หลินชิงเวยยกมือขึ้นดึงรากของต้นไทรที่ห้อยตกลงมา จากนั้นนำรากของต้นไทรเ่าั้ม้วนเก็บขึ้นมาทำเป็เชือกที่แข็งแรงเส้นหนึ่งนางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “เมื่อสักครู่หากเ้าไม่มีความคิดชั่วร้าย ข้าอาจจะไตร่ตรองเื่ไว้ชีวิตของเ้าแต่ความจริงพิสูจน์แล้วว่าสุนัขไม่อาจเปลี่ยนนิสัยกินอาจมมิใช่รึ?”
หลินชิงเวยหันหลังให้เขา ให้ชิงหลันพันรัดลำคอขององครักษ์ตามอำเภอใจยิ่งรัดยิ่งแน่น องครักษ์เริ่มออกแรงดิ้นรนต่อสู้ เขาหายใจอย่างยากลำบากจึงอ้าปากกว้างเพื่อช่วยในการหายใจเขาคิดถึงกระบี่ที่ข้างเอวของตนจึงยื่นมือลูบไปที่ลำเอวทันทีเขาดึงกระบี่ออกมาเสียงของโลหะเยียบเย็นััโสตประสาทหลินชิงเวยดึงปิ่นปักผมที่อยู่บนศีรษะ หันกลับมาแทงลงบนหลังมือขององครักษ์เต็มแรง
โลหิตสดๆ ไหลออกมา คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเือุ่นๆ
ทันทีที่องครักษ์ได้รับความเ็ปจึงหดมือกลับไปแม้กระทั่งเรี่ยวแรงที่จะต่อต้านก็ไม่เหลือได้แต่ยอมรับชะตากรรม
ลมหายใจขององครักษ์รวยริน ดวงตาเบิกกว้างสติสัมปชัญญะสะลึมสะลือในที่สุด ร่างกายของเขายังคงอุ่นอยู่เพียงแค่ััถูกร่างของเขาหลินชิงเวยก็รู้สึกว่าสกปรก ชิงหลันคลายร่างของตนเลื้อยกลับเข้ามาในแขนเสื้อของหลินชิงเวยหลินชิงเวยประคองร่างขององครักษ์ขึ้นมาอย่างมืออาชีพ นำเชือกที่นางทำเป็บ่วงบาศก์รัดเข้ากับลำคอของเขาแล้วแขวนขึ้นไปบนต้นไทร
ดีที่ใต้ต้นไทรยังมีก้อนหินให้นางได้เหยียบ อีกทั้งองครักษ์คนนี้มีรูปร่างผอมบางอยู่เดิมหาไม่แล้วด้วยรูปร่างบอบบางเช่นหลินชิงเวยคงยากที่นางจะแขวนร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งขึ้นไปบนต้นไม้ได้
หลังจากแขวนร่างเขาขึ้นไปแล้ว หลินชิงเวยใช้เท้าเตะก้อนหินก้อนนั้นออกร่างขององครักษ์จึงแขวนเติ่งอยู่กลางอากาศ
นางยืนมองอยู่ใต้ต้นไม้ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงจากไปในมือของนางยังกำปิ่นปักผมที่นางใช้ปักลงบนหลังมือขององครักษ์คนนั้นจนทะลุ
ต่อมานางเดินมุ่งหน้าไปตามทางเล็กๆ นางเดินเลี้ยวไปเลี้ยวมาตามเส้นทางเล็กๆนั้น ในที่สุดนางก็หาทางออกพบและมาถึงริมสระไท่เยี่ยจนได้
นางยืนอยู่ริมสระไท่เยี่ยครู่หนึ่ง สายลมยามราตรีพัดกระโปรงของนางให้สะบัดพลิ้วส่งผลให้นางรู้สึกหนาวเล็กน้อยนางหรี่ตามองออกไปเห็นผิวน้ำในสระอันกว้างใหญ่ดูคล้ายปากขนาดมหึมาของมนุษย์ที่กลืนกินผู้คนสงบนิ่งทว่าอ้างว้างวังเวง
นางเดินไปข้างหน้าอีกสองก้าวเข้าใกล้ริมสระ จากนั้นยกมือขึ้นขว้างปิ่นปักผมในมือลงในสระแล้วก้มลงดูรอยเืที่ติดอยู่บนมือจึงนั่งยองๆ ลงไปใช้น้ำในสระล้างคราบเืจนสะอาดสะอ้าน จากนั้นยืดกายขึ้นแล้วเดินกลับไปยังตำหนักฉางเหยี่ยน
ยามนี้ซินหรูเห็นว่าเนิ่นนานเช่นนี้แล้วหลินชิงเวยไม่ยังกลับมานางเดินไปเดินมาอย่างร้อนใจ นางไปสอบถามที่ตำหนักซวี่หยางมาแล้วหลินชิงเวยออกจากตำหนักซวี่หยางในเวลาเที่ยงวันแต่ไม่ได้กลับมายังตำหนักฉางเหยี่ยน เช่นนั้นยามนี้นางจะอยู่ที่ใดกัน?
ซินหรูและปี้หลิงออกไปตามหาคนทั้งคืนหลินชิงเวยกลับมาถึงตำหนักฉางเหยี่ยนในเวลานี้เอง
แม้ปี้หลิงจะปรนนิบัติเ้านายอย่างรู้งานดียิ่งทว่าความสามารถในการสังเกตสังกากลับมีไม่มากพอไม่สู้ซินหรูที่มีเต็มไปด้วยความระมัดระวังและมีจิตใจละเอียดถี่ถ้วนประดุจเถ้าธุลีขณะนี้หลินชิงเวยกลับมาแล้ว ซินหรูเอ่ยกับปี้หลิงว่า“พี่ปี้หลิงไปช่วยตักน้ำมาให้พี่สาวอาบน้ำก่อนเถิด”
น้ำร้อนได้เตรียมไว้นานแล้ว
ปี้หลิงรับคำแล้วออกไปซินหรูคล้องแขนเข้ากับแขนของหลินชิงเวยแล้วเดินเข้าห้องไปเพียงไม่นานปี้หลิงเดินนำหน้านางกำนัลที่หิ้วน้ำร้อนเข้ามาซินหรูรอรับอยู่หน้าประตู นางกล่าวอีกว่า“ในเมื่อพี่สาวกลับมาแล้วย่อมไม่จำเป็ต้องกังวลอันใดอีกที่นี่มีข้าดูแลอยู่พวกเ้ากลับไปพักผ่อนเร็วหน่อยเถิด”
ปี้หลิงพยักหน้ารับคำ “ได้ หาก้าสิ่งใดค่อยเรียกพวกเรา”
ซินหรูกล่าวอย่างมีมารยาท “อืม ขอบคุณพี่ปี้หลิงเ้าค่ะ”
ซินหรูอยู่ในตำหนักฉางเหยี่ยนไม่นับว่าเป็บ่าวนางเรียกหลินชิงเวยว่าพี่สาว คนในตำหนักล้วนต้องให้เกียรตินางสองส่วนเพียงแต่นางมิได้วางท่าว่าตนเป็เ้านายอีกทั้งยังทำงานอย่างขยันขันแข็งด้วยความเต็มใจ มีนางดูแลหลินชิงเวยงานของปี้หลิงลดลงไม่น้อย อีกทั้งนางยังถ่อมตนและรู้ธรรมเนียมมารยาทคนในวังล้วนชมชอบนาง
ซินหรูปิดประตู หันกายกลับมาเทน้ำร้อนลงในถังอาบน้ำ“พี่สาวรีบมาอาบน้ำเถิดเ้าค่ะ”
หลินชิงเวยเดินมาทางห้องอาบน้ำนางเดินเข้ามาพร้อมกับปลดอาภรณ์ออกไปด้วย บนเสื้อของนางมีรอยเืเป็หยดๆปรากฏชัดเจนบนผ้าสีเขียวอ่อน ปรากฏให้เห็นเป็รอยสีเข้มและจาง
ซินหรูเห็นแล้วใบหน้าเล็กๆ ในวัยเยาว์ของนางปรากฏให้เห็นความสุขุมของผู้ใหญ่
หลินชิงเวยก้าวเท้าเข้าไปในน้ำร้อนนางกอบน้ำร้อนมาล้างใบหน้าของตนเป็ลำดับแรกซินหรูหยิบผ้าขนหนูมาซับน้ำให้เปียกช่วยหลินชิงเวยขัดถูรอยเืที่จางลงเพราะสายน้ำกระทั่งไม่เหลือร่องรอยอันใด
“พี่สาวท่าน...”
ยังไม่ทันได้กล่าวออกไปก็ถูกหลินชิงเวยย้อนกลับไปว่า“เ้าไม่อยากรู้ดอกว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น กลับไปเข้านอนเถิดพรุ่งนี้ยังต้องตื่นแต่เช้าตรู่ต่อไปอีกหลายวันเ้ายังต้องรับผิดชอบไปต้มยาสมุนไพรให้ฝ่าาอาบน้ำแช่ตัวที่ตำหนักซวี่หยางทุกวันเื่เ่าั้ที่ข้าสอนเ้า เ้าเชี่ยวชาญดีแล้วกระมัง”
ซินหรูตื่นตะลึง ถามว่า “พรุ่งนี้พี่สาวไม่ไปพร้อมกับข้าหรือเ้าคะ?”
หลินชิงเวยกล่าวอย่างสงบว่า “ไม่ไปแล้วพี่สาวเพียงแค่รับปากเซ่อเจิ้งอ๋องช่วยรักษากระทั่งเด็กคนนั้นไข้ลดลงยามนี้ไม่มีอะไรต้องกังวลย่อมไม่ติดค้างสิ่งใดต่อพวกเขาเ้าไปทำภารกิจขั้นตอนสุดท้ายให้เรียบร้อยแล้วกลับมา อย่าได้เสียเวลาอยู่ที่นั่น”
ซินหรูเงียบขรึม “แม้สุขภาพของฝ่าาจะกระเตื้องขึ้นบ้างสแล้วแต่ขาของเขา...” หลินชิงเวยขัดถูร่างกายของตน ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบอะไรซินหรูมองนางแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ดูออกว่าฝ่าาเป็คนดีคนหนึ่งเขาปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างอ่อนโยนสุภาพมีมารยาทกับคนเช่นข้าเขาก็ยังยินดีที่จะพูดจาด้วยอย่างอ่อนโยน” หยุดไปอึดใจหนึ่ง เอ่ยอีกว่า“พี่สาว ท่านมีวิธีรักษาขาทั้งสองข้างของฝ่าาให้หายดีให้เขายืนขึ้นมาได้หรือไม่เ้าคะ?”
หลินชิงเวยเลิกคิ้วสูง “ขาของเขาเป็เช่นนั้นั้แ่กำเนิดข้าไม่มีวิธีการรักษา”
แม้หลินชิงเวยจะพูดจาตัดบทอย่างไร้เยื่อใยแต่ซินหรูกลับเข้าใจนางอย่างยิ่ง คำพูดประโยคใดของนางเป็จริงหรือเป็เท็จดวงตาของซินหรูทอประกายวาบ “ที่จริงพี่สาวมีวิธีรักษาขาของเขาให้หายดีใช่หรือไม่เ้าคะ?”
หลินชิงเวยมองซินหรูแวบหนึ่ง “เ้าหูตึงรึ พี่สาวบอกแล้วว่าไม่มีวิธีรักษา”
ซินหรูทำปากบู้ “แต่ข้าฟังดูแล้วดูเหมือนพี่สาวโมโหจึงกล่าวว่าไม่มีวิธีการรักษานี่เ้าคะ...”
หลินชิงเวยลุกขึ้นยืนในถังส่งผลให้เกิดเสียงซ่าของน้ำนางหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดร่างกายด้วยตนเอง แล้วสวมเสื้อนอนพร้อมกล่าวเรียบๆ ว่า“ซินหรู เ้าควรจะกลับไปนอนได้แล้ว”
“อ้อ” ซินหรูเห็นหลินชิงเวยไม่มีท่าทีอ่อนข้อให้แม้แต่น้อยจึงได้แต่เดินคอตกกลับไปนอนที่ห้องของตน
หลินชิงเวยเดินมาถึงข้างเตียงของตนเตรียมจะเอนกายลงไปนอนมือของนางลูบไปถูกสิ่งของเย็นๆ ชิ้นหนึ่งใต้หมอนจึงหยิบออกมาดูด้วยสายตาเ็าเป็หยกประดับเอวของเซียวเยี่ยน นางไม่รู้สึกแปลกใหม่กับสิ่งของชิ้นนี้นานแล้วนางโยนหยกประดับชิ้นนี้ลงไปในกล่องเครื่องประทินโฉมอย่างไม่เหลียวแล
เื่ที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจไปแล้วไม่ได้อะไรคืนมา นางทำมามากพอแล้วยามนี้นางหงุดหงิดใจอย่างมาก ยังต้องไปให้ผู้อื่นลบหลู่ดูิ่อีกเช่นนั้นหรือ?น่าขัน!
แม้ว่า เซียวจิ่น เด็กคนนั้นจะเป็คนไม่เลวเลยทีเดียวต่อให้รักษาขาทั้งสองข้างของเขากระทั่งหายดีแล้วอย่างไรเล่านั่นไม่ได้หมายความว่านางไม่จำเป็ต้องใช้ชีวิตโดยการต้องมองสีหน้าผู้อื่นอีกต่อไป
เซียวเยี่ยนคนชั่วช้า พี่สาวจะรอให้ท่านมาเจรจาตกลงเงื่อนไขกับพี่สาว
ล่วงเลยเข้าสู่ยามรัตติกาล
ศพร่างหนึ่งที่ถูกแขวนอยู่บนต้นไทรแกว่งไปมาท่ามกลางสายลมหมดลมหายใจเนิ่นนานแล้ว
เวลานี้อีกด้านหนึ่งของสวนดอกไม้ กลับมีแสงไฟสว่างสว่างขึ้นเล็กน้อยมันลอยขึ้นลงไปมา ปรากฏอยู่บนทางเดินอันมืดมิด ดูเหมือนดวงไฟของิญญาภูติผีในป่าลึก