โรงพยาบาลประจำอำเภออยู่ทางตอนเหนือของอำเภอจินสุ่ย เดินทางไปจากทางฝั่งกองหยางหลิว ระยะทางเกือบครึ่งอำเภอ โชคดีที่ยุคสมัยนี้อำเภอเล็กมาก แต่แม้จะเร่งรีบเดินทางแล้ว ก็ยังใช้เวลาครึ่งชั่วโมงกว่าจะถึงโรงพยาบาลอยู่ดี
หลังเข้าโรงพยาบาล ก็ถูกคุณหมอและพยาบาลพาเข้าห้องฉุกเฉิน เจิ้งหยวนไม่รู้อะไรสักอย่าง คนอื่นให้เธอไปจ่ายเงิน เธอก็จ่าย เงินจำนวนเล็กน้อยในมือถูกจ่ายออกไปอย่างรวดเร็ว เธอไม่รู้สถานการณ์ข้างใน ตอนนี้เธอร้อนรนจนเหงื่อออกเต็มหน้าผาก ได้แต่เดินวนไปวนมา และรีบพุ่งเข้าไปหาเมื่อเห็นคุณหมอออกมา “คุณหมอ—”
คุณหมอคนนั้นโบกมือพลางว่า “สงบลงแล้วละ ไม่เป็ไร วางใจเถอะ”
เจิ้งหยวนถึงผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก พร้อมปาดเหงื่อเย็นเฉียบบนหน้าออก
คุณหมอเอ่ยต่อว่า “โชคดีที่คุณให้คนไข้กินยาจิ้วซิน [1] บรรเทาอาการของเขา ไม่อย่างนั้นล่าช้าขนาดนี้ ไม่รู้เลยว่าจะเกิดเื่ใหญ่อะไรขึ้นบ้างหรือเปล่า”
ที่บ้านมีคนไข้โรคหัวใจอยู่ ยาจิ้วซินเป็เหมือนยาประจำตัว โชคดีที่มีติดไว้ในบ้านตลอด เจิ้งหยวนเผยสีหน้าโล่งอกดีใจ พลางตบอกตนเองเบาๆ “นั่นสิคะๆ โชคดีที่เตรียมไว้ตลอด” ก่อนเอ่ยกับคุณหมอด้วยสีหน้าซาบซึ้ง “ขอบคุณคุณหมอจริงๆ นะคะ ขอบคุณมากค่ะ”
คุณหมอรีบตอบทันที “ไม่เป็ไรๆ หน้าที่ของหมอคือช่วยชีวิตคนใกล้ตายและรักษาผู้าเ็อยู่แล้วครับ”
เขายังมีคนไข้รายอื่น พอพูดคุยกับเจิ้งหยวนสองสามคำก็รีบร้อนจากไป เฉินชุ่ยอวิ๋นยังไม่ฟื้น เจิ้งหยวนเลยปล่อยวางหัวใจที่ตื่นตระหนกอยู่ตลอดไม่ลง ครั้นเห็นพยาบาลที่ตรวจเฉินชุ่ยอวิ๋นเมื่อสักครู่เดินผ่านมาจึงถือวิสาสะดึงมาถาม “คุณแม่ฉันจะตื่นเมื่อไรเหรอคะ?”
พยาบาลเก็บสีหน้าเหนื่อยล้าไว้ไม่มิด ดูเหมือนจะยุ่งมานานแล้ว เธอเอ่ยโดยไม่มองเจิ้งหยวนสักนิด “ยังต้องฟื้นตัวสักพักค่ะ” จากนั้นกำชับพยาบาลข้างๆ “เสี่ยวจาง เสี่ยวจาง เข้ามาช่วยดันตัวคนไข้หน่อย”
แม้อาการของเฉินชุ่ยอวิ๋นจะคงที่แล้ว แต่พยาบาลบอกว่ายังต้องนอนโรงพยาบาลติดตามอาการอีกสักสองสามวัน เจิ้งหยวนจึงรีบดำเนินการแอดมิตแล้วตามไปห้องพักผู้ป่วยทั่วไป
ตลอดความทรมานนี้ เจิ้งหยวนไม่ได้ดื่มน้ำเลยสักหยด เวลาเดินช้าเหมือนผ่านไปเป็ปี ดีเหลือเกินที่โชคช่วยเฉินชุ่ยอวิ๋นให้กลับมาได้
ครั้นร่างกายรู้สึกผ่อนคลายลง เจิ้งหยวนเพิ่งนึกได้ว่าพี่ชายเธอก็ยังอยู่โรงพยาบาลเหมือนกัน จึงหันไปหาหลี่ชุนเซิง อยากให้เขาช่วยสอบถามหน่อยว่าส่งตัวพี่ชายเธอไปที่ไหน ผลปรากฏว่าไม่พบหลี่ชุนเซิงแล้ว
“เอ๊ะ? คนล่ะ?” ผ้าห่มที่รองอยู่ใต้ร่างเฉินชุ่ยอวิ๋นก่อนหน้านี้วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงผู้ป่วย
ไม่รู้เขาออกไปั้แ่เมื่อไร
“เจิ้งหยวน”
เจิ้งหยวนได้ยินคนเรียกชื่อเธอ พอหันไปตามเสียงก็เห็นเจิ้งเฉวียนกังรีบรุดเข้ามาในห้องพักผู้ป่วย โดยมีหลี่ชุนเซิงตามอยู่ข้างหลัง
“แม่แกเป็ยังไงบ้าง?” เจิ้งเฉวียนกังถาม สายตาตกลงบนร่างเฉินชุ่ยอวิ๋น คิ้วขมวดจนเป็ปม
เจิ้งหยวนลุกขึ้น เธอยกเก้าอี้ให้ผู้เป็พ่อนั่งแทน ก่อนว่า “สงบลงแล้วค่ะ”
เจิ้งเฉวียนกังนั่งลงพลางกุมมือของภรรยา แม้มือของเขาจะยังสั่นเทา แต่การรู้สาเหตุนั้นสำคัญกว่า เขาถาม “เกิดอะไรขึ้น ทำไมอาการกำเริบกะทันหันล่ะ?”
เจิ้งหยวนยังไม่ทันบอก หลี่ชุนเซิงพลันถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วพูดแทรกเสียก่อนว่า “ต้องโทษผมครับ คุณอา ผมไม่รู้ว่าอาสะใภ้เป็โรคหัวใจ ผมพูดเื่พี่เทียนิเกิดอุบัติเหตุทันทีที่เข้าบ้าน อาสะใภ้ได้ยินเข้าเลยใจนอาการกำเริบครับ”
“จะโทษนายได้ยังไง นายแค่มาแจ้งข่าว เฮ้อ…” ตอนนี้เจิ้งเฉวียนกังวิตกจนผมแทบจะเปลี่ยนเป็สีขาวทั้งหัว
ขณะนั้นเอง ขนตาของเฉินชุ่ยอวิ๋นพลันกะพริบไหว เจิ้งหยวนที่สังเกตผู้เป็แม่ตลอด ครั้นเห็นเช่นนั้นลมหายใจพลันสะดุด ก่อนค่อยเอ่ยเรียกเสียงเบา“แม่... แม่? แม่ฟื้นแล้วเหรอ?”
เจิ้งเฉวียนกังจึงรีบมองเฉินชุ่ยอวิ๋นบ้าง
เฉินชุ่ยอวิ๋นเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆ เริ่มแรกรูม่านตาของเธอพร่ามัวเล็กน้อยแล้วค่อยๆ จับตัวกันจนมีจุดรวมสายตาอยู่บนร่างของเจิ้งหยวนและเจิ้งเฉวียนกัง เธองงงันสักพัก จากนั้นก็สะดุ้ง พลันร้องะโขึ้น “เทียนิ—”
ตอนนี้เจิ้งหยวนยังไม่รู้สถานการณ์ของเจิ้งเทียนิแน่ชัด เธอจึงหันหน้าไปมองคุณพ่อเพื่อรอคำตอบเช่นกัน เจิ้งเฉวียนกังถอนหายใจ เมื่อเอ่ยถึงเื่ของเจิ้งเทียนิ “เทียนิไม่เป็ไร แค่หกล้มเท่านั้น”
เฉินชุ่ยอวิ๋นร้อนใจ เผยอปากขึ้น
“ล้มเป็ยังไงบ้างคะ?” ไม่รอเฉินชุ่ยอวิ๋นเปิดปาก เจิ้งหยวนชิงถามก่อน
เจิ้งเฉวียนกังชะงักอยู่ครู่หนึ่ง ครั้นเห็นความกังวลของเฉินชุ่ยอวิ๋นที่สะท้อนผ่านั์ตา จึงพยายามพูดจาถนอมน้ำใจไม่ให้ะเืโรคเก่ามากไปกว่านี้ “ก็ล้มนั่นแหละ ขาหัก แต่หมอบอกว่าผ่าตัดก็หายแล้ว”
แม้ยังคงกังวลอยู่ แต่พอรู้ว่ารักษาหายได้ สีหน้าเฉินชุ่ยอวิ๋นก็ดีขึ้นไม่น้อย
ถึงกระนั้น เจิ้งหยวนกลับไม่วางใจเหมือนเฉินชุ่ยอวิ๋น เธอกัดฟันกรอด รักษาหายได้จริงๆ หรือ? ชาติก่อนก็ล้มจนขาหักเช่นนี้
ต่อมาก็รักษาไม่หาย กลายเป็คนพิการนี่นา? สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือพี่ชายเธอจะหนีจากชะตากรรมของคนขาพิการไม่พ้น? หรือการเกิดใหม่ของเธอเป็เพียงเื่ตลก
โชคชะตาถูกลิขิตมาแล้ว ต่อให้เธอดิ้นรนอย่างไร พี่ชายเธอก็ยังคงขาพิการ
พี่สาวน้องสาวเธอจะเสียชีวิตก่อนวัยอันควร
สุดท้ายแล้วบ้านของเธอต้องแตกเป็เสี่ยงๆ เหมือนเดิมอยู่ดีเช่นนั้นหรือ?
ไม่... ไม่ได้เด็ดขาด
ดวงตาเจิ้งหยวนคมราวกับมีด มือกำเข้าหากันแน่นจนนิ้วขึ้นข้อขาว
แค่ล้มขาหักเท่านั้น ไม่ใช่โรคร้ายแรงอันใด โบราณการรักษาไม่อำนวยขนาดนั้นยังรักษาได้ นี่มันยุคสมัยไหนแล้ว ทำไมจะรักษาไม่หายล่ะ! ชาติก่อนพี่ชายเธอไม่หาย
มีความเป็ไปได้มากว่าชะลอการรักษาออกไป เวลานั้นเฉินชุ่ยอวิ๋นนอนอยู่โรงพยาบาล
ทั้งบ้านยุ่งเหยิงวุ่นวายและยังขาดแคลนเงิน ขาของพี่ชายน่าจะรักษาช้าด้วยเหตุนี้
แต่ไม่ว่าอย่างไร เธอต้องไปดูสภาพพี่ชายให้เห็นกับตาถึงจะสบายใจ
“พ่อ แม่ ฉันไปเยี่ยมพี่ชายนะ!” หลังบอกเจิ้งเฉวียนกังแล้ว
เจิ้งหยวนก็วิ่งพรวดออกไปทันที
โรงพยาบาลแห่งนี้มีทั้งหมดสามชั้น เจิ้งเทียนิกับเฉินชุ่ย
อวิ๋นป่วยคนละอย่าง ย่อมไม่ได้อยู่ชั้นเดียวกัน
พี่ชายเธอนอนรักษาตัวอยู่ที่ชั้นหนึ่ง
เธอจึงวิ่งลงไปหาห้องพักของพี่ชายเธอข้างล่าง หน้าประตูนั้นเอง
เป็พี่สะใภ้ใหญ่กำลังคุยบางอย่างกับคุณหมอที่สวมเสื้อกราวด์สีขาวด้วยสีหน้าโศกเศร้า
เจิ้งหยวนเดินเข้าไปใกล้ ทว่าทั้งสองคุยกันเสร็จพอดี
เธอจึงไม่ได้ยินว่าพวกเขาพูดคุยอะไรกัน หลังคุณหมอเดินจากไป
เจิ้งหยวนเลยถามเฝิงิเยว่แทน “พี่ชายเป็ยังไงบ้าง คุณหมอว่ายังไงคะ
รักษาได้หรือเปล่า?”
เฝิงิเยว่ถอนหายใจคล้ายคนปลงตกก่อนเอ่ย “คุณหมอบอกว่าต้องผ่าตัด เทียนิขาหัก ต้องตรึงแผ่นเหล็กบนกระดูกอะไรสักอย่างให้เขาเนี่ยแหละ ส่วนวัสดุนำเข้าจากเมืองนอก โรงพยาบาลเราเหมือนจะยังทำการผ่าตัดนี้ไม่ได้ ต้องไปเชิญหมอจากโรงพยาบาลในเมืองมาทำ ฉันก็ไม่ค่อยรู้เื่นักหรอก”
เจิ้งหยวนได้ยินแล้วรู้ทันทีว่าไม่ใช่การผ่าตัดเล็กๆ คิ้วพลันขมวดมุ่นเข้าหากัน “งั้นต้องใช้เงินมากใช่ไหม?”
สีหน้าเฝิงิเยว่ยังดูมึนเบลอ “ใช่ ต้องใช้เงินเยอะ…”
“งั้นค่ายาค่าผ่าตัดใครเป็คนจ่าย พี่ชายล้มขาหักตอนทำงานกับกลุ่มก่อสร้างนี่!” พูดกันตามภาษายุคศตวรรษที่ 21 ถือว่าเป็การาเ็จากการทำงาน
ตามหลักหน่วยงานก่อสร้างต้องเป็ฝ่ายรับผิดชอบ แต่ยุคสมัยนี้พูดยากอยู่บ้าง
เจิ้งเทียนิเข้าร่วมกลุ่มก่อสร้างที่กองก่อตั้งขึ้น รับเหมางานในอำเภอ
ว่ากันตามเหตุผลกองควรเป็คนจ่ายเงินค่ารักษา ทว่าเจิ้งเฉวียนกังคือหัวหน้ากองของกองหยางหลิว
คนเที่ยงตรง ไม่เห็นแก่ตัวอย่างเขาไม่รู้จะยอมรับเงินจากกองหรือเปล่า
เจิ้งหยวนคิดถึงขั้นนี้ได้ ไฉนเฝิงิเยว่จะคิดไม่ออก?
เจิ้งหยวนขมวดคิ้ว น้ำเสียงเคร่งเครียดไม่น้อย “พ่อฉันพูดว่ายังไงบ้าง?”
เฝิงิเยว่ถอนหายใจอีกครั้ง ความกังวลฉายชัดบนสีหน้าไม่จางหาย เธอเงียบไปครู่หนึ่งแล้วค่อยเอ่ย “หยวนหยวน เธออยู่ที่นี่ดูแลพี่ชายเธอเถอะ ฉันจะกลับบ้านไปดูว่าพอจะยืมเงินใครได้ไหม”
ได้ยินดังนั้น เจิ้งหยวนโกรธจัดจนเผลอฟาดฝ่ามือบนผนัง “ไม่สิ ทำไมล่ะ? พ่อพูดอะไรกันแน่?”
“พ่อบอกว่าเทียนิไม่ระวัง าเ็ระหว่างพักผ่อนเอง ไม่ได้าเ็ตอนทำงาน…” เฝิงิเยว่ไม่พอใจคำพูดของพ่อสามีมากเช่นกัน เธอเป็คนอารมณ์ดีมาตลอด แทบไม่เคยเผยความไม่พอใจบนหน้า แต่คราวนี้สีหน้ากลับย่ำแย่สุดๆ
เชิงอรรถ
[1] ยาจิ้วซิน หมายถึง สมุนไพรเก้าชนิดจากพืชและสัตว์ ใช้กับอาการที่เกิดจากการเสื่อมโทรมของการทำงานต่างๆ ของระบบร่างกาย อันเนื่องมาจากอายุที่มากขึ้น และผู้ที่มีอาการใจสั่นและหายใจถี่ เหนื่อยหอบง่ายจากการพักผ่อนน้อย อากาศเปลี่ยนแปลง กลัว หรือตระหนกใ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้