เมื่อสิ้นเสียงแล้ว จ้วงอวี้เหยียนลุกขึ้นหันมองมู่อวิ๋นจิ่นพร้อมกับเอ่ยว่า “น้องอวิ๋นจิ่นนั่งรอพี่อยู่ตรงนี้แล้วกัน ประเดี๋ยวพี่จะให้หรูฮั่นมาช่วยงานพี่”
มู่อวิ๋นจิ่นรับฟังแล้วพยักหน้ารับทราบ
หลังจากที่จ้วงอวี้เหยียนกับเวินหรูฮั่นเดินเข้าไปในครัวเป็ที่เรียบร้อย มู่อวิ๋นจิ่นได้ขมวดคิ้วขึ้น จากนั้นจึงค่อยเดินตามทั้งสองคนจากด้านหลังไปอย่างเงียบเชียบ
พอมาถึงห้องครัว ประตูนั้นถูกปิดสนิท มู่อวิ๋นจิ่นจึงได้แต่แอบอยู่หัวมุม ใช้นิ้วเจาะหน้าต่างให้เป็รูเล็ก เพื่อสอดส่องความเคลื่อนไหวด้านใน
ภายในห้องครัวเห็นเพียงจ้วงอวี้เหยียนนวดแป้ง พูดคุยกับเวินหรูฮั่นไปด้วย หัวเราะไปด้วยอย่างเบิกบานใจ
แต่ในขณะที่เวินหรูฮั่นหัวเราะอยู่นั้น สายตากลับสอดส่องไปทั่วทั้งห้อง นางดูไม่ได้ใส่ใจกับบทสนทนาที่คุยกับจ้วงอวี้เหยียนมากมายนัก
“หรูฮั่นช่วยพี่เติมน้ำหน่อย เดี๋ยวพี่จะไปเตรียมน้ำตาลทรายแดง” พูดจบจ้วงอวี้เหยียนลูบมือไปมา ก่อนเดินไปเตรียมน้ำตาลทรายแดง
เวินหรูฮั่นได้ยินก็พยักหน้ารับ จากนั้นหันมองจ้วงอวี้เหยียนที่ละไปเตรียมน้ำตาลทรายแดง และเดินเข้าไปช่วยนวดแป้งต่อ
เวินหรูฮั่นหันมองจ้วงอวี้เหยียนอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่านางไม่ได้หันกลับมา ต่อจากนั้นนางถลกแขนเสื้อขึ้นเล็กน้อย ก่อนหยิบซองกระดาษแดงฉีกออกช้า ๆ โรยอะไรบางอย่างผสมเข้าไปในแป้งจนหมดห่อ
หลังจากนั้นนางขยำซองกระดาษแดงเหน็บเข้าในแขนเสื้อดังเดิม ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกออกมา
มู่อวิ๋นจิ่นเห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมด นางถึงกับด่าทอเวินหรูฮั่นในใจว่าช่างโง่เขลาเสียเหลือเกิน ถูกคนอื่นใช้เป็เครื่องมือไปเสียแล้ว
เห็นทีมู่อวิ๋นจิ่นจะต้องเข้าไปช่วยเตือนสติฉู่ชิงเฉียงเสียหน่อย
…
ไม่นานนัก หลังจากที่จี่หม่าถีเกาจนร้อนพร้อมรับประทานแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นรีบสาวเท้ากลับไปนั่งรอที่ห้องโถงรับรอง เสมือนไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
มู่อวิ๋นจิ่นนั่งจิบน้ำชาอย่างสบายอุรา โดยมองจ้วงอวี้เหยียนกับเวินหรูฮั่นเดินเคียงข้างกันมา พร้อมกับสนทนากันอย่างสนิทสนม “โอ้โห หม่าถีเกาหอมกรุ่นเหลือเกิน”
“ใช่แล้ว หม่าถีเกาเป็ขนมที่อวี้เหยียนถนัดทำที่สุด” เวินหรูฮั่นหันไปยิ้มให้กับมู่อวิ๋นจิ่น
มู่อวิ๋นจิ่นพยักหน้าเห็นด้วย พอจ้วงอวี้เหยียนเดินมาถึงด้านในก็วางถาดหม่าถีเกาไว้บนโต๊ะ จากนั้นหยิบขนมขึ้นมาชิ้นหนึ่งยื่นให้กับมู่อวิ๋นจิ่น “น้องอวิ๋นจิ่นลองชิมดูสิ”
มู่อวิ๋นจิ่นแสยะยิ้มมุมปาก ก่อนยื่นมือออกไปรับหม่าถีเกาเข้ามาไว้ในมือ
เวินหรูฮั่นเห็นเช่นนั้น ก็รีบหยิบขนมขึ้นมาชิ้นหนึ่งยื่นให้กับจ้วงอวี้เหยียนเช่นกัน “พี่ลำบากทำขนมมานานเหมือนกัน ลองชิมสักชิ้นหนึ่งดูสิ”
“หรูฮั่นเป็คนดีจริง ๆ เลย”
จ้วงอวี้เหยียนรับหม่าถีเกามาไว้ในมือ พร้อมกับกำลังจะยกเข้ามากัด แต่กลับได้ยินเสียงไอขึ้นมา “แค่ก ๆ ๆ ๆ”
พอหันมอง กลับพบว่ามู่อวิ๋นจิ่นกำลังใช้มือตบหน้าอกอย่างแรง
“น้องอวิ๋นจิ่นเป็อะไรไปหรือ?” จ้วงอวี้เหยียนรีบวางหม่าถีเกาลงแล้ววิ่งไปตบหลังมู่อวิ๋นจิ่น
หลังจากมู่อวิ๋นจิ่นหายดีแล้ว นางก็รีบยกน้ำชาขึ้นดื่ม โดยที่เวินหรูฮั่นยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่ขยับเขยื้อน
เวินหรูฮั่นหันสบสายตามู่อวิ๋นจิ่นด้วยความตระหนก พลางยิ้มเยาะเย้ย “ไม่เป็อะไรใช่หรือไม่?”
“ข้าไม่เป็ไรแล้ว” หลังจากนั้นมู่อวิ๋นจิ่นยกถาดหม่าถีเกายื่นไปข้างหน้าเวินหรูฮั่น “พี่หรูฮั่นบอกว่าอยากทานหม่าถีเกาไม่ใช่หรอ? ขืนยังไม่ทานเดี๋ยวจะเย็นเสียก่อนนะ”
เวินหรูฮั่นมองดูอย่างลังเลสงสัย ก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย “ไม่เป็ไร พวกเ้าทานกันก่อนเถอะ ปกติพี่ทำหม่าถีเกาทานบ่อยอยู่แล้ว”
“แต่วันนี้ไม่ใช่ว่าพี่อยากทานหม่าถีเกา แล้วร้องขอให้พี่อวี้เหยียนทำให้ทานมิใช่หรอกหรือ? อย่าได้เกรงใจไปเลยทำออกมาถาดใหญ่ มีเหลือเฟือสำหรับทุกคน” มู่อวิ๋นจิ่นยังคงถือถาดยืนอยู่ด้านหน้าเวินหรูฮั่น
จ้วงอวี้เหยียนที่ยืนดูอยู่ด้านข้าง พอเห็นมู่อวิ๋นจิ่นมีท่าทางที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็หลังมือ ส่งผลให้นางเกิดความสงสัยขึ้นมาจนอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองหม่าถีเกาที่อยู่ในถาด
เวินหรูฮั่นที่ถูกมู่อวิ๋นจิ่นคะยั้นคะยอ มองหม่าถีเกาด้วยรอยยิ้ม “เอาล่ะ พวกเ้ารีบทานกันเถอะ”
พอเห็นเวินหรูฮั่นหยิบขึ้นมาแล้วมิยอมส่งเข้าปาก มู่อวิ๋นจิ่นจึงวางถาดแล้วพูดยิ้ม ๆ “ทำไมพี่หรูฮั่นไม่ถึงทานเล่า?”
“พี่ชอบทานเวลามันเย็นหน่อย ตอนนี้ยังร้อนเดี๋ยวลวกปากเอาได้” เวินหรูฮั่นตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
มู่อวิ๋นจิ่นตอบรับและพยักหน้าเข้าใจ “เช่นนั้นรอให้ขนมเย็นลงหน่อยแล้วค่อยทานก็ได้”
“น้องอวิ๋นจิ่น ที่น้องพูดออกมาหมายความว่าอย่างไรหรือ? พี่มาที่จวนวันนี้ก็ไม่ได้ล่วงเกินอะไรน้องนี่?” เวินหรูฮั่นถือโอกาสวางหม่าถีเกาลงและอาศัยโอกาสนี้หันมองมู่อวิ๋นจิ่น
เมื่อจ้วงอวี้เหยียนเห็นสถานการณ์ไม่ปกติ จึงลุกยืนขึ้นมองทั้งสองฝ่ายไปมา “ทุกคนเป็พี่น้องกัน อย่าให้เื่เล็กน้อยพวกนี้มาทำลายความสัมพันธ์กันเลย”
มู่อวิ๋นจิ่นยกมือขึ้นเกาหัวโดยมิได้ปริปากเอ่ยคำใด
“ช่างเถอะ ถือว่าวันนี้พี่มาผิดเวลาเอง อวี้เหยียน คราวหน้าเดี๋ยวค่อยมาเยี่ยมหาเ้าใหม่แล้วกัน” เวินหรูฮั่นเอ่ยจบแล้วก็เดินจากไป
“หยุดอยู่ตรงนั้นแหละ!!!” มู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยปากห้าม
เวินหรูฮั่นชะงักในทันที นางเม้มริมฝีปากก่อนเอ่ยอย่างอึกอัก “พระชายาหกยังมีเื่อะไรจะกำชับอีกหรือเ้าคะ?”
“หรูฮั่น น้องอวิ๋นจิ่น…” จ้วงอวี้เหยียนเอ่ยขึ้นอย่างลำบากใจ
จากนั้นมู่อวิ๋นจิ่นจึงลุกขึ้นยืนพร้อมกับหยิบถาดหม่าถีเกา เดินไปข้างกายเวินหรูฮั่นและส่งสายตาแข็งกร้าวไปที่นาง “ทานลงไป!”
“เ้า้าอะไรกันแน่?” เวินหรูฮั่นพูดอย่างขัดเคือง
“หมายความว่าอะไรอย่างนั้นหรือ? เื่นี้เ้าน่าจะรู้ดีกว่าข้าว่าเกิดอะไรขึ้นมิใช่หรอกหรือ?” มู่อวิ๋นจิ่นเบะปาก
พอสิ้นเสียงลง มู่อวิ๋นจิ่นะโสั่งการขึ้นมาว่า “ใครก็ได้ไปตามใต้เท้าหัวหน้าศาลมา ไปบอกว่ามีคน้าวางยาพิษสังหารคนที่จวนอัครเสนาบดีแห่งนี้!”
พอได้ยินคำว่า “วางยาพิษสังหาร” จ้วงอวี้เหยียน และเวินหรูฮั่นถึงกับเบิกตาโพลงทั้งคู่ โดยคนหนึ่งไม่อยากจะเชื่อ ส่วนอีกคนดูกินปูนร้อนท้อง
“น้องอวิ๋นจิ่นหมายความอย่างไรหรือ?” จ้วงอวี้เหยียนเอ่ยปากด้วยความหวาดหวั่น
มู่อวิ๋นจิ่นวางหม่าถีเกาลง แล้วคว้าแขนขวาเวินหรูฮั่นขึ้นมา ก่อนหยิบซองสีแดงที่ขยำเหน็บไว้ที่แขนของนาง
“เวินหรูฮั่น เ้าช่างใจกล้า บังอาจใส่ยาพิษในหม่าถีเกา ก็ต้องใจกล้ายอมรับด้วยสิ ในซองกระดาษสีแดงนี้ยังมีผงยาพิษหลงเหลืออยู่ เดี๋ยวถึงเวลาแล้วให้คนมาตรวจสอบ ถึงตอนนั้นก็จะได้รู้ว่าในหม่าถีเกามีผงยาพิษชนิดเดียวกันหรือไม่”
เวินหรูฮั่นได้ฟังมู่อวิ๋นจิ่นเอ่ยออกมา ถึงกับใจนขวัญหนีดีฝ่อ ล้มฟุบลงไปกับพื้น “ไม่ ไม่ใช่ข้า…”
“หรูฮั่น เ้า ทำไมเ้า…” จ้วงอวี้เหยียนไม่อยากจะเชื่อ ทว่าเมื่อย้อนนึกถึงท่าทางของเวินหรูฮั่นที่ผิดปกติไป จึงทำให้นางเชื่อคำพูดของมู่อวิ๋นจิ่นได้โดยไม่ยาก
“อวี้เหยียน เ้าต้องเชื่อใจพี่ พี่ไม่ใช่คนทำ พี่ไม่รู้ว่าซองกระดาษสีแดงมาได้อย่างไร จะต้องมีคนใส่ร้ายพี่เป็แน่!” เวินหรูฮั่นเอ่ยอย่างรีบร้อนด้วยแววตาวิงวอน
จ้วงอวี้เหยียนมองดูเหตุการณ์เบื้องหน้าด้วยแววตาแน่นิ่ง
“แม้จับได้คาหนังคาเขา แต่คุณหนูเวินเป็บุตรสาวของตระกูลกระทรวงโยธาธิการ ฐานะสูงส่ง เกรงว่าคดีนี้ต้องส่งให้ศาลต้าหลี่ตัดสินเสียแล้ว” มู่อวิ๋นจิ่นเปรยขึ้น
พอได้ยินชื่อของศาลต้าหลี่ ในหัวของเวินหรูฮั่นพรั่งพรูภาพที่ซูปี้ชิงถูกปะาขึ้น ไม่... ไม่ได้ จะยอมให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด!
“พระชายาหก หรูฮั่นถูกใส่ร้าย หรูฮั่นถูกคนอื่นบีบบังคับ จึงต้องกระทำไปเช่นนั้น!” เวินหรูฮั่นรีบคุกเข่า โขกหัวลงที่พื้นอย่างแรงหลายครั้ง
เมื่อเห็นเวินหรูฮั่นยอมรับความผิดที่ตนกระทำ จ้วงอวี้เหยียนพลันเกิดผิดหวังอย่างสุดซึ้ง จนล้มฟุบลงไปบนเก้าอี้ โดยไม่เหลียวหันไปมองทางเวินหรูฮั่นอีก
“พระชายาหก อันที่จริงเื่นี้องค์หญิงห้าบีบบังคับให้ทำ ยานี้องค์หญิงห้าเป็คนนำมาให้ โดยสั่งกำชับว่าให้ทำให้สำเร็จ อีกทั้งยังข่มขู่ว่าหากทำไม่สำเร็จ จะนำหลักฐานที่ท่านพ่อโกงกินราชสำนักมาเปิดโปง ถึงตอนนั้นไม่แน่ว่า ตระกูลเวินต้องถูกปะากันทั้งตระกูลเป็แน่!”
“หม่อมฉันรู้ดีว่าท่านพ่อเป็ขุนนางที่มือสะอาด ไม่ยินยอมรับเงินสินบนใด ๆ แต่ว่าอีกฝ่ายเป็ถึงองค์หญิงห้าซึ่งเป็คนในราชวงศ์ เมื่อนางเอ่ยว่ามีหลักฐานการโกงกินราชสำนักของท่านพ่อ เกรงว่าจะต้องนำมาเปิดโปงเป็แน่แท้ อันที่จริงหม่อมฉันก็อับจนปัญญาที่ต้องทำแบบนี้ แต่เพื่อปกป้องตระกูลเวินจึงเลอะเลือน เลือกกระทำเื่เลวร้ายลงไป”
“พระชายาหก พี่อวี้เหยียน หม่อมฉันขอร้องท่านทั้งสอง ให้อภัยหม่อมฉันด้วย หม่อมฉันถูกบีบบังคับจริง ๆ เพคะ”
ระหว่างที่เวินหรูฮั่นสาธยายออกมาหัวก็โขกไม่หยุดหย่อน
ในเวลานี้ มู่อวิ๋นหานเดินเข้ามาด้วยสีหน้าขึงขัง ก่อนจะส่งสายตาให้กับมู่อวิ๋นจิ่น
พอเห็นมู่อวิ๋นหานเดินเข้ามา จ้วงอวี้เหยียนกลับรู้สึกละอายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่ไม่น้อย
“พี่ใหญ่ เื่ของคุณหนูเวินจะจัดการอย่างไรดี?” มู่อวิ๋นจิ่นโยนความลำบากใจให้มู่อวิ๋นหานตัดสิน
มู่อวิ๋นหานได้ฟัง ใบหน้ากลับบึ้งตึงขึ้นในทันที “ในเมื่อเื่เกี่ยวพันไปถึงชีวิต ก็ต้องดำเนินเื่ไปตามกฎหมาย ส่งตัวคุณหนูเวินให้กับศาลต้าหลี่[1]ตัดสิน”
“ไม่ คุณชายใหญ่ โปรดไว้ชีวิตด้วยเถอะ! หรูฮั่นสำนึกผิดแล้ว จะไม่ให้มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก!” เวินหรูฮั่นรีบกุลีกุจอเข้าไปคว้าเสื้อมู่อวิ๋นหาน และวิงวอนร้องขอชีวิต
ด้วยนางรู้ว่าหากถูกส่งตัวไปที่ศาลต้าหลี่ ในคดีเกี่ยวกับชีวิต แม้จะไร้โทษแต่หากเคยมีประวัติในคดีถึงชีวิตแล้วนั้น ในวันข้างหน้าของนางก็อย่าได้คิดลืมตาอ้าปากได้อีกเลย
“อวี้เหยียนเป็คนจิตใจดีมีเมตตา แต่งงานเข้ามาไม่เท่าไหร่ กลับถูกคนหลอกใช้ หากข้าปล่อยเ้าไป จะอธิบายเื่นี้กับราชครูจ้วงอย่างไร!”
“ใครก็ได้ นำตัวนางไปส่งให้ศาลต้าหลี่ประเดี๋ยวนี้!”
สิ้นเสียง มู่อวิ๋นหาน ผู้ดูแลจวนจับเวินหรูฮั่นที่ดิ้นพล่านออกไปข้างนอก
หลังจากนั้นภายในห้องโถงก็เงียบสงบ จ้วงอวี้เหยียนหน้านิ่วคิ้วขมวดไร้ชีวิตชีวา
“พี่อวี้เหยียนอย่าได้เสียอกเสียใจไป การที่เห็นธาตุแท้ของคนผู้นี้ดี ย่อมเป็เื่ที่ดี” มู่อวิ๋นจิ่นปลอบใจนาง
จ้วงอวี้เหยียนพยักหน้ารับ “น้องอวิ๋นจิ่น เื่วันนี้พี่ติดค้างน้องแล้ว ถ้าไม่ได้น้องช่วยเหลือพี่ต้อง…”
“เอาล่ะ ยังไงพวกเราก็เป็คนครอบครัวเดียวกัน อย่าได้เอ่ยเสียจนดูเป็คนนอกแบบนั้นเลย” มู่อวิ๋นจิ่นพูดตอบ
จ้วงอวี้เหยียนยกมือขึ้นบีบขมับไปมา “พี่รู้สึกเหนื่อยแล้ว ขอตัวกลับไปพักผ่อนก่อนแล้วกัน”
“ชุ่ยจู๋ประคองฮูหยินไปพักผ่อนก่อน” มู่อวิ๋นหานหันไปบอกบ่าวรับใช้
เมื่อจ้วงอวี้เหยียนกลับไปแล้ว มู่อวิ๋นจิ่นจึงหันไปเอ่ยเสียงแ่เบากับมู่อวิ๋นหานว่า “ดูท่าฉู่ชิงเฉียงไม่ได้สนใจฟังเื่ที่พวกเราพูดแม้แต่น้อย”
“แล้วน้องจะจัดการเื่นี้อย่างไร?” มู่อวิ๋นหานเอ่ยถาม
“ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น รอให้ข่าวที่เวินหรูฮั่นเข้าศาลต้าหลี่แพร่สะพัดไป คราวนี้ฉู่ชิงเฉียงต้องซวยเป็แน่”
“หากครั้งนี้ยังไม่สำนึกสำเหนียกอีก ความลับของนางที่เก็บงำไว้ น้องจะไม่มีทางช่วยนางปกปิดอีกต่อไป” มู่อวิ๋นจิ่นแสยะยิ้มพลางยักไหล่อย่างไม่แยแส
…………………
[1] ทำหน้าที่ดูแลรับผิดชอบคดีอาญา เป็หน่วยราชการที่สำคัญของราชสำนัก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้