นี่เป็ครั้งแรกที่พวกนางได้ไปซื้อของกันตามลำพังแค่คิดก็ตื่นเต้นแล้ว
อาหารที่กินกันที่บ้านตระกูลเสิ่นล้วนใช้ผักที่ปลูกขึ้นเองส่วนพวกปลากุ้งก็จับได้จากในแม่น้ำ ที่ต้องซื้อหาก็มีเพียงแค่เนื้อหมู
กู้เจิงไม่เคยได้ออกมาเดินเที่ยวที่ตลาดมากนักเมื่อนางซื้อเนื้อให้นายหญิงเสิ่นแล้ว จึงคิดจะไปดูร้านที่บิดามอบให้นาง
“คุณหนูจะไม่เข้ามาดูแลร้านจริงๆ หรือเ้าคะ?” ชุนหงกินถังหูลู่พลางถามไปด้วยนางโตมาขนาดนี้ก็เพิ่งได้กินถังหูลู่เป็ครั้งที่สามครั้งแรกคือวันที่พ่อแม่ขายนางให้กับจวนสกุลกู้ครั้งที่สองคือเมื่อไม่กี่วันก่อนที่ท่านป้าเสิ่นซื้อให้
“รอข้ามีความสามารถพอที่จะมาดูแลร้านได้ข้าย่อมรับ่มาทำต่อเอง" กู้เจิงรีบเดินกึ่งวิ่งอย่างตื่นเต้นถ้าไม่เกรงสายตาคนรอบข้าง นางคงะโไปด้วยแล้ว
ถนนทางทิศใต้ทอดยาวเข้าไปในเมืองส่วนทางทิศตะวันออกและทิศตะวันตกกลายเป็ถนนสายที่คึกคัก ด้วยผู้คนพลุกพล่านและเรียงรายไปด้วยร้านชาโรงเตี๊ยม และร้านเครื่องประดับ มีรถวัวรถม้าผ่านทางมาเป็ระยะๆ มีเสียงพ่อค้าหาบเร่ะโขายของดังเป็ระลอก
“คุณหนู คนเยอะมากเลยเ้าค่ะ” ชุนหงตื่นเต้น นางรีบวิ่งไปยังร้านขายเครื่องแป้ง “คุณหนู รีบมาดูเร็ว มีแป้งสีชาดมากมายเลยเ้าค่ะ”
“ถ้าชอบก็ซื้อ คุณหนูของเ้ามีเงิน” กู้เจิงพูดอย่างไม่อ้อมค้อม เงินสำหรับซื้อเครื่องแป้งนางยังมีอยู่จึงหยิบถุงเงินออกมา
หลังจากซื้อแป้งชาดให้ชุนหงแล้วกู้เจิงก็ซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้นางอีกสองชุด ใจจริงนางอยากซื้อชุดให้ชุนหงนานแล้วเพียงแต่ไม่มีโอกาสพอเห็นชุนหงยิ้มแป้นด้วยความดีใจจึงหยิกแก้มย้วยของนางด้วยความเอ็นดูช่างน่ารักจริงๆ
ไม่นานหลังจากนั้นทั้งสองคนก็ไปถึงร้านที่กู้หงหย่งมอบให้นาง
“คุณหนู ถึงแล้วเ้าค่ะ เอ๊ะ ร้านหนังสือ”
เมื่อกู้เจิงเห็นชื่อร้าน ‘ร้านหนังสือชิงหย่าเซวียน’ ก็อึ้งไปเช่นกัน ร้านที่บิดามอบให้นางคือร้านหนังสือหรือนี่? ก่อนหน้านี้นางไม่ได้สนใจถามอะไรเป็พิเศษคิดว่าน่าจะเป็ร้านธรรมดา คิดไม่ถึงว่าจะเป็ร้านหนังสือ
“คุณหนู เป็ร้านนี้ไม่ผิดแน่ใช่ไหมเ้าคะ?”
“เป็ที่นี่แหละ” ที่อยู่ในยุคนี้ถูกแบ่งตามตำแหน่งในแต่ละซอยโดยไม่มีเลขที่ร้านเจาะจงนางศึกษามาแล้วเป็อย่างดี
“บ่าวเห็นแล้วใต้ป้ายร้านมีตราเครื่องหมายของจวนตระกูลกู้ของพวกเราอยู่ด้วยเ้าค่ะ” ชุนหงพูดพลางเดินเข้าไปในร้าน
ภายในร้านเต็มไปด้วยตู้และชั้นหนังสือ ไม่มีลูกค้าอื่นมีแต่ชายหัวเหลี่ยมหน้าผากกว้างที่ดูเหมือนจะเป็เถ้าแก่ร้านกำลังทำความสะอาดอยู่เขาได้ยินเสียงฝีเท้าจึงคิดว่ามีแขกพอเงยหน้ามองเห็นหญิงสาวสองคนก็รีบเข้ามาต้อนรับอย่างกระตือรือร้น “แม่นางมาซื้อหนังสือหรือขอรับ?” น้อยมากที่จะมีสตรีก้าวเข้ามาในร้านหนังสือ ส่วนใหญ่ล้วนเป็ผู้ชายหากเป็ลูกค้าหญิงย่อมต้องมาจากตระกูลใหญ่แน่
“เถ้าแก่ ข้าคือกู้อวี๋ คุณหนูใหญ่ของตระกูลกู้” กู้เจิงพูดตรงๆ
เถ้าแก่ประหลาดใจเล็กน้อย เขารีบปั้นหน้ายิ้มอย่างรวดเร็ว “ที่แท้ก็เป็คุณหนูใหญ่ เ้าของร้านหนังสือใหม่ของเรานี่เองข้าน้อย ‘หม่าตง’ เป็เถ้าแก่ร้านหนังสือแห่งนี้ คารวะคุณหนูใหญ่ขอรับ” เขาคิดว่าอีกสักสองสามวันคุณหนูใหญ่ถึงจะมาไม่คิดว่าจะมาเร็วขนาดนี้
“ลุงหม่า ร้านหนังสือนี้ขายดีหรือไม่?” กู้เจิงมองหนังสือบนชั้นหนังสือส่วนใหญ่บนนั้นนางเคยเห็นบนชั้นหนังสือของเสิ่นเยี่ยนเป็หนังสือที่ต้องใช้ในการสอบเข้ารับราชการ
“บนถนนทั้งสองสายมีร้านหนังสือชิงหย่าเซวียนของเราเพียงแห่งเดียวเมื่อเข้าสู่เดือนเล่าเรียน ร้านนี้ก็จะขายดีขอรับ” หม่าตงยิ้มอย่างคนอยู่ในแวดวงนักการค้า “ข้าน้อยจะไปหยิบสมุดบัญชีมาให้ คุณหนูโปรดนั่งรอสักครู่” เขาเข้าไปด้านในร้าน หยิบสมุดบัญชีใน่หลายเดือนที่ผ่านมา “เชิญคุณหนูใหญ่ตรวจสอบดูขอรับ”
กู้เจิงรับมาพลิกดูไปหลายหน้าบัญชีในสมัยก่อนนั้นเรียบง่ายและชัดเจนมากทว่าตัวอักษรบางตัวที่อ่านไม่ออกก็เป็ปัญหาใหญ่สำหรับนาง หน้าสุดท้ายเขียนไว้ว่าห้าสิบตำลึง ไม่รู้ว่านี่เป็รายได้ต่อเดือนหรือกำไร
หม่าตงเป็เถ้าแก่มาหลายปี จึงพอมีสายตาอันเฉียบคมอยู่บ้างเมื่อเห็นท่าทางพลิกดูแบบผ่านๆ ของคุณหนูใหญ่กู้ จึงรู้ชัดว่านางไม่เข้าใจเขาไม่แปลกใจนัก บุตรสาวตระกูลร่ำรวยจะอ่านเข้าใจได้สักเท่าไหร่กัน? แต่เขาจะไม่พูดให้มากความ เพียงแต่ยืนเงียบๆ รอคำสั่ง
กู้เจิงคืนสมุดบัญชีให้เถ้าแก่หม่า แล้วพูดเพียงว่า “ที่ข้ามาวันนี้ก็เพื่อมาพบเ้าและทำความคุ้นเคยกับร้านในเมื่อเสร็จธุระข้าก็จะไปแล้ว”
หม่าตงตะลึงงันไปครู่หนึ่ง “คุณหนูจะไปเดี๋ยวนี้เลยหรือขอรับ?”
“ข้าขอตัวก่อน ต่อไปถ้ามีเวลาข้าจะมาเรียนรู้วิธีจัดการร้านกับลุงหม่านะ” กู้เจิงยิ้มแล้วพาชุนหงจากไป
เมื่อคุณหนูใหญ่ลับไปจากสายตาหม่าตงถึงได้พึมพำอย่างไม่อยากจะเชื่อ “แค่ถามไม่กี่ประโยค ดูไม่กี่ทีก็ไปแล้ว? หรือคุณหนูใหญ่จะไม่รู้ว่าถึงร้านนี้จะมอบให้นางแต่รายได้และค่าใช้จ่ายในทุกวันยังคงเป็นายหญิงดูแลจัดการอยู่ไม่ใช่ว่าเรือนหลักกับเรือนเล็กไม่ลงรอยกันหรือ? เหตุใดคุณหนูใหญ่ถึงได้ดูสบายใจนัก?”
พูดถึงความสำคัญของความรู้ กู้เจิงในตอนนี้เข้าใจอย่างลึกซึ้งทีเดียวการที่อ่านบัญชีไม่เข้าใจ นางย่อมไม่กล้าถามอะไรมากเกรงว่าจะทำให้คนดูแคลนเสียเปล่า และนางก็ไม่รู้จักมักจี่กับลุงหม่าคนนี้เขาเป็คนของบิดาและเว่ยซื่อสิ่งที่เกิดขึ้นในร้านในวันนี้ลุงหม่าจะต้องบอกแก่พวกเขาอย่างแน่นอน
นางมาดูร้านก็ไม่มีอะไรมากนัก ในเมื่อร้านนี้เป็ของนางแล้วหากนางไม่เข้าใจอะไรแล้วถามไปมั่วซั่ว คงกลับกลายเป็ที่น่าขบขันดังนั้นสิ่งสำคัญเร่งด่วนที่สุดคือ นางต้องรีบอ่านตัวหนังสือในยุคนี้ให้ออก “ชุนหง เราจะเริ่มเรียนหนังสือกันั้แ่วันพรุ่งนี้เป็ต้นไป”
ชุนหงกระพริบตาปริบๆ “ทำไมจู่ๆ คุณหนูถึงอยากเรียนหนังสือล่ะเ้าคะ?” เมื่อก่อนให้คุณหนูเรียนก็มักจะไม่เต็มใจหลังจากอ่านชื่อและสามารถเขียนตัวอักษรง่ายๆ ได้ไม่กี่ตัวแล้ว นางก็ไม่ยอมเรียนอีก
“ถ้าไม่เรียน แม้แต่สมุดบัญชีก็คงอ่านไม่ออก เ้าก็ต้องเรียนด้วย”
“บ่าวไม่ต้องอ่านสมุดบัญชีนะเ้าคะ”
“เ้าเป็สาวใช้ข้างกายข้าต่อไปไม่เพียงแต่ต้องช่วยข้าดูแลเื่อาหารการกินเท่านั้นร้านและหมู่บ้านที่เป็ของข้า เ้าก็ต้องช่วยดูแลด้วย” กู้เจิงตบบ่าชุนหงแล้วพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เ้าจะเป็ผู้จัดการของข้า”
“ผู้จัดการ? บ่าวสามารถเป็ผู้จัดการได้หรือเ้าคะ?” ชุนหงไม่กล้าจินตนาการ
“ของของข้าจะให้คนอื่นจัดการได้อย่างไร? เ้าไม่ทำแล้วใครจะทำเล่า?” นางกระตุ้นให้ชุนหงเห็นถึงความสำคัญของตนที่มีต่อนางเมื่อเห็นดวงตาที่เปล่งประกายของชุนหง กู้เจิงก็รู้ว่าทำสำเร็จแล้ว
นายบ่าวทั้งสองพูดคุยหัวเราะกันตลอดทางกลับบ้านล้วนคุยถึงแผนการสำหรับอนาคตพลางมองหน้ากันอย่างมีความสุขอยู่ตลอดเวลา
เสิ่นเยี่ยนที่เพิ่งออกมาจากในตรอกเล็กได้เห็นภรรยากำลังยิ้มแย้มแจ่มใสพูดคุยเล่นหัวกับชุนหงอยู่พอดีรอยยิ้มที่สดใสอ่อนโยนนั้นดูมีชิวิตชีวาอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
“พี่ใหญ่เสิ่น ท่านแต่งงานแล้วจะมองสตรีอื่นด้วยสีหน้าเช่นนี้ได้ยังไงขอรับ?” จางหลี่หนานเดินออกมาเห็นพี่ชายผู้มีพระคุณกำลังมองหญิงสาวนางหนึ่งอย่างตกอยู่ในภวังค์เขามองตามสายตาของพี่ใหญ่ไป สตรีผู้นั้นช่างงดงามจริงๆนางเป็โฉมสะคราญที่งดงามมาก ทว่าปัญหาคือพี่ใหญ่แต่งงานแล้ว
“ข้าจะมองภรรยาตัวเองด้วยสีหน้าเช่นนี้ เ้ามีปัญหาอะไรไหม?” เสิ่นเยี่ยนกล่าวเสียงเรียบ
จางหลี่หนานอึ้ง สตรีที่งดงามคนนั้นคือพี่สะใภ้อย่างนั้นหรือตอนที่ปาเม่ยกลับมาจากงานเลี้ยงของท่านอ่องก็เคยเล่าว่าพี่สะใภ้มีหน้าตางดงามราวกับนาง์เขานึกว่านางพูดเกินจริง คิดไม่ถึงว่าจะงดงามจริงๆ
กู้เจิงพูดถึงแผนการอันยิ่งใหญ่อย่างเบิกบานใจชุนหงก็พลอยตื่นเต้นตามไปด้วย กู้เจิงที่กำลังยิ้มแย้มพลันหยุดเดินกะทันหันมองเห็นเสิ่นเยี่ยนที่กำลังเดินเข้ามาหานาง
“ท่านบุตรเขย” ชุนหงคารวะเสิ่นเยี่ยนตามปกตินางถามอย่างดีใจว่า “ท่านบุตรเขยมาจากไหนกันเ้าคะ”
“จากทางนั้นน่ะ” เขาเอ่ยสั้นๆสายตาเคร่งขรึมจับจ้องไปที่ภรรยา “พวกเ้าไปไหนมาหรือ?”
“ไปร้านหนังสือเ้าค่ะ” กู้เจิงรีบยืนตัวตรงปรับท่าทางให้สุภาพเคร่งขรึม หวังว่าเสิ่นเยี่ยนจะไม่เห็นท่าทีะโโลดเต้นของนางเมื่อครู่
“คารวะพี่สะใภ้ ข้าชื่อจางหลี่หนานขอรับ” จางหลี่หนานเอ่ยปากทักทายบ้าง
กู้เจิงมองชายร่างกำยำสูงใหญ่พอๆ กับเสิ่นเยี่ยน “เ้าคือสามีของปาเม่ยหรือ?”
“ใช่แล้วขอรับ พี่สะใภ้อยากไปที่บ้านข้าไหมขอรับ? ปาเม่ยนางพูดถึงท่านตลอดเวลา” จางหลี่หนานกล่าวอย่างกระตือรือร้น
“วันนี้คงไปไม่ได้แล้วล่ะ ท่านแม่ยังรอข้าซื้อเนื้อกลับไปอยู่เอาไว้วันหลังเถอะ หรือเ้ากับปาเม่ยจะมาที่บ้านก็ได้” ในเมื่อนับถือกันเป็พี่น้องกับเสิ่นเยี่ยน กู้เจิงก็ต้องทำดีด้วย
“ได้ขอรับ” จางหลี่หนานรู้สึกว่าพี่สะใภ้คนนี้นอกจากหน้าตาจะงดงามแล้วนิสัยก็ดีอีกด้วย “พี่ใหญ่ ข้าจะไปค่ายทหารแล้ว ท่านไปส่งพี่สะใภ้กลับบ้านก่อนเถอะ”
เสิ่นเยี่ยนพยักหน้า สายตาจับจ้องไปที่ภรรยา “ที่ถนนสองสายนี้ มีร้านหนังสือชิงหย่าเซวียนเพียงแห่งเดียวถ้าข้าจำไม่ผิด มีร้านค้าหนึ่งในใบสินสมรสที่ส่งมาในวันแต่งงานเผอิญร้านนั้นอยู่ในซอยนี้พอดี เ้าไปตรวจสอบบัญชีของร้านมาหรือ?”