ณ ถ้ำแห่งหนึ่ง ปีศาจพิภพมารวมตัวอยู่ที่นี่กันมากมาย พวกเขาถือเป็สัญลักษณ์ของพลังที่แข็งแกร่งที่สุดในเขาเทียนเสวียน บัดนี้พวกเขากำลังรอคอยผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์คนหนึ่งให้ฟื้นขึ้นมา ชายผู้นี้ก็คือเย่เฟิงที่นอนสลบไม่ได้สติ
หลังจากหัวหน้าจิ้งจอกขาวถูกกำจัด เขาเทียนเสวียนกลับเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง เหล่าสัตว์อสูรไม่โหดร้ายเฉกเช่นก่อนหน้านี้และไม่ต้องใช้ชีวิตอย่างอกสั่นขวัญแขวน นั่นเป็เพราะชายตรงหน้าได้ช่วยพวกเขาเอาไว้ แม้สัตว์อสูรจะโหดร้ายกระหายเืมากเพียงใด แต่พวกเขาแยกแยะบุญคุณและความแค้นได้ มีแค้นย่อมต้องชำระแค้น มีบุญคุณก็ย่อมทดแทนบุญคุณ เย่เฟิงคือผู้มีพระคุณต่อพวกเขา ต่อสรรพสัตว์ทั้งเขาเทียนเสวียน
“อึม” ขณะนั้นมีเสียงเบา ๆ ดังมา ดวงตาของเย่เฟิงที่นอนอยู่บนแท่นหินขยับเล็กน้อย
“ฟื้นแล้วหรือ?” เมื่อเหล่าปีศาจพิภพเห็นฉากนี้ก็เผยสีหน้าดีใจ จากนั้นพวกเขาเห็นเย่เฟิงลืมตาขึ้นมาช้า ๆ เขาพยายามลุกขึ้น แต่กลับทำไม่สำเร็จ
“ผู้าุโ ข้าหลับไปนานแค่ไหน แล้วหัวหน้าจิ้งจอกขาวตายหรือยัง?” เย่เฟิงเอ่ยถามเหล่าปีศาจพิภพตรงหน้าด้วยน้ำเสียงร้อนใจ แม้ตัวเองจะสูญเสียพลังชีวิตไปครึ่งหนึ่ง แต่ยังคงเป็ห่วงเื่หัวหน้าจิ้งจอกขาว
“เ้าหลับไปสามวัน ส่วนหัวหน้าจิ้งจอกขาวตายแล้ว ะเิตัวตายในวินาทีสุดท้าย!” หนึ่งในปีศาจพิภพสื่อสารกับเย่เฟิงผ่านความทรงจำ เมื่อเย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็เริ่มจำเื่ราวที่น่าใในวันนั้น หัวหน้าจิ้งจอกขาวถูกไข่มุกดูดพลังและถูกบีบให้มีสภาพจนตรอก จึงเลือกวิธีะเิตัวหมายตายไปพร้อมกับเย่เฟิง แต่สุดท้ายแล้วปีศาจพิภพวานรตนนั้นได้ช่วยเขาเอาไว้ จึงได้รับาเ็สาหัสจากแรงะเิ
เมื่อฉุกคิดได้เช่นนี้ เย่เฟิงรีบกล่าวถามต่อว่า “ผู้าุโวานรเป็อย่างไรบ้าง?”
เหล่าปีศาจพิภพได้ยินเย่เฟิงถามถึงปีศาจพิภพวานรก็มีสีหน้าสลด จากนั้นมีปีศาจพิภพตนหนึ่งส่งความทรงจำมาให้เย่เฟิง “เขาจากโลกนี้ไปก่อนเ้าจะฟื้นหนึ่งวัน”
เย่เฟิงได้ยินเช่นนั้นก็เผยสีหน้าไม่สู้ดี หากไม่ได้รับความช่วยเหลือจากปีศาจพิภพวานร เขาเย่เฟิงอาจไม่รอดมาถึงวันนี้
มนุษย์มักชอบพูดว่าสัตว์อสูรมีนิสัยป่าเถื่อนและโหดร้าย แต่จะมีใครเห็นถึงความมีน้ำใจและศีลธรรมของพวกเขา ทั้งยังพลีชีพเพื่อผู้อื่นบ้าง?
เขาเย่เฟิงรู้จักสัตว์อสูรวานรโดยบังเอิญ แต่เพราะมีศัตรูคนเดียวกันจึงร่วมมือกัน และเพื่อให้เย่เฟิงรอดจากการะเิตัวของหัวหน้าจิ้งจอกขาว อีกฝ่ายจึงเดินหน้าช่วยอย่างไม่ลังเล นี่ทำให้เย่เฟิงนับถืออีกฝ่ายมาก
“เ้าหนู อย่าเศร้าใจเลย น้องวานรเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องเขาเทียนเสวียน พวกข้าจะจดจำเขาไว้ในฐานะวีรบุรุษแห่งเขาเทียนเสวียน” ปีศาจพิภพสื่อสารคล้ายปลอบใจกับเย่เฟิงผ่านความทรงจำ จากนั้นเหล่าปีศาจพิภพเห็นเย่เฟิงปลอดภัยดีจึงเดินออกจากถ้ำ ส่วนเย่เฟิงนอนอยู่บนแท่นหินคนเดียว หวนนึกถึงตอนเผชิญหน้ากับหัวหน้าจิ้งจอกขาว เป็เหตุการณ์ที่อันตรายอย่างมากจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด
แม้เย่เฟิงจะาเ็สาหัส แต่เขารับรู้ได้ว่าตอนที่กลืนกินพลังของหัวหน้าจิ้งจอกขาว เขาได้รับผลประโยชน์อย่างมหาศาล กระดูกและเส้นชีพจรได้รับการขัดเกลาและขยายตัว พลังที่น่าสะพรึงกลัวนั่นไหลเวียนทั่วร่างเขาอย่างต่อเนื่อง มันชำระล้างร่างกาย ทำให้ร่างกายของเย่เฟิงสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น และไร้สิ่งสกปรกเจือปน
เก้าพลังคุณสมบัติในกายยกระดับขึ้นจากการชำระล้างนี้ด้วยเช่นกัน พวกมันแข็งแกร่งขึ้นอีก ระดับการบ่มเพาะของเย่เฟิงเองก็ยังบรรลุจุดสูงสุดของขั้นรวมชี่ที่ 2 เหลืออีกนิดเดียวก็จะบรรลุขั้นรวมชี่ที่ 3 แต่สิ่งที่ทำให้เย่เฟิงประหลาดใจที่สุดคือ ไข่มุกที่บิดามอบให้เขาในปีนั้นมีพลังฝืนลิขิต์ แม้แต่ปลายยอดปีศาจพิภพก็มิอาจรอดพ้นจากการกลืนกินของมันได้ เห็นชัดว่ามันแข็งแกร่งมากเพียงใด
“เห็นทีข้าคงประเมินพลังของไข่มุกต่ำไป แม้แต่ปีศาจพิภพระดับปลายยอดก็กลืนกินได้ ต่อให้เป็ทั่วทั้งอาณาจักรจ้าว เกรงว่าจะมีสมบัติแบบนี้เพียงไม่กี่ชิ้น!” เย่เฟิงคิดในใจ เขาเก็บไข่มุกใส่แหวนมิติ จากนั้นเอายาสองเม็ดออกมาจากแหวนมิติ ก่อนจะกลืนมันลงท้อง และเริ่มโคจรพลังเพื่อรักษาอาการาเ็ภายใน
ไม่รู้ผ่านไปนานเพียงใด ขณะนั้นมีเงาร่างหนึ่งเดินเข้ามาในถ้ำแล้วหยุดมองหน้าเย่เฟิงด้วยตากะพริบไม่หยุด ซึ่งก็คือแมวน้อยตนนั้นที่อยู่ในอ้อมกอดของหัวหน้าจิ้งจอกขาว บัดนี้หัวหน้าจิ้งจอกขาวสิ้นชีพแล้ว ปีศาจน้อยตนนี้จึงหนีมาที่นี่
หนึ่งวัน สองวัน สามวัน เย่เฟิงยังคงทำการฟื้นฟูาแไม่เสร็จ แต่ปีศาจน้อยตนนั้นยังไม่ออกไปไหน เพียงแต่เดินวนอยู่รอบ ๆ ตัวเย่เฟิง ปีศาจน้อยตนนี้ทำตัวน่ารักมาก บางครั้งนอนเกลือกกลิ้งบนพื้นอย่างเงียบ ๆ บางครั้งก็ะโขึ้นไปบนไหล่ของเย่เฟิงและหลับไป แต่ดูเหมือนมันจะรู้ว่าเย่เฟิงกำลังรักษาตัวอยู่จึงไม่รบกวน
ผ่านไปสักพัก เย่เฟิงก็ตื่นขึ้นมา เมื่อลืมตาก็เห็นปีศาจน้อยตนนั้นกำลังจ้องมองเขา
“เ้าตัวเล็ก เ้ามาทำอะไรที่นี่?” เย่เฟิงกล่าวพลางยิ้ม ปีศาจน้อยตนนี้มีท่าทางน่ารัก เย่เฟิงจึงชื่นชอบ และเขาก็สังเกตเห็นปีศาจน้อยตนนี้ั้แ่พบหัวหน้าจิ้งจอกขาวครั้งแรกแล้ว เย่เฟิงขมวดคิ้วเหมือนนึกบางอย่างได้ จึงถามขึ้นว่า “เ้านายของเ้าตายเพราะข้า หรือเ้าจะมาหาข้าเพื่อแก้แค้น!”
“เมี๊ยว!” เสียงร้องดังมาจากปากของเ้าตัวเล็ก พร้อมกับส่ายศีรษะน้อย ๆ ไปมาไม่หยุด คล้ายปฏิเสธคำถามของเย่เฟิง
“นี่เ้าเข้าใจคำพูดของข้าด้วยหรือ?” เย่เฟิงกล่าวด้วยความประหลาดใจ ปีศาจน้อยตนนี้ดูเหมือนเพิ่งเกิดได้ไม่นาน แต่กลับฟังภาษามนุษย์รู้เื่
“ในเมื่อไม่ได้มาที่นี่เพื่อแก้แค้นให้เ้านายเ้า เช่นนั้นเ้ามาทำอะไรที่นี่?” เย่เฟิงเอ่ยถามต่อ
“เมี้ยว!” ปีศาจน้อยส่งเสียงร้องอีกครั้ง จากนั้นวิ่งไปด้านหน้าเย่เฟิง ก่อนจะใช้ปากน้อย ๆ งับชายเสื้อของเขา พร้อมออกแรงดึงไปยังทิศทางหนึ่ง
“เ้าตัวเล็ก เ้าจะทำอะไรน่ะ?” เย่เฟิงไม่เข้าใจว่าปีศาจน้อยตนนี้้าสิ่งใด หรือจะคลุ้มคลั่ง?
“ง่าว!” ปีศาจน้อยตนนั้นดูร้อนใจขึ้นมาเพราะเห็นเย่เฟิงไม่เข้าใจ จากนั้นมันก็สะบัดศีรษะน้อย ๆ ไปมาไม่หยุด
“เ้าอยากให้ข้าตามเ้าไปหรือ?” จู่ ๆ เย่เฟิงก็เข้าใจปีศาจน้อยตนนั้น จึงเอ่ยถามเช่นนั้น ทำให้ปีศาจน้อยตนนั้นเผยรอยยิ้มพร้อมพยักหน้า
“เมี้ยว!” เมื่อเห็นเย่เฟิงเข้าใจมัน ปีศาจน้อยตนนั้นก็วิ่งออกไปนอกถ้ำทันที
“เ้าตัวเล็กจะพาข้าไปไหน?” เย่เฟิงพึมพำ แต่ก็เดินตามมันไป
ผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยาม หนึ่งมนุษย์หนึ่งปีศาจมาถึงถ้ำแห่งหนึ่ง ถ้ำแห่งนี้ลึกลับมาก และมีค่ายกลวางที่นอกถ้ำ หากปีศาจน้อยตนนี้ไม่นำทางมา เย่เฟิงคงไม่มีทางตามหาที่นี่เจออย่างแน่นอน
“เ้าตัวเล็ก เ้าพาข้ามาทำอะไรที่ถ้ำนี้?” เย่เฟิงเอ่ยถามปีศาจน้อย ในความเป็จริงเขาััได้ว่าถ้ำนี้ไม่ธรรมดา
“เมี้ยว!” ปีศาจน้อยส่งเสียงร้อง จากนั้นเดินเข้าไปในถ้ำต่อ
หนึ่งมนุษย์หนึ่งปีศาจเดินมาไกลมาก ระหว่างทางเย่เฟิงก็สำรวจถ้ำนี้อย่างละเอียด เขาพบว่าแม้ถ้ำนี้จะดูธรรมดา แต่หยวนชี่ฟ้าดินในนี้หนาแน่นมาก นี่ทำให้เย่เฟิงอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับถ้ำนี้มากขึ้น
เวลาผ่านไปหนึ่งก้านธูป จนในที่สุดพวกเขามาถึงสุดปลายขอบเขตของถ้ำ ปีศาจตนนั้นก็หยุดเดินเช่นกัน
“ครืน...” ขณะนั้นผนังถ้ำตรงหน้าเกิดการสั่นะเืและมีเสียงดังออกมา นาทีต่อมาเย่เฟิงพบว่ามีประตูลับปรากฏตรงผนังถ้ำ ทั้งยังมีแสงจ้าส่องประกายออกมาจากประตูลับ ทำให้เย่เฟิงหลับตาลงเล็กน้อย
“นี่มัน...” เย่เฟิงประหลาดใจ เมื่อเขาลืมตาขึ้นก็เห็นว่าปีศาจน้อยตนนั้นเดินเข้าไปในประตูลับแล้ว
“เมี๊ยว!” ปีศาจน้อยส่งเสียงเรียก คล้ายส่งสัญญาณให้เย่เฟิงเข้ามา
เย่เฟิงมองสำรวจรอบ ๆ ตัว ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องลับ เมื่อเข้ามาแล้วเย่เฟิงก็ต้องตะลึงค้าง
ห้องลับนี้มีขนาดใหญ่กว่าที่คิดไว้มาก ทั้งงดงามและโอ่อ่า ข้าวของส่วนใหญ่ในห้องถูกสร้างขึ้นจากหินหยวน ทั้งยังมีหยวนชี่ฟ้าดินแพร่กระจายทั่วอากาศ แม้กระทั่งผนังห้องและพื้นก็ยังสร้างด้วยหินหยวน หินหยวนทุกก้อนล้วนมีค่ามาก และยังมีสรรพคุณในการกักเก็บหยวนชี่ฟ้าดิน หากบ่มเพาะพลังที่นี่คงทำให้ก้าวหน้าไปเร็วมากแน่
มิน่าตอนเข้าถ้ำมาเย่เฟิงก็รู้สึกได้ถึงหยวนชี่ฟ้าดินที่หนาแน่นนั่น ที่แท้หยวนชี่ฟ้าดินก็มาจากที่นี่ แต่หยวนชี่ฟ้าดินในห้องลับนี้หนาแน่นกว่ามาก นี่ทำให้เย่เฟิงเผยสีหน้าตื่นใ ไม่รู้ว่าใครกันที่สร้างห้องลับเช่นนี้ในเขาเทียนเสวียน?
เย่เฟิงมองสำรวจห้องลับ บางมุมของห้องมีหินหยวนกองไว้จำนวนมาก มีข้าวของเครื่องใช้อยู่บางส่วน ทั้งยังมีอาวุธชิ้นหนึ่งถูกวางทิ้งไว้ แต่เย่เฟิงดูออกว่าของพวกนั้นมีค่ามากแค่ไหน และไม่ใช่สิ่งที่เขาในเวลานี้จะได้
“เ้าตัวเล็ก หรือว่าถ้ำนี้จะเป็ที่อาศัยของหัวหน้าจิ้งจอกขาว?” เย่เฟิงนึกถึงหนึ่งในความเป็ไปได้ขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยถามปีศาจน้อยตนนั้นที่อยู่ไม่ไกล เขานึกไม่ถึงว่าจะเป็คนที่สองที่ได้เพลิดเพลินกับคลังสมบัตินี้
“เมี้ยว!” ปีศาจน้อยได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้าพร้อมส่งเสียง
จากนั้นเห็นปีศาจน้อยตนนั้นใช้อุ้งเท้าชี้ไปยังกองข้าวของที่วางระเกะระกะตรงนั้น คล้ายจะสื่อบางอย่าง
“เ้าตัวเล็ก เ้าอยากให้ข้าเก็บของพวกนี้หรือ?” เย่เฟิงเดาไม่ออกว่าปีศาจน้อยตนนี้จะให้เขาทำอะไร จึงเอ่ยถามไปเช่นนั้นอย่างง่าย ๆ
“มี้!” เมื่อสิ้นเสียงเย่เฟิง ปีศาจน้อยตนนั้นก็พยักหน้าพร้อมทำท่าทางน่ารัก นี่ทำให้เย่เฟิงรู้สึกเกินคาดมาก
“เอิ่ม!” เย่เฟิงถึงกับปาดเหงื่อ เ้าตัวเล็กช่างใจกล้ามาก เ้านายของตัวเองเพิ่งตายได้ไม่นาน มันก็พาคนอื่นมาเก็บสมบัติของเ้านายมันทันที
อย่างไรก็ตามหัวหน้าจิ้งจอกขาวตายในน้ำมือของเย่เฟิง เช่นนั้นสมบัติของหัวหน้าจิ้งจอกก็ต้องตกเป็ของเขา แม้เย่เฟิงจะย้ายทั้งห้องลับ ก็คงไม่ถือว่าเกินไป
เมื่อฉุกคิดได้เช่นนี้ เย่เฟิงระบายยิ้มจาง ๆ จากนั้นกล่าวกับปีศาจน้อยตนนั้นว่า “ในเมื่อเป็เช่นนี้ งั้นข้าก็จะทำตามคำสั่ง!”