บทที่ 197 ผนึกหงส์สีเื
ท้องนภายาวไกลนับพันลี้ กว้างใหญ่ไพศาล และไร้ขอบเขต
ทั่วทั้งลานดังอึกทึก ทุกคนหน้าแดงและตื่นเต้นมาก
ไม่มีใครคาดคิดว่าการรวมตัวครั้งใหญ่นี้ ที่กองกำลังอันทรงพลังจากทุกฝ่ายมารวมตัวกันจะกลายเป็สถานการณ์อย่างตอนนี้ขึ้นมาได้ สถานการณ์หมุนเปลี่ยน จนทุกคนยากจะผ่อนคลาย
ชายหนุ่มคนหนึ่ง แบกห้าข้อหาที่ไม่มีมูลความจริง ถูกองครักษ์เทวัญสิบคนปรามไว้กลางเวทีที่พังทลาย จนไม่อาจขยับได้ ที่ตรงนั้นทรุดโทรมแตกร้าว เพิ่มบรรยากาศน่าเศร้าให้ทวีคูณ
ฉู่อวิ๋นกำลังจะถูกตระกูลฉู่ปะา และต้องต่อสู้กับผนึกหงส์สีเื!
ด้วยพลังที่ไม่ยอมแพ้ของเขา เขาหยัดกายลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง นี่ทำให้ทุกคนประทับใจจริงๆ แม้แต่นักรบะองครักษ์เทวัญก็ตกตะลึง ด้วยไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
แต่นี่เป็เพียงการต่อสู้ครั้งสุดท้ายเท่านั้น
เพราะด้วยรณทระนงที่ะเิออกมา พลังปราณของฉู่อวิ๋นจึงค่อยๆ สลายไป และไม่ช้าก็เร็วเขาก็จะสูญเสียพลังที่จะต้านทาน
“มาเลย -! ข้าฉู่อวิ๋น จะรอดูว่าผนึกหงส์สีเืที่เชื้อสายหลักเรียกนั้นทรงพลังแค่ไหน!” ดวงตาของฉู่อวิ๋นเป็ประกายด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ เขาเผชิญหน้ากับทุกคนที่หน้าศาลเ้าจากไกลๆ ความทะนงตัวไม่ลดน้อยลงเลย
เมื่อเห็นเช่นนั้น ฉู่เจิ้นหนานก็ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกทึ่ง เขาพูดกับฉู่เจียงด้วยเสียงทุ้มลึก “ใต้เท้า รีบจัดการกับคนทรยศนี้เถอะ ป้องกันปัญหาในอนาคต!”
ได้ยินเช่นนั้น ฉู่เจียงก็ดูเคร่งขรึมและพยักหน้า แม้ว่าเขาจะมีการฝึกฝนที่แข็งแกร่ง แต่เขาก็ประทับใจในความกล้าหาญของฉู่อวิ๋นจากใจจริง
นี่มันน่ากลัวเกินไป แค่ชายหนุ่มที่มีจิติญญาแน่วแน่ สามารถหยัดยืนได้อีกครั้งภายใต้แรงกดดันขององครักษ์เทวัญทั้งสิบคน นี่เป็ความสำเร็จที่น่าทึ่งมาก
“เ้าคนนี้... เก็บไว้ไม่ได้จริงๆ...” ในเวลาเดียวกันเสวี่ยจิงหง เสวี่ยหานเฟยและคนอื่นๆ ต่างก็ตะลึงจนฟันสั่น ร่างกายสั่นสะท้าน พวกเขาใกับฉู่อวิ๋นจริงๆ
“ขืนปล่อยให้เขาโตขึ้น พวกเราทุกคนที่นี่คงต้องตายกันหมดแน่” เสวี่ยจิงหงพึมพำกับตัวเอง เหงื่อตก คิ้วของเขากระตุกแล้วเร่งเร้าฉู่เจียง “ใต้เท้า... ใต้เท้า! ลงมือ ลงมือเลย!!”
เมื่อมองดูรูปลักษณ์ของฉู่อวิ๋นที่เหมือนเทพกระบี่จากนรก ไม่ต้องพูดถึงเสวี่ยจิงหง แม้แต่คนในกลุ่มผู้ชมก็อดตัวสั่นไม่ได้
“คนทรยศคนหนึ่ง กลัวอะไร? ฆ่า!” ฉู่เจียงถอนหายใจยาว ดูคล้ายตอบทุกคน แต่ที่จริงแล้วเขากำลังปลอบใจตัวเอง เม็ดเหงื่อบนหน้าผากยังคงไหลลงมาอย่างต่อเนื่อง
เกิดเสียง “ปัง” ดังขึ้น และทันใดนั้น ดวงตาของฉู่เจียงก็เบิกกว้าง เขาปล่อยพลังออกมา ก้าวลงบนพื้น และทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ลอยอยู่เหนือฉู่อวิ๋น และก้มลงมองเขา
นี่คือความสามารถของนักรบในขั้นพื้นพิภพ ที่พึ่งพาการไหลเวียนของพลังปราณเพื่อทะยานขึ้นไปในอากาศใน่เวลาสั้นๆ ได้
“บรรพบุรุษของตระกูลฉู่อยู่ที่นี่ และเวลานี้ มีชายผู้ทรยศตระกูล ฉู่อวิ๋น เขาได้ทำบาปห้าประการและในขณะเดียวกันก็ได้ทำสิ่งชั่วร้ายมากมาย ทั้งยังทำให้ผู้คนในเชื้อสายหลักขุ่นเคือง นี่จะถือเป็การไม่เคารพและความผิดจะเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ!”
“ข้า ในนามของตระกูลฉู่ ฉู่เจียง ได้ใช้ผนึกหงส์สีเืปะาเขา เพื่อเป็คำเตือนแก่ผู้อื่น และเพื่อแก้ไขพฤติกรรมของตระกูลอันยิ่งใหญ่ของเรา!”
“ควับ!”
ทันใดนั้น ฉู่เจียงก็ชี้นิ้วขึ้นสู่ท้องฟ้า ยืนอย่างภาคภูมิใจในความว่างเปล่า เสื้อคลุมของเขากระพือจนส่งเสียง ร่างกายคล้ายเป็เตาหลอมขนาดใหญ่ที่ผุดพลังออกมาไม่หยุด ดวงตาเปล่งประกายด้วยสีเื
ฉับพลัน องครักษ์เทวัญทั้งสิบคนที่อยู่รอบเวทีฉายแววตาสีเื ลำแสงสีแดงเืยี่สิบสายพุ่งออกมา ยิงตรงขึ้นไปบนท้องฟ้าจากทุกทิศทุกทาง และมากันบนฝ่ามือของฉู่เจียง
ในขณะนี้ ท้องฟ้าสั่นะเื แผ่นดินสั่นไหว ทะเลเมฆม้วนตัว ลมพัดกระโชกแรง ทำให้ผู้ชมทั้งหมดตกตะลึง หวาดกลัว และจ้องมองไปที่ท้องฟ้า
“ตามคาด ผนึกหงส์สีเืของตระกูลฉู่ ยังไม่ทันได้ควบแน่นดีก็ทรงพลังได้ถึงเช่นนี้ น่ากลัวจริงๆ...”
“ได้ยินมาว่าผนึกหงส์สีเืนี้เป็วิชายุทธ์ระดับราชันย์ ต้องใช้คนจากตระกูลฉู่หลายคนร่วมมือกันใช้แก่นเืหลวมรวมกันจึงจะเปิดใช้งานได้! ผนึกเช่นนั้น จะไม่ทรงพลังได้อย่างไร?”
ดวงตาของหลายคนสั่นไหว ท่าทางของพวกเขาหม่นหมอง บางคนถึงกับตัวสั่น
ในขณะเดียวกัน เมื่อมองไปที่ก้อนแสงสีเืที่ค่อยๆ ควบแน่นในมือของฉู่เจียง มันเต็มไปด้วยพลังแห่งการสังหาร เสียงะเิก็เหมือนกับเสียงคร่ำของผีเสียงครวญของเทพ ฉู่อวิ๋นมองแล้วกะพริบตากัดฟัน
“เสแสร้งทั้งเพ เข้ามาสิ!” แต่ฉู่อวิ๋นไม่กลัว เขาหยัดกายตั้งตรงมากขึ้น ผมสีดำปลิวไปตามสายลม เืร้อนขึ้นเรื่อยๆ!
หลังจากนั้นไม่นาน ฟ้าฝนเปลี่ยนนภา เมฆแห่งหายนะปกคลุมท้องฟ้า สีของพื้นเวหาเปลี่ยนไป
มองเห็นก้อนสีเืในมือของฉู่เจียงเริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ เืภายในพลุ่งพล่าน รอบๆ มีเสียงของหงส์ดังแ่ ก่อนจะก่อโครงกระดูกหงส์สีเข้มปรากฏขึ้นมา มันบังดวงอาทิตย์ ปกคลุมท้องฟ้า และสง่างามอย่างยิ่ง
“แอ๊ก--”
เสียงร้องของโครงกระดูกหงส์สีเืดูโหยหวนและน่ากลัว พลังสีดำพุ่งสูงขึ้น ทำให้หัวใจของทุกคนเย็นเยียบ ก่อเกิดความกลัวโดยสัญชาตญาณ นี่เป็ทักษะยุทธ์ระดับราชันย์หรือ? ภาพลวงตานั้นน่าประหลาดใจนัก พลังของมันเขย่า์ได้ด้วยซ้ำ!
ในขณะเดียวกัน เสียงอันศักดิ์สิทธิ์ก็ดังขึ้น และทันใดนั้น ทั้งจัตุรัสก็ตกอยู่ในบรรยากาศอันแปลกประหลาด
นั่นคือองครักษ์เทวัญสิบคนกำลังท่องคัมภีร์ ส่งผลให้โครงกระดูกหงส์บินวนไปทั่วท้องฟ้า
ทันใดนั้น สัตว์ร้ายคำรามอีกครั้งพร้อมกับเสียง “แฮ่” และค่อยๆ พุ่งเข้าไปในก้อนสีเื
“ฟึ่บ ฟึ่บ——”
เวลานี้ ขนาดของก้อนแสงสีเืค่อยๆ ใหญ่ขึ้น กว้างสิบหมี่ สูงสิบหมี่ กลมเกลี้ยงและน่ากลัว
ผู้ชมทั้งหมดเงียบงันและตกตะลึง ยกเว้นเสียงที่เกิดจากผนึกหงส์สีเืที่กำลังควบแน่นอยู่เท่านั้น ลำคอของทุกคนตีบตัน ร่างกายสั่นสะท้าน ตกตะลึงอย่างยิ่ง
“เด็กหนุ่มคนนั้น แม้แต่เถ้าก็คงไม่เหลือ” นี่คือความคิดในใจของคนส่วนใหญ่
“ฮึ่ม! ก็แค่นกที่มีแต่กระดูก ถ้ามีเนื้อสักสองสามชิ้น ข้าจะจับมันมาย่างกินเสีย!” มีเพียงชายหนุ่มคนหนึ่งเท่านั้นที่ยังคงยืนอยู่ เขาไม่แสดงความกลัวต่อกระดูกนก แต่กลับเพิ่มิญญายุทธ์ของเขาแทน
ฉู่อวิ๋นชี้กระบี่ขึ้นไปบนฟ้า ร่างกายเต็มไปด้วยรณทระนง เขายืนหันหน้าไปทางสายลม เสื้อผ้าและแขนเสื้อพลิ้วไหว พยายามจะเคลื่อนไหว!
ร่างที่ไม่ยอมแพ้ของชายหนุ่มคนนี้ทำให้ทุกคนอุทานทันที เขาไม่กลัวฟ้าไม่ขลาดดินเลยจริงๆ
แต่ในยามนี้ ผู้ชมทั้งหมดหวั่นวิตกและจ้องมองไปที่ผนึกหงส์สีเื
“เวิ้ง—”
ทันใดนั้น วงแหวนอวกาศก็เรืองแสงขึ้น มีลูกปัดสีดำลอยออกมา ด้วยเสียง “ฟุ่บ” มันข้ามความว่างเปล่าและลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยมีควันจางๆ หมุนวนอยู่รอบๆ
นั่นคือไข่มุกะเิไทวะ! มันเปล่งประกายด้วยความแวววาวอันล้ำค่า คลื่นที่แผ่กระจายปกคลุมทั่วทั้งลานด้วยสีสันหลายพันสี สวยงามและนุ่มนวล
“ข้าทุ่มหมดหน้าตักแล้ว เ้าหนู วิ่งเลย! ผนึกนี้แข็งแกร่งเกินไป หากถูกมันโจมตี ไม่เพียงแต่เ้าจะตายอย่างน่าอนาถเท่านั้น แต่ยังไปเกิดใหม่ไม่ได้ด้วย! เ้าจะตกอยู่ในความมืดไม่มีที่สิ้นสุด ทนทุกข์วนเวียน!”
เสียงร้อนใจดังขึ้น รัวพูดอย่างรวดเร็ว และส่งสารไปยังฉู่อวิ๋น ทำให้เขาสะดุ้งเล็กน้อย
ในขณะเดียวกัน โยวกู่จือแปลงร่างเป็ไข่มุกะเิไทวะแล้วทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า เปล่งแสงอันศักดิ์สิทธิ์ออกมา เขา้าปลดปล่อยพลังิญญาตัวเอง ควบคุมองครักษ์เทวัญทั้งสิบ และให้ฉู่อวิ๋นหนีไป
แต่เมื่อเห็นเช่นนั้น หลิงจื้อก็เหงื่อตก เขาตื่นตระหนกทันทีและะโเสียงดัง “บรรพบุรุษ อย่านะ! ถ้าท่านออกมา ท่านจะตกเป็ที่สนใจจากผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ ท่านจะกลายเป็เป้าหมายของพวกเขาแน่นอน!”
“ถุย! เ้าหนูเฒ่าอย่างเ้าจะไปเข้าใจอะไร? สิ่งที่เรียกว่าชีวิตว่างเปล่าพันปีไม่สู้มีแสงส่องเพียงชั่วครู่!”
“ข้าตายไปแล้ว อายุขัยของข้าหมดลงไปแล้ว การที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ขัดต่อกฎแห่ง์ แต่ถ้าปล่อยให้เ้าหนูฉู่ถูกฆ่าตายอย่างไม่ยุติธรรม นั่นคงยกโทษให้ไม่ได้จริงๆ!”
โยวกู่จือกู่ะโ และด้วยความกล้าหาญของผู้แข็งแกร่งในตอนนั้น นั่นทำให้ทั้งฉู่อวิ๋นและหลิงจื้อตกตะลึง
ความจริงแล้ว สาเหตุที่โยวกู่จือยึดยื้อไม่ออกมาก็เพราะที่นี่มีผู้แข็งแกร่งมากมาย หากเขาถูกพบเข้า ผลที่ตามมาจะเป็หายนะ
ท้ายที่สุดแล้ว จิติญญาของผู้ฝึกฝนศักดิ์สิทธิ์เมื่อพันปีที่แล้ว เป็ยาชูกำลังที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักรบทั้งหลาย มันสามารถเพิ่มการฝึกฝนทางิญญาได้สูง เทียบได้กับโอสถศักดิ์สิทธิ์และโอสถวิเศษ
แต่เพื่อช่วยฉู่อวิ๋น ชายชราคนนี้ยอมเสี่ยงชีวิต!
“จิ๊ๆๆ ข้าคิดอยู่แล้วว่าต้องมีอะไรแปลกๆ ตระกูลผู้ฝึกฝนศักดิ์สิทธิ์นี้”
“ผู้เฒ่าเป่ยโหมวตาเฉียบแหลมดีจริงๆ สังเกตเห็นว่าฉู่อวิ๋นถูกปกคลุมไปด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ ทำให้คนมองเห็นการฝึกฝนของเขาได้ยาก ข้าน้อยชื่นชม”
แต่ก่อนที่โยวกู่จืจะปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์ออกมา ร่างหลายร่างก็ะโขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกัน ล้อมรอบไข่มุกะเิไทวะด้วยเจตนาชั่วร้าย ดวงตาโลภและลุกเป็ไฟ
นี่เกินความคาดหมายของโยวกู่จือไปมาก ไข่มุกะเิไทวะสั่นระริก
“ไสหัวไป!”
แต่แล้ว โยวกู่จือก็พูดอย่างเ็า ะเิแสงสีทองอันศักดิ์สิทธ์ออกมา ทำให้หลายคนล้มลงในทันที เกิดเสียง “พลั่ก” ไม่กี่ครั้ง พวกเขาก็ตกลงไปเป็ศพเปื้อนเื ทำให้คนที่เหลือตกตะลึง
“รวยแล้ว! นี่คือร่างิญญาที่บริสุทธิ์ อายุหลายพันปี ยอดสมบัติ!” นักรบที่ชื่อผู้เฒ่าเป่ยโหมวพูดด้วยความตื่นเต้นอย่างยิ่งและเห็นได้ชัดว่าแข็งแกร่งมาก
ทันใดนั้น ก็มีร่างนับไม่ถ้วนลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ปกคลุมดวงอาทิตย์
เหล่านี้ล้วนแต่เป็เ้าสำนัก ผู้นำตระกูล หรือนักพรตมากอำนาจ เมื่อพวกเขาสังเกตเห็นการมีอยู่ของโยวกู่จือ ล้วนพากันตาแดง ้าคว้ามันเทศลูกนี้ไว้
“ไสหัวไปซะ! เ้าพวกโง่เง่าทั้งฝูง ตอนที่ข้าเรียกฟ้าเรียกฝนได้ พวกเ้ายังเล่นนกเล่นไก่อยู่เลย!”
ชั่วครู่หนึ่ง มีแสงวูบวาบกลางอากาศ เป็โยวกู่จือที่กำลังต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งจำนวนนับไม่ถ้วน ในบางครั้ง ก็มีศพร่วงลงมา บ้างก็มีเืไหลหยดย้อย น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง
“บรรพบุรุษ ข้าช่วยท่าน!”
ทันใดนั้น หลิงจื้อก็ดูเคร่งขรึม กลายเป็ก้อนเรืองแสง และเข้าร่วมกลุ่มต่อสู้ ก่อนที่เสียงะเิจะดังขึ้น
วุ่นวาย ที่นี่วุ่นวายไปหมดแล้ว!
“ผู้าุโ! ไม่ต้องสนใจข้า รีบไปสิ!” ในเวลานี้ เมื่อเห็นโยวกู่จือพยายามอย่างหนักเพื่อเขา ฉู่อวิ๋นก็กัดฟันทันที รู้สึกเศร้าโศกจนพูดไม่ออก และส่งเสียงคำราม
เขาไม่คิดว่าปกติแล้วโยวกู่จือจะดูไร้กังวล แต่ในยามนี้ เขากลับก้าวออกมา ทำให้ดวงตาของเขาแดงก่ำ รู้สึกทั้งโกรธทั้งะเืใจ
“เ้าพูดอะไรน่ะ?! ข้า... หนึ่งคนสู้พันคนยังได้!” โยวกู่จือกล่าวด้วยท่าทางภาคภูมิใจอย่างยิ่ง
แต่ภายใต้การห้อมล้อมของผู้แข็งแกร่งจำนวนมาก ไข่มุกะเิไทวะก็มืดลงกว่าเดิม
อีกไม่นาน ไข่มุกก็จะแตก และโยวกู่จือก็จะถูกจับได้ สุดท้ายเขาก็จะถูกนำไปหลอมเป็ยา
“ไปซะ ไปซะสิ!!!”
ฉู่อวิ๋นรับรู้ถึงเื่นี้ และรู้ว่าโยวกู่จือกำลังแสร้งแข็งแกร่ง ซึ่งทำให้เขาตื้นตันมากยิ่งขึ้น
โลหิตกำลังเดือดพล่าน ิญญากำลังสั่นเทา กระบี่กำลังร้องไห้!
ท้องฟ้ายังคงเป็สีฟ้า ส่องแสงเรืองรอง คลื่นอากาศหมุนวน และการต่อสู้ก็ดุเดือดอย่างยิ่ง
“ไปเสีย ไป...”
แต่ฉู่อวิ๋นก็เริ่มหลับตา ไม่กล้าดูการต่อสู้บนท้องฟ้าได้อีกต่อไป ก่อนจะหลั่งน้ำตาออกมา
เพราะเขารู้ดี ตาเฒ่าคนนี้จะไม่จากไป แต่จะทำทุกอย่างเพื่อต่อสู้จนนาทีสุดท้าย
นี่คือความชอบธรรม
“ปัง ปัง ปัง—”
ในเวลานี้ หัวใจของทุกคนในกลุ่มผู้ชมเต้นแรง อารมณ์ของพวกเขาผันผวน แม้ว่าจะถูกการต่อสู้บนท้องฟ้ารบกวน แต่ต่างก็กลับมามีสติอีกครั้งในไม่ช้า
เพราะในขณะเดียวกัน เวทีก็เต็มไปด้วยเื พร้อมด้วยหงส์เปื้อนเืที่กรีดร้องและบินวน
ผนึกหงส์สีเืควบแน่นแล้ว!
“ไม่คิดว่าเ้าจะยังมีเวลามาชมการต่อสู้ ความตายจ่อหัวอยู่รอมร่อยังไม่เจียมตน” ฉู่เจียงอยู่กลางอากาศ ถือก้อนแสงสีเืไว้ในมือ และพูดอย่างเ็า ทำให้ทุกคนเงียบ หวั่นประหม่าอย่างยิ่ง
มาถึงจุดนี้ ฉู่อวิ๋นก็พูดอะไรไม่ออกแล้ว มองดูฉู่ซินเหยาที่อยู่ภายใต้การควบคุม ผู้าุโโยวก็ตกอยู่ในอันตรายและแม้แต่เขาก็ยังป้องกันตัวเองไม่ได้
เขาเงยหน้าขึ้น มองดูก้อนแสงสีเืที่อยู่กลางอากาศ ใหญ่จนบดบังการมองเห็นของเขาไปโดยสิ้นเชิง มันสุกสว่างและน่ากลัว แต่อารมณ์ของเขากลับสงบนิ่ง
ฉู่อวิ๋นนิ่งเงียบ ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ เขายกกระบี่ขึ้นและชี้ขึ้นไปบนฟ้า เพียงแค่ยืนขึ้น พลังของเขายังคงเหมือนเดิม!
“สุนัขจนตรอกเอ๋ย ได้ดับสิ้นภายใต้ผนึกหงส์สีเื นับว่าเ้ามีบุญแล้ว!”
“ตูม—!”
ทันใดนั้น ภายใต้สายตาจดจ่อของทุกคน ฉู่เจียงก็ลงมืออย่างรวดเร็ว!
ด้วยเสียง “ควับ” ก้อนแสงสีเืก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้าและกลายเป็หงส์สีเื ด้วยเสียงกรีดร้องอันแหลมคม มันโฉบลงไปทางฉู่อวิ๋น ทำให้เกิดคลื่นอากาศไปรอบๆ !
ทุกคนกลั้นหายใจ ทำได้เพียงเฝ้าดูอย่างช่วยไม่ได้ ในขณะที่ฉู่อวิ๋นยืนอยู่บนพื้นซากปรักหักพังยังคงต่อต้านผนึกหงส์สีเืที่ปกคลุมท้องฟ้าด้วยร่างเล็กๆ ของเขา
“จบแล้วล่ะ เ้าคนทรยศ” ฉู่เจิ้นหนานยิ้ม
“อัจฉริยะ? ตายไปก็เป็ได้แค่ตอตะโก” เสวี่ยหานเฟยเยาะเย้ย
“น่าเสียดายิญญาศักดิ์สิทธิ์ในตัวเด็กหนุ่มคนนี้” หลายคนคร่ำครวญ
“ฉู่อวิ๋น—!” มู่หรงซินร้องไห้ ฟังดูเศร้าโศกและโหยหวนอย่างยิ่ง ดังไปทั่วจัตุรัส กึกก้องไปทั่วฟ้าดิน
การมองเห็นของนางมืดลง ก่อนจะเป็ลมล้มพับลงไปตรงนั้น
ในขณะนี้ เวลาก็คล้ายหยุดหมุน
ฉู่อวิ๋นดูน่าเกรงขาม เพียงเฝ้ามองการมาถึงของผนึกหงส์สีเืเงียบๆ ชี้กระบี่ขึ้นสู่ท้องฟ้า
เขารู้สึกว่าเนื้อและเืทั้งหมดในร่างกายกำลังละลาย พละกำลังหดหาย แม้แต่พลังปราณก็หมดลง
นี่เป็สถานการณ์ที่สิ้นหวัง
ทว่า ณ เวลานี้!
“อวิ๋นเอ๋อร์—!”