หลังจากกินไอศกรีมแท่งจนหมด มือของคังอิงก็เปื้อนน้ำตาลจนเหนียวเหนอะหนะ เธอจึงถามชายหนุ่มที่ขายไอศกรีมแท่งว่า “รบกวนหน่อยค่ะ ขอล้างมือหน่อยได้ไหม”
ชายหนุ่มคงไม่เคยเจอลูกค้าที่พิถีพิถันแบบนี้มาก่อน เขาจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วบอกว่า “ถ้าอยากล้างมือ เดินไปที่หลังบ้านของพวกเรานะ ตรงนั้นมีบ่อน้ำ เธอไปตักน้ำขึ้นมาล้างได้เลย”
คังอิงกล่าวขอบคุณ จากนั้นจึงเดินผ่านร้านแล้วเปิดประตูหลังออกไป ตรงหน้าพลันปรากฏลานภายในที่เขียวชอุ่มเข้ามาในสายตา
ภายในลานบ้านปลูกต้นองุ่นเอาไว้เป็ซุ้ม ซุ้มองุ่นแห่งนี้มีพวงองุ่นห้อยเป็พวงระย้า องุ่นสีเขียวดูอวบอิ่มช่างชวนให้รู้สึกหลงใหลอย่างยิ่ง ริมกำแพงลานบ้านปลูกต้นมะละกอเอาไว้รอบด้าน บนต้นมะละกอมีผลมะละกอห้อยอยู่เต็มไปหมด เรียกได้เลยว่าเป็์บนดินแห่งหนึ่ง
คังอิงเดินไปยังแท่นบ่อน้ำตรงกลางลาน จากนั้นจึงตักน้ำขึ้นมาด้วยถังไม้ น้ำบ่อที่เย็นฉ่ำทำให้ความร้อนหายไปในพริบตา พอล้างมือจนรู้สึกสะอาดแล้ว เธอก็รู้สึกสบายใจขึ้นทันที คังอิงจึงเดินออกไปเพื่อกล่าวขอบคุณเด็กหนุ่มที่ขายไอศกรีมแท่ง ก่อนจะเดินจากไป
เด็กหนุ่มที่ขายไอศกรีมแท่งเห็นเธอกำลังจะจากไป ก็มองภาพด้านหลังอันกระฉับกระเฉงของเธออย่างเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง เขานึกในใจว่า สาวสวยขนาดนี้ ทำไมก่อนหน้านี้เขาถึงไม่เคยเจอเธอมาก่อน?
อันที่จริงก่อนหน้านี้ คังอิงเคยมาซื้อไอศกรีมแท่งที่นี่เป็ครั้งคราว โรงงานทำกากถั่วเหลืองที่เธอทำงานพาร์ตไทม์ตั้งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ เงินเดือนที่โรงงานเค้กถั่วเหลืองถือว่าสูงมากจริงๆ การทำงานหนึ่งวันสามารถทำเงินได้ประมาณสิบหยวน
แต่เนื่องจากงานทุบกากถั่วเหลืองเป็งานที่เหนื่อยมาก บางครั้งพอทำงานเหนื่อยๆ เหล่าคนงานที่โรงงานก็จะออกไปซื้อไอศกรีมแท่ง เฉาก๊วย หรือขนมขบเคี้ยวอื่นๆ เพื่อเป็กำลังใจในการทำงานให้กับตนเอง
แต่ก่อนคังอิงสวมเสื้อผ้าที่ดูเรียบง่ายเปรอะไปด้วยเศษผงของเค้กถั่วเหลือง เธอไม่ได้ดูสง่างามแบบในตอนนี้ เพราะฉะนั้นเด็กหนุ่มที่ขายไอศกรีมแท่งจึงจำเธอไม่ได้
คังอิงรู้สึกว่าเธอเดินไปทั่ว จนรู้ความเป็ไปมากขึ้นแล้ว จึงวางแผนว่าจะกลับบ้าน
พอคิดว่าที่บ้านไม่มีผักเหลืออยู่แล้ว เธอก็เดินตรงไปยังตลาดสด เพื่อซื้อผัก เนื่องจากบ้านน้ารองของสือเจียงหย่วนมีตู้เย็น คังอิงจึงคิดจะซื้อผักเอาไว้เยอะๆ เพื่อลดการเดินทางไปมา
แต่พอมาถึงเวลานี้ เนื้อในแผงขายเนื้อไม่ค่อยสดใหม่แล้ว เนื้อดีๆ ถูกคนซื้อไปหมด คังอิงไม่อยากกินเนื้อไม่สดใหม่ เธอจึงซื้อแตงกวา บรอกโคลี แล้วก็ผักอื่นๆ จากนั้นก็ซื้อปลาเป็ๆ มาตัวหนึ่ง ก่อนให้คนขายปลาฆ่า และทำความสะอาดไว้ให้
คังอิงถือถุงใส่ผัก แล้วจึงเดินไปยังสหกรณ์เพื่อเอาจักรยาน แล้วเตรียมตัวกลับบ้าน
ใครจะไปคิดว่า ตอนที่เธอกำลังจะก้าวขึ้นจักรยาน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงดังสนั่นจากด้านหลัง
“พี่ พี่จะไปไหน? ทำไมถึงซื้อผักเยอะขนาดนี้เนี่ย? เมียผมใกล้จะคลอดแล้วนะ พี่จะไม่กลับไปช่วยที่บ้านเหรอ?”
คังอิงหันกลับไปมอง เธอพบว่าคนที่ดึงท้ายจักรยานของเธอเอาไว้ไม่ให้ไปก็คือ ‘คังจวิ้น’ น้องชายแท้ๆ ของเ้าของร่างเดิม?
คังจวิ้นก็เป็เหมือนอย่างชื่อของเขา [1] หน้าตาเขาคล้ายกับคังอิงมาก เครื่องหน้าดูคมชัดดูเหมือนพวกดาราดังในยุคหลังๆ
แต่น่าเสียดายที่คังจวิ้นมีบุคลิกไม่ดีเอาเสียเลย เขาเอาแต่ทำตัวให้ดูแย่ลงๆ จนทำให้เครื่องหน้าอันโดดเด่นของเขากลับดูธรรมดาๆ ไปเสียแล้ว
เมื่อเธอร่างกายของเ้าของร่างเดิมแล้ว แน่นอนว่าพ่อแม่ ญาติมิตรของคังอิงก็ย่อมตกเป็ของเธอเช่นกัน นี่ถือเป็เื่ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
คังอิงตั้งสติได้ ก่อนจะก้าวลงจากจักรยานแล้วบอกว่า “พี่เพิ่งจะออกจากโรงพยาบาลได้ไม่กี่วัน ยังไม่ทันหายดี เลยลืมเื่ที่เสี่ยวชิงจะคลอดลูกไป”
“ไม่กี่วันก่อน หมอตรวจเสี่ยวชิง แล้วบอกว่าทารกอยู่ในท่าที่ผิดปกติ หมอบอกให้เสี่ยวชิงผ่าคลอด คราวนี้ขาดทุนเยอะเลย การผ่าคลอดต้องเสียเงินสามร้อยกว่าหยวนเลยนะ ถ้าคลอดธรรมชาติก็ไม่ถึงร้อยหยวนด้วยซ้ำ”
คังจวิ้นกลอกตาไปมา คังอิงรู้ทันทีว่าเขากำลังคิดอะไร
บ้านตระกูลคังมีลูกแค่สองคน คือเธอและคังจวิ้น แม้ว่าจะได้ทั้งลูกชายและลูกสาว แต่น่าเสียดายที่พ่อกับแม่ของคังอิงมอบความรักและเอาใจใส่ทั้งหมดให้กับลูกชาย ส่วนคังอิงนั้นถูกปล่อยให้เติบโตตามยถากรรม ไม่มีใครเคยสนใจเธอเลยสักนิด
คังจวิ้นถูกครอบครัวเลี้ยงดูอย่างตามใจจนกลายเป็คนเกียจคร้าน โง่เขลาไร้ความสามารถ ขนาดไม่อาจท่องหนังสือตอนอยู่มัธยมต้นได้ จึงต้องออกจากโรงเรียนไปกลางคัน
หลังจากที่เขาออกจากโรงเรียนแล้ว คังจวิ้นก็ไม่หางานทำ เอาแต่นั่งเล่นเกมเตตริสที่บ้านทั้งวัน ต่อมาเกมสไตล์ผ่านด่านอย่างคอนทราเป็ที่นิยม เขาก็ยิ่งติดงอมแงม วันๆ เอาแต่นอนเล่นอยู่ที่บ้าน
พ่อกับแม่ของคังจวิ้นก็ตามใจลูกชาย พวกเขายังอายุน้อยสามารถทำงานได้ แม้ว่าบ้านตระกูลคังจะไม่ร่ำรวย แต่ก็พอมีกิน พวกเขาเลี้ยงดูคังจวิ้นราวกับอีกฝ่ายยังเป็เด็กๆ สุดท้ายเขาก็กลายเป็คนไร้ประโยชน์
กระทั่งคังจวิ้นอายุมากขึ้นจนถึงวัยที่จะแต่งงาน พอมีเงินสินสอดทองหมั้นของคังอิงเป็ทุน เขาก็มีความมั่นใจขึ้นมาทันที หลังจากได้ดูตัวกับหญิงสาวจากครอบครัวที่ปลูกผักแถบชานเมือง ก็ตัดสินใจแต่งงานกับเธอทันที เ้าสาวคนนั้นมีชื่อว่าอู๋เสี่ยวชิง
หลังจากที่คังจวิ้นแต่งงานแล้วเขาก็ยังคงเล่นเกมอยู่ที่บ้านเหมือนเดิม ทั้งค่ากินค่าอยู่ก็ยังคงขอจากพ่อแม่ นานๆ ครั้งเขาถึงจะไปรับจ้างทำงานพาร์ตไทม์ ชีวิตของเขาช่างเรียบง่ายไร้กังวล
แต่ความสุขเช่นนี้ก็เป็แค่เปลือกนอกเท่านั้น พอถึงคราวที่บ้าน้าเงินจริงๆ แต่กลับหาเงินไม่ได้ สุดท้ายความจริงก็ปรากฏออกมา
แต่ยังดีที่คังจวิ้นยังมีคังอิง คังอิงเป็คนที่มีความสามารถมาก แต่อ่อนแอ คังจวิ้นจะไปขอเงินจากพี่สาวเป็ครั้งคราว
คังอิงทำงานที่โรงงานกากถั่วเหลือง เงินเดือนของเธอสูงมาก เธอมักแอบเก็บเงินสิบกว่าหยวนหรือยี่สิบหยวนโดยไม่ให้ฟู่ซินหลางและแม่ของเขารู้เพื่อมอบเงินพวกนี้ให้คังจวิ้น
เหตุการณ์ในอดีตทั้งหมดวาบขึ้นมาในหัว เธอจึงมองคังจวิ้นอย่างระแวดระวัง แล้วเอ่ยถามว่า “การผ่าคลอดของเสี่ยวชิงมีค่าใช้จ่ายสูงขนาดนั้น แล้วนายเตรียมเงินไว้พร้อมหรือยัง?”
คังจวิ้นฝืนยิ้มบอกว่า “พ่อกับแม่พอมีเงินเก็บอยู่บ้าง แต่มันไม่พอ พวกเขากำลังจะไปขอยืมเงินพี่อยู่พอดีเลย”
คังอิงลังเลเล็กน้อย เธอไม่รู้ว่าควรจะบอกคังจวิ้นเื่หย่าร้างตอนนี้เลยหรือเปล่า แต่พอนึกขึ้นมาได้ว่าไม่ช้าก็เร็วพวกเขาก็ต้องรู้เื่นี้เข้าสักวัน ไม่ต้องอะไรหรอก ตอนที่พ่อแม่ของเธอไปหาเธอเพื่อขอเงิน พวกเขาก็ต้องรู้เื่นี้
“คังจวิ้น ตอนนี้พี่ก็ลำบากเหมือนกัน พี่เพิ่งหย่ากับพี่เขยเสร็จ เช่าบ้านอยู่ข้างนอกคนเดียว ตอนนี้พี่ไม่มีเงินเลย”
“อะไรนะ? พวกพี่หย่ากันแล้วหรือ?” คังจวิ้นได้ยินเื่นี้ก็สะดุ้งโหยง เขาจ้องมองคังอิงด้วยสีหน้าตะลึง แต่เขาก็หัวเราะแล้วบอกว่า “หย่าก็ดีแล้ว พี่เขยคนนั้นไม่ทำงานอะไรเลย ปล่อยให้พี่เป็คนเลี้ยงดูเขา ในฐานะน้องเขย ผมก็ไม่เคยได้รับผลประโยชน์อะไรจากเขาเลยสักนิด พี่ ตอนนี้พี่อยู่ที่ไหน?”
คังอิงเห็นท่าทางยินดีมีความสุขของคังจวิ้น ยกเว้นท่าทางใในตอนแรก เขาก็ไม่มีท่าทีอื่นอีก เธอจึงเข้าใจทันทีว่าคังจวิ้นเป็เพียงหมาป่าตาขาว [3] และเห็นเธอเป็วัวเงินสด [4] เท่านั้น
การที่เธอและฟู่ซินหลางหย่าขาดจากกัน สำหรับคังจวิ้นแล้วถือว่าเป็เื่ดี ต่อไปเขาจะได้ขอเงินจากเธอได้สะดวกยิ่งขึ้น คังจวิ้นไม่สนใจหรอกว่าหลังจากพี่สาวของเขาหย่าร้าง หรือชีวิตของเธอจะเป็อย่างไร ในสายตาของเขา พี่สาวมีหน้าที่เป็เพียงแหล่งเงินสดเท่านั้น
“พี่พักอยู่แถบชานเมือง” คังอิงไม่อยากบอกคังจวิ้นว่าตอนนี้เธออาศัยอยู่ที่ไหนไปโดยปริยาย เธอสังหรณ์ว่าถ้าคังจวิ้นรู้ เธอจะต้องเจอกับปัญหาไม่รู้จบแน่ๆ
“ไม่อย่างนั้นพี่กลับบ้านพร้อมกับผม แล้วไปบอกเื่นี้กับพ่อแม่ พวกเขายังไม่รู้เื่นี้เลยนะ”
สำหรับคังจวิ้นแล้ว คังอิงก็คือธนาคารเดินได้ เมื่อเขา้าใช้เงิน ก็จะไปหาคังอิง และเธอก็จะยอมแบ่งเงินสิบกว่าหรือยี่สิบหยวนให้เขา เื่นี้เป็ส่วนสำคัญในการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายของคังจวิ้น
ก่อนหน้านี้เงินที่พี่สาวของเขาหาได้ จะต้องมอบให้แม่สามี แต่ตอนนี้ดีเลย พี่สาวของเขาหย่าขาดแล้ว เงินที่เดิมทีมอบให้แม่สามี ไม่แน่ว่าต่อไปอาจตกใส่มือของเขาก็ได้
เชิงอรรถ
[1] มาจากสำนวน 康俊人如其名 หมายถึง คนเราเป็ดั่งชื่อตัว จวิ้น (俊) ในชื่อ คังจวิ้น หมายถึง หล่อเหลา โดดเด่น
[2] เกมแก้ปัญหาด้วยการจัดเรียงตัวบล็อกที่หล่นลงมาให้เป็แถว เป็เกมที่นิยมมากที่สุดเกมหนึ่ง มีการนำมาทำซ้ำมากที่สุดในโลกเกมหนึ่ง ไม่ว่าในรูปแบบเครื่องเล่นวิดีโอเกม เครื่องเล่นเกมแบบพกพา เกมคอมพิวเตอร์ เกมบนโทรศัพท์มือถือ และอื่น ๆ อีกมาก ตัวเกมออกแบบโดย อะเลคเซย์ ปายีตนอฟ (Alexey Pajitnov) นักออกแบบเกมชาวรัสเซีย ครั้งแรกออกแบบสำหรับเล่นในเครื่อง Electronika 60 เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2527
[3] หมาป่าตาขาว เดิมหมายถึง คนที่มีใจอำมหิต ต่อมาใช้หมายถึงคนอกตัญญู หรือคนเนรคุณได้ด้วย
[4] วัวเงินสด เป็อุปมาเกี่ยวกับการลงทุนหรืออุตสาหกรรมบางอย่างที่สามารถขยายตลาดได้อย่างต่อเนื่อง และขยายส่วนแบ่งการตลาดจากสินค้าและบริการแบรนด์เนมที่ผู้บริโภคคุ้นเคย ดังนั้นจึงสร้างรายได้เงินสดมหาศาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในที่นี้คังจวิ้นมองพี่สาวเป็เหมือนตัวทำเงินได้สม่ำเสมอ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้