หลินเยว่เห็นสีหน้าหม่นหมองและท่าทางคอตกของหลี่เฉียนโจวเขาจึงอดไม่ได้ที่จะสงสัย ทำไมอีกฝ่ายถึงมีสีหน้าที่แตกต่างจากตอนที่หวังเยว่เดินออกมามากมายขนาดนี้?
จากสีหน้าของหวังเยว่ดูเหมือนว่าการทดสอบด้านในน่าจะไม่ยากสักเท่าไรแต่ทำไมตอนที่หลี่เฉียนโจวเดินออกมาถึงได้ทำหน้าตาอย่างนี้ล่ะ?
หรือว่าอาจารย์ของเขาตั้งใจกลั่นแกล้งอีกฝ่าย?
หลินเยว่ลองคิดดูแล้วเขารู้สึกว่าน่าจะเป็ไปได้มากทีเดียวแต่การตั้งคำถามของอาจารย์ของตนก็ไม่น่ายากเกินไปหรือเปล่า?
ขณะที่หลินเยว่กำลังครุ่นคิดอยู่นั้นผู้เฒ่าหลิวก็ลุกขึ้นยืนพร้อมถามขึ้น “ใครเป็คนที่ 4 เช้าวันนี้คงทำการทดสอบได้เพียง 4 คน ใครจะเข้าไปเป็คนสุดท้ายของเช้าวันนี้ล่ะ”
คนสุดท้ายแล้ว? ถ้าอย่างนี้เขาจะเข้าไปทำไมล่ะ!สู้พักผ่อนให้สดชื่นก่อนแล้วค่อยเข้าไปตอนบ่ายน่าจะดีกว่า!
มีอยู่หลายคนที่คิดแบบนี้แต่ทว่าก็มีคนที่คิดแตกต่างอยู่เช่นกัน
หลินเยว่ลุกขึ้นยืนพร้อมพูดขึ้น “ผมไปเอง”
ตอนเช้าทดสอบเสร็จ ตอนบ่ายเขาจะได้ไปพิพิธภัณฑ์แล้วใช้พลังพิเศษตาทิพย์สำรวจดินเกาลินต่อ!
ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความงุนงงของทุกคนหลินเยว่กลับเดินตามเ้าหน้าที่เข้าไปยังคฤหาสน์ ที่นั่นมีบททดสอบสำหรับเขารออยู่
ในที่สุดก็ถึงคิวผมแล้ว!
หลินเยว่สูดลมหายใจเข้าลึกๆเขารู้ดีว่าภายในนั้นจะมีเฉินเฟยที่รอคอยกลั่นแกล้งเขาอยู่ แต่เขาไม่กลัวหรอกหากกลัวก็ไม่ใช่ลูกผู้ชายน่ะสิ!
ถ้าส่งทหารมาผมก็จะเอานายพลออกไปรับถ้าบุกด้วยน้ำผมก็จะเอาดินเข้าสู้ ไม่ว่าจะเป็สถานการณ์แบบไหน ผมก็จะหาวิธีรับมือเท่านั้นเอง!
เมื่อเดินเข้าไปในคฤหาสน์แล้ว หลินเยว่จึงยืนอยู่เบื้องหน้าผู้าุโทั้ง10 ท่านพร้อมกับโค้งคำนับลงต่ำอย่างนอบน้อมเขาพูดขึ้นอย่างสุภาพ “ท่านผู้าุโทั้ง 10 ท่านสวัสดีครับ ผู้น้อยขอคารวะผู้าุโทุกท่าน”
กิริยาท่าทางที่เต็มไปด้วยความสุภาพอ่อนน้อมของหลินเยว่ทำให้หลายคนที่อยู่ในห้องนี้รู้สึกชื่นชมทันทีคนก่อนหน้าทั้ง 3 คนทำเพียงโค้งตัวน้อยๆเท่านั้น และแทบจะไม่พูดอะไรแล้วก็ทรุดตัวลงนั่งทันที ดูไม่ค่อยมีมารยาทสักเท่าไรแต่หลินเยว่นั้น หากผู้าุโไม่ได้กล่าวอนุญาต หลินเยว่จะไม่ยอมนั่งลงเลย
“นั่งลงเถอะ”
เมื่อเห็นว่าหลินเยว่ยังคงยืนตัวตรงอยู่จึงมีผู้หนึ่งที่ส่งยิ้มและพูดออกมา
หลินเยว่ได้ยินเช่นนี้จึงพูด “ขอบคุณครับ”หลังจากนั้นจึงนั่งลงบนที่นั่งสำหรับผู้เข้าแข่งขัน
เฉินเฟยมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยความจริงจังของหลินเยว่มุมปากของเขาจึงปรากฏเป็รอยยิ้มเ้าเล่ห์ขึ้นทันที เวลาที่เขารอคอยมาถึงแล้ว ที่ฉันอยู่คนแรกก็เพราะ้าขู่คุณโดยเฉพาะไงล่ะ!ฉันอยากรู้เต็มทีว่าลูกศิษย์ของไอ้แก่เฮ่อจะเก่งสักแค่ไหนกันเชียว!
“ขอเข้าเื่เลยก็แล้วกัน คุณอธิบายถึงลักษณะเฉพาะของเครื่องเคลือบในสมัยราชวงศ์ชิงของแต่ละจักรพรรดิให้ผมฟังหน่อยซิ”
เมื่อเฉินเฟยตั้งคำถามเสร็จ เขาก็เอนตัวพิงพนักเก้าอี้เพื่อเตรียมดูการตอบคำถามของหลินเยว่
ส่วนเฮ่อฉางเหอได้ยินคำถามนี้ก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยเป็ไปตามที่คาดการณ์ไว้ ตาเฒ่าคนนี้กำลังแก้แค้นเขาอยู่นั้นเองเขาจึงเบนสายตาหันไปมองลูกศิษย์ของตน เขาอยากดูว่าหลินเยว่จะตอบคำถามนี้อย่างไร
เมื่อได้ยินคำถามนี้หลินเยว่จึงขมวดคิ้วเป็ร่องลึกทันที
การแก้แค้นมันมาเร็วขนาดนี้เลยหรือ?
“สวัสดีครับ ท่านเฉิน ผมขอถามสักหน่อย ท่าน้าให้ผมพูดถึงลักษณะเฉพาะของเครื่องเคลือบของจักรพรรดิแต่ละพระองค์ในสมัยราชวงศ์ชิงรวมถึงพระเ้าหนูเอร่อฮาชื่อซึ่งมีทั้งหมด12 พระองค์อย่างนั้นหรือครับ?”
หลินเยว่ถามขึ้น
“ใช่แล้ว”
“นี่เป็การกลั่นแกล้งกันหรือเปล่า?” หลินเยว่ถามด้วยน้ำเสียงนิ่งเฉย
และคำถามของหลินเยว่ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกอึ้งไปในทันทีหลังจากนั้นสีหน้าของแต่ละคนก็แสดงความสนใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า ใครๆ ต่างรู้ดีว่านี่คือการกลั่นแกล้งกันแต่ทว่านี่เป็ครั้งแรกที่มีคนกล้าพูดออกมาท่ามกลางผู้คนหมู่มาก
น่าสนใจ ช่างน่าสนใจจริงๆ!
จวงตงเฟิงและเจี่ยเหวยเกิ่งต่างหันหน้าไปหาเฮ่อฉางเหอพร้อมรอยยิ้มสายตาของพวกเขาราวกับกำลังพูดว่า “ไอ้หนุ่มคนนี้เหมือนคุณตอนหนุ่มๆ จริงๆ”
เฮ่อฉางเหอย่อมอ่านสายตาที่สหายรักทั้งสอง้าจะสื่อสารออกเขาจึงส่งยิ้มเล็กน้อยเป็การตอบกลับ
“คุณหมายความว่าอะไร?” เฉินเฟยขมวดคิ้วถามขึ้นหากหลินเยว่ทำตัวไร้เหตุผล เขาก็จะถือโอกาสนี้หักคะแนนอีกฝ่ายทั้งหมดทิ้งไป
“ไม่ได้หมายความว่าอะไรครับก็แค่พูดตามความเป็จริง ผมขอถามอีกคำถาม ท่านให้เวลาผู้น้อยตอบคำถามนี้กี่นาที?”หลินเยว่พูดโดยไม่มีน้ำเสียงร้อนใจแต่น้ำเสียงของเขาเป็น้ำเสียงที่ถามหาความยุติธรรม
“3 นาที”
“ท่านคิดว่า เมื่อเทียบกับท่านแล้วความสามารถในการพิสูจน์เครื่องเคลือบของผู้น้อยเป็อย่างไรครับ?”
“น้อยจนไม่ควรค่าแก่การพูดถึง ก็แค่คนที่เพิ่งศึกษาการพิสูจน์เครื่องเคลือบมา3 เดือนเท่านั้นหึ!”น้ำเสียงของเฉินเฟยเต็มไปด้วยความดูถูก
หลินเยว่ส่งยิ้มเล็กน้อยเขาไม่ได้สนใจน้ำเสียงของเฉินเฟยเลย แต่กลับถามขึ้นมาอีก “ในเมื่อเป็เช่นนี้ผมขอถามอีกครั้งท่านสามารถพูดลักษณะเฉพาะเครื่องเคลือบของจักรพรรดิแต่ละพระองค์ทั้ง 12 พระองค์ภายใน 3 นาทีได้หรือเปล่า?”
“ผม......”
เฉินเฟยกำลังจะตอบ แต่เขาพลันเข้าใจได้ในทันทีจึงได้แต่สบถอย่างเ็า เขาไม่รู้จะตอบอย่างไรดีเพราะเขาไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ภายใน 3 นาทีจริงๆ
ดี!
เป็การวางแผนทีละขั้นที่ดีมาก! ทำให้อีกฝ่ายเดินตกอยู่ในกับดักอย่างไม่รู้ตัวเป็กลอุบายที่ยอดเยี่ยมทีเดียว
มีหลายคนที่แอบคิดเช่นนี้เมื่อเห็นท่าทางของเฉินเฟยที่ถูกตอกกลับ พวกเขาก็แอบดีใจเช่นกันในขณะเดียวกันพวกเขาก็มองหลินเยว่ด้วยสายตาชื่นชม
เ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจับเวลาแล้วหรือยังแต่เมื่อคิดอยู่ชั่วครู่เขาก็ตัดสินใจนั่งชมละครฉากนี้แทนมีบางเหตุการณ์อาจจะหาชมได้ยากมากจริงๆ เขาจึงไม่ควรพลาดมันไป!
เฮ่อฉางเหอมองลูกศิษย์ตัวเองพร้อมรอยยิ้มหลินเยว่นับวันยิ่งฉลาดทันคนมากยิ่งขึ้น นับั้แ่ตอนที่เขาเดินทางมาจากอำเภอชางที่มีแต่ความอ่อนประสบการณ์จนกระทั่งตอนนี้ที่ดูมีวุฒิภาวะเพียงพอ แต่ละก้าวๆ ที่เดินมา เมื่อย้อนคิดดูแม้กระทั่งตัวเฮ่อฉางเหอเองก็รู้สึกว่าหลินเยว่พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว
“ทำไมหรือ? ตอบไม่ได้หรือเปล่า?ในเมื่อท่านไม่สามารถตอบคำถามที่ท่านถามนี้ภายในเวลา 3 นาที แล้วทำไมท่านถึงได้ให้ผู้น้อยตอบล่ะครับ? นี่มันเป็การกลั่นแกล้งอย่างเห็นได้ชัดเลย!”
เฉินเฟยมองหลินเยว่ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดดวงตาเขามีแต่ประกายเ็า
ไอ้หนุ่มนี่รับมือยากยิ่งกว่าอาจารย์ของเขาอีก!
แต่ทว่า เขาก็คิดคำตอบที่ชาญฉลาดออกมา
“คำถามที่ผมถามไม่จำเป็จะต้องตอบครบสมบูรณ์ ผมก็แค่จะให้คะแนนคุณจากคำตอบที่คุณตอบมาภายใน3 นาทีเท่านั้นเอง”
สีหน้าของเฉินเฟยกลับมามีความมั่นใจเหมือนเช่นเคยทีท่าของเขามีแต่ความอวดดีอีกครั้ง
แต่ทว่าเขาก็ต้องรู้สึกหมดคำพูดอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ ท่านบอกผู้น้อยได้ไหมครับว่าเกณฑ์การให้คะแนนเป็อย่างไร?ตอบอย่างไรถึงจะได้คะแนนเต็ม ตอบอย่างไรถึงจะได้ 6 คะแนน และตอบอย่างไรถึงจะได้ 3 คะแนน ขอให้ท่านชี้แจงหน่อยครับผมสงสัยว่ามีคนแอบทำอะไรบางอย่างอยู่”
หลินเยว่มองสบตากับเฉินเฟยตรงๆ
เป็คำถามที่ยอดเยี่ยมมาก!
มีปฏิภาณไหวพริบดีมากจริงๆ!
ทุกคนต่างอดไม่ได้ที่จะชื่นชมถึงความฉลาดมีไหวพริบของหลินเยว่ช่างเป็เด็กหนุ่มที่มีความโดดเด่นจริงๆ มิน่า... ตอนนั้นเฮ่อฉางเหอถึงกล้าพูดว่าอีก 3 ปีเด็กหนุ่มคนนี้ไม่มีทางมีความสามารถน้อยกว่าคนอื่นบางทีอาจจะไม่จำเป็จะต้องรอถึง 3 ปีเด็กหนุ่มคนนี้อาจจะเก่งกว่าลูกศิษย์ของทุกๆ คน
“คุณกำลังเคลือบแคลงในนิสัยของผมหรือ?”เฉินเฟยย้อนถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว
เมื่อต้องเผชิญกับการย้อนถามของเฉินเฟยหลินเยว่ทำเพียงส่งยิ้มเล็กน้อยและพูดตอบ “ผมจะกล้าเคลือบแคลงในนิสัยของท่านได้อย่างไรนิสัยของท่านเป็อย่างไรทุกคนต่างรู้กันเป็อย่างดี ถึงผมจะพูดให้ร้ายท่านคนอื่นก็อาจจะไม่เชื่อในคำพูดของผม อีกอย่างผมไม่ได้เคลือบแคลงในนิสัยของท่านเลยและผมก็ไม่ได้บอกว่าท่านจะแอบทำอะไรบางอย่างอยู่ ผมก็แค่คิดอยากถามออกมาให้ชัดเจนเพราะผมจะได้ตอบได้ตรงประเด็นมากยิ่งขึ้น มิฉะนั้นแล้ว หากภายใน 3 นาทีนี้ผมตอบไม่ตรงประเด็นมันก็เป็การเสียทั้งเวลาและเสียแรงกายไปโดยเปล่าประโยชน์ ดังนั้น จึงขอรบกวนให้ท่านเฉินช่วยชี้แจงด้วยครับ”
“คนอื่นยังไม่มีการบอก แล้วทำไมผมต้องบอกคุณด้วยล่ะ?”
เฉินเฟยพูดตอบอย่างไม่ค่อยเต็มใจนักเขาพบว่าตนเองไม่ได้เป็คู่ต่อสู้ที่สูสีกับอีกฝ่ายเลยไม่ว่าจะเป็ฝีปากหรือว่าไหวพริบ ไอ้หนุ่มตรงหน้านี้ถือว่ามีความโดดเด่นมากคนหนึ่งเท่าที่เขาเคยเจอมา
ไอ้บ้าเอ๊ย! ทำไมลูกศิษย์ดีๆ แบบนี้ถึงกลายเป็ลูกศิษย์ของไอ้แก่เฮ่อฉางเหอได้ล่ะ!หากอีกฝ่ายได้รับการฝึกฝนจากฉันขอเวลาเพียง 1 ปีไอ้หนุ่มตรงหน้าจะต้องมีความสามารถเหนือคนรุ่นใหม่ทั้งหมดอย่างแน่นอนดีไม่ดีอีกฝ่ายอาจจะเหนือกว่าคนรุ่นาุโด้วยก็ได้!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้