เฟิ่งเฉี่ยนสะอึก แผนการทั้งหมดของนางถูกไทเฮามองออกทุกอย่าง แต่นางไม่ได้ลนลาน นางเพียงแค่้าให้ความจริงปรากฏ ดังนั้นนางไม่ได้ทำอะไรผิด!
ทว่าไทเฮากลับไม่คิดเช่นนี้ สายตาที่นางมองเฟิ่งเฉี่ยนเต็มไปด้วยความเ็า “ฮองเฮาหนอฮองเฮา เพื่อล่อให้ฆาตกรตัวจริงออกมา คืนความบริสุทธิ์ให้ตัวเอง ถึงกับเอาแมวเทพที่นำมารักษาโรคของอายเจียมาเป็เดิมพัน! ในสายตาของอายเจียแล้วนั้น เ้าและองค์หญิงหลานซินใจจืดใจดำ เ้าแผนการไม่ต่างกัน!”
เฟิ่งเฉี่ยนรีบอธิบาย “ไทเฮา พระองค์ทรงเข้าพระทัยผิดแล้วเพคะ! หม่อมฉันจะทำให้แมวเทพตกอยู่ในอันตรายจริงๆ ได้อย่างไร แมวเทพที่พระองค์เห็นว่าถูกพิษตายตัวนี้ที่จริงเป็ตัวปลอม แมวเทพตัวจริงไม่ได้อยู่ที่นี่เพคะ!”
ไทเฮามีสีหน้าผ่อนคลายลง “เช่นนั้นแมวเทพตัวจริงอยู่ที่ใด”
“แมวเทพตัวจริงอยู่ที่...” แววตาเฟิ่งเฉี่ยนไหววูบ “แมวเทพตัวจริงอยู่ที่อื่นเพคะ แต่พระองค์วางพระทัยได้ หม่อมฉันจะนำมันกลับมาให้ได้เพคะ!”
เพื่อความปลอดภัย นางยังคงตัดสินใจเลือกที่จะปิดบังที่มาที่ไปของแมวเทพตัวนี้ต่อไทเฮา ในเมื่อไทเฮาก็นับเป็คนที่ปรารถนาให้นางไปจากวังหลวงเช่นกัน
จะมีใจคิดร้ายต่อผู้อื่นไม่ได้ ทว่าไม่อาจไม่เผื่อใจป้องกันตัวเอง!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในวังหลวงแห่งนี้ นางไม่อาจไม่ป้องกันตัว
ไทเฮามีสีหน้าไม่พอใจนัก นางร้องฮึ “กระทั่งอายเจียเ้าก็ยังต้องป้องกัน ได้ การเดิมพันของพวกเรายังไม่สิ้นสุด เ้ายังมีเวลาอีกสามวัน หากภายในสามวันเ้ายังไม่อาจหาแมวเทพตัวจริงมาได้ เ้าต้องทำตามคำพูดที่เ้าพูดเอาไว้ สละตำแหน่งฮองเฮา ไปจากวังหลวง!”
เฟิ่งเฉี่ยนขมวดคิ้วแน่น “แต่ไทเฮาเพคะ ในเมื่อมีหลักฐานพิสูจน์แล้วว่าองค์หญิงหลานซินได้วางยาพิษแมวเทพสามหางเช่นกัน เช่นนั้นเดิมพันของพวกเราย่อมต้องถือเป็โมฆะ”
ไทเฮาแค่นหัวเราะเสียงเย็น “ผู้ใดบอกว่าเป็โมฆะ องค์หญิงหลานซินยอมรับแล้วหรือว่านางเป็คนวางยาพิษแมวเทพสามหาง นางยอมรับว่านางวางยาพิษแมวเทพสองหางเท่านั้น แต่มิได้ยอมรับว่านางวางยาพิษแมวเทพสามหางกระมัง”
เฟิ่งเฉี่ยนขมวดคิ้ว “แต่พิษที่ทำร้ายแมวเทพจนตายล้วนเป็เถาวัลย์เก้าหัว พิษชนิดนี้มีเพียงแคว้นหนานเยียนที่มี!”
ไทเฮากลับส่ายหน้ายืนกราน “ยาพิษเป็ของตาย หลานซินมีได้ เ้าและคนของเ้าก็มีได้เช่นกัน! ลำพังแค่จุดนี้ไม่อาจพิสูจน์อะไรได้! อีกประการหนึ่ง ตอนที่แมวเทพสามหางถูกยาพิษตาย หลานซินอยู่กับอายเจียตลอดเวลา อายเจียเป็พยานได้ นางไม่ได้วางยาพิษแมวเทพ”
เฟิ่งเฉี่ยนตาค้าง ในที่สุดนางก็เข้าใจแล้วว่าอะไรเรียกว่า ลืมตาพูดปด
“อย่างไรก็ตาม เ้ายังมีเวลาอีกสามวัน สามวันให้หลัง หากอายเจียยังไม่เห็นแมวเทพสามหาง เ้าต้องไปจากที่นี่ทันที!” พูดจบไทเฮาก็หมุนกายเดินออกไปจากตำหนักบรรทมอย่างรวดเร็ว
เฟิ่งเฉี่ยนนวดคลึงขมับของตน นางรู้สึกปวดศีรษะหน่วงๆ เดิมทีคิดว่าจับฆาตกรตัวจริงได้ก็จะทำให้การเดิมพันเป็โมฆะ คิดไม่ถึงว่าไทเฮาจะเป็คนไร้เหตุผลเช่นนี้ นางตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะขับนางออกไปจากวังหลวง
ตอนนี้นางไม่มีทางเลือกอื่นอีก มีเพียงการตามหาแมวเทพตัวจริงให้พบภายในเวลาสามวัน!
ขณะที่กำลังใจลอย พลันรู้สึกได้ว่ามีคนเข้ามาใกล้ เฟิ่งเฉี่ยนหันขวั่บ หางตาปะทะเข้ากับร่างสีเหลืองขมิ้น!
“เซวียนหยวนเช่อ?”
เซวียนหยวนเช่อเดินเข้าไปหากรงที่วางอยู่บนโต๊ะ มองปราดเดียวก็เห็นแมวที่ตายอยู่ข้างใน เขาพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย “อย่างไร แผนการไม่ราบรื่นหรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนตอบอย่างท้อใจ “รู้แล้วยังจะถามอีก!”
เซวียนหยวนเช่อหันไปมองนาง สายตานั้นมองบนร่างนางอย่างพินิจพิจารณา น้ำเสียงนั้นทุ้มต่ำลงอีก “เหตุใดเ้าจึงไม่ขอร้องเจิ้น ขอเพียงเ้าขอร้องเจิ้น คำพูดของเจิ้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้เ้ารั้งอยู่ที่นี่ต่อไปได้!”
แววตาของเขานิ่งลึกประหนึ่งมหาสมุทร ราวกับกำลังจะดึงดูดคนเข้าไป
เฟิ่งเฉี่ยนถูกสายตาของเขาจับจ้องจนต้องละเลื่อนสายตาไปทางอื่น “ไม่ต้อง ข้าจะรั้งอยู่ที่นี่ต่อไปด้วยความสามารถของตนเอง!”
มิใช่นางไม่อาจเอ่ยปากขอร้องเขา เหมือนเช่นการวางแผนล่อให้องค์หญิงหลานซินมาติดกับ แต่นางก็ได้ขอความช่วยเหลือจากเขาแล้ว!
นางแยกแยะทุกอย่างได้ชัดเจน เื่บางเื่เอ่ยปากขอร้องได้ แต่เื่บางเื่กลับทำไม่ได้!
เพราะทันทีที่นางเอ่ยปากขอร้องเซวียนหยวนเพื่อให้นางได้รั้งอยู่ต่อ ไม่เพียงแต่คู่ต่อสู้ของนางจะดูแคลนนาง กระทั่งเซวียนหยวนเช่อก็จะดูแคลนนางเช่นกัน และตัวนางเองยิ่งยากที่จะก้าวข้ามด่านจิตใจของตนเอง!
สายตาของเซวียนหยวนเช่อนิ่งลึกยิ่งกว่าเดิม เขาเดินเข้ามาหานางก้าวหนึ่ง “พึ่งพาอาศัยเจิ้น ทำให้เ้าหวาดกลัวถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
หัวใจของนางสะท้านน้อยๆ เท้าก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่งโดยไม่รู้ตัว นางหลบตา มองซ้ายขวาแล้วพูดกับเขาว่า “ดึกเช่นนี้แล้ว ท่าน...เหตุใดท่านยังมาอีก”
เซวียนหยวนเช่อมองนางตรงๆ เลิกคิ้วพูดว่า “เ้าลืมไปแล้ว คืนนี้พวกเรายังไม่ได้ทำเื่สำคัญเื่หนึ่ง”
ในสมองของเฟิ่งเฉี่ยนปรากฎคำว่า “ถวายงาน” ขึ้นมาทันที เท้าทั้งคู่ถอยไปด้านหลังติดๆ กัน นางหัวเราะแห้งๆ “ฝ่าาล้อเล่นแล้ว นั่นเป็เพียงส่วนหนึ่งของแผนการ ย่อมไม่อาจถือเป็จริงเป็จังได้!”
เซวียนหยวนเช่อก้าวเข้ามาบีบคั้นทีละก้าว “เ้าคิดว่าป้ายของเจิ้นจะให้ใครก็ได้เช่นนั้นหรือ ไม่เคยได้ยินประโยคนี้หรือ คำพูดเสมือนทองคำ!”
เฟิ่งเฉี่ยนรีบล้วงป้ายไม้สีแดงออกจากอกเสื้อ ราวกับกำลังยื่นเผือกร้อนให้กับเขา “คืนให้ท่าน ข้าไม่เอาแล้ว!”
เซวียนหยวนไม่แม้แต่จะแยแส เขาเดินเข้ามาข้างหน้าอีก “สิ่งของที่ส่งมอบออกไปแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะเก็บกลับมา เ้าคิดว่าสิ่งของของเจิ้น คิดจะรับก็รับ คิดจะคืนก็คืนเช่นนั้นหรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนร้อนใจจะแย่แล้ว ป้ายนี้รับแล้วคืนไม่ได้หรือ
นางก้าวถอยหลังอีก “ข้า วันนี้ข้าไม่สะดวก!”
เซวียนหยวนเช่อเลิกคิ้ว “เจิ้นให้คนตรวจสอบดูแล้ว วันนี้เ้าไม่มีอะไรไม่สะดวก!”
เฟิ่งเฉี่ยนหน้าแดง นางลอบก่นด่าเขาอยู่ในใจ เ้าคนโรคจิตเอ๊ย กระทั่งเื่นี้ก็ยังตรวจสอบ
เซวียนหยวนเช่อลอบหัวเราะในใจ เขาแทบไม่ต้องตรวจสอบอะไรเลย แค่อ่านสีหน้าท่าทางของนางเขาก็คาดเดาได้แล้ว
เฟิ่งเฉี่ยนพยายามเค้นหัวสมองหาข้ออ้าง “ข้า ข้านอนดิ้นมากเลย เกรงว่าจะทำร้ายท่านน่ะสิ!”
เห็นท่าทางตื่นตระหนกและขัดเขินของนางแล้ว เขาอารมณ์ดียิ่งจึงเดินเข้าไปอีกก้าวหนึ่ง “เจิ้นนอนนิ่งมาก กอดเ้าเอาไว้ได้!”
เฟิ่งเฉี่ยนหน้าแดงแปร๊ดทันที คนผู้นี้คิดจะทำอะไรกันแน่ เหตุใดจึงเอาแต่พูดจาให้คนคิดไปในทางเหลวไหลได้
“ข้ายังมีทางเลือกอื่นอีกหรือไม่”
นางก้าวถอยหลังไปอีกหนึ่งก้าว แผ่นหลังชนกับกำแพง ความเย็นเยียบนั้นแผ่กำจายไปทั่วแผ่นหลังส่งให้นางสั่นสะท้านไปทั้งร่าง!
มือขวาของเซวียนหยวนเช่อค้ำบนกำแพงข้างหูขวาของนาง แนบชิดร่างของนาง เขาพูดเรียบๆ “ตามกฎมณเฑียรบาล สนมชายาที่ถูกพลิกป้ายแล้วไม่อาจถวายงานได้ จะต้องรับโทษโบย เพื่อเป็การแสดงถึงอำนาจและความศักดิ์สิทธิ์ของบรรพกษัตริย์! เ้าว่า เ้า้ารับโทษโบย หรือ...ถวายงาน”
ลมหายใจร้อนผ่าวรินรดข้างแก้มของนาง เพียงแค่นางช้อนตาขึ้นมาก็สามารถนับขนตาของเขาได้อย่างชัดเจน ระยะใกล้ชิดเช่นนี้ หัวใจของนางเต้นเป็กลองเพล นางไม่อาจใช้ความคิดเช่นยามปกติได้เลย!
“ท่าน...ท่านอยู่ห่างข้าหน่อยได้หรือไม่”
นางยื่นมือออกมาหมายจะผลักเขาออกไป ทว่าที่ััได้คือกล้ามเนื้อตึงแน่นของเขา นางรีบดึงมือกลับ แนบร่างติดไปกับกำแพง เคลื่อนตัวไปทางด้านขวา
ทันใดนั้น มือซ้ายของเซวียนหยวนเช่อก็พลันวางลงข้างหูซ้ายของนาง บีบให้นางเคลื่อนตัวไม่ได้ “ฮองเฮา เ้ายังไม่ได้ตอบเจิ้น ตกลงว่าจะรับโทษโบย หรือถวายงาน”
เฟิ่งเฉี่ยนหัวเราะแห้งๆ “ข้าไม่เลือกทั้งสองอย่างได้หรือไม่”
ท่ามกลางสายตาจับจ้องของเซวียนหยวนเช่อ ร่างของนางเล็กกว่าเขาเท่าหนึ่ง นางคิดจะลอดรักแร้ของเขาแล้ววิ่งหนี เซวียนหยวนเช่อตาไวมือไว คว้าแขนของนางได้ทันแล้วลากนางกลับมา!
แผ่นหลังของนางกระแทกเข้ากับหน้าอกของเขาอย่างจัง ร่างของเฟิ่งเฉี่ยนแข็งเกร็ง ลมหายใจก็พลอยรัวเร็วไปด้วย “เซวียนหยวนเช่อ ท่านอย่าทำอะไรส่งเดชนะ! ต่อให้ท่านใช้แผนชายงามกับข้า! ข้าก็ไม่มีวันยอม!”