช่นนี้ มิใช่จะเกินไปสักหน่อยหรือ? ข้าสาบานต่อ์ ทุกประโยคที่ข้าพูดล้วนเป็ความจริง!”
ได้ยินคำพูดของเซียวหนิงเอ๋อร์ เซียวอี้เชื่อว่าเป็ความจริงอยู่หลายส่วน เขารู้จักนิสัยของเซียวหนิงเอ๋อร์เป็อย่างดี เซียวอี้นิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งและพูดขึ้นว่า “ในเมื่อคนผู้นั้นเป็เพื่อนของหลานหนิงเอ๋อร์ เหตุใดหลานหนิงเอ๋อร์ไม่ไปขอหญ้าจื่อหลันพวกนั้นคืนมาเล่า?”
ได้ยินคำพูดของเซียวอี้ สีหน้าของเซียวหนิงเอ๋อร์ก็ถอดสี “ท่านอาพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรเ้าคะ? หญ้าจื่อหลันพวกนั้น เขาเชื่อใจให้ข้าไปซื้อไปหาให้ ข้ากลับไปขอคืนจากเขา จะมิกลายเป็คนต่ำช้าหรอกหรือ?”
“เื่นี้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของตระกูล!” เซียวอี้ใบหน้าแดงก่ำโกรธเกรี้ยว
“เซียวอี้ หยุดเื่นี้เถอะ ต่อให้พวกเราไปขอคืนจากเขา เขาจะยอมคืนให้หรือ?” เซียวอวิ๋นเฟิงชำเลืองมองไปทางเซียวอี้เล็กน้อย เขาย่อมไม่ยอมให้เซียวอี้บีบบังคับหนิงเอ๋อร์เช่นนี้
“เื่นี้ อาจไม่จำเป็ต้องใช้กลยุทธ์อะไร ต้องดูว่าอีกฝ่ายฐานะเป็อย่างไร!” เซียวอี้ยิ้มอย่างเ็าและพูดต่อว่า “หากอีกฝ่ายไม่มีฐานะ พวกเราก็แค่บีบให้มันคายหญ้าจื่อหลันออกมา!”
ได้ยินคำพูดของเซียวอี้ เซียวหนิงเอ๋อร์ก็ยิ่งโมโหเป็อย่างมาก พลังปราณปีกัสายฟ้าวายุในร่างของนางไม่อาจกดข่มต่อไปได้อีก อาณาเขติญญาของนางสั่นะเืฉับพลัน เสียงลมและสายฟ้าเบาๆ ดังขึ้น แสงสีฟ้ากลุ่มหนึ่งะเิตัวพุ่งขึ้นสู่ฟ้า รัศมีกายแข็งแกร่งเริ่มกระจายตัวออกไปทั่วทุกสารทิศ
ในขณะนี้ ผลจากคลื่นอารมณ์อันรุนแรง พลังิญญาของเซียวหนิงเอ๋อร์เพิ่มพูนขึ้นอย่างก้าวะโ อาณาเขติญญาดูเหมือนเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างหนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้นกับหนิงเอ๋อร์?” เซียวอวิ๋นเฟิงเบิกตากว้างจ้องมองเซียวหนิงเอ๋อร์ด้วยความใ เซียวหนิงเอ๋อร์เพิ่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับทองแดงหนึ่งดาวได้ไม่นาน พลังิญญาของนางแข็งแกร่งถึงปานนี้ได้อย่างไร? พลังิญญาที่กระจายออกมาจากร่างกายของเซียวหนิงเอ๋อร์ แม้กระทั่งผู้ควบคุมจิตอสูรระดับทองเช่นเขาก็ยังต้องรู้สึกถึงความกดดัน!
เซียวอี้จ้องมองเซียวหนิงเอ๋อร์ด้วยความประหลาดใจ เซียวหนิงเอ๋อร์ฝึกเคล็ดวิชาอะไรกัน? พลังิญญาแข็งกล้าปานนี้ดูไม่เหมือนมาจากผู้ที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ระดับทองแดงหนึ่งดาวเลย
ร่างกายของเซียวหนิงเอ๋อร์เต็มไปด้วยแสงสว่าง เกลียวพลังิญญาสายหนึ่งพันรอบร่างของนางราวกับแถบผ้าผืนหนึ่ง ลำแสงสีขาวส่องต้องชุดไหมของเซียวหนิงเอ๋อร์จนดูศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ราวกับเทพธิดาจากเก้า์ชั้นฟ้า พลังิญญาบีบอัดจนค่อยๆ กลายเป็รูปปีกโปร่งแสงคู่หนึ่งปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเซียวหนิงเอ๋อร์
“พลังิญญากำลังเปลี่ยนรูป!” เห็นภาพนี้ ผู้าุโทั้งหก รวมถึงเซียวอี้ ต่างพากันลุกพรวดพราดขึ้นยืนและจ้องมองด้วยความตกตะลึง
กระทั่งเซียวอวิ๋นเฟิงก็ยังใเช่นกัน เขาคิดไม่ถึงว่า พลังยุทธ์ของบุตรสาวจะก้าวหน้าอย่างรวดเร็วถึงปานนี้ ก้าวเข้าถึงระดับิญญาเปลี่ยนรูปได้!
พลังิญญาเปลี่ยนรูป สิ่งนี้เกิดจากพลังิญญาที่บริสุทธิ์จนถึงที่สุด! ผู้ควบคุมจิตอสูรที่สามารถก้าวเข้าถึงระดับพลังิญญาเปลี่ยนรูปนับว่าหาได้ยากยิ่ง ปกติอย่างน้อยต้องเป็ผู้ควบคุมจิตอสูรที่มีพร์ระดับทองขึ้นไป ในผู้ควบคุมจิตอสูรระดับทองสิบคน อาจจะมีสักคนหนึ่งที่สามารถก้าวเข้าถึงระดับพลังิญญาเปลี่ยนรูปได้ หากผู้ควบคุมจิตอสูรผู้หนึ่งสามารถเปลี่ยนรูปพลังิญญาได้ พลังิญญาของเขาก็จะแข็งแกร่งอย่างยิ่งยวด ความสำเร็จในอนาคตอย่างน้อยต้องได้เป็ผู้ควบคุมจิตอสูรระดับทองดำหรือสูงกว่า ยังมีความเป็ไปได้ที่จะก้าวขึ้นถึงระดับตำนาน!
เซียวหนิงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้น จ้องมองเซียวอี้ด้วยสีหน้าเ็า นางพูดขึ้นว่า “ผู้ที่เชื่อใจให้ข้าจัดซื้อหญ้าจื่อหลันมาให้ เขาดีต่อข้ามาก หากท่านอาวางแผนที่จะบีบบังคับเขาให้ต้องเสียเปรียบ เช่นนั้นต่อให้พลังยุทธ์ของข้าจะด้อยกว่าท่านอามากนัก ข้าก็จะสู้ด้วยชีวิตของข้า หยุดท่านอาให้ได้!”
สีหน้าของเซียวหนิงเอ๋อร์กล้าหาญยิ่งนัก น้ำเสียงที่พูดก็เ็าราวน้ำแข็ง ทิ่มแทงเข้ากลางใจ
ระดับทองแดงก็ก่อรูปิญญาได้แล้ว สิ่งนี้ย่อมพิสูจน์ว่าพร์ที่มีอยู่มากล้นเกินคนทั่วไปจะคิดถึงได้ เซียวหนิงเอ๋อร์เพิ่งอายุสิบสามปี อีกหลายปีข้างหน้าจะเป็อย่างไร? ความก้าวหน้าของความอัจฉริยะเช่นนี้จะต้องน่าใอย่างยิ่ง อีกไม่กี่ปีนางก็คงก้าวขึ้นถึงระดับเงิน ระดับทอง หรือแม้กระทั่งระดับที่สูงกว่านั้น!
เซียวอี้ในที่สุดก็หัวหดเข้าไป ตามกฎของตระกูล เซียวหนิงเอ๋อร์แสดงพลังิญญาที่เปลี่ยนรูปออกมา นับจากนี้ไปฐานะในครอบครัวของนางยังสูงกว่าเซียวอวิ๋นเฟิงเสียอีก!
คำสั่งที่สืบทอดกันมาแต่ครั้งบรรพชนของตระกูลอี้หลง ไม่ว่าเมื่อใด ฐานะของผู้ฝึกยุทธ์อัจฉริยะในครอบครัวถือว่าสูงส่งที่สุด หากมีอาณาเขติญญาสีฟ้าหรือสีคราม ครอบครัวจะต้องใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อเลี้ยงพวกเขาให้ดีที่สุด และฐานะของพวกเขาในครอบครัวก็สำคัญยิ่ง นี่เป็เพราะ มีแต่อัจฉริยะผู้หนึ่งเท่านั้น จึงจะสามารถนำพาครอบครัวขึ้นสู่จุดสูงสุดได้!
ทั้งๆ ที่เซียวหนิงเอ๋อร์มีเพียงอาณาเขติญญาสีเขียว ทว่าแค่อยู่ในระดับทองแดงก็สามารถเปลี่ยนรูปพลังิญญาได้แล้ว นี่ยังหาได้ยากยิ่งกว่าผู้ที่มีอาณาเขติญญาสีฟ้าเสียอีก! เพราะมีผู้ควบคุมจิตอสูรที่มีอาณาเขติญญาสีฟ้ามากมายในประวัติศาสตร์ แต่พวกเขากลับค่อยๆ ตกต่ำลงไป มีเพียงหนึ่งในสิบคนเท่านั้นที่สามารถทะลวงขึ้นเหนือระดับทองได้ ซึ่งเป็เื่ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงกับผู้ที่สามารถเปลี่ยนรูปพลังิญญาได้ ไม่มีผู้ใดในหมู่ผู้ที่สามารถเปลี่ยนรูปพลังิญญาจะมีความก้าวหน้าต่ำกว่าระดับทอง!
ครั้งเมื่อยืนยันได้ว่าผู้เยาว์รุ่นใหม่มีความอัจฉริยะยอดเยี่ยมถือกำเนิดขึ้น ทุกคนในครอบครัวจะต้องปูทางให้แก่อัจฉริยะผู้ยอดเยี่ยมเหล่านี้!
พวกผู้าุโมองหน้ากัน แม้กระทั่งผู้าุโสองคนที่ไม่ค่อยลงรอยกับเซียวอวิ๋นเฟิงก็ยังไม่ลังเลที่จะเข้าข้างเซียวอวิ๋นเฟิง
“หนิงเอ๋อร์เพิ่งก้าวถึงระดับทองแดงก็สามารถเปลี่ยนรูปพลังิญญาได้แล้ว ความสำเร็จในอนาคตข้างหน้าจะต้องไปได้ไกลอย่างแน่นอน!”
“ยินดีด้วยท่านประมุข ยินดีด้วยหนิงเอ๋อร์ ในที่สุดตระกูลอี้หลงของพวกเราก็มีวันนี้แล้ว!”
ผู้าุโหลายคนที่เคย้าให้เซียวหนิงเอ๋อร์ส่งมอบหญ้าจื่อหลันออกมา แต่ละคนต่างคลายยิ้มเอ่ยชื่นชมยินดี กล่าวคำชื่นชมนางไม่หยุดหย่อน! พร์ที่เซียวหนิงเอ๋อร์แสดงให้เห็นนั้นช่างน่าตื่นตะลึงเหลือเกิน ไม่มีผู้ใดคิดว่าเซียวหนิงเอ๋อร์จะก้าวหน้าได้ถึงเพียงไหน
ได้ยินคำชื่นชมจากผู้าุโหลายคน เซียวอวิ๋นเฟิงรู้สึกสบายใจขึ้น หัวเราะร่าเริงเป็การใหญ่
“แล้วเื่การแต่งงานกับตระกูลเสินเซิ่งเล่า?” เซียวอี้พึมพำ เซียวอวิ๋นเฟิงมีบุตรสาวเพียงคนเดียว หากเซียวหนิงเอ๋อร์แต่งออกไปให้แก่ตระกูลเสินเซิ่ง เซียวอี้ก็จะสามารถชิงตำแหน่งประมุขได้ ทว่าเวลานี้สถานการณ์ไม่เป็ไปดังที่เขาคาดคิดเอาไว้
“เซียวอี้ ข้ายังจำเป็ต้องส่งมอบอัจฉริยะรุ่นเยาว์เพียงคนเดียวที่มีอยู่ ผู้ที่จะสามารถทำให้ครอบครัวของพวกเราฟื้นตัวขึ้นมาได้ ไปให้แก่ตระกูลเสินเซิ่งหรือ?” ผู้าุโคนหนึ่งคัดค้าน หากเซียวหนิงเอ๋อร์ต้องแต่งออกไปให้แก่ตระกูลเสินเซิ่ง นางก็จะต้องกลายเป็คนของตระกูลเสินเซิ่ง จะไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลอี้หลงอีกต่อไป ดังนั้นพวกเขาจึงไม่มีทางปล่อยให้เื่นี้เกิดขึ้นอย่างเด็ดขาด
เซียวอี้รู้สึกผิดหวังยิ่งนัก เดิมที่เขาสามารถรวบรวมผู้าุโได้มากมาย ตระเตรียมชิงตำแหน่งประมุขจากเซียวอวิ๋นเฟิง แต่หลังจากเซียวหนิงเอ๋อร์แสดงพร์ของนางออกมา ทำให้ผู้าุโเหล่านี้หันไปเข้าข้างเซียวอวิ๋นเฟิงทันที
เทียบกับข่าวดีที่หนิงเอ๋อร์นำมาให้พวกเรา หญ้าจื่อหลันพวกนั้นก็ไม่มีความหมายอะไรแล้ว?” ผู้าุโอีกท่านหนึ่งหัวเราะเบาๆ
ท่าทีที่เปลี่ยนไปของเหล่าผู้าุโทำให้เซียวหนิงเอ๋อร์แปลกใจเล็กน้อย เมื่อครู่นี้นางมีอารมณ์ที่พุ่งพล่าน พลังิญญาพัฒนาขึ้นมาอย่างคาดไม่ถึง ทำให้เกิดการเปลี่ยนรูปของพลังิญญา หากมิใช่เพราะเคล็ดวิชาปีกัสายฟ้าวายุ เซียวหนิงเอ๋อร์คงไม่สามารถปลดปล่อยพร์ที่ทรงอานุภาพภายในอาณาเขติญญาออกมาได้ถึงเพียงนี้!
อันที่จริง ต่อให้ฝึกเคล็ดวิชาปีกัสายฟ้าวายุ ความเป็ไปได้ที่พลังิญญาจะเปลี่ยนรูปก็ต่ำนัก เซียวหนิงเอ๋อร์นับว่าในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีแฝงไว้อยู่เสมอ
เซียวหนิงเอ๋อร์กลับยิ่งรู้สึกสำนึกถึงบุญคุณของเนี่ยหลี หากมิใช่เพราะเขา สถานการณ์ของนางเวลานี้ก็ไม่ทราบจะเป็เช่นไร
“สำหรับตระกูลเสินเซิ่ง พวกเรายังไม่อาจแข็งขืนกับพวกเขาได้ในเวลานี้ ยังมีเวลาอีกสองปีก่อนจะถึงเวลาแต่งงานตามข้อตกลง ฉะนั้นพวกเราจะดึงเื่นี้เอาไว้ก่อน อย่าได้เป็กังวลไป!” เซียวอวิ๋นเฟิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ แม้เขาเป็ถึงประมุข แต่ก็ถูกผู้าุโหลายคนคอยกดดัน อย่างไรก็ตาม วันนี้ในที่สุดก็สามารถหายใจได้คล่องคอขึ้น ลำบากหนิงเอ๋อร์แล้ว
“หนิงเอ๋อร์ พลังิญญาของเ้ามีกี่จุดแล้ว?” เซียวอวิ๋นเฟิงเอ่ยถาม
“ครั้งก่อนที่ทดสอบมีหนึ่งร้อยห้าจุด” เซียวหนิงเอ๋อร์ตอบ เมื่อครู่ที่พลังิญญาเปลี่ยนรูป ดูเหมือนว่าพลังิญญาของนางจะมีความก้าวหน้าบางอย่าง
“เอาผลึกิญญาออกมาทดสอบดู!” เซียวอวิ๋นเฟิงยิ้มบางๆ
เซียวหนิงเอ๋อร์นำผลึกิญญาออกมาและถ่ายเทพลังิญญาของนางลงไปในผลึกิญญา ภายในผลึกิญญายิ่งนานก็ยิ่งทอแสงสุกใส บังเกิดเสียงลมเสียงสายฟ้าเบาๆ ให้ได้ยิน
อย่างไรก็ตาม เซียวอวิ๋นเฟิงและพวกผู้าุโสนใจแต่พลังิญญาที่ปรากฏ
“พลังิญญาสามร้อยหกสิบสองจุดเชียวรึ?” ไม่ว่าจะเป็เซียวอวิ๋นเฟิงหรือบรรดาผู้าุโ แต่ละคนต่างอ้าปากตะลึงหายใจเย็นเยียบครั้งหนึ่ง
เซียวหนิงเอ๋อร์เพิ่งทดสอบพลังิญญาไปเมื่อไม่กี่วันก่อน และเพียงไม่กี่วันพลังิญญาก็เลื่อนขึ้นเป็สามร้อยหกสิบห้าจุดแล้ว ถึงระดับทองแดงสามดาวแล้วหรือ?
“ช่างสมกับเป็อัจฉริยะที่สามารถเปลี่ยนรูปพลังิญญาได้จริงๆ!” กลุ่มผู้าุโทุกคนทั้งประหลาดใจทั้งดีใจเป็ล้นเหลือ มีเพียงเซียวอี้ที่มีสีหน้าหม่นหมอง
เซียวหนิงเอ๋อร์ก็แปลกใจอย่างยิ่งกับผลลัพธ์นี้ นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าพลังิญญาของนางจะก้าวหน้าได้รวดเร็วปานนี้ ด้วยสิ่งนี้ ผู้าุโทั้งหลายในครอบครัวคงไม่บังคับให้นางแต่งงานกับตระกูลเสินเซิ่งอีก เมื่อคิดถึงเื่ทั้งหมด ทุกอย่างล้วนเป็สิ่งที่เนี่ยหลีมอบให้ ครุ่นคิดถึงทุกอย่างเกี่ยวกับเนี่ยหลี ในใจของเซียวหนิงเอ๋อร์ก็บังเกิดความรู้สึกลึกซึ้งขึ้นมาวูบหนึ่ง
เซียวหนิงเอ๋อร์กำหมัดเอาไว้แน่น นางจะต้องฝึกหนักต่อไป มีเพียงพลังเท่านั้น นางจึงจะไม่ต้องจำนนต่อแรงกดดันของตระกูลเสินเซิ่งและการแต่งงานกับเสิ่นเฟยอีก!
ค่ำคืนที่เงียบสงัด
เนี่ยหลีกำลังนั่งสมาธิฝึกลมปราณอยู่ ค่อยๆ เข้าสู่สภาวะไร้ตัวตน อาณาเขติญญาสงบนิ่งไร้ความเคลื่อนไหว
ขณะกำลังฝึกเคล็ดวิชาเทียนเต้า พลังปราณจากผืนดินและ์ถูกดูดซับเข้าสู่ร่างกายของเนี่ยหลี พลังิญญาของเขาขยายตัวขึ้นอย่างมั่นคงและต่อเนื่อง
สายลมพัดผ่านเสียงดังหวีดหวิว ราตรียิ่งเงียบสงัด
ภายใต้การควบคุมของเนี่ยหลี พลังิญญาเคลื่อนไปทั่วร่าง กล้ามเนื้อทุกส่วนเริ่มสั่นเป็จังหวะที่สม่ำเสมอราวกับสายพิณที่ถูกดีด นี่คือผลลัพธ์จากการฝึกเคล็ดวิชาเทียนเต้า สามารถฝึกทั้งพลังิญญาและร่างกายไปได้พร้อมๆ กัน
พ้นเที่ยงคืนแล้วเนี่ยหลีจึงหยุดการฝึก หากพลังิญญายังไม่แข็งแกร่งพอ การฝึกยามวิกาลเช่นนี้จะทำให้เกิดผลข้างเคียงได้
เขาหยิบผลึกิญญาออกมาทดสอบ พลังิญญาเพิ่มขึ้นเป็แปดสิบสองจุดแล้ว ผลลัพธ์จากการฝึกยุทธ์ในหลายวันที่ผ่านมาไม่เลวเลยทีเดียว
ไกลออกไป มีเงาร่างคนสองสามคนเดินสวนกันไปมา เป็ยามที่รับหน้าที่เฝ้าเวรในเวลากลางคืน
ทันใดนั้น มีกลิ่นแปลกๆ ลอยมา กลิ่นคล้ายสัตว์อสูรบางชนิด ใบหน้าของเนี่ยหลีตื่นตัว เขารีบลุกขึ้น
หากค่ายพักแรมถูกสัตว์อสูรโจมตีก็คงต้องลำบากแล้ว!
เนี่ยหลีรีบลุกขึ้นยืน เดินตรงลึกเข้าไปในป่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้