แน่นอนว่านี่เป็คำพูดที่ท่านพ่อเคยเอ่ย
หวนนึกถึงตอนที่ฮ่องเต้ิเข่นฆ่าพี่น้องของตนเองเพื่อก้าวขึ้นเป็ฮ่องเต้อีกทั้งยังพรากชายาของพวกเขาเ่าั้ไป
แม้แต่ท่านพ่อยังเอ่ยว่า หากหนึ่งร้อยปีก่อนฮ่องเต้ิถือกำเนิดขึ้นเกรงว่าความสัมพันธ์ระหว่างต้าจิ้นและซีฟานคงไม่เป็เช่นนี้
“พ่อของเ้าเปรียบเสมือนวีรบุรุษบนพื้นดินหากมิใช่เพราะพวกเราอยู่กันคนละผืนแผ่นดินข้าคิดว่าข้ากับพ่อของเ้าจะต้องเป็เพื่อนที่ดีต่อกันอย่างแน่นอน”
กำลังทางการทหารของซีฟานด้อยกว่าต้าจิ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
แม้หลายปีที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายจะห้ำหั่นกันไม่หยุดหย่อนทว่าต้าจิ้นกลับได้รับชัยชนะมากกว่าความพ่ายแพ้
ทว่าหลินมู่จือเกรงกลัวฮ่องเต้ิมากแม้ทั้งสองประเทศจะเป็พันธมิตรกัน ทว่าซีฟานกลับมิได้มีความซื่อสัตย์ดั่งปากว่า
ทว่าใบหน้าของหลินเมิ้งหยากลับไม่เผยความรู้สึกใดๆ ออกมาให้เห็น
รอยยิ้มอ่อนหวานปรากฏบนใบหน้ากอปรกับแก้มนวลงามทำให้นางยิ่งดูน่ารัก
“ท่านพ่อของหม่อมฉันเองก็เคยเอ่ยเช่นนี้ท่านพ่อรู้สึกเคารพนับถือพระองค์เป็อย่างมาก”
หลังจากสนทนาทักทายกันพอประมาณแล้วฮ่องเต้ิเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา สายตาจ้องมองแววตาเปล่งประกายของหลินเมิ้งหยา
“เ้าเด็กคนนี้คุยสนุกยิ่งนักเช่นนั้นข้าที่มีศักดิ์เป็อาขอถามเ้าหน่อยว่าตกลงเ้าเป็คนฆ่าหูลู่หนานใช่หรือไม่?”
กฎของซีฟาน เืต้องชดใช้ด้วยเืเท่านั้น
หูลู่หนานลงมือก่อน หลินเมิ้งหยาโจมตีกลับ
ในเมื่อกลายเป็เช่นนี้ไปแล้ว แสดงว่าฝีมือของเขายังไม่ดีพอ
แต่การฆ่าคนตายเป็อีกเื่หนึ่ง
หลินเมิ้งหยาลุกขึ้นจากที่นั่ง สบตาฮ่องเต้ิ สีหน้าแววตาสงสัย
“หม่อมฉันยอมรับ หูลู่หนานถูกหม่อมฉันทำร้ายจนได้รับาเ็แต่หม่อมฉันหาใช่คนฆ่าเขาไม่ หากหม่อมฉัน้าฆ่าใครสักคน หม่อมฉันไม่มีทางปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน”
ในสถานการณ์เช่นนี้ การพูดความจริงคือสิ่งที่ดีที่สุด
ท่าทางของหลินเมิ้งหยาทำให้ฮ่องเต้ินึกชื่นชม
เขาครุ่นคิด ก่อนจะเอ่ย
“หากเ้ามิได้ฆ่า เช่นนั้นก็คุยกันง่ายขึ้น พูดมาสิตกลงเ้ามาที่นี่ในวันนี้เพื่ออะไรกันแน่?”
ทั้งสองพูดตอบโต้อย่างตรงไปตรงมา
หลินเมิ้งหยาคลี่ยิ้มแต่กลับมิได้เอ่ยวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของตนเอง
“หม่อมฉันอยากรู้ว่าไท่จื่อนำอะไรมาแลก ท่านถึงยอมช่วยเหลือเขาขนาดนี้”
คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้ฮ่องเต้ิผงะ
แววตาเปล่งประกายเล็กน้อย ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็ระมัดระวัง
“ความหมายของเ้าคือ...”
“ฮ่องเต้เพคะ พวกเราอย่าได้พูดจาอ้อมค้อมกันเลยหูลู่หนานหาใช่ลูกในไส้ของพระองค์ไม่ดังนั้นพระองค์จึงมิได้ใส่ใจกับความตายของเขาเลยแม้แต่น้อย...มิใช่หรือเพคะ?”
คำพูดของหลินเมิ้งหยายิ่งทำให้สีหน้าของฮ่องเต้ิเผยให้เห็นถึงความประหลาดใจ
น้อยคนนักจะรู้เื่นี้ เหตุใดเด็กคนนี้จึงรู้ได้?
“ฮ่องเต้อย่าได้ประหลาดใจไปเลย คำพังเพยกล่าวไว้อย่างถูกต้องัคลอดลูกั นกคลอดลูกนกลูกชายของท่านจะเป็คนต่ำช้าไร้ยางอายเช่นนั้นได้อย่างไร?”
อันที่จริงหลินเมิ้งหยาวิเคราะห์จากลักษณะทางพันธุกรรมไม่ว่าจะมองอย่างไร หูลู่หนานก็ไม่เหมือนฮ่องเต้ิเลยแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้นทั้งฮ่องเต้ิหรือหูเทียนเป่ยล้วนมิได้ใส่ใจหูลู่หนาน
จะมีพ่อแท้ๆ ที่ไหนทำเช่นนี้กันเล่า?
อีกอย่าง หลินเมิ้งหยายังสังเกตเห็นอีกว่านับั้แ่วันที่เกิดเื่จนกระทั่งตอนนี้ ไม่ว่าฮ่องเต้ิหรือหูลู่หนานไม่มีใครแสดงท่าทีเสียใจเลยแม้แต่น้อย
“ฮ่าฮ่า เ้านี่ช่างกล้าพูดกล้าเจรจาเสียจริง ถูกต้องลู่หนานไม่ใช่ลูกของข้า แต่เป็ลูกชายของพี่ใหญ่ที่ตายไปแล้วของข้า”
ลูกชายของพี่ใหญ่ถูกเขาฆ่าตายอย่างลับๆ หมดแล้ว
มีเพียงเด็กคนนี้ เหตุเพราะยังอยู่ในท้องของมารดาดังนั้นจึงเล็ดลอดออกมาได้
ทว่าตอนนี้เขากลายเป็ศพไปแล้ว น่าขำ แม้แต่ตอนตายเขาก็ยังคิดว่าตนเองจะสามารถซีฟานได้
“อันที่จริง แม้หม่อมฉันจะไม่พูดแต่ฮ่องเต้ิเองก็คงจะรู้ดีว่าไท่จื่อหาใช่คนที่จะฝากความหวังเอาไว้ได้เขาเป็เพียงคนกลับกลอก หาความเชื่อถือมิได้แต่เพียงเท่านั้น”
ไท่จื่อมีชื่อเสียงด้านลบเสียเป็ส่วนใหญ่ส่วนฮ่องเต้ิเองก็ใจดำอำมหิต เมื่อลองครุ่นคิดดูแล้วไท่จื่อมิใช่คนที่ควรจะร่วมมือทำการใหญ่ด้วยได้
“คุณหนูสกุลหลินฉลาดเฉลียวยิ่งนัก”
รอยยิ้มผุดขึ้นมาบนหน้าของฮ่องเต้ิ สายตามองทางนางอย่างชื่นชม
เมื่อเทียบกับไท่จื่อแล้วหญิงสาวตรงหน้าเหมาะที่จะร่วมมือด้วยกว่ามาก
แต่ต้องดูว่านางจะยังมีข้อต่อรองที่มากกว่านี้อีกหรือไม่
“ฮ่องเต้ิเอ่ยชมเกินไปแล้วหม่อมฉันเพียงแค่ทำตามคำสั่งของท่านอ๋องอวี้ต่อให้ข้อเสนอของไท่จื่อจะดีมากสักเพียงไหนแต่เขาไม่มีทางปล่อยเจียงซานไปอย่างแน่นอน ดังนั้นหากฮ่องเต้ิ้ายื่นข้อเสนอพวกเราเหมาะที่จะเป็ตัวเลือกของพระองค์มากกว่า”
คำพูดของหลินเมิ้งหยาทำให้หัวใจของฮ่องเต้ิกระตุกเล็กน้อย
เปลี่ยนพันธมิตรมิใช่เื่ใหญ่สำหรับเขาหากใครสามารถให้ผลประโยชน์แก่เขามากกว่า เขาก็พร้อมจะเลือกคนนั้น
“สิ่งที่เ้าพูดออกมานั่นก็ถูกแต่ข้า้าเวลาพิจารณาเื่นี้ก่อนสักเล็กน้อย”
หลินเมิ้งหยาเดาเอาไว้แล้วว่าจะต้องเป็เช่นนี้ดังนั้นจึงทำเพียงยิ้ม นางไม่คิดบีบบังคับเขาให้ตัดสินใจั้แ่ตอนนี้
“เื่นี้คงต้องใช้เวลาคิดอีกสักพักแต่หม่อมฉันยังมีอีกเื่้าจะถามฮ่องเต้ิ”
หลินเมิ้งหยาสวมใส่เสื้อคลุมสีดำ เตรียมตัวกลับ
“เื่ของลู่หนาน ขอเพียงพวกเ้าหาคำอธิบายให้ข้าได้ข้าจะไม่ตามเอาเื่อีกต่อไป”
อันที่จริงไท่จื่อต่างหากที่ออกคำสั่งเพราะ้านำคนผิดมาลงโทษและหาคำอธิบายให้กับฮ่องเต้ิ
“เพคะ หม่อมฉันเข้าใจแล้ว”
ตอนนี้เื่ทุกอย่างกระจ่างแล้วหูลู่หนานเป็เพียงตัวต่อรองเท่านั้น ฮ่องเต้ิ้าใช้ความตายของเขาเพื่อให้ได้รับผลประโยชน์มา
ออกจากกระโจมของฮ่องเต้ิหลินเมิ้งหยามิรู้สึกประหลาดใจเลยแม้แต่น้อยที่ได้เห็นหลงเทียนอวี้
ร่างสูงโปร่ง สวมใส่ชุดสีดำ สายลมพัดชายเสื้อของเขาให้พลิ้วไหว
ท่ามกลางท้องฟ้าอันมืดมิดใบหน้าหล่อเหลาของเขาเผยให้เห็นความเ็า
เกรงว่าบนโลกใบนี้คงไม่มีหญิงสาวคนใดสามารถต้านทานเสน่ห์ของเขาได้
หลินเมิ้งหยาสวมหมวก เดินเข้าไปหาหลงเทียนอวี้
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะมีร่างหนึ่งชิงตัดหน้านาง
เกรงว่านี่จะเป็ฉากอันน่าเศร้าในสายตาของคนนอก
องค์หญิงิเยว่สวมใส่ชุดสีขาวบริสุทธิ์เส้นผมสีดำถูกเกล้าเป็มวยอย่างเรียบง่าย อีกทั้งยังมีเพียงดอกไม้สีขาวประดับไว้เท่านั้น
สายตาอ่อนโยนดั่งสายน้ำ ใบหน้านวลลอองดงามจนคนมองใจละลาย
อยู่ๆ หลินเมิ้งหยาก็หยุดเดิน แล้วยืนอยู่ทางด้านหลังทั้งสอง
“ดึกขนาดนี้แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าท่านอ๋องจะยังไม่นอน”
เสียงหวานใสดึงดูดความสนใจในยามวิกาล
หลงเทียนอวี้ชักสายตากลับมา แต่มิได้มองทางร่างบางตรงหน้า
“อือ”
หลงเทียนอวี้ไร้ซึ่งความลังเล สาวเท้ายาวๆเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าหลินเมิ้งหยา
“คุยเสร็จหรือยัง?”
น้ำเสียงอบอุ่นอ่อนโยนไม่เหมือนเขาในเวลาปกติ ก่อนยื่นมือเข้าไปจับผ้าคลุมของหลินเมิ้งหยาให้กระชับมากขึ้น
“คุยเสร็จแล้วเพคะ พวกเรากลับกันเถิด”
สีหน้าขององค์หญิงิเยว่เปลี่ยนไปในทันทีแต่สุดท้ายกลับฝืนยิ้มออกมา
“ที่แท้พระชายาอวี้ก็อยู่ที่นี่ ิเยว่เสียมารยาทแล้ว”
อันที่จริง ิเยว่รู้ถึงการมาของทั้งสองั้แ่ต้น
แต่ที่ออกมาปรากฏตัวในตอนนี้ก็เพราะหลงเทียนอวี้อยู่ในกระโจมของหูเทียนเป่ย
นานกว่าจะแต่งหน้าแต่งตัวเสร็จขณะที่คิดจะแสดงความงามให้หลงเทียนอวี้ได้ชื่นชมแต่คิดไม่ถึงเลยว่าสายตาของเขาจะตกลงบนร่างของหลินเมิ้งหยา
“ไม่เป็ไรเพคะ หม่อมฉันหาใช่คนขี้น้อยใจไม่เพียงแค่...หากสิ่งไหนมิใช่ของตัวเองแล้วคิดจะแย่งไป ก็คงมิใช่เื่ดีสักเท่าไร”
ประโยคนี้เอ่ยออกมาให้ิเยว่ได้ฟัง
ต่อให้หลงเทียนอวี้จะน่าหลงใหล แต่ก็ใช่ว่าใครจะมาอยู่แนบชิดเขาได้
ใบหน้าเรียวเล็กของิเยว่เริ่มไม่น่ามอง ขอบตาเปียกรื้นจ้องมองดวงตาของหลงเทียนอวี้
แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หลงเทียนอวี้ไม่เพียงไม่โกรธแต่เขายังเมินสายตานางแล้วเดินจากไป
ท่านพี่เคยบอกว่าแม้ชายาอวี้จะงดงาม แต่กลับแข็งกระด้างมิใช่หรือ
ขอเพียงนางแสร้งแสดงท่าทางอ่อนโยนนางจะสามารถหัวใจของหลงเทียนอวี้ได้มิใช่หรือไร?
แต่เพราะเหตุใด แม้แต่สายตาของเขายังไม่หันมาเหลียวแลตนเอง?
มองดูร่างของทั้งคู่หายเข้าไปในความมืด ิเยว่ยืนอยู่กับที่หัวใจไม่อาจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้
“อย่าฝันไปเลย เขาหาใช่คนที่เ้าจะสามารถเข้าไปยุ่งวุ่นวายด้วยได้”
เสียงสบายๆ ดังขึ้น หูเทียนเป่ยเดินออกมาจากกระโจมของตนเอง
มองดูน้องสาวของตนเองที่แสดงท่าทีไม่พึงพอใจ อยู่ๆ ก็นึกเสียดาย
ใบหน้าของิเยว่งดงามราวนางฟ้าไม่มีผู้ใดในซีฟานเหมาะสมที่จะเคียงคู่นาง
แต่น่าเสียดายข้างกายของหลงเทียนอวี้มีหลินเมิ้งหยาที่สามารถสะกดความงามของิเยว่เอาไว้ได้แล้ว
“ท่านพี่ ข้าไม่ยอมหรอก! ข้าไม่ยอม!”
เมื่ออยู่ต่อหน้าหูเทียนเป่ยิเยว่เป็เพียงเด็กสาวเอาแต่ใจเท่านั้น
กระทืบเท้าเร่าๆ กระชากแขนเสื้อของหูเทียนเป่ยจนสั่นไหวไม่หยุดนางเหมือนเด็กที่กำลังร้องขอพุทราจากเขาอย่างไรอย่างนั้น
“เ้าไม่ยอม เช่นนั้นก็ไปแย่งเอาเองเถิดแต่ข้าขอเตือนเ้าเอาไว้ก่อน อย่าได้เข้าไปวุ่นวายกับหลินเมิ้งหยามิเช่นนั้นชีวิตน้อยๆ ของเ้าคงจบสิ้น”
เชื้อพระวงศ์ของซีฟานแตกต่างจากต้าจิ้นมาก แต่ถึงกระนั้นฉากหน้าก็ยังมีความอบอุ่นมอบให้อยู่
ท่ามกลางบรรยากาศอันแสนโหดร้าย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อประชาชนเด็กที่เกิดในราชวงศ์จะต้องถูกวางไว้ด้านนอกเป็เวลาหนึ่งคืนหลังจากเกิด
หากยังสามารถมีชีวิตต่อไปได้ นั่นเท่ากับว่าพวกเขามีคุณสมบัติมากพอที่จะมีชีวิตอยู่
แต่ถ้าหากโชคไม่ดีตายไปหรือถูกหมาจิ้งจอกกินเช่นนั้นก็คงต้องแล้วแต่เวรแต่กรรม
“ชีวิตน้อยๆ? ท่านคิดว่าข้าเหมือนเ้าคนไร้ประโยชน์หูลู่หนานคนนั้นหรือ?”
นางเยาะเย้ยหูลู่หนาน เ้าเศษสวะนั่นชอบมาวอแวกับนางั้แ่สามปีก่อน
หากมิใช่เพราะคราวซวยของเขามาถึงจึงถูกคนฆ่าตายเช่นนั้นนางอาจจะเป็ผู้ลงมือเองก็เป็ได้
“ลู่หนานอาจตายเพราะโชคไม่ดี แต่ถึงอย่างไรคนผิดก็ต้องได้รับโทษ”
ดวงตาเปล่งประกายของหูเทียนเป่ยจ้องมองฮ่องเต้ิแววตาเคร่งขรึมทำให้ิเยว่รู้สึกผิดเล็กน้อย
“ท่านกำลังพูดเื่อะไร ข้าดูเหมือนคนไม่มีสมองอย่างนั้นหรือ?”
ิเยว่หมุนตัวเดินจากไปด้วยจิตใจที่ยากแท้หยั่งถึง
หูเทียนเป่ยถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ย
“อย่าคิดว่าไท่จื่อจะเป็ที่พึ่งของเ้าได้”
